Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1518

ตอนที่ 1518

เข้าไปใกล้ชีวิตที่เก้า

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อแก่นแท้แห่งความว่างเปล่าของเวทรุ่นแปดตกลงมา ตรึงทุกสรรพสิ่งให้แน่นิ่งอยู่กับที่ ความว่างเปล่าถูกผนึกไว้ อากาศถูกผนึกไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกผนึกไว้!

แม้แต่ลำแสงก็ยังต้องหยุดชะงักนิ่ง เมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงไป ไม่สนใจแสงและพลังทำลายล้างที่กระจายอยู่ภายในนั้น ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปด้านใน

แสงนั้นปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว บิดเบี้ยวไปมาอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะระเบิดออกไป เมิ่งฮ่าวก้าวลงไปบนค่ายกลเวท ยื่นมือออกไปคว้าจับหานเป้ยที่โปร่งใสไปแล้วครึ่งตัว

แทบจะในทันทีที่มือของเมิ่งฮ่าวกำลังจะแตะสัมผัสไปโดนตัว นางก็หัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา

“ถ้าเจ้าสังหารข้า ฉู่อวี้เยียนก็ต้องตาย!” หานเป้ยกรีดร้องออกมา แม้ในขณะที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องออกมา และก่อนที่นางจะทันได้พูดประโยคอื่นออกมา ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาราวน้ำแข็ง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย คว้าจับไปที่ลำคอนางอย่างรวดเร็ว

หานเป้ยแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และนางก็ระเบิดกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

“นี่ไม่ใช่ร่างจริงของเจ้า เป็นแค่เครื่องมือที่ละทิ้งได้เท่านั้น หรืออาจจะเป็นร่างจำแลงที่ถูกใช้ในฐานะที่เป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับการเกิดใหม่” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ

“ตอนนี้เมื่อข้าสังหารร่างนี้ไปแล้ว ก็อยากรู้ว่าเจ้าจะหลบหนีโทสะของข้าไปได้อย่างไรอีก” เมิ่งฮ่าวหลับตาลง ขณะที่ติดตามกลิ่นอายของเลือดเนื้อหานเป้ยไป พยายามไล่ตามร่องรอยของนางอีกครั้ง

หานเป้ยเจ้าเล่ห์อย่างถึงที่สุด และได้จัดเตรียมแผนการช่วยชีวิตไว้มากมาย อย่างน่าแปลกใจยิ่ง แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ต้องมีปัญหาในการติดตามร่องรอยที่นางเคลื่อนย้ายทางไกลจากไป

เมิ่งฮ่าวติดตามร่องรอยต่างๆ มาถึงสถานที่แห่งนี้ และพบกับร่างจำแลงของนาง หานเป้ยเป็นคนที่ฉลาดอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่าร่างจริงและร่างจำแลงของนางหลบหนีไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ถ้าเมิ่งฮ่าวติดตามร่างจำแลงนางไป ก็จะตรงตามแผนการที่นางวางไว้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเมิ่งฮ่าวติดตามร่างจริงไป ร่างจำแลงก็สามารถหลบหนีจากไปได้ และจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่ ถ้าเขาสังหารร่างจริงไป

“พบแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาแวบประกายขึ้น ขณะที่มองออกไปยังที่ห่างไกล ที่แห่งนั้นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้มองเห็นเงาร่างๆ หนึ่ง ซึ่งไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อนเมื่อครู่นี้

เงาร่างที่กำลังหลบหนีไปนั้นก็คือ…ร่างจริงของหานเป้ย!

เส้นผมนางยุ่งเหยิงและใบหน้าก็ซีดขาว ดูเหมือนว่าจะรู้สึกตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ ราวกับนางไม่เคยจะคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งจนรอดชีวิตมาได้ และไล่ตามนางมาจากด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตได้

อันที่จริงสำหรับนางแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตมาได้เมื่อออกไปอยู่ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…สำหรับเซียนที่กลายเป็นอสูร!

