ตอนที่ 642
เหลาจู่มีโทสะ
“ข้าแค่นั่งอยู่ที่นี่ รอคอยให้ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังมา” เมิ่งฮ่าวคิดอย่างอิ่มเอมใจ “ในเวลาเดียวกันนั้น ข้าก็จะรักษาอาการบาดเจ็บไปด้วย ปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนี้” เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ในผืนป่าบนภูเขาที่อยู่ห่างไกล ซึ่งถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงบ ยามราตรีช่างมืดมิดและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง สายลมอันอ่อนโยนโชยมาปะทะใบหน้า
เมิ่งฮ่าวโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน ขณะที่เขารักษาตนเองอย่างช้าๆ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลับตาลง สองสามวันก็ผ่านไป
นกแก้วและผีโต้งโผล่ขึ้นมาในช่วงเวลานั้น จากนั้นก็ออกไปเล่นกันต่อในทะเล ยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันไปสร้างความหายนะอะไรมาบ้าง แต่เมื่อพวกมันกลับมาก็ได้กลิ่นของน้ำทะเล พวกมันส่งเสียงกันอย่างวุ่นวาย ขณะที่กลับมาเกาะอยู่ที่ไหล่เมิ่งฮ่าว
“เจ้ามันไร้ศีลธรรม!” ผีโต้งร้องออกมา เตรียมที่จะเทศน์สั่งสอน “นกกระเรียนขาวนั่น…”
“หุบปาก!” นกแก้วกล่าวตอบ จ้องมองไป ขณะที่มันกำลังจะกล่าวต่อไป แต่ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้อง “อี๋?” ออกมา และจากนั้นก็มองไปรอบๆ ก่อนที่มันจะกล่าวอะไรออกมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมาในทันใด และเขาก็รีบจับนกแก้วและผีโต้งยัดเข้าไปในถุงสมบัติทันที จากนั้นก็กระแอมไอออกมา และเข้าฌาณต่อไป
ในตอนนี้ ปรมาจารย์เอกะเทวะกำลังสับสนว่าต้องทำอะไรดี ดังนั้นมันจึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ มันอับจนสิ้นหนทางต่อเมิ่งฮ่าว ตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มันรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้มันก็แน่ใจได้ว่า เมิ่งฮ่าวได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่เป็นระยะยาว เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
“เจ้าสารเลวน้อย รอก่อนเถอะ เหลาจู่กำลังจะทุ่มสุดตัว!” ปรมาจารย์เอกะเทวะเงยหน้าขึ้น แผดร้องคำรามออกมา มันรู้สึกสับสนมาโดยตลอดในสองสามวันที่ผ่านมา และตอนนี้มันจะไม่รอคอยอีกต่อไป กัดฟันแน่น โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ร่างกายเริ่มโปร่งใส ราวกับว่ามันได้แยกแก่นแท้ออกไป จากนั้นอากาศที่อยู่ด้านบนมือของมันก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา กระจายแสงหลากสีออกมา
ผลไม้วิญญาณปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนที่กระจายออกมา ใครก็ตามที่มองไปยังผลไม้นี้ ก็จะรู้สึกอยากได้ขึ้นมาในทันที
ที่ด้านข้างห่างออกไป ดวงตากู๋อี่ติงซานอวี่เบิกกว้าง เริ่มสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง นางจดจำของสิ่งนี้ได้ มันคือสายใยแห่งแก่นแท้จากร่างจำแลงของปรมาจารย์เอกะเทวะ
ปรมาจารย์เอกะเทวะกัดฟันแน่น พยายามอดทนต่อความกระวนกระวายใจทั้งมวล ยกเท้าขวาขึ้น จากนั้นก็กระทืบลงไปบนพื้นผิวของราชวัง ทันใดนั้นนกกระเรียนสีขาวก็ปรากฏกายขึ้น ทันทีที่มันลอยออกมา ก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นนกอินทรีย์สีเทา และใช้กรงเล็บจับไปที่ผลไม้วิญญาณ หลังจากนั้น มันก็บินผ่านผนังของราชวัง และพุ่งจนหายลับตาไป
ปรมาจารย์เอกะเทวะมองไปด้วยใจจดจ่อ ขณะที่นกอินทรีย์สีเทาบินจากไป มันรู้สึกกระวนกระวายใจ และเดินกลับไปกลับมาด้วยความวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา
“ขาดทุนนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าขาดทุนมากมายเช่นนี้…แต่ขอเพียงให้เจ้าสารเลวน้อยจากไป เหลาจู่ก็จำต้องยอม!”
