Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1480

ตอนที่ 1480

ท้าทายทุกสำนัก

ขณะที่เมิ่งฮ่าวและเยียนเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงด้านบนของสวรรค์ชั้นที่สิบ ก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม เสียงอันอ่อนโยนของเมิ่งฮ่าวที่กล่าวขึ้นมา ผ่านเข้าไปในหูของเยียนเอ๋อร์ หลอมรวมเข้าไปในจิตใจนาง และจะคงอยู่ที่นั่นไปตราบชั่วนิรันดร์

ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด เยียนเอ๋อร์ก็จะคิดย้อนกลับมาในตอนนี้ จดจำไปถึงช่วงเวลาที่ยืนอยู่ข้างกายอาจารย์ และคิดไปถึงคำพูดที่เขาเคยกล่าวกับนาง

สิ่งที่ผู้ฝึกตนฝึกฝน ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นจิตใจ

ขณะที่นางมองออกไป ก็เห็นแผ่นฟ้ายืดยาวออกไปปกคลุมผืนดิน มองเห็นสวรรค์และปฐพีเชื่อมต่อกัน และมองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วน ทั้งหมดนั้นถูกประทับแน่นอยู่ในจิตใจนาง

นอกจากคำพูดที่เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาตรงด้านบนของสวรรค์ชั้นที่สิบแล้ว เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงอยู่ก็คือสายลมที่กำลังโชยพัดมาอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าทั่วทั้งโลกแห่งนี้เคลื่อนที่ช้าลงไป และคนทั้งสองก็มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่คงอยู่ อาจารย์และศิษย์…

ตราบชั่วนิรันดร์…

ในที่สุดเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจของศิษย์ตี้จิ่วจงก็ดังก้องขึ้นมาจากด้านล่าง ทำให้โลกแห่งนี้สั่นสะเทือนไปทั่ว และศิษย์ตี้ปาจง…ก็มีใบหน้าซีดขาวราวคนตาย

สำหรับผู้ถูกเลือกที่มาจากสำนักอื่นๆ พวกมันต่างก็ได้ยินเสียงหัวใจกำลังเต้นรัวอยู่ในหน้าอกของตนเอง

“มัน…มันบอกว่าจะไปเยือนชางหมางไถของทุกสำนัก?” พวกมันสบตากันไปมา ด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ

“บัดซบ ใครบอกว่าฟางมู่ได้รับบาดเจ็บ? มัน…มันไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย! มันแค่นำศิษย์มาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เท่านั้น!”

ตี้ปาจงไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องกล้ำกลืนความขมขื่นลงไปเท่านั้น เสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจของตี้จิ่วจงดังก้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคนทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนเป็นตะโกนว่า “พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!”

จากนั้นค่ายกลเวทก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และพลังแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเบิกบานขึ้น ขณะที่หัวเราะหึๆ และกล่าวว่า “ไปกันเถอะ พวกเราจะไปยังตี้ชีจง (สำนักที่เจ็ด) ด้วยกัน!”

เยียนเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้าอย่างอ่อนโยน เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และคนทั้งสองก็นำผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนตรงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกลขนาดใหญ่

ศิษย์ตี้จิ่วจงบินขึ้นไปในท้องฟ้า ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น กลุ่มคนจากตี้ปาจงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่นและอารมณ์อันซับซ้อน ขณะที่มองดูตี้จิ่วจงหายลับตาไป

ถึงแม้ว่าตี้จิ่วจงจะจากไปแล้วในตอนนี้ แต่พวกมันก็ทิ้งเป็นตำนานไว้อยู่ทางเบื้องหลัง เป็นตำนานที่ทำให้ศิษย์ตี้ปาจงแทบไม่อาจจะหายใจออกมาได้ ผู้ถูกเลือกของพวกมันกำลังหอบหายใจออกมา บนชางหมางไถของพวกมัน สามารถจะมองเห็นนามฟางมู่ได้อย่างชัดเจน พวกมันสามารถจะคาดคิดได้ว่า ในวันข้างหน้าจะมีกลุ่มคนพยายามจะเอาอันดับหนึ่งนี้คืนมา แต่คงจะล้มเหลวอย่างแน่นอน

