Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1594

ตอนที่ 1594

ฝังไว้ในห้วงกาลเวลา

บนยอดเขาดูสวยงามราวกับเป็นภาพวาด เหมือนกับที่เคยเป็นมาอยู่ตลอดเวลา ถูกแยกออกไปจากโลกแห่งนี้โดยสิ้นเชิง

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวบรรลุถึงด้านบนสุด ก็มองเห็นโลงศพซึ่งตั้งอยู่ในที่ห่างไกล ภายในโลงศพใบนั้น…ว่างเปล่า!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวกำลังมองไปยังโลงศพที่ว่างเปล่า เขาเคยมายังที่แห่งนี้หลังจากที่สวี่ชิง

หลับใหลไปครั้งสุดท้าย และเป็นช่วงเวลาที่พบว่าไม่มีใครอยู่ภายในโลงศพนี้อีกต่อไป

ฉู่อวี้เยียนหายตัวไปแล้ว

นางไปยังที่แห่งใด ไม่มีใครรู้ แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ตาม ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เขาได้พบกับเรื่องราวอันน่าตกใจนี้ ก็ยืนอยู่ที่นั่นเฝ้ามองไปด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า

ฉู่อวี้เยียนไม่น่าจะจากไปด้วยตนเองได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ จากระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว และความจริงที่ว่าตนเองคือราชันแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ เขาน่าจะสามารถรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของนาง

แต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่านางไปอยู่ในที่แห่งใด

สามารถจะอธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือว่า นางจากไปในตอนที่เขากำลังสร้างโลงศพน้ำแข็งด้วยแก่นแท้เต๋าของตนเอง เพราะว่าต้องใช้พลังและสมาธิทั้งหมดเพ่งไปที่การกระทำนั้น จึงไม่อาจจะให้ความสนใจสิ่งใดๆ ได้อีก ทำให้เกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงขึ้นกับฉู่อวี้เยียนตลอดช่วงเวลานั้น

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สมเหตุสมผลที่เขาไม่อาจจะสังเกตพบได้ ยกเว้นว่า…ฉู่อวี้เยียนไม่ได้จากไปด้วยตนเอง ยกเว้นว่า…มีใครบางคนมายังที่แห่งนี้และนำนางจากไป

ใครคนนั้นไม่น่าจะเป็นหลัวเทียน เพราะว่ามันไม่อาจจะผ่านเข้ามาในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ได้ ต้องเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน

พื้นฐานฝึกตนของคนผู้นั้น…ต้องอยู่ในระดับเดียวกับเมิ่งฮ่าว หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกันเป็น

อย่างยิ่ง

ยังมีร่องรอยบางอย่างถูกทิ้งไว้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะดูเลือนรางอย่างถึงที่สุดก็ตาม เมิ่งฮ่าวคือราชันแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังในอาณาจักรบรรพจารย์ ถ้าต้องการจะรู้บางสิ่งบางอย่าง ก็มีแต่บุคคลที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงกว่าตนเองเท่านั้น ที่สามารถจะปกปิดและจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เลย

จากร่องรอยเหล่านั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะบ่งชี้ได้ว่า ใครก็ตามที่นำฉู่อวี้เยียนจากไป ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ

จากคำพยากรณ์ที่เมิ่งฮ่าวคิดคำนวณ ก็ทำให้เชื่อว่าการที่ฉู่อวี้เยียนถูกนำตัวไปคือโชควาสนาที่ยากจะพบพานสำหรับนาง และยังเกิดเป็นความรู้สึกด้วยว่าตนเองอาจจะได้พบกับนางอีกในวันข้างหน้านี้

เนื่องจากเช่นนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวตัดสินใจที่จะไม่สอดมือเข้าไปแทรกแซง กลับปล่อยให้สถานที่แห่งนี้ยังคงถูกผนึกไว้เหมือนเช่นเคย

หลังจากที่เดินขึ้นไปจนถึงด้านบนสุด เมิ่งฮ่าวก็เดินไปยังโลงศพและมองลงไปยังความว่างเปล่าที่ด้านใน ความทรงจำแวบประกายขึ้นมาในแววตา และในที่สุดก็ถอนหายใจ ราวกับว่ากำลังได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งพูดกับตนเองว่า