“มันไม่ถูกกลืนกิน ยังคงเป็นตัวของตัวเอง มันไม่ได้กลายเป็นหลัวเทียนสือเจ่อ (ทูตแห่งหลัวเทียน) มันทำได้อย่างไรกัน? บัดซบ!!” แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างหานเป้ย ขณะที่คิดไปถึงเพลิงโทสะและกลิ่นอายอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว สามารถจะคาดคิดได้ว่าจิตใจเมิ่งฮ่าวในตอนนี้กำลังมุ่งเน้นอยู่ที่การสังหารตนเองไปโดยสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ต้องการจะทดสอบว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้สนใจวิญญาณของฉู่อวี้เยียนอีกแล้วหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นหานเป้ยก็ตระหนักดีว่าเขาสามารถจะสังหารนางไปได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

“ไม่มีทางที่มันจะไม่สนใจนาง!” หานเป้ยคิดพร้อมกับกัดฟันแน่น ขณะที่บินต่อไป ทันใดนั้นเมืองของโลกมนุษย์แห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า!

เมื่อเมิ่งฮ่าวตระหนักว่านางกำลังบินตรงไปยังทิศทางใด ม่านตาก็ต้องหรี่เล็กลง ไกลจากภูเขาออกไปตรงเส้นขอบฟ้าคือเมืองซึ่งชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงตนเองอาศัยอยู่ บนพื้นที่ราบซึ่งเหยียดยาวออกไปในที่แห่งนั้นคือเมืองหลวงขนาดใหญ่ของแคว้นมนุษย์

เมิ่งฮ่าวมีการเชื่อมต่อกับชีวิตที่เก้านี้น้อยมาก ที่ทำได้ทั้งหมดก็คือแค่รับรู้ถึงมันได้เท่านั้น แต่ความรู้สึกนี้ก็ช่วยให้สามารถรู้ว่าร่างจำแลงอยู่ที่ไหน

แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เมิ่งฮ่าวสามารถตรวจสอบสถานะในตอนนี้ของร่างจำแลงได้ แม้แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมองไม่เห็นอะไร นอกจากกลุ่มหมอกที่เลือนรางเท่านั้น แต่ก็สามารถจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยซึ่งกำลังบ่มเพาะอยู่ภายในชีวิตที่เก้าของร่างจำแลง

มันคือกลิ่นอายที่สมบูรณ์ของเวทรุ่นเก้า เป็นกลิ่นอายที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งหมดไปในทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นกลิ่นอายที่สามารถจะครอบคลุมไปยังทุกชีวิตทั้งหมด ทำให้อากาศบิดเบี้ยว ทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะเจาะทะลวงผ่านเข้าไปได้

“หานเป้ยรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงข้าอยู่ที่ไหน? หรือว่าแค่เดาสุ่มไปเท่านั้น?” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้าขึ้น

แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าเยียนเอ๋อร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เก้าร่างจำแลงตนเองไปแล้ว เพราะเหตุนี้จึงทำให้หานเป้ยที่มีการเชื่อมต่อกับวิญญาณของฉู่อวี้เยียนสามารถไปยังทิศทางนั้นได้ นางไม่รู้ว่าการเกิดใหม่ของร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวกำลังปิดบังสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ในส่วนของฉู่อวี้เยียนไว้ แต่ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงตำแหน่งอย่างคร่าวๆ

ดังนั้นนางกำลังพุ่งตรงไปที่นั่นเพื่อพยายามค้นหาฉู่อวี้เยียน!

ขณะที่หานเป้ยพุ่งตรงไป เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา และขยับร่างเคลื่อนไหวเพื่อไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว

เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วแผ่นฟ้าและผืนดิน หานเป้ยกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ไปอยู่ในอากาศเหนือเมืองหลวงที่ร่างจำแลงอาศัยอยู่

“ต้องเป็นสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน!” หานเป้ยคิด ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความยินดี นี่คือแผนการช่วยชีวิตสุดท้ายของตนเอง นางรู้ดีว่าต่อให้หลบหนีไปยังส่วนที่ไกลมากที่สุดของความว่างเปล่าไร้ขอบเขต เมิ่งฮ่าวก็ยังคงสามารถจะไล่ตามไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้รับบาดเจ็บอยู่อีกด้วย จากการเรียกเจตจำนงแห่งหลัวเทียนให้มาอยู่ภายในร่าง ดังนั้นโอกาสสุดท้ายที่จะมีชีวิตรอดก็ขึ้นอยู่กับฉู่อวี้เยียนแล้ว