นามนี้จะคงอยู่ในตี้ปาจงไปตลอดกาล…

นี่คือของขวัญที่เมิ่งฮ่าวกำลังมอบให้กับเยียนเอ๋อร์ และเป็นการตอบรับต่อการท้าทายมาตลอดทั้งสิบปีจากสำนักอื่นๆ ด้วยเช่นกัน…ถ้าเจ้ามาท้าทายชางหมางไถของตี้จิ่วจง ข้าก็จะไปยัง…สำนักเจ้าและแย่งชิงอันดับหนึ่งมาจากพวกเจ้า!

ข้าจะตอบโต้กลับไปด้วยความรุนแรง ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ!

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเหนือทวีปที่เจ็ด ภายในตี้ชีจง ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลปรากฏขึ้น ศิษย์นับไม่ถ้วนจากตี้จิ่วจงพุ่งลงมา เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องขึ้นอีกครั้ง

“ข้าคือฟางมู่แห่งตี้จิ่วจง มาท้าทายชางหมางไถของพวกเจ้า!” เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงระฆังที่กำลังดังก้องกังวาน ซึ่งยังไม่ได้จางหายไป จากนั้นก็นำเยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังฮึกเหิมเดินขึ้นไปยังชางหมางไถของตี้ชีจง

ศิษย์และผู้ถูกเลือกแห่งตี้ชีจงสั่นสะท้านขึ้นมา ขณะที่เสียงระฆังเริ่มดังก้องขึ้นมากกว่าเดิม จากขั้นบันไดแรกไปจนถึงขั้นที่หนึ่งแสน จากสวรรค์ชั้นแรกไปจนถึงสวรรค์ชั้นที่สิบ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเช่นเคย สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ศิษย์ตี้ชีจงมองไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เวลาเดียวกันนั้นเยียนเอ๋อร์ก็ได้รับโชควาสนาอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ นางตกอยู่ในขั้นตอนการชำระล้างโดยสิ้นเชิง และพื้นฐานฝึกตนก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

อีกครั้งที่นางสามารถมองออกไปยังสวรรค์และปฐพี และขณะที่ทำเช่นนั้น เสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกมาจากภายในร่าง ดังออกมาจากพื้นฐานฝึกตนที่ระเบิดเป็นความก้าวหน้าขึ้นไป เนื่องจากการชำระล้างและโชควาสนาอื่นๆ ทำให้ความก้าวหน้าของนางพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างไร้ขอบเขต

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติการณ์ของชางหมางพ่ายอย่างไม่มีทางจะลบเลือนไปได้ และยังได้มหัศจรรย์มากกว่าตอนที่เมิ่งฮ่าวเรียกสวรรค์ชั้นที่สิบให้ตกลงมาในตี้จิ่วจงอีกด้วย

วันนี้เมิ่งฮ่าวกำลังกระทำในสิ่งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของชางหมางพ่าย เขาบรรลุถึง…จุดสูงสุดของชางหมางไถในสำนักอื่นๆ ทั้งหมด ได้อันดับหนึ่งและเรียกสวรรค์ชั้นที่สิบให้ตกลงมา!

และเขาก็ไม่ได้กระทำเพียงลำพังเท่านั้น เขาได้นำศิษย์ของตนเองมาด้วย

ในวันนั้น ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็เริ่มรู้จักเยียนเอ๋อร์ และศิษย์มากมายต่างก็รู้สึกอิจฉานางเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็สามารถทำได้แค่อิจฉานางเท่านั้น เมิ่งฮ่าวพานางจากตี้ชีจง (สำนักที่เจ็ด) ไปยังตี้ลิ่วจง (สำนักที่หก) หลังจากที่เรียกสวรรค์ชั้นที่สิบลงมา เขาก็ไปยังตี้อู่จง (สำนักที่ห้า), ตี้ซื่อจง (สำนักที่สี่), ตี้ซานจง (สำนักที่สาม), ตี้เอ้อร์จง (สำนักที่สอง)…