นกอินทรีย์สีเทาพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ตรงไปยังตำแหน่งของเมิ่งฮ่าว เพียงแค่เวลาไม่กี่อึดใจ มันก็ไปปรากฏอยู่ใกล้กับเขา
มันทำให้เกิดเป็นกระแสลมอันรุนแรง จนเมิ่งฮ่าวต้องลืมตาขึ้นมา มองขึ้นไปในท้องฟ้า ทันทีที่เขามองเห็นนกอินทรีย์สีเทา ม่านตาก็หดเล็กลง มองเห็นผลไม้วิญญาณที่มีความสำคัญยิ่ง อยู่ในกงเล็บของมัน
เพียงมองแค่แวบแรก เขาก็รับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นที่กระจายออกมาจากภายในผลไม้นั้น รวมทั้งแสงหลากสีที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ผลไม้ แทบจะดูเหมือนกับเป็นผลไม้เซียน แค่มองไปยังผลไม้เซียน อาการบาดเจ็บภายในของเขาก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา
“ของสิ่งนี้สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้จริงๆ…” เมิ่งฮ่าวคิด ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา อันที่จริงการกระทำในครั้งนี้ของปรมาจารย์เอกะเทวะ ได้กระทบต่อจุดอ่อนของเขา ทำให้ต้องแอบถอนหายใจออกมา
“ด้วยการกระทำเช่นนี้…ก็สมกับที่เป็นปรมาจารเอกะเทวะ ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด” ด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและจิตใจที่ขัดแย้งกันเอง เขามองไปยังนกอินทรีย์สีเทาซึ่งเริ่มบินเป็นวงกลมอยู่เหนือศีรษะ ราวกับว่ามันกำลังรอคอยให้เขาเอื้อมมือคว้าไปที่ผลไม้วิญญาณนั้น
“คว้ามันเลย!” ปรมาจารเอกะเทวะแผดร้องออกมา “ทำไมถึงยังไม่คว้ามันไว้อีก!?” ในตอนนี้ มันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอยากจะบีบคอเมิ่งฮ่าว
หลังจากที่ดิ้นรนไปมาอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาไม่อาจจะไม่สนใจต่อสิ่งที่เย้ายวนใจเช่นนั้นได้ เขาเพิ่งจะตัดสินใจและกำลังจะขยับตัวเคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้น นกอินทรีย์สีเทาก็ปล่อยกรงเล็บของมัน
ผลไม้วิญญาณค่อยๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า ตรงมาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวอย่างแม่นยำ
ปรมาจารย์เอกะเทวะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ และมีท่าทางภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นมันก็พึมพำอยู่ในลำคอ แสดงให้เห็นว่ามันมีสติปัญญาที่เหนือกว่า ในที่สุด มันก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในนกอินทรีย์สีเทา ทำให้นกอินทรีย์ส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เพราะว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่า นกแก้วได้โผล่หัวมันออกมาจากถุงสมบัติ และกำลังมองไปยังนกอินทรีย์สีเทาราวกับมึนเมา ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นริ้วลำแสงสีดำ พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ย้อนกลับไปในราชวัง สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เอกะเทวะยังคงอยู่ในร่างนกอินทรีย์สีเทา กำลังควบคุมมันอยู่ ขณะที่บินออกไปยังที่ห่างไกล “เจ้าสารเลวน้อย! เหลาจู่มีชีวิตอยู่มานานนับไม่ถ้วน เจ้าพยายามจะมาต่อสู้กับข้า? มาดูกันว่า เจ้าจะมีเหตุผลอะไรอีก ที่จะอยู่ต่อไป! ฮา ฮา ฮา! เหลาจู่ก็คือ…หือ? อา? อ๊ากกกกก!!” ในท่ามกลางความอิ่มเอมใจและเสียงหัวเราะ ทันใดนั้นมันก็สะดุ้งจนตัวสั่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มันมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลำแสงสีดำนั้นพุ่งออกมาจากถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว จากนั้นเงาสีดำนั้นก็พุ่งฝ่าอากาศมา เจาะเข้าไปที่ก้นของนกอินทรีย์สีเทา
“มัน…มันกำลังทำอะไร?” ปรมาจารย์เอกะเทวะกล่าวขึ้น ตัวสั่นสะท้าน
