Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1458

ตอนที่ 1458

ปีนให้สูงมองให้กว้างไกล

เสียงเก่าแก่โบราณของระฆังดังก้องไปทั่วทั้งตี้จิ่วจง คล้ายกับเป็นสายลมที่กระโชกมาจากยุคสมัยโบราณ กระจายเต็มไปทั่วทั้งสำนัก ทำให้ดวงตาของศิษย์นับไม่

ถ้วนต้องเบิกกว้างขึ้น เมื่อพวกมันมองตรงไปยังทิศทางของยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของชางหมางไถ

“ใครบางคนที่กำลังท้าทายชางหมางไถ…ผ่านขั้นที่หนึ่งพันไปแล้วจริงๆ!!”

“นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว หลายปีที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้”

“ไม่รู้ว่าเป็นใคร? ระฆังหนึ่งพันขั้นสามารถนำไปสู่การชำระล้างและมอบโชควาสนาให้ได้ แต่จะดังออกมาสำหรับคนที่บรรลุถึงหลายขั้นนั้นเป็นครั้งแรกเท่านั้น ดังนั้นระฆังนี้จะไม่ดังขึ้นมาสำหรับผู้ถูกเลือกในปัจจุบันนี้ ดังขึ้นเฉพาะคนใหม่เท่านั้น!”

เสียงพูดคุยดังก้องไปทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยเสียงตกใจ นอกจากนี้…ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งพันขั้นเท่านั้น คนส่วนใหญ่ต่างก็อยากรู้อยากเห็นว่าใครกำลังสร้างชื่อขึ้นมาในสำนักเป็นครั้งแรก

ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็จางหายไป และทุกสรรพสิ่งก็เงียบกริบลง ไม่มีใครบินไปยังชางหมางไถเพื่อตรวจดูสถานการณ์อีกด้วย นอกจากกลุ่มคนเพียงไม่กี่ร้อยที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นเท่านั้น และในตี้จิ่วจงซึ่งมีสมาชิกอยู่นับสิบล้านคน แค่ไม่กี่ร้อยคนนั้น…ถือว่าเล็กน้อยมาก

อย่างไรก็ตามศิษย์ทั้งหลายที่อยู่บนบันไดต่ำกว่าขั้นที่หนึ่งพัน ต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง พวกมันทั้งหมดมองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินผ่านขึ้นไปยังขั้นที่ตนเองไม่อาจจะบรรลุถึงได้ และจากนั้นเสียงระฆังก็ดังก้องออกมา และคนทั้งหมดก็หอบหายใจไปตามๆ กัน

พวกมันไม่มีเวลาที่จะนึกสงสัยว่าเขาคือใคร แต่คนทั้งหมดก็มีลางสังหรณ์อย่างลึกล้ำต่อคนผู้นี้ว่า…เป็นคนที่ไม่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง!!

“มันเดินไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง!!”

“ข้ายังจำได้ในตอนที่มองไปยังศิษย์พี่ปี้อวิ๋นและคนอื่นๆ บางคน พวกมันต่างก็ว่องไวด้วยเช่นกัน แต่…แต่คนเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่หนึ่งพันคนแรก บางคนยังได้บรรลุถึงอันดับหนึ่งร้อยคนแรกอีกด้วย!!”

“คนผู้นี้…อาจจะสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับหนึ่งหมื่นคนแรกได้!!” ขณะที่คนทั้งหมดกำลังสั่นสะท้านด้วยความประหลาดใจ เมิ่งฮ่าวก็เดินขึ้นไปทีละก้าวด้วยความเยือกเย็นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เดินไป ก็รักษาระยะก้าวให้เท่าเทียมกัน ไม่เคลื่อนที่เร็วขึ้นหรือว่าช้าลงไปกว่าเดิม

ขั้นที่หนึ่งพันสองร้อย, ขั้นที่หนึ่งพันห้าร้อย เขาเดินผ่านศิษย์คนอื่นๆ ไปอย่างต่อเนื่อง คนทั้งหมดจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง ขณะที่เดินผ่านไปด้วยท่าทางสบายๆ

ท่าทางผ่อนคลายและวิธีการเดินเช่นนี้ ทำให้สียงหอบหายใจดังมากขึ้นกว่าเดิม

ขั้นที่หนึ่งพันแปดร้อย…ในที่สุดก็เข้าไปใกล้ขั้นที่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า!