เขาไม่ได้ชักช้าหรือว่ารีรอแม้แต่น้อย เรียกสวรรค์ชั้นที่สิบลงมายังชางหมางไถแห่งแล้วแห่งเล่า เนื่องจากโชควาสนาที่นางได้รับมานี้ ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเยียนเอ๋อร์เริ่มไร้ขอบเขต, มีความลึกล้ำมากยิ่งขึ้น และจริงๆ แล้วก็สูงเกินกว่าผู้ถูกเลือกเหล่านั้นด้วยซ้ำ

ในตี้อีจง (สำนักแรก) แห่งชางหมางพ่าย สวรรค์ชั้นที่สิบปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฟ้าสะท้านดินสะเทือน และโลกแห่งนี้ก็สั่นสะท้านไปมา ศิษย์นับไม่ถ้วนรู้สึกราวกับว่าสายฟ้ากำลังฟาดลงมาในจิตใจ พวกมันได้แต่หอบหายใจต่อเหตุการณ์ที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่นี้อย่างที่ไม่อาจจะลืมเลือนไปได้

“สำนักทั้งเก้า…และสวรรค์ชั้นสิบทั้งปวง…”

“ฟางมู่ ฟางมู่! สมกับที่เป็น…ผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งแห่งชางหมางพ่าย!!”

“น่าเสียดายที่พื้นฐานฝึกตนของมันไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเต๋า ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าอยากจะเห็นมันเดินไปบนเส้นทางเหนือสูงสุดว่าจะไกลมากเพียงใด ชางหมางไถเหมาะสำหรับคนที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรเต๋าเท่านั้น ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าต้องเดินไป…บนเส้นทางเหนือสูงสุดเท่านั้น!”

“ศิษย์ของมันเยียนเอ๋อร์ได้ประโยชน์จากการชำระล้างของเสียงระฆัง อย่างที่ไม่อาจจะคาดคิดได้!”

ทั่วทั้งชางหมางพ่ายสั่นสะเทือนและตกอยู่ในเสียงอึกทึกโกลาหล ศิษย์ตี้จิ่วจงยังไม่หยุดร้องตะโกนด้วยความยินดี ตั้งแต่ตอนที่พวกมันบินไปยังตี้ปาจง (สำนักที่แปด)…จนถึงตี้อีจง (สำนักแรก) ก็ยังคงร้องตะโกนออกมาจนสุดเสียงอย่างต่อเนื่อง

“พี่ใหญ่ฟางมู่!” เสียงร้องตะโกนดังก้องออกมาอย่างไม่เคยจะหยุดลง

วันนี้เมิ่งฮ่าวทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาอย่างที่คาดไม่ถึง ไม่เพียงแต่ศิษย์ธรรมดาทั่วไปนับไม่ถ้วนในชางหมางพ่ายเท่านั้นที่จะตกตะลึง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า, ราชันเต๋า, จักรพรรดิเต๋า ต่างก็รู้สึกประหลาดใจต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาสร้างขึ้นมา

เมื่อสวรรค์ชั้นที่สิบปรากฏขึ้นในตี้อีจง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจากสำนักทั้งเก้าก็มาถึง พวกมันต่างก็อยู่ในระดับเจ็ดแก่นแท้ แต่ก็ยังต้องสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าพวกมันเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในแง่ของพรสวรรค์และศักยภาพในอนาคตแล้ว ฟางมู่ผู้นี้…ได้ข้ามผ่านพวกมันไปนานแล้ว ถ้าเหตุการณ์ยังคงราบรื่นต่อไป สักวันหนึ่งเขาก็จะไปยืนอยู่ท่ามกลางพวกมันในฐานะที่เป็นผู้เท่าเทียมกัน หรือแม้แต่สูงเกินกว่าพวกมัน

“ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต!” ผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้จากตี้อีจงพึมพำขึ้นมา คำพูดของมันเป็นที่ยอมรับจากผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้จากสำนักอื่นๆ ทั้งหมดในทันที

แม้แต่หลิวอวิ๋นจากตี้ซานจง ก็ยังต้องยอมรับในเรื่องนี้ว่า

เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแท้จริง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version