นกอินทรีย์สีเทาสั่นไปมา มันเป็นแค่ภาพลวงตา ดังนั้นจึงบิดเบี้ยวไปมา และจากนั้นก็กลายเป็นจุดแสงอันเจิดจ้ามากมายนับไม่ถ้วน กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างปรมาจารย์เอกะเทวะ และมันก็จ้องมองไปด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า เพราะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของมันอยู่ในร่างนกอินทรีย์สีเทา ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้…มันก็จะรับรู้ด้วยเช่นเดียวกัน
ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่มันจะเริ่มมีปฏิกิริยา ดวงตามันเบิกกว้าง เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ขณะที่มันเงยหน้าขึ้นและแผดร้องออกมา
“เจ้า, เจ้า, เจ้า…คาดไม่ถึงว่าเจ้า…”
“มากเกินไปแล้ว! คาดไม่ถึงว่าเจ้า…”
“อ๊ากกกกกกกกกก!” หลังจากที่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ปรมาจารย์เอกะเทวะก็เต็มไปด้วยโทสะและความบ้าคลั่ง ซึ่งไม่อาจจะพูดออกมาได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พื้นดินทั้งหมดของเกาะศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน คลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวออกไปทั่วทั้งท้องทะเล สีหน้าของผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนเกาะเปลี่ยนไป ขณะที่พวกมันสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เมิ่งฮ่าวก็ตกใจขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นนกแก้วบินกลับมา พร้อมกับท่าทางมึนเมาบนใบหน้ามัน ขนทั่วร่างเขาก็ลุกตั้งชี้ชัน หนังศีรษะด้านชา
“เจ้านกบัดซบ” เมิ่งฮ่าวคิด สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “มัน…มันกระทำกับ…กับปรมาจารย์เอกะเทวะจริงๆ?” สีหน้านกแก้วเต็มไปด้วยอารมณ์อันลึกล้ำ ขณะที่มันบินกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ เกินกว่าที่เมิ่งฮ่าวจะคาดคิดได้
ดูเหมือนนกแก้วกำลังลิ้มชิมรสชาติที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ ขณะที่มันบินกลับมา เมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงพึมพำของมัน
“แปลกจริงๆ ทำไมข้าถึงไม่อาจจะจัดการได้จนสำเร็จ? ข้าเพิ่งจะเริ่ม แต่มันก็หายไปแล้ว?”
เมิ่งฮ่าวคว้าจับนกแก้วและโยนมันกลับเข้าไปในถุงสมบัติอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฝืนยิ้ม และยกผลไม้วิญญาณขึ้นมา เขารีบใส่เข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปในอากาศ
“เกิดอะไรขึ้นในที่แห่งนี้! ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนออกมา พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลในทันที ขณะที่ทำเช่นนั้น บริเวณที่เขาเพิ่งจะบินจากมาก็พังทลายลงจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
พื้นดินสั่นสะเทือนไหวไปมา คลื่นยักษ์พลุ่งพล่านปั่นป่วนไปทั่วท้องทะเล ปรมาจารย์เอกะเทวะเต็มไปด้วยโทสะโดยสิ้นเชิง ความโกรธของมันลุกไหม้จนถึงระดับอันน่าตกใจ ถึงแม้มันไม่อาจจะทำอะไรกับเมิ่งฮ่าวได้ แต่มันก็ยังคงไม่อาจจะยอมรับความอัปยศเช่นนั้นได้ มันกำลังจะเผยร่างจริงออกมา เพื่อกลืนกินนกแก้วนั้นลงไป แต่กู๋อี่ติงซานอวี่ก็วิ่งเข้ามา คว้าจับไปที่แขนของปรมาจารย์เอกะเทวะ
“ท่านปรมาจารย์, ใจเย็นๆ!” นางกล่าว “โปรดคิดถึงสิ่งที่สำคัญมากที่สุด!”
“ไปให้พ้น! เหลาจู่จะทุ่มสุดตัวกับเจ้าผู้นี้!” ปรมาจารย์เอกะเทวะเดินตรงไปข้างหน้าสองสามก้าว เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ราชวังเปิดออก เผยให้เห็นพื้นดินของเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ขยายยืดยาวออกไปที่ด้านล่าง
“ท่านปรมาจารย์ โปรดคิดทบทวนให้รอบคอบก่อนที่จะกระทำการใดๆ!” กู๋อี่ติงซานอวี่กล่าวเตือน “เมิ่งฮ่าวจากไปแล้ว! ถ้าท่านเปิดเผยร่างจริงในตอนนี้ ความพยายามที่แล้วมาทั้งหมดของท่านก็จะสูญเปล่า!”