บนขั้นบันไดนั้นเป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้หนึ่ง ยืนอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ หอบหายใจออกมา ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่ยกเท้าขึ้นไปในอากาศ ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเท่าที่มีออกมา โคจรหมุนวนพลังการฝึกตนอย่างเต็มกำลัง เพื่อก้าวเดินไปบนขั้นที่สองพัน

“ข้า, สวีหลิ่วสามารถทำได้อย่างแน่นอน แค่เหยียบย่างก้าวนี้ลงไป ระฆังสองพันขั้นก็จะดังก้องขึ้น และจะได้รับการชำระล้าง พื้นฐานฝึกตนก็จะมีความก้าวหน้า และในที่สุดก็จะมีชื่อเสียงอยู่ในสำนัก!!” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีพลังพุ่งขึ้นมาจากพื้น ทำให้มันไม่อาจจะเหยียบย่างลงไปได้

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่ามีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ด้านหลังตนเอง มีหน้าตาที่หล่อเหลาและดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่ก้าวเดินขึ้นมา บุรุษหนุ่มผู้นั้นยังได้มองมาพร้อมรอยยิ้มอีกด้วย

บุรุษวัยกลางคนจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง รู้สึกค่อนข้างงุนงง และก่อนที่มันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็เดินผ่านมันไป เหยียบย่างลงไปบนขั้นที่สองพัน และจากนั้นก็เดินต่อไป

“เป็นไปไม่ได้!!” คนผู้นั้นคิดด้วยจิตใจที่หมุนคว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง มองไปยังเมิ่งฮ่าวและจากนั้นก็เท้าของเขา สำหรับมันแล้วก้าวนั้นคือหนึ่งในก้าวที่ยากลำบากมากที่สุด แต่บุรุษหนุ่มผู้นี้เพิ่งจะเดินผ่านไปราวกับเดินไปบนทางเรียบ ทำให้มันแทบไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งที่เพิ่งจะมองเห็นนี้

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ และความคิดของมันก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย พลังอันมหาศาลกดทับลงมาบนร่าง ทำให้ไม่อาจจะเดินไปเป็นก้าวสุดท้ายได้ จนต้องถอยโซเซไปทางด้านหลัง มองขึ้นไปยังแผ่นหลังของเมิ่งฮ่าว

จากนั้นเสียงระฆังก็ดังก้องออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ดังขึ้นสองครั้ง

เหง่ง, หง่าง…

เสียงนี้ดังก้องกังวานออกมาจากชางหมางไถ ปกคลุมไปทั่วทั้งตี้จิ่วจง ทำให้เกิดเป็นความประหลาดใจแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

เหตุผลหลักสำหรับเรื่องนี้เป็นเพราะว่า ช่วงเวลาระหว่างเสียงระฆังครั้งแรกและครั้งที่สองสั้นเป็นอย่างยิ่ง น้อยกว่าช่วงเวลาที่ธูปเผาไหม้หมดไปหนึ่งดอกซะอีก!

“วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ช่างน่าสนใจนัก ตอนแรกมีคนบรรลุถึงขั้นที่หนึ่งพัน หลังจากนั้นก็มีอีกคนบรรลุถึงขั้นสองพัน”

“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ไม่รู้ว่าต่อไปใครจะบรรลุขั้นที่สามพัน?” ผู้คนนับไม่ถ้วนในตี้จิ่วจงรู้สึกประหลาดใจ แต่จากนั้นก็เริ่มหัวเราะและพูดขำขันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้คิดว่าอาจจะมีแค่คนเดียวที่ทำให้ระฆังดังขึ้นมาสองครั้ง แต่เมื่อ

พวกมันตระหนักว่าเวลาผ่านไปแค่ธูปเผาไหม้หมดไปหนึ่งดอกเท่านั้น พวกมันก็ยกเลิกความคิดดังกล่าวไป

ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง จนกว่า…คนที่กำลังเดินขึ้นไปนั้น จะมีคุณสมบัติอยู่ในหนึ่งพันคนแรกของชางหมางไถ

แม้แต่เยียนเอ๋อร์ก็รู้สึกตกตะลึง ขณะที่บินฝ่าอากาศตรงไปยังชางหมางไถ ทันใดนั้นความมุ่งหวังก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ

“เป็น…เป็นไปได้หรือไม่ว่าเสียงระฆังนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับซือจุน?” ก่อนหน้านี้นางคิดว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้นางมีความรู้สึกว่าตี้จิ่วจื้อจุนและอาจารย์ของตนเองคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่ารูปร่างหน้าตาของคนทั้งสองจะเหมือนกัน แต่มีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับคนทั้งสอง เป็นบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอายของคนทั้งสองแทบจะเหมือนกันโดยสิ้นเชิง

จิตใจเยียนเอ๋อร์เริ่มเต้นรัวขึ้น หยิบเอาเม็ดยาออกมาและกลืนกินลงไป ทำให้พลังการฝึกตนพุ่งขึ้นมา ช่วยให้นางระเบิดเป็นความเร็วออกไป

เสียงระฆังครั้งที่สองนี้ทำให้ศิษย์ตี้จิ่วจงมารวมตัวกันมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน แต่ตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งพันคน ทั้งหมดกำลังมองขึ้นไปด้วยความสนใจยังชางหมางไถ

“น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจมองเห็นว่าใครเดินผ่านหนึ่งพันขั้นนั้นไป หรือว่าใครที่เดินผ่านขั้นที่สองพันไป…บางทีอาจจะเป็นศิษย์พี่สวีหลิ่ว ข้าจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน มันติดอยู่ที่ขั้นหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า!”

“ชางหมางไถมีบันไดทั้งหมดหนึ่งแสนขั้น ตรงหนึ่งหมื่นขั้นแรก ระฆังจะดังก้องออกมาในทุกๆ หนึ่งพันขั้น หลังจากนั้นเสียงระฆังก็จะดังก้องในทุกๆ หนึ่งหมื่นขั้น

จากนั้นเมื่อไหร่ที่บรรลุขั้นที่แปดหมื่น ก็จะมีรายนามอยู่ในสามพันคนแรก และนามนั้นก็จะปรากฏขึ้นบนแท่นศิลาไร้สิ้นสุด”

“ข้าหวังว่าจะได้ยินเสียงระฆังเป็นครั้งที่สามจริงๆ” คนทั้งหมดกำลังพูดคุยหัวเราะกันไปมา แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสียงระฆังครั้งที่สามจะดังก้องขึ้นมาอย่างแท้จริง แต่จากนั้น…

ชางหมางไถเริ่มสั่นสะเทือน และภูเขาก็สั่นไหวไปมา เมื่อเสียงระฆังครั้งที่สาม…ดังเต็มอยู่ในอากาศ!

เหง่ง, หง่าง, เหง่ง!!

เสียงระฆังดังก้องออกมาสามครั้งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกลิ่นอายเก่าแก่โบราณที่พุ่งมาปะทะใบหน้าของกลุ่มคนที่มุงดูอยู่ทั้งหมด ศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น เสียงหอบหายใจได้ยินมา ขณะที่คนทั้งหมดมองขึ้นไปยังชางหมางไถ

ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้น แต่เหล่าศิษย์ในตี้จิ่วจงเริ่มรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น มองตรงไปยังทิศทางของชางหมางไถ

“เสียงระฆังครั้งที่สาม!!”

“ธูปเผาไหม้ยังไม่ทันหมดดอกด้วยซ้ำ!!”

“ใครทำให้เสียงระฆังดังขึ้นได้…? ช่างน่าตกใจนัก! สามคนทำให้ระฆังดังก้องขึ้นในวันนี้ คนหนึ่งอยู่ในขั้นที่หนึ่งพัน อีกคนขั้นที่สองพัน และอีกคนขั้นที่สามพัน…”

ในทางกลับกัน ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่บนภูเขาซึ่งต่ำกว่าขั้นที่สามพันลงมา ต่างก็มั่นใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จิตใจพวกมันหมุนคว้างเมื่อรู้ว่าไม่ใช่สามคนทำให้เสียงระฆังดังขึ้น แต่เป็น…คนๆ เดียวกัน!