นางหวังว่าในตอนที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกเกลียดชังจนไม่อาจจะควบคุมสติตนเองได้ เมื่อได้เห็นฉู่อวี้เยียนอย่างกะทันหันอาจจะทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา

น่าเสียดายถึงแม้ว่านางจะรู้ถึงสถานที่อยู่ของฉู่อวี้เยียน แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้อย่างแน่ชัดว่าอยู่ในที่แห่งใด รู้แต่เพียงว่าอยู่ในเมืองนี้เท่านั้น ซึ่งทำให้นางรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย

แต่นางก็ไม่มีทางรู้ว่ายิ่งเข้าไปใกล้เป้าหมายมากเท่าใด ความต้องการสังหารของเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เขาจะปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับร่างจำแลงของตนเองได้อย่างไรกัน?

ในขณะที่หานเป้ยมาถึงยังด้านนอกของเมืองแห่งนี้

เสียงที่คล้ายกับฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องไปทั่ว ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าอากาศจะแยกส่วนออกจากกัน และเมิ่งฮ่าวก็โผล่ออกมาอยู่ที่เบื้องหน้าหานเป้ย

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวน้ำแข็ง รังสีสังหารพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หานเป้ยสั่นสะท้านและเริ่มหอบหายใจออกมาในทันที

เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวขึ้นมาของเมิ่งฮ่าว ทำให้กลุ่มเมฆที่ด้านบนมีปฏิกิริยาขึ้นมา เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องมากขึ้น ทำให้สายฝนเริ่มตกลงมา ไม่นานหลังจากนั้นพื้นดินก็เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน

ผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในเมืองรีบวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ตอนนี้เป็นยามสนธยา และขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงไป สายฝนก็เริ่มตกหนักมากขึ้น

ภายในซอยแคบๆ ตรงมุมหนึ่งของเมืองนี้เป็นร้านช่างไม้แห่งหนึ่ง เสียวเป่านั่งอยู่ที่นั่น กำลังแกะสลักท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ตามรูปทรงที่มีอยู่ในความทรงจำของตนเอง ฟ้าร้องคำรามอยู่ตรงด้านนอก และเสียงฝนตกหนักก็ได้ยินมา โดยปกติแล้วเสียงเหล่านี้มักจะทำให้ความคิดของเขาพลุ่งพล่านปั่นป่วน ทำให้ต้องคิดไปถึงรูปร่างหน้าตาของต้นกำเนิดเสียงเหล่านี้

แต่วันนี้เสียวเป่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ราวกับว่ามีบางสิ่งที่สำคัญกำลังจะเกิดขึ้นมา

ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางด้านหลัง ซึ่งก็คือภรรยาของตนเอง มานั่งอยู่ตรงด้านข้างซบไปบนไหล่ เสียวเป่ายิ้มออกมา และทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายใจก็จางหายไปกลายเป็นความสงบนิ่ง

ภรรยาเสียวเป่ามองมาด้วยแววตาที่อ่อนโยนและยิ้มด้วยเช่นกัน ท้องของนางดูเหมือนว่าจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย ชีวิตน้อยๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาอยู่ภายในนั้น…

ด้วยกลุ่มหมอกที่หนาแน่น ทำให้ร่างจริงเมิ่งฮ่าวไม่สามารถจะรับรู้ได้ถึงเรื่องราวในชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงตนเอง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างชีวิตที่เก้า ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้เช่นกัน ตอนนี้เสียงฟ้าร้องคำรามกำลังดังก้องอยู่ที่ด้านนอก ประกอบไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคย

“ถ้าเจ้าสังหารข้า ฉู่อวึ้เยียนก็จะตาย!” หานเป้ยกล่าวขึ้นด้วยเสียงแหลมเล็ก รู้สึกวิตกกังวล และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

