Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 696

ตอนที่ 696

ทำลายค่ายกล

หมัดเมิ่งฮ่าวกระแทกลงไป ซึ่งประกอบด้วยพลังแห่งโทสะและการทำลายล้าง ที่พื้นฐานสมบูรณ์ของเขาถูกขโมยไป รวมถึงความเสียใจทั้งหมดที่เขาต้องถูกตัดขาดออกไป

หนึ่งหมัดกระแทก ทุกสรรพสิ่งระเบิดออก!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่แขนทั้งหกของรูปปั้นระเบิดออกกลายเป็นชิ้นๆ และศีรษะทั้งสามของมันล่วงลงมา รูปปั้นระเบิดขึ้นคล้ายกับเป็นระเบิด!

ยากที่จะอธิบายว่าพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นมากมายแค่ไหน โลหิตกระจายออกมาจากปากของศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหนึ่งหมื่นคน ขณะที่พวกมันลอยละลิ่วปลิวไปด้านหลังเข้าไปในค่ายกลเวท ลมพายุที่เกิดขึ้นมาจากพลังของเมิ่งฮ่าว พัดกระแทกเข้าไปยังพวกมัน จากนั้นก็บดขยี้ฉีกกระชากร่างกายให้กลายเป็นชิ้นๆ สังหารพวกมันไปในทันที

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้าและต่อยออกไปเป็นครั้งที่สอง

จากนั้นก็ครั้งที่สาม, ครั้งที่สี่ และครั้งที่ห้า!

ทุกครั้งที่หมัดต่อยลงไป ค่ายกลเวทดอกบัวที่อยู่รอบๆ สั่นสะท้าน ด้วยการต่อยลงไปแต่ละครั้ง เมิ่งฮ่าวก็เดินหน้าต่อไปได้อีกสิบจ้าง ตอนนี้เขาได้ต่อยไปเป็นครั้งที่เก้า และได้ไปอยู่ที่ริมขอบของค่ายกลเรียบร้อยแล้ว การต่อยไปครั้งสุดท้ายก็คือ…เวททำลายล้างเก้าชั้นฟ้า!

ดอกบัวพังทลายกลายเป็นชิ้นๆ และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องขึ้นไปทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในร้อยหนึ่งพันภูเขา ทำให้ภูเขาอีกประมาณหนึ่งหมื่นลูกพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในที่สุดค่ายกลเวทที่ปกป้องภูเขาของสำนักชิงหลัวก็ถูกทำลายไป

ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากค่ายกลเวท และเดินเข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ

“ส่งสวี่ชิงมาให้ข้า!” เขากล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายกับว่า เขาก็คือผู้คุมกฎแห่งโลกใบนี้ เต็มไปด้วยพลังและความบ้าคลั่งอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กระจายเต็มไปทั่วทั้งสำนักชิงหลัว

ขณะที่เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน และเกิดเป็นช่องว่างเล็กๆ ขึ้น เมื่อมองผ่านช่องว่างนั้นออกไป เขาก็เหลือบไปเห็นเก้าสิบเก้าขุนเขา และกระถางธูปบนภูเขาแรกอยู่อีกด้านของกลุ่มหมอก

ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในกระถางธูป เป็นเงาร่างที่กำลังสั่นสะท้าน ดูเลือนลาง แต่ก็มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก…

สวี่ชิง!

นั่นก็คือสวี่ชิง ผู้ที่จะมีชีวิตอยู่และตายไปพร้อมกับเขา!

ศิษย์สำนักชิงหลัวนับแสนคน กำลังกลั่นสกัดสวี่ชิงอยู่!

จิตใจเมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับมีสายฟ้ากำลังฟาดลงมา เพลิงโทสะอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้พุ่งขึ้นมาในจิตใจ กลายเป็นความต้องการเข่นฆ่าอย่างไร้จุดสิ้นสุด

ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

ในตอนนี้ ความเกลียดชังที่เมิ่งฮ่าวมีต่อสำนักชิงหลัว ได้บรรลุถึงระดับที่ไม่อาจจะประนีประนอมกันได้อีกต่อไป ศิษย์สำนักชิงหลัวทุกคนต้องตาย!

“สังหารมัน!” หนึ่งในสามชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลางด้านข้างกระถางธูปร้องออกมา ใบหน้าพวกมันในตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พวกมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า เมิ่งฮ่าวจะสามารถทำลายค่ายกลเวทดอกบัวขนาดใหญ่นี้ได้?

ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณครั้งแรกลุกขึ้นมายืนในทันที มันมีอารมณ์ที่รุนแรง และใบหน้าก็ดุร้ายขณะที่บินขึ้นไปในอากาศ

“ศิษย์ด้านหลังยอดเขาทั้งยี่สิบแห่งร้อยภูเขา” ชายชรากล่าว “ติดตามข้าเข้าไปในค่ายกลหลัวยิน เพื่อสังหารคนผู้นี้!” ด้วยเช่นนั้น มันก็เข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ ศิษย์สามหมื่นคนบินตามมันไปพร้อมกัน ผู้ที่อ่อนแอมากที่สุดในกลุ่มศิษย์เหล่านี้ คือผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ที่แข็งแกร่งมากที่สุดคือวิญญาณแรกก่อตั้ง

ขณะที่พวกมันเข้าไปในกลุ่มหมอก เสียงเมิ่งฮ่าวที่เต็มไปด้วยโทสะและความเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทันใดนั้นก็ดังก้องออกไป

“สำนักชิงหลัว! ข้าขอสาบานว่า…จะกวาดล้างพวกเจ้าไปทั้งสำนัก! ดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ถ้ามีพวกเจ้าก็ไม่มีข้า!”

ความต้องการสังหารของเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงระดับที่น่ากลัว เขายกมือขวาขึ้น หยิบเอาธวัชสามแฉกออกมา โบกสะบัดไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ตัวเขาม้วนตัวไปมา และเสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ สำหรับปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งแรกของสำนักชิงหลัว ทันทีที่มันก้าวเท้าเข้าไปในกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนว่ากลุ่มหมอกนั้นจะเริ่มมีชีวิต หรือมีความรู้สึกขึ้นมา

“เจตจำนงแห่งชิงหลัว (ตะกร้าเขียว) มีความเข้าใจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด! ข้าจะทำการต่อสู้ และดึงดวงดาวลงมาจากสวรรค์! ค่ายกลแรก!” เสียงของปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งแรกดังก้องไปมา ขณะที่ศิษย์สำนักชิงหลัวสามหมื่นคน เข้าไปในกลุ่มหมอกคนแล้วคนเล่า อย่างน่าตกใจ กลุ่มหมอกได้รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นแปดค่ายกลที่มีรูปร่างคล้ายกับแปดมังกรดำ

มังกรดำเหล่านั้นมีท่าทางดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ส่งเสียงคำรามอย่างมีโทสะออกมา พวกมันหมุนตัวกันไปมาเป็นวงกลม และจากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว พยายามที่จะกลืนกินเขาลงไป

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ขณะที่มองไปยังมังกรทั้งแปดตัว ความต้องการสังหารของเขาบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับจากวันที่เขาริ่มฝึกฝนวิถีเซียน จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาไม่เคยจะรู้สึกว่าต้องการสังหารใครอย่างรุนแรงเท่านี้มาก่อน

ขณะที่แปดมังกรเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงไป และโบกสะบัดธวัชสามแฉก ความมืดมิดกระจายออกไป กวาดม้วนตรงไปยังมังกรดำสามตัว ธวัชเริ่มเปล่งแสงแปลกๆ ออกมา และบนพื้นผิวของมันก็ปรากฏใบหน้ามากมายนับไม่ถ้วนขึ้น ใบหน้าเหล่านั้นบิดเบี้ยวด้วยความตะกละและกระหายเลือด

ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น และจากนั้นก็ไปปรากฏขึ้นใหม่ที่เบื้องหน้าของมังกรตัวอื่นๆ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาต่อยหมัดทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป และทั่วทั้งร่างมังกรดำก็กระตุกขึ้น มันเริ่มแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ตามติดมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างโหยหวน ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มังกรดำอีกสามตัวส่งเสียงคำรามพุ่งตรงมา พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ในตอนที่เขาหมุนตัวกลับไปมอง พวกมันก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเขาแล้ว

“ผนึกอสูร เวทรุ่นแปด!” เมิ่งฮ่าวกล่าวชี้มือขวาออกไป ทันใดนั้น สามมังกรดำก็สั่นสะท้าน ราวกับว่ามีเส้นใยที่มองไม่เห็นมากมายนับไม่ถ้วน ได้พันธนาการพวกมันไว้อย่างแน่นหนา

“เวทอสูร วิชาผนึกความเที่ยงธรรม, สกัดวิญญาณ!” เมิ่งฮ่าวขยับมือร่ายเวท และแสงอันโหดเหี้ยมดุร้ายก็ปรากฏขึ้นในดวงตาขณะที่เขาชี้นิ้วตรงไป

ทำให้เกิดเป็นเสียงแผดร้องโหยหวนดังก้องออกมาจากมังกรเหล่านั้นในทันที ภายในมังกรมีผู้ฝึกตนอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นคน ใบหน้าพวกมันกำลังบิดเบี้ยวไปมาขณะที่ส่งเสียงแผดร้อง ภาพซ้อนทับปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือวิญญาณของพวกมันกำลังถูกดึงออกมา!

