Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1593

ตอนที่ 1593

โดดเดี่ยว เดียวดาย

หลายปีผ่านไป หนึ่งพัน สองพัน สามพัน

ห้าพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา

หลังจากที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในที่สาธารณะมาตลอดทั้งหนึ่งหมื่นปี ผู้ฝึกตนรุ่นหลังก็ลืมเลือนนามเขาไปโดยสิ้นเชิง

รุ่นอาวุโสทั้งหมดในอาณาจักรขุนเขาทะเลกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว จึงไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้เคยได้ยินนามของเมิ่งฮ่าวมาก่อน

ตลอดช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ผู้คนในอาณาจักรขุนเขาทะเลเท่านั้นที่ตายไป ผู้ฝึกตนตรงส่วนอื่นของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ตายไปด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นในชางหมางพ่าย (สำนักไร้สิ้นสุด) ถึงแม้ว่าในที่แห่งนั้นจะมีผลกระทบที่ไม่เด่นชัดมากนักก็ตาม

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลในตอนนี้ น้อยคนนักที่จะตระหนักว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้จะมีเจตจำนงของมันเอง ผู้คนยัง

ได้หยุดบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและหลัวเทียนเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนอีกด้วย

ผู้คนที่ยังคงจดจำได้มีน้อยมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นกลุ่มผู้ยิ่งใหญ่ เพราะว่าพวกมันมีกรรมเชื่อมต่อกับเมิ่งฮ่าวไม่ลึกซึ้งมากนัก และเพราะว่าพวกมันมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้พลังแห่งคำสาปแช่งไม่มีผลต่อพวกมันอย่างเด่นชัดมากนัก

หลังจากที่ผ่านไปอีกหลายพันปี อายุขัยของหม่านเอ๋อร์ก็สิ้นสุดลง เมิ่งฮ่าวไปรวบรวมเมล็ดวิญญาณนางและผนึกไว้ในภูเขาน้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็งแห่งนั้นประกอบด้วยความทรงจำในชั่วชีวิตทั้งหมดของเมิ่งฮ่าว เป็นคนทั้งปวงที่เมิ่งฮ่าวใส่ใจ สิ่งที่ดีทั้งหลายต่างก็อยู่ที่นั่น ถ้ำน้ำแข็งนั้นจึงเป็นจุดอ่อนของเขาด้วยเช่นกัน

เขาใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่ตรงเชิงเขาน้ำแข็ง มีเพียงความทรงจำอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น

เขาจะออกไปในอาณาจักรขุนเขาทะเลอยู่เป็นระยะ แต่ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่คุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกราวกับว่าตนเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกแห่งนี้อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในใจ เป็นสิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘โดดเดี่ยวเดียวดาย’ เท่านั้น และความรู้สึกนี้ก็กำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายเริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่เคยแก่ชราลงไป แต่ก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างกายเขาไม่เคยแก่เฒ่าลงไป แต่จิตใจกับชราแล้ว และไม่ยอมทำอะไรเพื่อจะเปลี่ยนแปลงมัน

เวลาเลื่อนผ่านไปอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าวันเวลาเหล่านั้นกำลังเคลื่อนที่ผ่านตนเองไป สิ่งที่สามารถจะทำได้ทั้งหมดก็คือนั่งและเฝ้ามองวันเวลาที่ผ่านไป มองไปยังสิ่งมีชีวิตที่คงอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่ามาถึงและจากไป มองเห็นคนที่มีพรสวรรค์พุ่งทะยานจนมีชื่อเสียงขึ้นมา มองเห็นใครบางคนที่ถูกคนอื่นๆ เรียกว่าอมนุษย์ มองเห็นผู้แข็งแกร่งรุ่นใหม่สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

อาณาจักรขุนเขาทะเลเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง คนที่ได้รับผลกระทบต่อคำสาปแช่งมีอยู่น้อยมาก ขณะที่ผู้คนเริ่มลืมเลือนเมิ่งฮ่าว กรรมที่เชื่อมต่ออยู่ระหว่างพวกมันและเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเลือนรางลงไป ถึงแม้ว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังคงมีอายุขัยที่ถูกจำกัดอยู่บ้าง แต่การฝึกตนของพวกมันก็มีความก้าวหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการได้อาศัยอยู่ภายในของวิเศษที่กลายเป็นอาณาจักรขุนเขาทะเล

ในเก้าขุนเขาทะเล กฎธรรมชาติมีพื้นฐานอยู่บนเวทผนึกอันยิ่งใหญ่ทั้งเก้าแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูร เนื่องจากเช่นนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะบรรลุถึงอาณาจักรเต๋า อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานถึงหนึ่งหมื่นปี แต่ผู้ฝึกตนที่โดดเด่นก็ยังคงมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ พวกมันได้สร้างเป็นวิชาเวทอันโดดเด่นของรุ่นตนเองออกมา และสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างมากมายด้วยเช่นกัน

ตลอดทั้งหลายพันปีที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรขุนเขาทะเลมักจะถูกมองว่า เป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในท้องฟ้าที่เต็ม

ไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเล ในที่สุดความทะเยอะทะยานอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มเติบโตอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนมากมาย ยากที่จะบอกได้ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากตอนไหน แต่ในที่สุดความรู้สึกนี้ก็ขยายตัวออกไป และเริ่มทำการปราบพิชิตสิ่งมีชีวิตกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนั้น

เมิ่งฮ่าวมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มองไปยังสงครามที่กำลังต่อสู้กันไปมา และยังได้เดินผ่านเข้าไปในสนามรบเป็นบางครั้งอีกด้วย มองดูผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลตายไป มองดูสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตายไป มองเห็นโลหิตไหลนองเป็นท้องธาร พร้อมทั้งกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว

เขามองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ก็ไม่ทำอะไร ไม่ช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และแน่นอนว่าไม่ไปต่อสู้ด้วย

นี่คือเส้นทางที่ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลเลือกที่จะเดินไป เขาจะไม่สอดมือเข้าไปแทรกแซง และไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบใดด้วยเช่นกัน

ขณะที่อาณาจักรขุนเขาทะเลก่อสงคราม ผู้คนก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น พวกมันต้องพบเจอกับเหตุการณ์อันร้ายแรงมากมาย

สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญอีกต่อไปแล้ว กลุ่มคนที่ตนเองใส่ใจต่างก็จากไปจนหมดสิ้น ปล่อยให้เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายใต้ฟ้าดินแห่งนี้

ในปีหนึ่งเมื่อเมิ่งฮ่าวออกไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็ดูเหมือนกับเป็นชายชราผู้หนึ่ง ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ถึงการเดินทางมาของเขา แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่แห่งอาณาจักรก็ตาม

จุดหมายปลายทางของเขาก็คือดาวหนานเทียน และสำนักจื่อยิ่น ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้มีแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่เมิ่งฮ่าวให้ความใส่ใจ หนึ่งในนั้นก็คือปรมาจารย์เอกะเทวะที่ค่อยๆ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ อีกคนอยู่ในสำนักจื่อยิ่น เป็นหญิงสาวนางหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่พร้อมกับความคิดที่ไม่ยอมจะฟื้นตื่นขึ้นมา

เมื่อไหร่ก็ตามที่เมิ่งฮ่าวคิดถึงฉู่อวี้เยียน สีหน้าก็จะเศร้าสร้อยมากกว่าปกติ

กลุ่มเมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้าเหนือดาวหนานเทียนจนดูมืดครึ้ม หิมะเริ่มตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เกล็ดหิมะเริ่มซ้อนทับอยู่บนดินแดนของมนุษย์ที่ด้านล่าง โลกแห่งนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปทั้งหมด

ตรงด้านล่างบนทางหลวงสายหนึ่ง รถม้าคันหนึ่งแล่นอยู่ในท่ามกลางยามราตรี ภายในประทุนรถเป็นนักศึกษาผู้หนึ่ง กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ภายใต้แสงตะเกียงน้ำมัน

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ตรงด้านบน มองลงไปยังหิมะที่ตกลงมา และรถม้าที่กำลังแล่นไปตามทางหลวง มองไปยังนักศึกษาผู้นั้น จนอดที่จะคิดไปถึงช่วงเวลาที่ตนเองเคยเดินทางอยู่ในยามราตรีที่หิมะตกหนักในแคว้นจ้าวอย่างช่วยไม่ได้

เขาถอนหายใจ และจากนั้นก็เริ่มเดินทางไปยังสำนักจื่อยิ่นต่อไป

สำนักจื่อยิ่นเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนดาวหนานเทียนแห่งนี้ เต็มไปด้วยศิษย์นับไม่ถ้วน ภายในสำนักนั้นมีภูเขาลูกหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ภูเขาลูกนั้นไม่มียอดเขา มีแต่สระน้ำอยู่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ซึ่งถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ก็ยังคงเป็นเขตหวงห้ามอยู่ตลอดไป ไม่มีแม้แต่คนเดียวจากสำนักจื่อยิ่นที่จะเคยย่างกรายเข้าไปด้านใน

กฎหลักของสำนักนี้ก็คือห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปยังที่แห่งนั้น ศิษย์สำนักจื่อยิ่นมากมายสงสัยว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น และข่าวลือนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไป

บางข่าวลือก็งดงาม และบางข่าวลือก็ชั่วร้าย เนื่องจากข่าวลือทั้งหมดเหล่านั้น ทำให้ภูเขาลูกนั้นกลายเป็นสถานที่ที่ลึกลับมากที่สุด ผู้ฝึกตนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเฝ้ายืนยามคอยพิทักษ์อยู่รอบๆ ภูเขาลูกนั้น ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ตนเองคอยปกปักรักษาคืออะไรก็ตาม

พวกมันรู้แต่เพียงว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปตรงยอดเขา ถ้ามีใครพยายามจะทำเช่นนั้น ก็จะขึ้นไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น ในทำนองเดียวกันถ้ามีใครบางคนมองภูเขาลูกนี้มาจากตรงด้านบน ก็จะเห็นเพียงแค่ระลอกคลื่นที่บิดเบี้ยวไปมาเท่านั้น

หลายปีก่อน หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ได้ข้อสรุปว่ามีของวิเศษโบราณถูกฝังอยู่ในที่แห่งนั้น มันจึงได้รวบรวมกองกำลังเพื่อไปนำของวิเศษนั้นออกมาจากภูเขา

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่อาจจะขึ้นไปบนภูเขาได้เกินครึ่งทาง

เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้ภูเขาลูกนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นเขตหวงห้ามอีกด้วย เป็น

สถานที่ที่ลี้ลับมากที่สุดในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง

เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านล่างตรงเชิงเขา มองขึ้นไปยังด้านบน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนเองมายังที่แห่งนี้ หลังจากที่สวี่ชิงหลับใหลไป และคนทั้งหมดที่ตนเองรู้จักตายไป เขาก็มาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้

อันที่จริงนี่คือครั้งที่สามที่เมิ่งฮ่าวมา เขาก้าวเดินขึ้นไปบนภูเขาอย่างเงียบๆ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของตนเอง เดินขึ้นไปอย่างช้าๆ ทีละก้าว ขณะที่มุ่งหน้าตรงขึ้นไปยังยอดเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version