Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1519

ตอนที่ 1519

หานเป้ยแตกดับ

เพื่อที่จะส่งเมิ่งฮ่าวออกไปยังด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต หานเป้ยต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างสูงลิ่ว ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บเพื่อที่จะเรียกเจตจำนงแห่งหลัวเทียนลงมา ด้วยเช่นนั้นเมื่อนางกระทำอีกครั้ง ก็ทำให้ร่างกายแทบจะแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ

อย่างไรก็ตามขณะที่ร่างนางเริ่มแยกส่วนออกจากกัน ก็สามารถจะใช้พลังได้อย่างน่าประหลาดใจ โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก เมื่ออวัยวะภายในถูกทำลายไป แต่นางก็ยกมือขวาตรงไปยังเศษชิ้นส่วนน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามาและปัดมันออกไป

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่เศษชิ้นส่วนน้ำแข็งทั้งหมดหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นกลุ่มหมอก ต่อมากลุ่มหมอกเหล่านั้นก็รวมตัวกันเป็นลูกธนูดอกหนึ่ง ดวงตาหานเป้ยสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันดุร้าย เตรียมตัวที่จะส่งธนูดอกนั้นให้พุ่งกลับไปยังเมิ่งฮ่าว แต่จากนั้นสีหน้าก็ต้องสลดลงเมื่อตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวหายตัวไปแล้ว

ก่อนที่นางจะทันได้หมุนตัวไปรอบๆ เมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลัง

นางไม่มีเวลาที่จะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หรือเตรียมการป้องกันใดๆ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่โบกสะบัดมือขวา เรียกกระจกทองแดงออกมา ซึ่งมีรอยแตกขนาดใหญ่ตั้งแต่ตรงกลางลงมาแต่ก็ยังคงเป็นของวิเศษอันล้ำค่าเหมือนเช่นเคย

นกแก้วเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็ก เวลาเดียวกันนั้นพื้นผิวของกระจกก็ลอยออกมา และหนึ่งในเศษชิ้นส่วนทั้งเก้าที่ประกอบเข้าด้วยกัน ก็แทงเข้าไปตรงกลางหลังของหานเป้ย

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พลังของหานเป้ยก็ยังคงพุ่งทะยานขึ้นไป และเจตจำนงอันไร้ขอบเขตก็ไหลเข้ามาในร่างนางอย่างต่อเนื่อง ขยับร่ายเวทด้วยมือขวา

จากนั้นก็ชี้ไปทางด้านหลัง ทำให้อากาศรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแตกกระจายไป พลังที่ระเบิดออกมานั้นทำให้คนทั้งสองแยกออกจากกัน จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไปอีกครั้ง เมื่อปรากฏขึ้นใหม่ก็ไปอยู่ตรงตำแหน่งอื่น และโบกสะบัดมือส่งผลให้เศษชิ้นส่วนที่สองของกระจก แทงเข้าไปตรงหน้าผากของหานเป้ย

โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากนาง ขณะที่ขยับมือร่ายเวทอื่นอีก พื้นดินที่ด้านล่างเริ่มสั่นสะเทือน และรอยแตกร้าวก็เลื้อยออกไป แต่ในตอนนี้เองที่เศษกระจกชิ้นที่สามได้แทงเข้าไปในร่างนาง และจากนั้นก็ชิ้นที่สี่

ม่านตาหานเป้ยหรี่เล็กลง รู้สึกได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างตนเองและฉู่อวี้เยียนกำลังถูกทำลายไป จึงรีบพุ่งถอยไปทางด้านหลัง ขยับมือร่ายเวทอีกครั้ง พ่นโลหิตออกมาจากปาก กลายเป็นฝ่ามือสีโลหิตพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ตอนนี้นางล่าถอยไปอย่างเต็มกำลัง ใช้ความเร็วทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้หลบหนีจากไป เต็มไปด้วยลางสังหรณ์อย่างเข้มข้นว่า เศษชิ้นส่วนของกระจกทองแดงเหล่านี้ สามารถจะจบชีวิตตนเองได้อย่างแน่นอน!

