Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1481

ตอนที่ 1481

จุดสูงสุดของชีวิต

แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวคือผู้ยิ่งใหญ่ ร่างจริงของเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งมากที่สุด สำหรับร่างจำแลงของตนเอง เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่าถ้าเขาต้องการเดินไปบนวิถีทางแห่งผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็จะต้องบรรลุถึงระดับเก้าแก่นแท้ได้อย่างแน่นอน

อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ในที่สุดเขาก็จะทำได้สำเร็จเป็นแน่

แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกจะทำ การมีร่างจำแลงผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ไม่ได้ช่วยให้เขาอยู่ในจุดเหนือสูงสุดได้ ดังนั้นเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแผนการเดิมอย่างแน่นอน

เขาจะอยู่เหนือจุดสูงสุดด้วยร่างจริงของตนเอง และจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ พร้อมกับตี้จิ่วจงและกองกำลังทั้งหมด รวมทั้งเหล่าภูตผีของเขตสุสาน…เขาจะโจมตีไปยังอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารอย่างดุร้ายรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…สามสิบสามสวรรค์!

เขาจะกลับบ้านไป ไปยังผีเสื้อขุนเขาทะเล ไปยังครอบครัวและเหล่าสหาย เขาจะกลับไปยังขุนเขาทะเล…เพื่อล้างแค้น!!

นี่คือเป้าหมายของเขา, ความคิดของเขา เป็นสิ่งที่ไม่เคยจะถูกลบเลือนไปจากจิตใจ เขาจะสร้างอาณาจักรขุนเขาทะเลขึ้นมาใหม่ เขาจะฟื้นคืนชีพผีโต้ง และจะเรียกกระจกทองแดงกลับมา ถึงแม้ว่าจะต้องต่อต้านความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เขาก็จะทำ

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ตรงด้านบนของสวรรค์ชั้นที่สิบในตี้อีจง ยิ้มออกมา พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ศิษย์ตี้อีจงนับไม่ถ้วนตรงด้านล่างมองขึ้นมาด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน ใบหน้าพวกมันซีดขาวไร้สีเลือด ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความขมขื่น

ผู้ถูกเลือกแห่งตี้อีจงมองมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า พวกมันคือนกอินทรีที่แท้จริง แต่ในตอนนี้ก็จำเป็นต้องยอมรับอย่างไร้ทางเลือกว่า ภายในรุ่นของพวกมันประกอบด้วยขุนเขาที่สูงตระหง่านอยู่แห่งหนึ่ง

ขุนเขานั้น…ตั้งตระหง่านสูงขึ้นไป จนพวกมันไม่มีทางจะบินผ่านไปได้

ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ในตี้อีจงมีเซิ่งหนี่ว์ของรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งก็คือหานเป้ย และเมื่อนางมองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวและเยียนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงด้านบนของสวรรค์ชั้นที่สิบ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาอย่างลึกล้ำ

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้สร้างปัญหาให้กับนางตลอดหลายปีมานี้ แต่นางก็ยังคงหวาดกลัวเขา ยิ่งเขาใส่ใจต่อฉู่อวี้เยียนมากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น แต่ยิ่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น นางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น

เป็นความขัดแย้งที่ดูเหมือนว่ามีแต่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรุนแรง และมีอิทธิพลต่อภารกิจที่นางต้องทำในชางหมางพ่ายแห่งนี้

มีอยู่หลายครั้งที่นางทำการตรวจสอบว่าทำไมเมิ่งฮ่าวถึงต้องสร้างร่างจำแลงนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขามากเกินไปนัก ได้แต่สังเกตดูจากที่ห่างไกลเท่านั้น ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะทำจนเกินไปนัก จึงได้แต่ต้องคาดเดาเอาเองเท่านั้น

หลายปีมาแล้วที่นางได้คาดเดามาอย่างมากมาย แต่ก็ไม่อาจจะยืนยันความคิดเหล่านั้นได้ บางครั้งนางยังรู้สึกด้วยอีกว่าความคิดทั้งหมดเหล่านั้นต่างก็ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง

หลังจากที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวและเยียนเอ๋อร์ นางก็ถอนหายใจละสายตากลับมา

สายลมโชยพัดอยู่ตรงด้านบนสวรรค์ชั้นที่สิบ ขณะที่คนทั้งหมดเฝ้ามองมา สายตาของเยียนเอ๋อร์ก็ตกกระทบไปบนร่างของอาจารย์ และเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมา ราวกับว่าอาจารย์นางได้กลายเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดในชั่วชีวิตนี้

“ซือจุน!” นางกล่าวขึ้นมาเป็นเสียงดัง

“หือ” เมิ่งฮ่าวพยักหน้ายิ้มให้

“ซือจุน!!”