ด้วยเวลาที่น้อยกว่าธูปไหม้หมดไปสามดอก เขาก็เดินผ่านคนทั้งหมดไป เขาคือผู้ที่ทำให้…ระฆังดังก้องออกมาสามครั้ง!

“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน? เวลาธูปไหม้หนึ่งดอก เดินไปหนึ่งพันขั้น…”

“วันนี้กำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!!” ไม่มีใครรู้สึกว่าต้องการจะเดินขึ้นบันไดอีกต่อไป พวกมันกำลังหอบหายใจ ขณะที่มองขึ้นไปบนขั้นบันได ราวกับว่าสามารถจะมองเห็นเมิ่งฮ่าว…กำลังเดินขึ้นไปด้วยท่าทางสบายๆ ทีละก้าว ทีละก้าว

สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว มันคือเรื่องที่สบายอย่างแท้จริง ในตอนนี้เขาเดินขึ้นไปบนขั้นสามพันห้าร้อยแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเสียงระฆังครั้งที่สามก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงร่องรอยของการถูกชำระล้าง

น่าเสียดายที่มักจะเป็นความรู้สึกที่ไม่สมบูรณ์ ราวกับว่าเสียงระฆังนั้นไม่ได้บรรลุถึงจุดที่สามารถจะทำการชำระล้างเขาได้อย่างครบถ้วน

“น่าสนใจนัก ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องมีเสียงระฆังอีกหลายครั้ง ถ้าให้ดีที่สุดก็ควรจะทำให้พวกมันดังก้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง” เมิ่งฮ่าวคิด ก้าวเดินขึ้นไปอีกครั้ง แต่แทนที่จะเดินทีละขั้นบันได เขาเริ่มเดินไปทีละสามขั้นต่อหนึ่งก้าว!

เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า และในที่สุดก็บรรลุถึงขั้นที่สามพันเจ็ดร้อย จากนั้นก็ขั้นที่สามพันแปดร้อย, สามพันเก้าร้อย, สี่พัน!!

เขาพุ่งผ่านผู้ฝึกตนที่อยู่ระหว่างขั้นที่สามพันและสี่พันไปอย่างรวดเร็ว จนพวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังมองเห็น ขณะที่เงาร่างอันเลือนรางพุ่งผ่านพวกมันไป ทำให้เกิดเป็นสายลมปะทุขึ้นมาพร้อมกับเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศออกไป

“นั่น…นั่นคือใคร?”

จิตใจคนทั้งหมดกำลังหมุนคว้าง เมื่อเสียงระฆังครั้งที่สี่ดังก้องออกมา!!

เสียงนั้นทำให้ตี้จิ่วจงสั่นสะเทือนไปทั่ว ผู้ฝึกตนกำลังเข้ามาใกล้ภูเขาลูกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้มีอยู่หลายพันคน และเสียงพูดคุยของพวกมันก็ดังก้องขึ้นไปในอากาศ

อย่างไรก็ตาม…ก่อนที่เสียงพูดคุยเหล่านั้นจะทันได้เงียบสงบลง เสียงระฆังครั้งที่ห้าก็ดังก้องออกมา!!

เมิ่งฮ่าวเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง! แทนที่จะเดินขึ้นบันไดไปทีละสามขั้น เขากลับขึ้นไปทีละสิบขั้น! เนื่องจากความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้เสียงระฆังครั้งที่หกดังก้องออกมา และไม่นานหลังจากนั้นก็เป็นครั้งที่เจ็ด! พวกมันกำลังดังก้องขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน!

ก่อนที่เสียงระฆังครั้งที่เจ็ดจะจางหายไป เสียงระฆังครั้งที่แปดก็เริ่มดังขึ้นมา…กลายเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง! ต่อมาก็เป็นครั้งที่เก้า ทำให้ตกตะลึงไปทั้งสำนัก จากนั้นก็เป็นครั้งที่สิบ…คนทั้งหมดกำลังจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและอ้าปากค้างไปตามๆ กัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version