Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 630

ตอนที่ 630

ปรมาจารย์รุ่นที่สิบแห่งตระกูลหวัง

ทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกไป สายลมและกลุ่มเมฆก็หยุดการเคลื่อนไหว ไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก!

แม่น้ำแห่งดวงดาวส่งเสียงกระหึ่มพุ่งฝ่าอากาศไปอย่างต่อเนื่อง นำจ้าวโยวหลันไปพร้อมกับมัน ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นดิน ตอนนี้ดวงตานางเบิกกว้าง เมื่อเพิ่งจะมองเห็นภาพของชายชรา ที่กำลังสวมใส่ชุดยาวสีขาว ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เส้นผมของมันสะบัดพริ้วไปมาอยู่รอบๆ กาย ใบหน้าดูเก่าแก่โบราณและเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ยากที่จะบอกได้ว่ามันมีอายุมากเท่าใดแล้ว แต่ก็ดูราวกับว่ามันเพิ่งจะปีนขึ้นมาจากหลุมฝังศพ

รู้สึกได้ถึงความเน่าเปื่อยอยู่รอบๆ ตัวมัน คล้ายกับบรรยากาศที่อยู่รอบๆ ตัวคนที่มาถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะก้าวไปถึงจุดจบสุดท้าย กลับพยายามจะทำบางสิ่งบางอย่างที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันไม่ได้มีร่างกายที่เป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นร่างกายที่กึ่งโปร่งใสแทน

ขณะที่จ้าวโยวหลันสังเกตดูของสิ่งนี้ นางก็หมดสติไปอีกครั้ง จากนั้นก็หายลับตาไปพร้อมกับแม่น้ำแห่งดวงดาว

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังเร่งความเร็วตรงไป แต่ทันใดนั้นร่างเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน อากาศรอบๆ ตัวดูเหมือนจะรวมตัวกันแน่น ราวกับว่าสวรรค์และปฐพีทั้งหมด, โลกทั้งหมด ได้กลายเป็นกรงขัง คล้ายกับว่าเขาได้กลายเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในกรงขัง กำลังดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่อาจจะปลดปล่อยตัวเองให้หลุดรอดออกไปได้

ในตอนนี้เองที่เสียงอันเย็นชาก็ดังอยู่ในหูของเมิ่งฮ่าว เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงการเน่าเปื่อยผุพัง สีหน้าเขาสลดลงขณะที่รับรู้ได้ถึงอันตราย ที่ระเบิดออกมาไม่เหมือนกับสิ่งใดๆ ที่เขาเคยประสบพบเจอมาก่อน จากวันที่ถือกำเนิดจนกระทั่งถึงตอนนี้

“นี่ไม่ใช่ตัดวิญญาณ!!” เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ จากนั้นก็กระจายออกไปทั่วทั้งร่าง เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลลงมา โดยไม่ลังเล เขาตรงเข้าไปในวิญญาณดวงที่เก้าในทันที!

ตูม!

พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวระเบิดขึ้น ถึงแม้จะมีเพียงแค่แปดส่วนเท่านั้น แต่พื้นฐานฝึกตนแต่ละส่วนเหล่านี้ก็ถูกบีบอัดและกลั่นสกัดจนถึงจุดสูงสุด จนกลายเป็นกลิ่นอายอันน่าตกใจ

ตูม!

เส้นผมเมิ่งฮ่าวพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่พื้นฐานฝึกตนกระจายออกไป พลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า และพลังอันแข็งแกร่งของกายเนื้อก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดสุด

แต่ก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้!