“หือ?” เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังเยียนเอ๋อร์ด้วยความงุนงง

“ซือจุน!!” เยียนเอ๋อร์ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวแสร้งทำหน้าเคร่งเครียด ยกมือขึ้นมาขยี้ไปบนศีรษะนาง เยียนเอ๋อร์ลูบศีรษะด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่ยิ้มให้นางเท่านั้น ตระหนักดีว่าตอนนี้นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นก็มองออกไปยังแผ่นฟ้าและผืนดิน ด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น

“ชางหมางพ่ายไม่อาจจะมอบโชควาสนาให้กับข้าได้อีกต่อไป ถ้าต้องการดับตะเกียงวิญญาณสิบดวงสุดท้าย ข้าจำเป็นต้อง…เดินไปบนเส้นทางเหนือสูงสุดเท่านั้น!”

ในชางหมางพ่าย การทดสอบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือชางหมางไถและเส้นทางเหนือสูงสุด มีแต่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าเท่านั้น ถึงจะสามารถเดินไปบนเส้นทางเหนือสูงสุดได้ แน่นอนว่าแค่เดินไปบนเส้นทางนั้น ไม่ได้รับประกันว่าจะอยู่เหนือสูงสุดได้ แต่ก็ยังคงมีความหวังที่จะไปอยู่ตรงจุดนั้นได้

เส้นทางนั้นคือวิถีดั้งเดิมและเป็นหนทางที่เหมาะสมสำหรับการพยายามเข้าไปสู่เหนือสูงสุด แต่ทุกวันนี้ แม้แต่เจ้าสำนักหรือคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ก็ยังไม่อาจจะบรรลุถึงจุดนั้นได้

มันเป็นเส้นทางที่ยากจะเดินไปเป็นอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่าจะไร้จุดสิ้นสุด แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งชางหมางพ่ายก็ยังคงผ่านเข้าไป เนื่องจากมีโชควาสนามากมายอยู่ภายในนั้น เป็นโชควาสนาที่สามารถจะทำให้พื้นฐานฝึกตนของคนผู้หนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นไปแบบก้าวกระโดด

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ เขามีลางสังหรณ์ขึ้นมาอย่างรุนแรงว่า…ร่างจำแลงของตนเองจะสามารถสร้างเครื่องหมายผนึกชิ้นแรกของเวทรุ่นเก้าได้บนเส้นทางเหนือสูงสุดอย่างแน่นอน

เขายังคาดเดาอีกด้วยว่าจะสร้างเป็นเวทรุ่นเก้าให้สมบูรณ์แบบได้อย่างไร และมั่นใจว่าการคาดเดานี้สามารถพิสูจน์ได้บนเส้นทางเหนือสูงสุดด้วยเช่นกัน

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เขามีความรู้สึกว่า…เมื่อไหร่ที่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางนั้น ก็จะต้องใช้เวลานานมากๆ ก่อนที่จะกลับออกมาได้ อันที่จริงก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่เดินไปบนเส้นทางสายนี้

นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องราวอีกเล็กน้อยที่จะต้องจัดการอยู่ในชางหมางพ่าย

เขามองไปยังเยียนเอ๋อร์ และสามารถจะเห็นได้ว่าเนื่องจากโชควาสนาแห่งชางหมางไถ ทำให้พื้นฐานฝึกตนของนางมีความเสถียรมั่นคง และยังได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าขึ้นไปอีกด้วย ตอนนี้นางอยู่ในอาณาจักรเซียนขั้นกลาง เนื่องจากการชำระล้างของเสียงระฆังทำให้นางเพิ่งจะทะลวงผ่านขึ้นไปได้ เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ว่าไม่กี่ปีมานี้ พื้นฐานฝึกตนของนางได้ก้าวหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

พรสวรรค์ของนางถูกชำระล้างจนมีประสิทธิภาพสูงสุด และเส้นลมปราณของนาง รวมทั้งจุดตีบตันต่างๆ ก็ถูกแผ้วถางอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

โชควาสนาในชางหมางพ่ายเช่นนี้ คือสิ่งที่มีแต่เยียนเอ๋อร์เท่านั้นจะได้ครอบครอง

“มาเถอะ กลับไปยังตี้จิ่วจงด้วยกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ในท่ามกลางเสียงร้องตะโกนด้วยความยินดีของศิษย์ตี้จิ่วจง คนทั้งหมดก็ก้าวเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ขณะที่ศิษย์ตี้อีจงเฝ้ามองมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่น และคนทั้งหมดก็หายตัวไป