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางพยายามจะหลบหนีจากไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบประกายเย้ยหยันขึ้น ยกมือขวาขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูเขาจำนวนมากปรากฏขึ้น ตกลงมาปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของนางไปโดยสิ้นเชิง ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็ราวกับว่าภูเขาเหล่านี้กำลังตกลงมาจากสวรรค์!

หานเป้ยแผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็ก จากนั้นก็กระแทกเข้าไปยังภูเขาเหล่านั้น ภูเขาแตกกระจายออกไป แต่เมื่อนางกำลังจะหลบหนีจากไปได้ เมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้าง โบกสะบัดมือขวาออกไป เศษกระจกชิ้นที่ห้า, หก และเจ็ดก็แทงเข้าไปในร่างนาง

ใบหน้าหานเป้ยซีดขาว และพลังเจตจำนงแห่งหลัวเทียนภายในร่างก็ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง ยังได้ใช้วิชาเวทเดียวกันกับที่เฉินฝานเคยใช้ออกมาอีกด้วย ทำให้ภาพเหตุการณ์ของการต่อสู้จำนวนมากเต็มอยู่ในความทรงจำของเมิ่งฮ่าว

แต่เมิ่งฮ่าวก็เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว รีบขยับร่ายเวทด้วยมือขวาอย่างรวดเร็ว และพลังอันมหาศาลก็ปะทุออกไป ซึ่งก็คือเวทผนึกกรรม ทำการตัดกรรมของนางไปในทันที

จากนั้นเศษกระจกชิ้นที่แปดก็แทงเข้าไปที่หน้าอกนาง

หานเป้ยหัวเราะด้วยความขมขื่น

ในตอนนี้การเชื่อมต่อกับวิญญาณของฉู่อวี้เยียนแทบจะหายไปโดยสิ้นเชิง จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับกัดฟันแน่น และทำการระเบิดวิญญาณของตนเองไปอย่างคาดไม่ถึง!

“ข้าอาจจะหายสาบสูญไปตลอดกาล แต่อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจเจ้าต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิต!” นางกล่าวด้วยแววตาที่สาดประกายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่พลังแห่งการระเบิดตนเองเริ่มพุ่งขึ้นมา

“สายไปแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ โบกสะบัดมือออกไป และเศษกระจกชิ้นที่เก้าก็ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หานเป้ยไม่อาจจะป้องกันได้ถึงแม้ว่าจะพยายามก็ตาม เศษกระจกชิ้นสุดท้ายแทงเข้าไปตรงจุดตันเถียนนางโดยตรง

“ตัดวิญญาณ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ นกแก้วแผดร้องออกมา พุ่งตรงไปยังหานเป้ยด้วยความรวดเร็วสูงสุด เวลาเดียวกันนั้นเศษชิ้นส่วนกระจกก็ระเบิดขึ้น

แม้ว่าเมิ่งฮ่าวตั้งใจจะกำจัดหานเป้ยไปอย่างแน่วแน่ ถึงแม้ว่าวิญญาณนางจะมีการเชื่อมต่ออยู่กับวิญญาณของฉู่อวี้เยียน

แต่หลังจากที่ได้ครอบครองกระจกทองแดง ก็รู้ว่าสามารถจะแยกคนทั้งสองออกจากกันได้ อันตรายหลักๆ ก็คือถ้าหานเป้ยเลือกที่จะระเบิดตนเองไป ก็เป็นสิ่งที่ตนเองไม่อาจจะป้องกันได้

ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงไม่ได้โจมตีหานเป้ยไปอย่างเต็มกำลังในทันที กลับตั้งใจที่จะพูดถึงเรื่องราวเมื่อในอดีต เพื่อกระตุ้นกระแสความทรงจำอยู่ในแววตาหานเป้ย ในตอนที่นางหวนรำลึกนึกถึงอดีตอยู่นั้น เขาก็ปลดปล่อยเวทผนึกกรรมออกไป เพื่อทำการตัดวิญญาณนาง!

เวทผนึกกรรมไม่เพียงพอที่จะทำลายการเชื่อมต่อกับวิญญาณของฉู่อวี้เยียน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เมิ่งฮ่าวกระทำมาจากก่อนหน้านี้เป็นแค่การหลอกล่อเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงก็คือใช้กระจกทองแดงและนกแก้วเพื่อตัดการเชื่อมต่อวิญญาณระหว่างคนทั้งสองไปโดยสิ้นเชิง!