เมิ่งฮ่าวขยับมือร่ายเวท ทำให้เวทกลืนภูเขาปรากฏขึ้น เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมาอยู่รอบๆ ร่าง ขณะที่ภาพลวงตาของภูเขาขนาดใหญ่มหึมาปรากฏขึ้น ภาพลวงตานี้บิดเบี้ยวไปมา ขณะที่มันขยายตัวออกไปในทันที

ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็ตบลงไปที่ถุงสมบัติ ทำให้อาวุธเวทประมาณสิบชิ้นปรากฏขึ้น แต่ละชิ้นต่างก็เป็นของวิเศษอันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเขาได้มาจากสำนักเซียนอสูร เขาให้คุณค่ามันเป็นอย่างยิ่ง แต่ในช่วงของอันตรายอันร้ายแรงในตอนนี้ เขาไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับความเจ็บปวดใจ ที่จะต้องสูญเสียพวกมันไป หยิบพวกมันออกมาโดยไม่ลังเลและจากนั้นก็แผดร้องคำรามขึ้น

“ระเบิด!!” ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องหลั่งโลหิตออกมา ขณะที่กล่าวคำพูดนี้ แต่ก็ไร้ทางเลือกใดๆ

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในชั่วขณะเท่านั้น

ภาพลวงตาปรากฏขึ้นจากที่ไหนสักแห่งในที่ห่างไกลออกไป มันเป็นเงาร่างโปร่งใส ที่เต็มไปด้วยแสงเรืองรอง ดูเหมือนจะประกอบไปด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี ซึ่งสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติ ทันทีที่มือปรากฏขึ้น ทุกสรรพสิ่งก็เริ่มมืดลง ทำให้ต้องมุ่งความสนใจไปที่มือนั้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

มือเข้ามาใกล้ ตบตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างแผ่วเบา!

ขณะที่มันเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็ระเบิดของวิเศษจากสำนักเซียนอสูรสิบชิ้น เสียงระเบิดดังก้องออกไป จนดูเหมือนจะสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพีได้ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน เกิดเป็นระลอกคลื่นบิดเบี้ยวไปมาทั่วทุกทิศทาง ดูเหมือนแทบจะราวกับว่า โลกนี้ไม่อาจจะทนรับต่อพลังทำลายล้าง ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการระเบิดครั้งนี้ได้

ตูม!

กรงขังรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยร้าว การระเบิดของสิบอาวุธเวท ทำให้มือที่ใกล้เข้ามาต้องหยุดชะงักลงเล็กน้อย

เสียงเย็นชา “อี๋!” ได้ยินมา และมือนั้นก็เลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว พลังทำลายล้างของการระเบิดกระจายไป และภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เองที่เมิ่งฮ่าว ต้องติดอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไร้ความหวังใดๆ ก็รีบคว้าฉวยโอกาสที่จะรอดชีวิตไว้ในทันที

“ค้นหาเต๋า! นี่ก็คือผู้ฝึกตนค้นหาเต๋า!” จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว และเต็มไปด้วยความขมขื่น ผู้เชี่ยวชาญค้นหาเต๋าเป็นสิ่งที่อยู่สูงกว่าเขามากกว่าหนึ่งขั้น ผู้เชี่ยวชาญค้นหาเต๋าเป็นผู้ที่ทรงพลังและหาได้ยากในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนนี้!

เท่าที่เมิ่งฮ่าวจำได้ เขาไม่เคยไปมีเรื่องกับบุคคลเช่นนี้มาก่อน จากเสียงที่เพิ่งจะกล่าวมาเมื่อครู่นี้ ก็เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลจี้!

“มันเป็นใคร?!” เมิ่งฮ่าวรู้ว่ายิ่งเขามีอันตรายมากเท่าใด ก็ยิ่งจะต้องสงบจิตใจให้เยือกเย็นลงมากขึ้นเท่านั้น ดวงตาสาดประกาย เขาฉวยโอกาสตอนที่รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นในกรงขัง ใช้ความเร็วสูงสุดเท่าที่จะรวบรวมได้ กลายเป็นสายลมแห่งคุนเผิงในทันที ตามมาด้วยกลุ่มควันสีเขียว ซึ่งประกอบด้วยดวงจันทร์สีดำ เพียงชั่วพริบตา เขาก็พุ่งผ่านออกมาจากหนึ่งในรอยร้าวนั้น และพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาแม้แต่จะมองกลับไปยังด้านหลัง

ขณะที่เขาทะลวงออกมาจากกรงขัง หัตถ์ยักษ์ก็พุ่งไล่ติดตามไป มันทำลายกรงขัง รวมทั้งพลังทำลายล้างของสิบอาวุธเวทที่เขาระเบิดออก จากนั้นก็กระแทกเข้าไปในภาพลวงตาภูเขา

ปัง!!

ภาพลวงตาภูเขาพังทลายลงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เมิ่งฮ่าวพ่นโลหิตออกมาจากปาก และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมา ราวกับว่าร่างของเขาใกล้จะถูกทำลายลงไปได้ทุกเมื่อ

ดูเหมือนว่าหัตถ์ยักษ์นั้นตบลงไปตามสบาย แต่ก็กระแทกผ่านภาพลวงตาภูเขาไป จากนั้นก็มุ่งหน้าไล่ตามหลังเมิ่งฮ่าวไปแบบสบายๆ

ขณะที่หัตถ์ยักษ์เข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็เงยหน้าขึ้นร้องตะโกนว่า “ฉีหนาน!!”

เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่พลังของอีกโลกหนึ่งเข้ามาใกล้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อมันมาถึงครึ่งทาง ก็ดูเหมือนจะลังเล ในช่วงเวลานั้น หัตถ์ยักษ์ก็ใกล้เข้ามา

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ทำอะไร ที่จะพยายามไปควบคุมฉีหนาน หน้ากากสีโลหิตลอยออกมาจากถุงสมบัติ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วร่างเขา ช่วยป้องกันการโจมตีจากหัตถ์ยักษ์นั้น

เสียงร้องคำรามได้ยินออกมาจากภายในหน้ากากสีโลหิต และแสงสีโลหิตก็เริ่มพุ่งขึ้นไป อ๋าวเฉี่ยนลอยตัวออกไป ขณะที่มือนั้นใกล้เข้ามา ทั้งอ๋าวเฉี่ยนและหน้ากาก ช่วยปกป้องแผ่นหลังของเมิ่งฮ่าวไว้ อ๋าวเฉี่ยนไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหันหน้าไปมองดูแผ่นหลังเมิ่งฮ่าว

ตูม!

ทันทีที่หัตถ์ยักษ์นั้นกระแทกลงไป อ๋าวเฉี่ยนก็ระเบิดออก กลายเป็นเส้นใยสีแดงมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งย้อนกลับเข้าไปในหน้ากากสีโลหิต

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่หน้ากากเซียนโลหิตลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง หลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

“อ๋าวเฉี่ยนโลหิต!!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ ทันใดนั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าโลหิตของอ๋าวเฉี่ยนได้รวมตัวเข้าด้วยกันอยู่ในหน้ากาก กลายเป็นอ๋าวเฉี่ยนโลหิตที่ตัวเล็กกว่าเดิมมาก

การป้องกันทั้งสองครั้งนี้ช่วยแก้จุดวิกฤตให้เขาได้ชั่วคราว แต่โลหิตก็ยังคงพุ่งออกมาจากปาก และอวัยวะภายในก็แตกละเอียดเป็นชิ้นๆ กลิ่นอายชีวิตของเขาลดน้อยลง และลอยละลิ่วปลิวห่างออกไปไกล ราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย และความเกลียดชังจนถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง และเกิดความรู้สึกอย่างเข้มข้นว่า เขากำลังจะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ผิวหนังฉีกขาดออกหลายจุด ทำให้ดูเหมือนกับว่าแค่หายใจเข้าไป ทั่วทั้งร่างเขาก็แทบจะถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ!

