Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1549

ตอนที่ 1549

ดินแดนคนชั่วไม่ควรคงอยู่

เมิ่งฮ่าวไม่พูดจาใดๆ แค่จับศีรษะของคนผู้นั้นกระแทกลงไปบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันต้องแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา ในขณะที่ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงร่างจริงอย่างช้าๆ มีร่างกายเป็นมังกรวารี แต่ไม่มีหาง ดูคล้ายกับเป็นอสรพิษบางอย่าง เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวใช้ศีรษะมันกระแทกลงไปจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่บนดินแดนกว้างใหญ่ชั้นที่สิบห้า

กระดูกของคนนอกคอกผู้นั้นถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด โลหิตเปรอะเปื้อนไปทั่ว ไร้พลังชีวิตโดยสิ้นเชิง ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็หยุดลง ดึงวิญญาณของมันออกมา ลุกขึ้นมายืน

ตอนนี้ใบหน้าของกลุ่มคนนอกคอกอื่นๆ บนดินแดนกว้างใหญ่ชั้นที่สิบห้าซีดขาวไปตามๆ กัน และจิตใจพวกมันกำลังหมุนคว้าง ถูกปกคลุมด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง

สำหรับพวกมันแล้ว เมิ่งฮ่าวคือสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง

กลุ่มคนนอกคอกทั้งหลายในสามสิบสามสวรรค์ ต่างก็มองว่าผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คือความหวังของพวกมัน แต่ก็เพิ่งจะเห็นว่าหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ที่ทรงอำนาจแห่งสวรรค์ กำลังแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมาในทะเลแห่งเปลวไฟด้วยเงื้อมมือของเมิ่งฮ่าว ร่างกายมันลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลี วิญญาณจมลงไปในเปลวไฟ และยังคงอยู่เช่นนั้นไปตราบชั่วนิรันดร์

ผู้ยิ่งใหญ่อีกคนก็อยู่ในสายลมสีดำ ได้รับความเจ็บปวดอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับมีใบมีดนับล้านเล่ม กำลังถลกหนังแล่เนื้อมันอยู่

ผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายถูกคว้าจับไปที่ศีรษะ และโขกกระแทกลงไปบนพื้น จนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา ทั้งในดินแดนกว้างใหญ่ และในจิตใจของกลุ่มคนนอกคอกทั้งปวง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…สวรรค์ชั้นที่สิบหกไปจนถึงชั้นที่สามสิบสามซึ่งไม่อาจจะมองเห็นได้ สิ่งเดียวที่สามารถจะมองเห็นก็คือทะเลแห่งเปลวไฟอันไร้ขอบเขต และภายในนั้นก็เป็นวิญญาณนับไม่ถ้วนของกลุ่มคนนอกคอกที่ตายไป ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน

ขณะที่เสียงกรีดร้องเหล่านั้นลอยลงไปในจิตใจของกลุ่มคนนอกคอกที่ด้านล่าง ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความหวาดกลัว ทำให้พวกมันต้องสั่นสะท้านด้วยความวิตกกังวล

ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือกลุ่มคนที่เคยเข้าร่วมสงครามกับอาณาจักรขุนเขาทะเล ทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกล้ำมากเป็นพิเศษ กลุ่มคนมากมายเหล่านั้นเคยเห็นเมิ่งฮ่าวมาก่อน และยังจำได้ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนั้น ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลถูกสังหารไปนับไม่ถ้วน เมิ่งฮ่าวถูกแปดเปื้อนจนต้องกลายร่างจากเซียนเป็นอสูร ในตอนนั้นเขาแหงนหน้าขึ้นไปและพูดจาอย่างบ้าคลั่ง ภาพนั้นกำลังซ้อนทับอยู่ในตอนนี้ ด้วยบุคคลที่โหดเหี้ยมเย็นชาตรงเบื้องหน้าพวกมัน พร้อมกับแววตาที่ลุกโชนขึ้นอย่างน่ากลัว

เสียงวิงวอน ร้องขอความเมตตา ได้ยินมาจากสวรรค์ชั้นที่สิบห้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินแดนกว้างใหญ่ที่อยู่ด้านล่างลงไป

พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วนี่คือการล้างแค้น แต่สำหรับพวกมันนี่คือการสังหารหมู่อย่างเลือดเย็น ไม่มีทางที่พวกมันจะสามารถต่อสู้กลับไปยังเมิ่งฮ่าวและกองกำลังอันน่ากลัวที่อยู่ด้านหลังได้

ในตอนนี้กลุ่มคนนอกคอกที่สิ้นหวังมากมายต่างก็ตระหนักว่า พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งจนสามารถจะโบกสะบัดมือออกไปแค่ครั้งเดียว ก็ทำลายสามสิบสามสวรรค์ลงไปได้ทั้งหมด และกวาดล้างกลุ่มคนนอกคอกไปได้ทั้งร่างกายและวิญญาณ

แต่เขาก็ไม่ทำเช่นนั้น เขากำลังใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมมากที่สุด ค่อยๆ บดขยี้พวกมันจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างช้าๆ