เสียงกระหึ่มของค่ายกลเวทดังก้องไปทั่วทุกสำนัก ตั้งแต่ตี้อีจงไปจนถึงตี้ปาจง ขณะที่คนทั้งหมดกลับมายังตี้จิ่วจง เสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจของศิษย์ตี้จิ่วจงทำให้ชางหมางพ่ายสั่นสะเทือนไปทั่ว ตำนานบทใหม่ที่ไม่มีใครสามารถจะลบล้างได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว

เมื่อคนทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นในตี้จิ่วจง กลุ่มคนที่ยังคงอยู่ในสำนักก็เริ่มร้องตะโกนด้วยความดีใจเป็นเสียงดังขึ้นด้วยเช่นกัน

“พวกมันกลับมาแล้ว! คนทั้งหมดกลับมาแล้ว!”

“พี่ใหญ่ฟางมู่กลับมาแล้ว!!”

“พี่ใหญ่, พี่ใหญ่…”

ตี้จิ่วจงพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ศิษย์ที่ก้าวเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไม่ทันจากก่อนหน้านี้ เริ่มมารวมตัวกันอยู่รอบๆ และร้องตะโกนเรียกพี่ใหญ่ของพวกมันแล้วในตอนนี้

ในวันนั้น เริ่มมีงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่อยู่ในตี้จิ่วจง

ข่าวคราวของสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้แพร่กระจายออกไปทั่วยังสำนักอื่นๆ นานมาแล้วที่ศิษย์แห่งตี้จิ่วจงไม่ได้รู้สึกยินดีเช่นนี้

สำหรับศิษย์จากสำนักอื่นๆ ที่มาตั้งค่ายพักแรมอยู่ในตี้จิ่วจง พวกมันรีบจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าที่จะอยู่ต่อไป สิบปีแห่งการกระตุ้นท้าทาย ได้กลายเป็นอดีตอย่างเป็นทางการไปแล้วในตอนนี้

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ตระหนักว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวทำไปนั้น ก็เนื่องมาจากคำพูดแค่ไม่กี่คำของเยียนเอ๋อร์ ศิษย์ส่วนใหญ่คิดว่าเขาทำไปเพราะต้องการบอกผู้ถูกเลือกจากสำนักอื่นๆ ว่า ถ้าพวกมันต้องการมาท้าทายเขา ก็ควรจะทำในสำนักของตนเอง ไม่จำเป็นต้องมายังตี้จิ่วจง

เพื่อทำให้พวกมันสะดวกมากขึ้น

เขาก็จะจารึกนามของตนเองลงไปบนชางหมางไถของพวกมัน…

เนื่องจากเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตวิญญาณของตี้จิ่วจงทั้งสำนักฮึกเหิมขึ้นมาในทันที

ผู้นำของพวกมันคือตี้จิ่วจื้อจุนผู้ทระนงเหนือคนทั้งปวง และเป็นผู้พิทักษ์ของพวกมันด้วยเช่นกัน ในท่ามกลางเหล่าผู้ถูกเลือกจำนวนมากของพวกมัน ก็มีศิษย์ที่อยู่เหนือผู้ถูกเลือกทั้งปวงของชางหมางพ่าย ซึ่งก็คือฟางมู่!

เนื่องจากทั้งหมดนั้น ทำให้ตี้จิ่วจงแตกต่างไปจากสำนักอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

งานเลี้ยงฉลองถูกจัดขึ้นนานมากกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเรื่องราวก็สงบลง แต่ลึกลงไปในจิตใจ ศิษย์ตี้จิ่วจงยังคงตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด เกียรติยศและชื่อเสียงที่พวกมันรู้สึกได้ รวมทั้งความรู้สึกมีส่วนร่วมไม่มีทางจะถูกลบล้างไปได้

ตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนนั้น เมิ่งฮ่าวไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องต้อนรับแขกต่างๆ ที่มาเยือนเพื่อแสดงความนับถือต่อเขา แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน จำนวนแขกที่มาเยือนก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป กลับมีแต่จะเพิ่มขึ้น ในที่สุดเขาจึงถูกบังคับให้ต้องทำการปิดภูเขา

นับจากนั้นมาเขาไม่เคยออกไปจากเขตภูเขาอีกเลย และปฏิเสธการต้อนรับแขกทั้งหมดด้วยความสุภาพ แทนที่จะไปนั่งเข้าฌานตามลำพัง เขากลับใช้เวลาทั้งหมดทำการสอนวิธีการฝึกตนให้กับเยียนเอ๋อร์