เสียงร้อง “อี๋?” เสียงที่สองก็ได้ยินมา ดังก้องออกไปในสวรรค์และปฐพี ทันใดนั้น นกแก้วและผีโต้งก็ลอยออกมาจากภายในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว

นกแก้วเกาะไปบนไหล่ของเมิ่งฮ่าว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “บัดซบ, สารเลว! บัดซบ! คนผู้นี้อยู่ห่างจากการเป็นเซียนเทียมเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ร่างจำแลงก็ตามที แต่มันก็ยังคงอยู่ในขั้นค้นหาเต๋า ผีโต้ง, เจี้ยนเหริน ทำไมเจ้าถึงยังไม่ช่วยเมิ่งฮ่าวอีก!?!?” ผีโต้งกำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่ก็รีบแผ่กระจายร่างออกไปปกคลุมเมิ่งฮ่าวไว้ ทำให้ร่างกายที่กำลังพังทลายลงของเขาเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน

เสียงแหบแห้ง, เก่าแก่โบราณ ทันใดนั้นก็ได้ยินออกมาจากความว่างเปล่า “ข้าคือปรมาจารย์รุ่นที่สิบแห่งตระกูลหวัง เมื่อเจ้ายังอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ข้าได้ตัดสินใจที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นเมล็ดแห่งเต๋าของข้า เพื่อที่จะทำให้ข้าสำเร็จเต๋า เพื่อให้ข้าได้พบกับสิ่งที่คล้ายกับบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้ขโมยพื้นฐานไป”

“เจ้าคิดว่า…จะสามารถหลบหนีไปได้จริงๆ?” ยังมีบางสิ่งอยู่ในเสียงนั้น ซึ่งประกอบไปด้วยความผันผวนอย่างแปลกๆ จนดูเหมือนจะสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติของสวรรค์และปฐพี

ขณะที่เสียงนั้นกล่าวขึ้น หัตถ์ยักษ์ก็จางหายไป แต่ก็เริ่มเห็นได้ชัดขึ้นอีกครั้งหลังอึดใจต่อมา และเมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็ไปอยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มือนั้นกลายเป็นกรงเล็บตบไปยังแผ่นหลังเมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง

“ข้าช่วยเจ้าให้ออกไปจากถ้ำกำเนิดใหม่” เสียงนั้นพูดขึ้นเนิบๆ ไม่เร็วไม่ช้า “เมื่อตระกูลจี้ไล่ตามเจ้าไป ข้าก็ช่วยไว้ และจากนั้นก็เป็นความปั่นป่วนทั้งหมดที่เจ้าเป็นสาเหตุในสำนักเซียนอสูร หลังจากที่เจ้ากลับมา ข้าก็กลบร่องรอยของกลิ่นอายเจ้าไป ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเจ้าได้กลับมาแล้ว”

“ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่า…เวลาที่เจ้าต้องตอบแทนข้า…ได้มาถึงแล้วในตอนนี้” ขณะที่เสียงนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกถึงการเน่าสลายก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

“สี่ขั้นสมบูรณ์ พื้นฐานสมบูรณ์…ก็คือพื้นฐานสำหรับเซียน ถ้าอยู่กับเจ้ามันอาจจะสูญเสียเปล่า ดังนั้น…ม้นต้องเป็นของข้า”

มือนั้นคว้าจับตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่านกแก้วและผีโต้งจะพุ่งไปเร็วมากแค่ไหน ก็ยังไม่อาจจะหลบหนีแรงดึงดูดซึ่งห่อหุ้มอยู่รอบๆ ตัวที่พวกมันรู้สึกได้ ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และจากนั้นก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงบางสิ่งในตัวเขา ที่เป็นเหตุให้แรงดึงดูดหายไปได้ แทบจะราวกับว่าแรงดึงดูดนั้นได้ปล่อยเขาไปเอง!

ในช่วงวิกฤตที่ นกแก้วและผีโต้งกำลังใกล้จะเริ่มคลุ้มคลั่ง เมิ่งฮ่าวก็รีบพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉีหนาน! ท่านเคยสัญญากับข้าไว้ว่าอย่างไร!?”

ขณะที่คำพูดนั้นดังก้องออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเงียบลง ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็กระจายออกไป ขณะที่พลังของโลกอื่นใกล้เข้ามา

ตูม!

