ตอนที่ 725
หยิบฉวยวิญญาณ!
พลังของแรงดึงดูดที่อยู่ภายในช่องว่าง ในความว่างเปล่านั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่การโจมตีของเมิ่งฮ่าวก็ประกอบไปด้วยพลังค้นหาเต๋า ทำให้สายลมที่พุ่งขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อนั้น รวมเข้าด้วยกันกับแรงดึงดูด คนอื่นๆ ที่มองมาต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
บุรุษหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยนมองไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มันถูกดูดตรงเข้าไปยังช่องว่างนั้นอย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ เป็นเวลาเดียวกับที่หุ่นเชิดสำนักจินหาน และแม้แต่ลู่ปั๋ว ต่างก็ถูกดูดเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ พวกมันก็เข้าไปใกล้กับรอยแยกนั้น
สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าไม่อาจจะควบคุมตนเองได้เช่นเดียวกับพวกมัน แต่ทันใดนั้นก็มองมายังพวกมันพร้อมดวงตาที่เจิดจ้า
“เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต!”
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว และหัตถ์ยักษ์สีโลหิตก็โอบอยู่รอบๆ ร่าง เขากำลังใช้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต ไม่ใช่กับใครคนใดคนหนึ่งในพวกมัน แต่ใช้กับตนเอง
เขากำลังใช้พลังของกระแสน้ำวนสีโลหิต เพื่อต่อสู้กับแรงดึงดูดที่ออกมาจากช่องว่างนั้น
เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวหยุดลงในทันที คนทั้งหมดสามารถมองเห็นว่า ในกลุ่มคนทั้งสี่ เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับวิญญาณเซียนแท้มากที่สุด!
ขณะที่ทำการต่อสู้กับพลังของแรงดึงดูด เมิ่งฮ่าวก็ใช้พลังของกายเนื้อเพื่อต้านรับการโจมตีจากบุรุษหนุ่มสำนักอีเจี้ยนและลู่ปั๋ว รวมทั้งความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของหุ่นเชิดสำนักจินหาน หลังจากที่กระอักโลหิตออกมาเล็กน้อย เขาก็ยื่นมือออกไปคว้าจับไปที่วิญญาณเซียนแท้!
“บัดซบ!!”
“เมิ่งฮ่าว, เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?!?!”
“เมิ่งฮ่าว!!”
ทันทีที่เขาแตะสัมผัสมัน เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในจิตใจ ในเวลาเดียวกันนั้น วิญญาณเซียนแท้ก็เริ่มหดเล็กลง เพียงชั่วขณะมันก็กลายเป็นแก้วผลึก ซึ่งเมิ่งฮ่าวใช้มือรวบไว้
“ได้แล้ว!” เขาคิด ดวงตาสาดประกาย และเตรียมตัวจะใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลจากไป
แต่ในทันใดนั้นเอง ทะเลสาบหมื่นจ้างที่ด้านล่าง จู่ๆ ก็ส่งเสียงกระหึ่มอย่างน่าแปลกใจออกมา เวลาเดียวกันนั้น น้ำในทะเลสาบก็กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ที่กระจายแรงดึงดูดอย่างน่าเหลือเชื่อออกมาเป็นระยะ
ความเข้มข้นของแรงดึงดูดนี้ สะกดข่มแรงดึงดูดจากรอยแยกในอากาศอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นหุ่นเชิดสำนักจินหานก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ จนกลับกลายเป็นห้าผู้ฝึกตนจากสำนักจินหานเหมือนเดิม พวกมันไม่อาจจะควบคุมร่างกายตนเองได้โดยสิ้นเชิง และส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่ถูกดูดลงไปในทะเลสาบเต๋าที่ด้านล่าง
ต่อมาก็เป็นบุรุษหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยนและลู่ปั๋ว ซึ่งมีสีหน้าสลดลงในทันที บุรุษหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยนบดขยี้แผ่นหยกในทันใด ร่างมันเริ่มเลือนลางลงด้วยพลังการเคลื่อนย้ายทางไกล แต่ก็ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอ และถูกดูดเข้าไปในทะเลสาบเต๋าเช่นเดียวกัน
ฉับพลันนั้นพลังแห่งกาลเวลาก็เริ่มกระจายออกเป็นระลอกคลื่นอยู่รอบๆ ร่างลู่ปั๋ว ขณะที่มันพยายามจะทำให้กระแสแห่งกาลเวลาไหลย้อนกลับ แต่หลังจากหนึ่งอึดใจผ่านไป ก็เกิดเป็นรอยแตกร้าวบิดเบี้ยวไปมา กาลเวลาไม่อาจจะไหลย้อนกลับได้ มันจึงกลายเป็นริ้วลำแสง และถูกดูดเข้าไปในทะเลสาบเต๋า
เมิ่งฮ่าวเป็นคนสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตยังคงมีอยู่ แต่ก็กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง ขณะที่พยายามต่อสู้เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นออกไปจากแรงดึงดูดนั้น แต่เขาก็สามารถยื้อไปได้เพียงแค่สามอึดใจเท่านั้น ก่อนที่เสียงแตกร้าวจะได้ยินมาจากเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตและหัตถ์ยักษ์ พวกมันแตกกระจายไป และเมิ่งฮ่าวก็ถูกดูดลงไปในทะเลสาบเต๋าอย่างรุนแรง
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ที่คนทั้งสี่ถูกดูดลงไปในทะเลสาบหมื่นจ้าง สองสำแลงก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป เพียงแค่หนึ่งอึดใจ ทันใดนั้นสองชายชราก็มาปรากฏกายขึ้นเหนือทะเลสาบ
“บัดซบ!!”