เสียงกรีดร้องของนกแก้วดังก้องออกไป ในเวลาเดียวกับที่เศษกระจกทั้งเก้าชิ้นเริ่มระเบิดขึ้น จากนั้นนกแก้วก็พุ่งทะลวงร่างของหานเป้ยออกไปอย่างง่ายดาย

ขณะที่นกแก้วพุ่งผ่านร่างหานเป้ย ก็ไปทำลายเส้นใยของวิญญาณ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนวิญญาณของฉู่อวี้เยียนที่ตั้งอยู่ภายในวิญญาณของหานเป้ย เศษชิ้นส่วนวิญญาณอันเลือนลางเริ่มยืดยาวออกไป ขณะที่ถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็วจากวิญญาณของหานเป้ย

ในตอนนี้เองที่พลังการระเบิดของเศษชิ้นส่วนกระจกได้พุ่งขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง ชิ้นส่วนทั้งเก้าระเบิดอยู่ในร่างหานเป้ย กรีดเฉือนไปยังจุดที่วิญญาณทั้งสองเชื่อมต่อกัน หานเป้ยกรีดร้องเป็นเสียงโหยหวน ขณะที่วิญญาณของตนเองถูกตัดออกไปจากวิญญาณของฉู่อวี้เยียน

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น

เมื่อนกแก้วแผดร้องดังก้องไปทั่วในอากาศ บินกลับมายังเมิ่งฮ่าวหมุนวนเป็นวงกลมไปรอบๆ พร้อมกับเศษชิ้นส่วนวิญญาณของฉู่อวี้เยียน สำหรับเศษชิ้นส่วนกระจก พวกมันก่อตัวขึ้นมาใหม่และลอยกลับไปยังกระจกทองแดง กลายเป็นพื้นผิวกระจกที่สมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

ในตอนนี้ความต้องการเข่นฆ่าหานเป้ยของเมิ่งฮ่าวไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย พุ่งร่างตรงไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้านาง จากนั้นก็ต่อยหมัดออกไป

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่ร่างหานเป้ยระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ วิญญาณนางลอยขึ้นไปในอากาศ และยิ้มอย่างขมขื่น จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

“เมิ่งฮ่าว เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก…เจ้าคู่ควรที่จะเป็นหลัวเทียนจื่อได้อย่างแท้จริง มีสายโลหิตแห่งตระกูลทุกชั้นฟ้าอย่างเข้มข้น…แต่โชคชะตาของเจ้าได้ถูกผนึกไว้แล้ว! โชคชะตาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียนทั้งปวงต่างก็ถูกผนึก! ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้!” หานเป้ยเริ่มหัวเราะอย่างขมขื่น วิญญาณนางถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน อันเนื่องมาจากการเรียกเจตจำนงแห่งหลัวเทียนออกมา เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดๆ อีกในตอนนี้ หานเป้ยคล้ายกับเป็นตะเกียงน้ำมันที่แทบจะเหือดแห้งหายไปแล้ว วิญญาณนางสั่นสะท้านขณะที่รอยแตกร้าวเริ่มกระจายออกไปทั่ว

ในที่สุดนางก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าแทบจะแยกส่วนกระจัดกระจายออกไปแล้ว

“ตระกูลทุกชั้นฟ้าคืออะไร?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นมาในทันที

“เจ้ารู้อยู่แก่ใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน…ข้าบอกได้แต่เพียงว่า ตระกูลทุกชั้นฟ้าคือสายโลหิตที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียน พวกมันกระจัดกระจายอยู่ในท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…ช่วยให้เจตจำนงแห่งหลัวเทียนกลับขึ้นไปสู่จุดสูงสุด!”

“ในชีวิตนี้ ข้าคือหลัวเทียนจือหนี่ว์ (บุตรีแห่งหลัวเทียน) และเจ้าก็คือหลัวเทียนจือจื่อ (บุตรแห่งหลัวเทียน) เรื่องระหว่างพวกเรายังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้!” เสียงหัวเราะของนางเริ่มดังก้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวิญญาณไม่อาจจะคงอยู่ได้อีกต่อไป เสียงระเบิดคล้ายเสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องออกมา ขณะที่นางระเบิดขึ้นกลายเป็นเถ้าธุลีไป!