สามมังกรพังทลายลงไปในทันที ซากศพมากกว่าหนึ่งหมื่นซากตกลงไปบนพื้นในทันใด

วิชาผนึกความเที่ยงธรรมเป็นวิชาเวทของผู้ผนึกอสูร ความเที่ยงธรรมมาพร้อมกับความคิด การผนึกก็มาพร้อมกับความคิด ชีวิตก็มาพร้อมกับความคิด ความตายก็มาพร้อมกับความคิดด้วยเช่นกัน!

ในเวลาเดียวกันนั้น สามมังกรที่ถูกจับไว้โดยธวัชสามแฉกก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ สำหรับมังกรตัวสุดท้าย มันนิ่งแข็งอยู่กลางอากาศ ภาพของปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งแรก ปรากฏขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์อยู่ที่ตรงส่วนหัวของมัน และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ค่ายกลที่สอง!” มันร้องออกมา ทันใดนั้น สิ่งที่ยังเหลืออยู่ของมังกรทั้งหมดที่แยกออกเป็นชิ้นๆ ก็กลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำ พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งแรก ภายในกลุ่มหมอกนั้นเป็นศิษย์ที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ถูกสังหารไป มีประมาณหนึ่งหมื่นคน

เพียงชั่วพริบตา กลุ่มหมอกสีดำก็กลายเป็นยักษ์ที่สูงหนึ่งร้อยจ้าง สวมใส่ชุดเกราะสีดำ และดูคล้ายกับเป็นเทพยดา ทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“ตายยยยย!!” ยักษ์ส่งเสียงแผดร้อง เสียงที่รวมเข้าด้วยกันของผู้คนนับหมื่นดังก้องออกมาอย่างน่าตกใจ ในเวลาเดียวกันนั้น ร้อยหนึ่งพันภูเขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอันไร้ขอบเขตออกมาห่อหุ้มไปที่ตัวยักษ์ในทันที ทำให้ร่างมันเปล่งแสงออกมา และมีความสูงขึ้นไปถึงห้าร้อยจ้างในทันใด!

เมื่อเปรียบเทียบกับยักษ์แล้ว เมิ่งฮ่าวก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นแมลงตัวเล็กๆ

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังยักษ์ที่ใกล้เข้ามา และความเย็นชาในดวงตาก็เข้มข้นมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ตระหนักขึ้นในทันทีว่า เขาไม่มั่นใจว่าสวี่ชิงที่อยู่ภายในกระถางธูปจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว และจิตใจเขาก็เริ่มมีความกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน เขาก็เข้าใจว่าถ้ายังไม่อาจจะทำลายค่ายกลเวทนี้ เขาก็คงไม่อาจจะเข้าไปในสำนักชิงหลัวได้

“ตาย!” ยักษ์ส่งเสียงแผดร้อง ยื่นแขนออกมาทั้งสองข้าง ตะปบฝ่ามือเข้าด้วยกันตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าจะบดขยี้เขาด้วยฝ่ามือของมัน ซึ่งพุ่งมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงชั่วพริบตามือนั้นก็แทบจะมาถึงตัวเมิ่งฮ่าวแล้ว

เขาไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้มือทั้งสองตะปบเข้ามาที่เขา

ถ้ามีใครมองดูอยู่ ก็จะเห็นว่าเมิ่งฮ่าวถูกปกคลุมไว้ด้วยฝ่ามือของยักษ์นั้นโดยสิ้นเชิง แต่ถ้ามองดูให้ละเอียดก็จะพบว่า…ยักษ์กำลังสั่นสะท้าน

มันไม่เพียงแต่สั่นสะท้านเท่านั้น แต่สีหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึง

“นี่…นี่คือร่างกายอะไรกัน?!” ชายชราข้างกระถางธูปที่อยู่ในขั้นตัดวิญญาณครั้งที่สองกล่าว มันลุกขึ้นมายืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ใจเย็นๆ ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น” ปรมาจารย์ตัดครั้งที่สามกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “นั่นเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองจากทั้งหมดสามค่ายกล”

ขณะที่พวกมันพูดคุยกัน ทันใดนั้นมือยักษ์ก็ระเบิดออก กลุ่มหมอกสีดำกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินออกมา เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิด ก้าวเดินขึ้นไปบนร่างยักษ์และจากนั้นก็ต่อยหมัดออกไปในทันที

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่ยักษ์อ้าปากขึ้นและพ่นกลุ่มหมอกออกมาขวางกั้นเมิ่งฮ่าวไว้ ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวใหญ่ บนหน้าผากของยักษ์ตนนั้น ภาพของปรมาจารย์ตัดครั้งแรกปรากฏขึ้น สีหน้ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ

ทันใดนั้นมันก็ตะโกนออกมา “ค่ายกลที่สาม!”