“ซือจุน (อาจารย์) โปรดสัญญากับข้าว่า ท่านจะบอกเล่าเรื่องราวที่เหลือครึ่งหลังให้ข้าฟังสักวันหนึ่ง”

 

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่างเปล่ามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อสวี่ชิงตกอยู่ในห้วงหลับใหล พร้อมกับนำหัวใจตนเองไปด้วย ขณะที่ยืนครุ่นคิดเกี่ยวกับฉู่อวี้เยียนอยู่ที่นั่น ก็ราวกับว่าเจตจำนงของตนเองก็ถูกนำจากไปด้วยเช่นกัน

เวลาเลื่อนผ่านไป และเมิ่งฮ่าวก็ดูแก่ชราลงไปมากขึ้น เขามองขึ้นไปในท้องฟ้า จมอยู่ในความโดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็จากไป ก้าวเดินเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล ไปเยี่ยมเยือนภูเขา ไปยังท้องทะเล ในที่สุดก็บรรลุถึงทะเลที่เก้า ไปยืนอยู่ที่นั่นและมองลงไป

ทะเลที่เก้าเหือดแห้งหายไปมากกว่าครึ่ง

กู๋อี่ติงซานอวี่มีกรรมเชื่อมต่อกันกับเมิ่งฮ่าว ดังนั้นจึงกลายเป็นเป้าหมายของคำสาปแช่งนั้น แต่ก็เป็นเช่นเดียวกับปรมาจารย์เอกะเทวะ นางตัดสินใจเข้าสู่ห้วงการหลับใหล เพื่อช่วยยืดอายุขัยของตนเอง

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองลงไปยังทะเลที่เก้า ก็รับรู้ได้ถึงความผันผวนอย่างเลือนรางที่กระจายออกมาจากร่างของกู๋อี่ติงซานอวี่ ทำให้จิตใจเริ่มสงบลงทีละน้อย จากนั้นก็เดินทางกลับไปยังขุนเขาที่เก้า และถ้ำน้ำแข็งที่ประกอบด้วยความทรงจำทั้งหมดของตนเอง ไปนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างโลงศพน้ำแข็งซึ่งมีบิดามารดาและสวี่ชิงอยู่ด้านใน ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความทุกข์ใจ

หลังจากที่ห้วงเวลาทั้งหมดผ่านไป เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะครุ่นคิดไปถึงวิธีการทำลายคำสาปแช่งของหลัวเทียน

เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมา เป็นความคิดที่ดูเหมือนว่าจะคลุ้มคลั่งอย่างแท้จริง

“หลังจากเวทผนึกอสูรทั้งเก้าแล้ว ยังจะมี…เวทอันดับสิบอยู่หรือไม่?”

เวลาเลื่อนผ่านไปอย่างต่อเนื่อง หนึ่งพันปี สองพันปี สามพันปี…

ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วสองหมื่นปีตั้งแต่ที่เมิ่งฮ่าวต่อสู้กับหลัวเทียน ตลอดช่วงเวลานั้นผู้คนที่ตนเองรู้จักในชางหมางพ่ายได้ตายไปมากมาย

เป็นเรื่องง่ายที่จะพบเห็นขนหงส์หรือเขากิเลน กว่าการค้นพบผู้คนในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลที่ยังคงจดจำเมิ่งฮ่าวได้ ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกพิสดารและเก่าแก่โบราณเป็นอย่างมาก

ตลอดช่วงเวลาสองหมื่นปีที่ผ่านมา อาณาจักรขุนเขาทะเลมีการขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่เวลาเดียวกันนั้นก็มีการแตกแยกมากขึ้น เก้าขุนเขาถูกแยกออกเป็นเก้าฝ่าย ต่างก็วางแผนต่อสู้ซึ่งกันและกันด้วยอุบายทั้งหมดเท่าที่คิดขึ้นมาได้

จนถึงจุดที่พวกมันต้องการแยกตัวออกไปจากฝ่ายอื่นๆ ทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าเดิมทีเก้าขุนเขาทะเลไม่อาจจะถูกแบ่งแยกได้แล้วละก็ พวกมันคงจะแยกตัวออกไปอย่างแน่นอน อันที่จริงความแตกแยกนี้ไม่อาจจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายนอก แต่เกิดขึ้นภายในจิตใจของกลุ่มผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักร

เกราะป้องกันถูกสร้างขึ้นมากั้นระหว่างเก้าขุนเขาทะเล ในอดีตที่ผ่านมาพวกมันมีการติดต่อกันทั้งหมด แต่ตอนนี้ต่างก็แยกตัวออกมาอยู่ในโลก

ของตนเอง มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะเดินทางผ่านไปมากันได้ก็คือต่อสู้และสังหาร

การขยายอาณาเขตตรงด้านนอกอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ถูกแบ่งแยกด้วยเช่นกัน

ขณะที่สิ่งมีชีวิตถูกปราบพิชิตมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดอาณาจักรขุนเขาทะเลก็บรรลุถึงสถานะสูงสุด เช่นเดียวกับตอนที่เคยปกครองอาณาจักรชั้นต่ำทั้งสามพันอาณาจักรเมื่อในอดีต อันที่จริงพวกมันได้ก้าวผ่านจุดนั้นไปแล้ว และได้ปกครองสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆ มากถึงหนึ่งหมื่นชนิด

 

ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวยังมีกองกำลังอื่นอีก ตลอดช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีแรก พวกมันยังคงจะค่อนข้างเงียบสงบ แต่เมื่อถึงช่วงหนึ่งหมื่นปีต่อมากองกำลังนั้นก็ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือ…ชางหมางพ่าย!

ในอดีตชางหมางพ่ายคือกองกำลังอันดับหนึ่ง และตลอดช่วงหนึ่งหมื่นปีหลัง ก็เริ่มขยายตัวออกไปอีกครั้ง ม้วนกวาดไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จนมีชื่อเสียงเทียบเท่ากับอาณาจักรขุนเขาทะเล ในที่สุดท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน

และก็เป็นไปตามที่คาด ความขัดแย้งเริ่มก่อตัวขึ้นมา จากความขัดแย้งเล็กน้อยก็เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น จนในที่สุดกองกำลังทั้งสองก็ไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้ราวกับเป็นน้ำและไฟ

ผู้แข็งแกร่งทรงพลังเกิดขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ อาณาจักรขุนเขาทะเลสามารถใช้พลังจากของวิเศษที่เป็นตัวอาณาจักรเองได้อย่างเต็มกำลัง แต่ถึง

แม้ว่าคนรุ่นเก่าได้ตายไปแล้วทั้งหมด แต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นใหม่ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากกรรม และมีอายุขัยที่สั้นลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเช่นนั้นถึงแม้ว่าผู้แข็งแกร่งทรงพลังของพวกมันจะมีเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดในแง่ของจำนวนทั้งหมด

ชางหมางพ่ายก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งทรงพลังส่วนใหญ่ของคนรุ่นเก่าต่างก็ตกตายไป หรือไม่ก็ไปนั่งเข้าฌานตามลำพัง พวกมันไม่มีของวิเศษเช่นเดียวกับอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่ผู้แข็งแกร่งของพวกมันก็มีชีวิตอยู่ได้นานกว่า สุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้เปรียบกันคนละอย่าง และกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม จำนวนของผู้ยิ่งใหญ่ที่พุ่งขึ้นมาในช่วงเวลาสองหมื่นปีก็มีอย่างมากมายเกินกว่าจำนวนจากเมื่อครั้งในอดีต ถ้าไม่นับกองกำลังสำรองลึกลับของพวกมันแล้วละก็ แต่ละกองกำลังก็มีผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้มากกว่าสองร้อยคน

เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้การต่อสู้ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น จนในที่สุดสงครามเต็มรูปแบบก็ปะทุขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวไม่ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้แม้แต่น้อย นั่งเข้าฌานตามลำพัง ลืมโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้กลุ่มคนส่วนน้อยที่ยังคงจดจำเขาได้ ต่างก็สันนิษฐานว่าเขาได้ออกไปจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้มานานแล้ว

นอกจากนั้นก็เป็นเวลานานมากๆ แล้วที่เขาเคยปรากฏตัวขึ้นในที่สาธารณะ เรื่องราวของเขา ตำนานของเมิ่งฮ่าว คือสิ่งที่คงอยู่แต่ในสมัยโบราณ ถูกฝังอยู่ในส่วนลึกของอดีต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version