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ หลังจากที่กลับมาจากด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ก็ได้ข้อสรุปมากมายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ถอนหายใจมองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า

ในที่สุดจินหยุนซาน เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ก็ปรากฏกายขึ้น พวกมันลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จิตใจเต้นรัวด้วยคลื่นแห่งความตกใจ ความสามารถแปลกๆ ที่หานเป้ยใช้ออกมานั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีเจตจำนงแห่งหลัวเทียนปรากฏขึ้นมา และพลังอันน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าวก็ทำให้พวกมันต้องหอบหายใจกันไปทั่ว

ในที่สุดคนทั้งหมดก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งจากไป

ผู้ที่จากไปเป็นคนสุดท้ายคือเจ้าสำนัก มันมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน จากนั้นก็มองไปยังจุดที่หานเป้ยหายตัวไปด้วยแววตาครุ่นคิด ในที่สุดก็ประสานมือและจากไป

หลังจากที่พวกมันจากไป เมิ่งฮ่าวก็มองลงไปยังเส้นใยวิญญาณของฉู่อวี้เยียน นกแก้วบินมาเกาะอยู่บนไหล่

ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็พึมพำ “หานเป้ยพูดถูก ตอนนี้ข้ารู้ความจริงได้สักพักแล้ว”

“มีเจตจำนงบางอย่างอยู่ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตถูกเรียกว่า

หลัวเทียน…ในอดีตที่ผ่านมาหลัวเทียนเป็นผู้สร้างโลก สร้างชีวิต และสร้างผู้ฝึกตน คล้ายกับเป็นราชันแห่งสิ่งทั้งปวง”

“แต่มันเริ่มอ่อนแอลงไป และในที่สุดก็ถึงจุดที่ต้องตายไป ร่างกายมันเริ่มหายไป ที่ยังคงเหลืออยู่ทั้งหมดก็คือดรรชนีทั้งห้า”

“ดรรชนีเหล่านั้นเป็นตัวแทนของเซียน, ปีศาจ, เทพ, มาร และอสูร…”

“ทุกครั้งที่หนึ่งในตัวแทนเหล่านั้นปรากฏขึ้น ก็จะผลักดันให้หลัวเทียนเข้าไปใกล้ความตายมากขึ้น ดรรชนีเหล่านั้นเป็นตัวแทนของชีวิตมัน เป็นตัวตนที่คงอยู่เหนือเต๋าแห่งสวรรค์ และเป็นเจตจำนงของทุกสรรพสิ่ง”

“เหตุผลที่ทำไมหลัวเทียนถึงได้หวาดกลัวเซียน บางทีอาจจะมีคำตอบที่หลากหลาย แต่ถ้า…เซียนปรากฏขึ้น เดินไปบนวิถีทางดั้งเดิม ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ถ้าเซียนปรากฏขึ้นมาจริงๆ หลัวเทียนก็จะตายไปในทันที!”

“เมื่อเซียนกำลังจะปรากฏขึ้น โลกก็ถูกทำลายไป!”

“เมื่อชางหมางเหลาจู่ (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด) กำลังจะกลายเป็นเซียน เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็ทำการขัดขวาง และทำลายดินแดนอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดไป นับจากนั้นเป็นต้นมาชางหมางเหลาจู่ก็ไม่ได้กลายเป็นเซียน แต่เป็นปีศาจแทน ย้อนกลับไปในตอนที่ข้ากำลังหลบหนีจากมาพร้อมกับผีเสื้อขุนเขาทะเล ก็ได้พบกับชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นจริงในตอนนั้นให้กับข้าฟังทั้งหมด”

“ในความโศกเศร้าเสียใจของชางหมางเหลาจู่ มันได้เปลี่ยนให้ดินแดนอันกว้างใหญ่กลายเป็นสุสานของตนเอง จากนั้นก็ออกไปยังด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเพื่อทำลายดรรชนีของหลัวเทียน นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่มันสามารถจะทำได้ ขณะที่ยังไม่แข็งแกร่งอย่างเพียงพอที่จะสังหารหลัวเทียนไป”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version