ร่างของยักษ์แตกกระจายออกกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวและห้อมล้อมเขาไว้ กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านหมุนวนไปมา ขณะที่ก่อตัวเป็นลูกทรงกลมขนาดใหญ่ เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เปลวไฟสีดำพุ่งออกมา จากนั้นลูกทรงกลมก็เริ่มหดเล็กลง ราวกับว่ามันต้องการจะกลั่นสกัดเมิ่งฮ่าวที่อยู่ด้านใน

มันหดเล็กลงไปอย่างต่อเนื่อง หนึ่งร้อยจ้าง ห้าสิบจ้าง สามสิบจ้าง สิบจ้าง…

ด้านข้างกระถางธูป ปรมาจารย์ตัดครั้งที่สามกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามนี้ ได้มีการรวมพลังกับพื้นฐานฝึกตนของโม่หลี ทำให้สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นการตัดครั้งที่สองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่ามันจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตามที ความอ่อนสามารถเอาชนะความแข็งได้ มันต้องไม่อาจจะหลบหนีออกมาได้”

ปรมาจารย์ตัดวิญญาณอีกคนที่อยู่ข้างกายมันยิ้มเห็นด้วย “ค่ายกลหลัวยินสามารถกลั่นสกัดสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด แต่ที่น่าเศร้าก็คือว่า…มันไม่อาจจะสร้างเป็นเม็ดยาขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นคนผู้นี้ก็คงจะถูกสกัดเป็นเม็ดยา ซึ่งน่าจะถือได้ว่าเป็นของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแน่นอน”

ขณะที่คนทั้งสองพูดคุยกัน เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็ดังก้องออกมา สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปขณะที่มองขึ้นไป ที่ด้านล่าง ศิษย์สำนักชิงหลัวนับแสนต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันทุกคน

สิ่งที่พวกมันเห็นก็คือว่า ลูกทรงกลมสีดำของกลุ่มหมอกขนาดใหญ่ ที่หดเล็กลงไปจนมีขนาดแค่สิบจ้างเท่านั้น ต่อมากลิ่นอายอันดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบก็ปลดปล่อยออกมาจากภายในของลูกทรงกลมกลุ่มหมอก

กลิ่นอายที่ดุร้ายนั้นยากที่จะอธิบายออกมาได้ เช่นเดียวกับความเย็นชาอย่างน่าเหลือเชื่อของมัน ขณะที่ทุกคนมองไป ในชั่วพริบตา เงาร่างอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในลูกทรงกลมกลุ่มหมอกขนาดสิบจ้างนั้น

มันไม่ใช่เป็นมนุษย์ แต่เป็นดอกไม้!

เป็นดอกไม้หลากสี!

กิ่งก้านและใบของมันส่ายไหวไปมา กลีบดอกของมันกระพือพริ้ว เมื่อกลิ่นอายของมันกระจายออกไป ลูกทรงกลมกลุ่มหมอกก็ไม่อาจจะต่อต้านได้ ระเบิดออกเป็นเสียงดัง ขณะที่เป็นเช่นนั้น โลหิตและชิ้นเนื้อก็กระจัดกระจายออกไปทั่วทุกที่ กระเด็นออกมาจากซากศพของศิษย์สำนักชิงหลัว นอกจากนี้ชายชราก็โผล่ออกมา ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว, ตื่นตระหนก และไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่หลบหนีไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งแรก

“ช่วยข้าด้วย!!” มันแผดร้องขณะที่หลบหนีจากไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทันไปได้ไกลกว่านี้ และก่อนที่ทุกคนจะสามารถทำอะไรเพื่อตอบรับ กิ่งก้านสีดำก็เลื้อยออกไปอย่างรวดเร็ว ม้วนพันไปรอบๆ ร่างชายชราผู้นั้น และลากมันกลับไปอย่างรุนแรง ชายชราแผดร้องเสียงโหยหวนออกมา ขณะที่กิ่งก้านนั้นฉุดลากมันตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งจากนั้นเขาก็คว้าจับไปที่ลำคอของมัน

เมิ่งฮ่าวเดินตรงไป ด้านหลังเขาเป็นดอกปี่อ้านห้าสี มีความสูงถึงยี่สิบจ้าง ส่ายไหวไปมาด้วยโทสะอันดื้อด้าน ขณะที่มันลอยติดตามไป

นี่ก็คือของวิเศษตัดวิญญาณของเมิ่งฮ่าว, ดอกปี่อ้าน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version