สายฟ้าฟาดลงมาและสายฝนก็โหมกระหน่ำ เมิ่งฮ่าวไม่ได้ใช้พลังการฝึกตนเพื่อป้องกันสายฝนไม่ให้มาสัมผัสโดนร่าง ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร และขณะที่สายฝนตกลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว ก็กลายเป็นน้ำแข็งตกลงไปบนพื้น

เมิ่งฮ่าวมองไปยังหานเป้ยและกล่าวว่า “ในปีนั้นเจ้าและข้าพบกันครั้งแรก ตอนที่เข้าไปในดินแดนสงบสุขโบราณแห่งสำนักชิงหลัว”

ดวงตาแวบประกายขึ้นด้วยความทรงจำ ในอดีตที่ผ่านมาเมิ่งฮ่าวไม่เคยเสียเวลาในการดื่มด่ำกับความคิดถึง แต่เมื่อผ่านไปนานหลายปีก็เริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายมากขึ้น และจากนั้นก็ต้องพบเจอกับการที่อาณาจักรขุนเขาทะเลต้องถูกทำลายล้าง ในที่สุดก็บรรลุถึงจุดที่ต้องหวนรำลึก

ถ้าเป็นไปได้ เมิ่งฮ่าวไม่ยินดีที่จะให้ความทรงจำทั้งหมดของกลุ่มคนที่เคยเป็นสหายของตนเองต้องถูกลบล้างไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…คนที่ต้องตายไปด้วยเงื้อมมือของตนเอง

เมิ่งฮ่าวรู้สึกเช่นนี้กับเฉินฝาน และตอนนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับหานเป้ย

หานเป้ยมองกลับมาด้วยแววตาที่แวบประกายขึ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน ขณะที่คิดย้อนกลับไปเมื่อในอดีต

จากนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า สิ่งที่กล่าวไปเมื่อครู่นี้มีความจริงใจอยู่เจ็ดในสิบส่วน หลอกลวงอยู่สามส่วน จนต้องถอนหายใจออกมาอย่างแท้จริง แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะทำให้หานเป้ยต้องคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อในอดีต!

ในชั่วพริบตามือขวาเมิ่งฮ่าวก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว เวทผนึกกรรมปรากฏขึ้น และชี้นิ้วออกไปทำให้หานเป้ยเริ่มสั่นสะท้าน เส้นใยกรรมทั้งหมดปรากฏขึ้นเหนือศีรษะนาง และเมิ่งฮ่าวก็ดึงออกมาเส้นหนึ่ง

เส้นใยกรรมนี้คือเส้นใยที่ทำการเชื่อมต่อนางเข้ากับฉู่อวี้เยียน!

เวลาเดียวกันนั้น มือเมิ่งฮ่าวก็กรีดเฉือนฝ่าอากาศออกไป เศษชิ้นส่วนน้ำแข็งที่ตกลงไปจากร่างเมื่อครู่นี้ จู่ๆ ก็ลอยฝ่าอากาศขึ้นมา กลายเป็นใบมีดอันคมกริบนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังหานเป้ยอย่างรวดเร็ว และยังได้พุ่งไปยังเส้นใยกรรมที่เชื่อมต่อนางกับฉู่อวี้เยียนอย่างแม่นยำด้วยเช่นกัน

ดวงตาหานเป้ยเบิกกว้างขึ้นและหอบหายใจออกมา รีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังในทันที ขยับสองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือปลดปล่อยพลังการฝึกตนของตัวเองออกไป แต่นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย ในชั่วพริบตาเศษชิ้นส่วนน้ำแข็งเหล่านั้นก็พุ่งมาอยู่ที่เบื้องหน้า และกำลังจะกรีดเฉือนร่างกายไป

ในตอนนั้นเองที่นางกรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็ก ม่านตาดำขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลบสีขาวในดวงตาไปจนหมดสิ้น เจตจำนงอันไร้ขอบเขตเริ่มกระจายออกมาจากร่างนาง

มันคือเจตจำนงแห่งหลัวเทียน และขณะที่มันระเบิดออกมา โลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากหานเป้ย ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เสียงกระดูกแตกหักดังก้องออกมาจากภายในร่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version