ไม่นานนักก็ผ่านไปสามปี

ตลอดช่วงเวลานั้นเมิ่งฮ่าวไม่ค่อยใส่ใจต่อพื้นฐานฝึกตนของตัวเองเท่าใดนัก เขาช่วยเยียนเอ๋อร์กลั่นสกัดชีพจรเซียน ทำให้การฝึกฝนของนางได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก ช่วยให้นางรู้แจ้งเวทแห่งเต๋ามากขึ้นโดยไม่ปิดบังใดๆ ทำทุกอย่างเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองรู้ให้กับนางทั้งหมด

เนื่องจากการสั่งสอนอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเยียนเอ๋อร์พุ่งทะยานขึ้นไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจยิ่ง มีความมั่นคงกว่าผู้ใดในรุ่นเดียวกับนาง

ตลอดช่วงเวลานั้น ความรู้สึกอย่างหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจิตใจเยียนเอ๋อร์อย่างช้าๆ ในที่สุดนางก็เริ่มหัวเราะน้อยลง และเมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกวิตกราวกับว่าไม่อาจจะทนได้ถ้าต้องจากเขาไป

หลังจากที่ใช้เวลาร่วมกันมานานหลายปี นางเริ่มรู้สึกไวต่อลักษณะท่าทางของเมิ่งฮ่าว จากสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสามปีที่ผ่านมา นางเริ่มมีความรู้สึกอย่างรุนแรงขึ้นว่า…

“ซือจุนกำลังจะจากไปแล้ว…” ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว ไม่ว่าจะเฝ้าเพียรถามเรื่องนี้มากี่ครั้ง เมิ่งฮ่าวก็มักจะยิ้มและไม่ยอมตอบ แต่เมื่อไหร่ที่เขามองมายังนาง ก็จะเป็นสายตาที่อ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าเขากำลังหวนรำลึกนึกถึงเรื่องราวเมื่อในอดีต

เวลาผ่านไปอีกสิบปี…

พื้นฐานฝึกตนของเยียนเอ๋อร์ไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่จิตใจนางเริ่มวิตกมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน วันหนึ่งนางมองเห็นแผ่นหยกที่เป็นของอาจารย์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประกอบไปด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางเหนือสูงสุดของสำนัก ในตอนนั้นจิตใจนางเริ่มหนักอึ้งขึ้นมา

นางรู้ว่าเส้นทางเหนือสูงสุดเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเดินไปได้ คาดเดาว่าเส้นทางนี้ประกอบไปด้วยโชควาสนาอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะกล้าเดินไปอย่างแท้จริง

นอกจากนั้นมันก็ยังประกอบไปด้วยอันตรายอย่างลึกล้ำอีกด้วย

มันไม่ใช่ชางหมางไถที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของสำนัก มันอยู่ในโลกด้านนอก ตั้งอยู่ภายในรอยแตกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

หลังจากที่ผ่านเข้าไป คนผู้นั้นก็จะแยกตัวออกไปโดยสิ้นเชิง และจะไม่กลับมานับสิบปีหรือแม้แต่หลายร้อยปี เป็นเส้นทางที่ผู้ฝึกตนเดินไปได้แค่สองครั้งในชั่วชีวิตเท่านั้น

หลายปีก่อนเยียนเอ๋อร์เคยกดดันเรื่องนี้กับอาจารย์ และจะไม่ยอมแพ้จนกระทั่งสามารถจะค้นหาวิธีในการป้องกันไม่ให้เขาไปยังสถานที่ที่อันตรายเช่นนั้น แต่เมื่อนางเติบใหญ่ขึ้น ก็เข้าใจว่านั่นคือการตัดสินใจที่เขาได้เลือกแล้ว นางรู้ว่าภายในจิตใจของอาจารย์มีความทุกข์ที่แม้แต่นางก็ไม่อาจจะเข้าใจได้

ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรออกมา

ตลอดช่วงเวลาสิบสามปีที่ผ่านไป เมิ่งฮ่าวสามารถดับตะเกียงวิญญาณได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขามีเพียงแค่เจ็ดดวงเท่านั้นที่ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง

อีกหนึ่งปีได้ผ่านไป และตอนนี้เยียนเอ๋อร์ก็อยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน นางมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหนือกว่าปกติทั่วไป ทำให้ศิษย์ตี้จิ่วจงตกตะลึงกันไปทั่ว แต่เมื่อพวกมันคิดว่าใครเป็นอาจารย์นาง ก็ตระหนักว่าไม่ใช่สิ่งที่ไร้เหตุผล

นอกจากนี้โชควาสนาจากชางหมางไถทั้งแปดก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version