ปรมาจารย์เอกะเทวะหยุดเท้าค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ เส้นโลหิตโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า ทั่วทั้งร่างคล้ายกับเป็นภูเขาไฟที่อาจจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ใบหน้ามันบิดเบี้ยวด้วยความดิ้นรน แต่ในอีกด้าน มันกำลังคิดเกี่ยวกับความสุขที่มันสามารถมีได้ในอนาคต ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็คิดไปถึงการล้างแค้นที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น สำหรับสิ่งที่นกแก้วได้กระทำกับมัน
ในท่ามกลางการกระเสือกกระสนดิ้นรน มันกระทืบเท้าลงไป บังคับให้ตนเองอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ร่างมันสั่นสะท้าน และศีรษะดูเหมือนใกล้จะระเบิดออก เห็นได้ชัดว่าความยับยั้งชั่งใจของมันได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
ปรมาจารย์เอกะเทวะสามารถรับรู้ได้ถึงเปลวไฟที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กำลังลุกไหม้อยู่ภายในร่างมัน รู้สึกราวกับว่ามันต้องหาใครสักคนมาระบายโทสะ เพื่อดับพิษความโกรธที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจ
ขณะที่มันบังคับให้ตนเองอดทนต่อไป เกาะศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดสั่นสะเทือน และทะเลก็ราบเรียบกลับคืนเป็นปกติ เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงพุ่งฝ่าอากาศไป ด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียด แต่อาการบาดเจ็บภายในของเขาตอนนี้ ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
ในช่วงเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก รูขุมขนทั้งหมดบนร่างเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนจะถูกเปิดออก อาการบาดเจ็บภายในร่างได้รับการรักษา และความเย็นอันเข้มข้นก็พุ่งผ่านผิวหนังเข้าไปในอากาศ กลายเป็นเกล็ดหิมะสีดำลอยอยู่ในอากาศ
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเพิ่มความรวดเร็วขึ้น จิตใจหมุนติ้วด้วยความคิดมากมายนับไม่ถ้วน ขณะที่พยายามจะหาเหตุผลเพื่ออยู่บนเกาะนี้ แต่เขาก็รู้ว่าโทสะของปรมาจารย์เอกะเทวะได้ลุกไหม้ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุด ถ้าเขาทำอะไรผิดพลาดไปแค่เล็กน้อย ก็จะทำให้มันระเบิดออกในทันที
ถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้น ปรมาจารย์เอกะเทวะก็จะต้องหลบหนีไปอีกครั้งอย่างแน่นอน และนั่นก็จะไม่ตรงกับแผนการที่เมิ่งฮ่าวคิดไว้
“เป็นความผิดทั้งหมดของเจ้านกแก้วบัดซบ มันทำให้แผนการของข้าต้องพังทลายลง” เขาถอนหายใจออกมาขณะที่เข้าไปใกล้ชายขอบของเกาะ เขาตัดสินใจที่จะลดความเร็วให้ช้าลงเล็กน้อย แต่เมื่อทำเช่นนี้ พื้นดินที่ด้านล่างก็จะสั่นสะเทือน และภูเขาที่อยู่ในบริเวณนั้นก็จะพังทลายลงไป
เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่นออกมา จากนั้นก็เร่งความเร็วต่อไป เขามองเห็นทะเลอยู่ห่างไกลออกไป รวมทั้งเมืองผู้ฝึกตนสุดท้ายของเกาะศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน และเมืองก็ควรจะคึกคักจอแจด้วยเสียงและความตื่นเต้น แต่ร้านค้าทั้งหมดต่างก็ปิดลง
“ปรมาจารย์เต่า เจ้าต้อนข้าเข้าสู่มุมอับเองนะ!” เมิ่งฮ่าวก่นด่าอยู่ในใจ กัดฟันแน่น จากนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศในทันที ดวงตาเริ่มสาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้น สีหน้าดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
สีหน้าของเขา ทำให้จิตใจที่แทบจะกลายเป็นควันของปรมาจารย์เอกะเทวะเริ่มเต้นรัวขึ้นในทันที
“ข้าหลบซ่อนตัวอยู่ในราชวังโบราณนี้มาหลายปี” มันคิด “ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับผู้ผนึกอสูรไปโดยสิ้นเชิง มันไม่น่าจะรับรู้ถึงข้าได้…แย่แล้ว! บางทีสิ่งที่ข้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้โจ่งแจ้งมากเกินไป! เมื่อรวมกับการที่ข้าไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ บางทีเจ้าสารเลวน้อยนั่นอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว!!”
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าอันดุร้าย ในที่สุด เขาก็กล่าวเสียงเย็นชาออกมา “ข้าไม่แน่ใจว่ามีผู้อาวุโสท่านใดในสถานที่แห่งนี้ ไม่ต้องการให้เมิ่งฮ่าวอยู่ต่อไป ก็ดี, ข้ากำลังจะไปแล้ว!”
มีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าว มันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาในทันที
“มันไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ มันคิดว่าข้าเป็นคนอื่นจริงๆ ไม่เลว, ไม่เลว”
เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปรอบๆ ก่อนที่ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่เมืองตรงเบื้องหน้า ยกมือขึ้นมาและชี้ตรงไปที่เมืองนั้น
“แต่ข้าก็ขาดแคลนหินลมปราณ และมีอาวุธเวทอยู่ในถุงสมบัติบ้างบางส่วน ข้าจะขายมันในเมืองนี้ ทันทีที่ข้าขายหมด ข้าก็จะจากที่แห่งนี้ไป!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองนั้น