นี่คือวิธีการที่เกินกว่าคำว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จากสวรรค์ชั้นแรกจนกระทั่งถึงชั้นที่สิบห้า เสียงแผดร้องด้วยความสิ้นหวังดังก้องออกมา เป็นบางสิ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในตอนที่อาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไป ก็มีเสียงคล้ายคลึงกันนี้ด้วยเช่นกัน

กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังก็เป็นเช่นเดียวกัน คล้ายกับตอนที่เกิดขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเลเป็นอย่างยิ่ง

“ต่อไปข้าคิดว่าน่าจะบังคับให้กลุ่มคนนอกคอกเหล่านี้ ดิ้นรนต่อสู้จนสุดชีวิตน่าจะดีกว่า” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร

“สิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติต่ออาณาจักรขุนเขาทะเลในตอนนั้น วันนี้ข้าจะกระทำต่อพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”

“มันยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ใช่หรือไม่…?” เมื่อคิดย้อนกลับไปในตอนที่ได้เห็นกลุ่มคนทั้งหมดตกตายไป ก็ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวจะถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าภูตผีนับไม่ถ้วน เป็นภูตผีของเหล่าผู้กล้าแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลที่ต่อสู้จนตัวตาย

เมิ่งฮ่าวหัวเราะเป็นเสียงดัง ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปในดินแดนกว้างใหญ่ชั้นที่สิบห้า แต่เมื่อผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่ายกำลังจะติดตามไป เขาก็ยกมือขึ้นมาหยุดพวกมันไว้

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่คิดจะให้ใครมาเข้าร่วมด้วย ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปปกคลุมยังกลุ่มคนนอกคอกแห่งสวรรค์ชั้นสิบห้าไว้ทั้งหมด

เวลาเดียวกันนั้นร่างที่สองของเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินออกไปที่ด้านข้าง จากนั้นก็เป็นอีกร่าง และอีกร่าง ขณะที่ร่างจำแลงจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมา

ตอนแรกก็มีเพียงหนึ่งแสน จากนั้นก็หนึ่งล้าน จากนั้นก็สิบล้าน จากนั้นก็หลายสิบล้าน…จนดูเหมือนว่าจะไร้จุดสิ้นสุด กลุ่มคนนอกคอกทั้งปวงบนดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้ ทันใดนั้นก็ต้องมาเผชิญหน้ากับร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าว

ภายในชั่วเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็กระจายเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์ชั้นที่สิบห้า จากนั้นร่างจำแลงแต่ละคนก็ยื่นมือออกคว้าจับไปยังลำคอของคนนอกคอก ไม่ว่าพวกมันจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ระดับใด ไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนอย่างไร ไม่ว่าพวกมันจะหลบหนีอย่างไร ก็ไม่มีทางจะรอดพ้นไปได้

กลุ่มคนนอกคอกร้องวิงวอนขอความเมตตา แผดร้องด้วยความสิ้นหวังและบ้าคลั่ง ใครก็ตามที่ได้ยิน ก็จะเป็นเสียงที่คล้ายกับอยู่ในนรก แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันคือเสียงแห่งการล้างแค้น

“ข้าเกลียดชังสามสิบสามสวรรค์ ข้าเกลียดชังดินแดนเหล่านี้ และข้าก็เกลียดชังคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นี่!” เมิ่งฮ่าวหลับตาลง ขณะที่ร่างจำแลงบีบมือลงไปในทันที

ทุกสรรพสิ่งเงียบกริบลง ร่างจำแลงไม่ได้บดขยี้ลำคอของกลุ่มคนนอกคอกไป แค่จับพวกมันยกชูสูงขึ้นไปในอากาศ โคจรหมุนวนพลังการฝึกตนให้พุ่งเข้าไปในร่างกลุ่มคนนอกคอก เพื่อทำลายอวัยวะภายในของพวกมัน

กลุ่มคนนอกคอกสั่นสะท้าน แต่เพราะว่าลำคอถูกจับไว้จนแน่น จึงไม่อาจจะแผดร้องออกมาได้ ร่างกายพวกมันสั่นกระตุกไปมา ขณะที่พยายามจะดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้

ตรงด้านบนขึ้นไป ได้ยินเสียงหอบหายใจดังออกมาจากภายในกองกำลังแห่งชางหมางพ่าย จากวิธีการของเมิ่งฮ่าว

ทำให้พวกมันสามารถจะรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังที่เขามีต่อสามสิบสามสวรรค์ ว่าถึงระดับที่ยากจะอธิบายออกมาได้ เป็นระดับที่ทำให้พวกมันต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

พวกมันไม่มีทางจะเข้าใจได้อย่างแท้จริง พวกมันไม่เคยเข้าร่วมสงครามอันโหดร้ายและน่าตกใจในอาณาจักรขุนเขาทะเล พวกมันไม่เคยเห็นขุนเขาพังทลายลง และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็แตกกระจายออกไป