พลังนั้นกระแทกเข้าไปยังหัตถ์ยักษ์ ซึ่งกำลังคว้าจับตรงมายังเมิ่งฮ่าว หัตถ์ยักษ์นั้นสั่นสะท้านขึ้นในทันที และการเชื่อมต่อใดๆ ระหว่างหัตถ์ยักษ์นั้นและเมิ่งฮ่าวก็ถูกตัดขาดไป เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมากองโต แต่แทนที่จะหลบหนีจากไป เขากลับหมุนตัวไปรอบๆ ดวงตาเป็นสีแดงจ้า

การหลบหนีเช่นนั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะกระทำ!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหมุนตัวกลับไป ตลอดช่วงเวลาของการเผชิญหน้าทั้งหมดนี้ เขามองเห็นหัตถ์ยักษ์ที่ถูกโจมตีด้วยพลังของฉีหนาน รังสีแห่งแสงหมุนวนไปรอบๆ ก่อตัวเป็นเงาร่างของชายชรา ที่ดูเหมือนจะย่างเท้าออกมาจากความว่างเปล่า มันสวมใส่ชุดยาวสีขาว และดูแก่ชราเป็นอย่างมาก

เมิ่งฮ่าวไม่มีความทรงจำว่า เคยเห็นชายชราผู้นี้มาก่อน และค่อนข้างจะแน่ใจว่าคนทั้งสองไม่เคยพบกัน

ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ถูกห่อหุ้มด้วยพลังลึกลับของฉีหนาน ราวกับว่ามันกำลังถูกคุมขังอยู่ ร่างกายลอยอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ สลับกันไปมาระหว่างเลือนลางลง และกึ่งโปร่งใส เป็นภาพที่แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าจะต่อต้านไปทำไม?” มันกล่าวเสียงแหบแห้ง มองมายังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่ามันไม่ได้สังเกตเห็นพลังของฉีหนานแม้แต่น้อย

เมิ่งฮ่าวไม่ได้กล่าวตอบ แต่มือขวาตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาขวดสุราสีเงินออกมา เงยหน้าขึ้นดื่มเข้าไปคำใหญ่ จากนั้นก็พ่นมันออกไป ปราณสุรากระจายออก และทันใดนั้น กระบี่เซียนสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ

กระบี่นี้ได้มาจากหานซาน และประกอบด้วยปราณกระบี่ที่คล้ายกับเป็นเสียงเพลง!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวพวยพุ่งรังสีสังหารออกมา ยกมือขวาขึ้น แทงกระบี่ออกไปโดยไม่ลังเล

ปราณกระบี่ปรากฏขึ้น สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไปมา ท้องฟ้ามืดสลัวลง ขณะที่ปราณกระบี่นับไม่ถ้วน ไหลออกมาจากกระบี่เซียนสีฟ้า ขณะที่กระบี่กรีดลงไป ปราณกระบี่ก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม กลายเป็นน้ำตกที่มีขนาดหนึ่งพันจ้าง พุ่งจากด้านบนลงมา ตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง

ม่านตาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังหดเล็กลง นี่คือการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้ามันเป็นครั้งแรก!

แม้แต่ฉีหนานก็ยังไม่อาจจะทำให้มันสะเทือนได้ ดวงตามันแวบขึ้น ขณะที่ปราณกระบี่เข้ามาใกล้ ทันใดนั้นมันก็กล่าวว่า

“บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้เคยกล่าวไว้ว่าสายฝน…ถือกำเนิดขึ้นในสวรรค์ และตายลงไปในปฐพี เส้นทางระหว่างสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ ก็คือตลอดทั้งชีวิตของมัน…” ขณะที่เสียงมันดังก้องออกมา ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็โบกสะบัดมือขวา ออกไปที่เบื้องหน้ามันอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ามันกำลังกวาดสายฝนออกไป

“ถามหาสายลม ร้องเรียกสายฝน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version