พวกมันไม่เคยเห็นมนุษย์ธรรมดาจำนวนมากต้องถูกกวาดล้างออกไปโดยกลุ่มคนนอกคอก บุรุษ สตรี ชรา เยาว์วัย ทั้งหมดต่างก็ถูกสังหารไปอย่างโหดเหี้ยม

เมิ่งฮ่าวไม่เคยลืมสิ่งที่ตนเองได้เห็นในตอนนั้น และไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ธรรมดาในช่วงของการทำสงครามเพื่อกวาดล้างเผ่าพันธุ์ มนุษย์ธรรมดาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน และเขาก็จำได้ถึงซากศพของคนทั้งหมด แม้แต่สตรีตั้งครรภ์ และเด็กทารก ก็ถูกสังหารไปมากมายจนนับไม่ถ้วน

ที่ยิ่งน่าสะอิดสะเอียนมากไปกว่านั้นก็คือ เขาเคยเห็นผู้คนกำลังถูกกลุ่มคนนอกคอกกัดกินไปทั้งเป็น

“แม้แต่จะจัดการกับฝูงเดรัจฉานเช่นนี้ ข้าก็ยังมีจิตเมตตา” เมิ่งฮ่าวหลับตาลงตลอดเวลา ร่างจำแลงเริ่มบดขยี้ไปยังกลุ่มคนนอกคอก จนกระทั่งเกิดเป็นบุปผาโลหิตเบ่งบานออกไปทั่วทั้งสวรรค์ชั้นที่สิบห้า

กลุ่มคนนอกคอกถูกสังหารไปทั้งหมด ร่างกายพวกมันถูกทำลายไป และวิญญาณก็ถูกเมิ่งฮ่าวรวบรวมไว้ก่อนที่จะทันได้กระจายหายไป

วิญญาณเหล่านั้นถูกโยนเข้าไปในทะเลแห่งเปลวไฟ ทำให้เสียงกรีดร้องของพวกมันดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน

วิญญาณนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ในทะเลแห่งเปลวไฟ พวกมันถูกเผาไหม้ด้วยความทุกข์ทรมาน สิ่งที่พวกมันต้องเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชั่วชีวิต

“ดินแดนคนชั่วไม่ควรจะคงอยู่” เมิ่งฮ่าวกล่าว ลืมตาขึ้นมา ในตอนนี้เองที่ร่างจำแลงทั้งหมดบนดินแดนกว้างใหญ่ชั้นที่สิบห้าได้หายตัวไปจนหมดสิ้น

ในที่สุดเขาก็กระทืบเท้าลงไป

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ดินแดนกว้างใหญ่พังทลายลงไป กลายเป็นเถ้าธุลีและเศษซากปรักหักพังที่ตกลงไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบสี่

ที่ด้านล่างลงไป อาคารบ้านเรือนถูกทำลายไป และรอยแตกร้าวก็ปรากฏขึ้น ดินแดนแห่งสวรรค์ชั้นที่สิบสี่สั่นสะเทือน และเสียงแผดร้องก็ดังก้องออกมาจากกลุ่มคนนอกคอก ดูเหมือนว่าพวกมันจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง ตกอยู่ในความบ้าคลั่งขณะที่บินขึ้นมา พร้อมที่จะต่อสู้ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความต้องการสังหาร

เนื่องด้วยกลุ่มคนนอกคอกจากสวรรค์ชั้นที่สิบสี่ตกอยู่ในสภาวะที่สิ้นหวังเช่นนี้ จิตใจตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายจากแรงกดดันอันเข้มข้น ทำให้ต้องพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอย่างคาดไม่ถึง

“ในปีนั้นข้าแค่สังหารผู้ที่น่ารังเกียจจากอาณาจักรขุนเขาทะเลไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้าจะต้องสังหารให้มากกว่านี้อย่างแน่นอน!”

“ฮา ฮา ฮา! เมื่อข้าต่อสู้ในสงครามขุนเขาทะเล ข้าบดขยี้ผู้ฝึกตนไปหลายสิบคน และยังได้สังหารมนุษย์ธรรมดาไปทั้งแคว้นอีกด้วย ข้ายังได้กลืนกินหัวใจของพวกมันไปมากมายด้วยเช่นกัน ตอนนี้เมื่อคิดไปแล้ว รสชาตินั้นช่างน่ามหัศจรรย์นัก!”

“ผู้ฝึกตนหญิงสาวจากอาณาจักรขุนเขาทะเล มีเส้นลมปราณที่วิเศษยิ่ง และมีรสชาติที่อร่อยด้วยเช่นกัน! หลังสงครามสิ้นสุดลง ข้านำพวกนางกลับมาเป็นทาสที่บ้าน แต่ก็น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นอ่อนแอมากเกินไป จึงตายไปหมดแล้ว”

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินคำพูดของพวกมัน ดวงตาก็เย็นชาลง และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็พุ่งกระจายออกไป

เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา แค่ชี้นิ้วออกไปยังเงาร่างที่ใกล้เข้ามาเหล่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version