หนึ่งในพวกมันฉับพลันนั้นก็ชี้ลงไปยังทะเลสาบ แต่ก็ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่นจะกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของทะเลสาบ ในเวลาเดียวกันนั้น ลำแสงอื่นๆ ก็เข้ามาใกล้จากทั่วทุกทิศทาง ตรงมายังตำแหน่งเดียวกัน ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นผู้พิสดารค้นหาเต๋าขั้นสูงสุด ซึ่งรับรู้ได้ถึงวิญญาณเซียนแท้
พวกมันทั้งหมดเพิ่งจะมาสายไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดาย หลังจากที่พวกมันเฝ้าสังเกตดูด้วยความระมัดระวังเป็นเวลานาน ก็รวมพลังกันโจมตีไปยังทะเลสาบ แต่ในที่สุดพวกมันก็รู้ว่าไม่อาจจะเข้าไปที่ด้านในของทะเลสาบได้ พวกมันจึงต้องจากไป ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ
ในตอนนี้ทะเลสาบเต๋าโบราณ ในที่สุดก็กลับคืนสู่ความสงบและความเงียบขึ้นอีกครั้ง
สำหรับเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ พวกเขาถูกจัดว่าเป็นคนที่หายสาบสูญไป แน่นอนว่าการที่เมิ่งฮ่าวได้ครอบครองวิญญาณเซียนแท้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเก็บไว้เป็นความลับได้ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณจากสำนักและตระกูลทั้งหมด ที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานมองเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง
ผู้คนในดินแดนด้านใต้เริ่มรับรู้เรื่องราวนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ และผู้พิสดารจากสำนักและตระกูลต่างๆ ก็แทบจะคลุ้มคลั่ง พวกมันยังได้รวมพลังกันเพื่อทำการพยากรณ์ถึงตำแหน่งที่อยู่ของเมิ่งฮ่าวถ้าเขายังไม่ตายไป ดังนั้นจึงเกิดการค้นหาอย่างโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้
ถ้าเมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้น ทางสำนักและตระกูลต่างๆ ก็ต้องพบเห็นได้ในทันที แน่นอนว่าสำนักเซี่ยเยาไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ด้วยเช่นนั้น จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นเป็นระยะ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในดินแดนด้านใต้ไปแล้ว
ทั่วทั้งดินแดนด้านใต้กำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้ฝึกตนเร่ร่อนหวาดกลัวต่อความปลอดภัยของตนเอง ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเกิดสงครามขึ้น แต่สงครามเล็กๆ และการต่อสู้ต่างๆ ก็เกิดขึ้นอยู่ทั่วไป
สำหรับเมิ่งฮ่าว หลังจากที่เขาถูกดูดลงไปในทะเลสาบพร้อมกับคนอื่นๆ เข้าก็ผ่านเข้าไปในสิ่งที่คล้ายกับเป็นอุโมงค์ และจากนั้นก็หมดสติไป เขาถูกดูดเข้าไปเป็นเวลานานมากจนไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงกาลเวลาที่ผ่านไป ก่อนที่จะเกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องดังขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ จนทำให้เขาต้องตื่นขึ้นมาในทันที
เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ในกลางอากาศ ที่ด้านบนขึ้นไปไม่ใช่ท้องฟ้า แต่เป็นพื้นผิวที่แข็งแกร่งมั่นคงอย่างไร้ขอบเขต พร้อมกับประกายแสงที่ไร้จุดสิ้นสุดของไข่มุก ซึ่งส่องสว่างจนทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นเจิดจ้าราวกับเป็นเวลากลางวัน
ที่กระจายอยู่ท่ามกลางไข่มุกเป็นปากอุโมงค์ที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ทันทีที่มองเห็น เมิ่งฮ่าวก็คาดเดาว่าเขาได้หล่นลงมาจากทางเปิดของมัน
“สถานที่แห่งนี้คืออะไร…?” เขาคิด จิตใจเต้นรัว ขณะที่มองไปรอบๆ ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นในทันใด และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เขาไม่ได้อยู่ใน…ทะเลสาบเต๋าโบราณ!
เขาถูกห้อมล้อมด้วยซากปรักหักพังอย่างไร้จุดสิ้นสุด ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนยากที่จะอธิบายออกมาได้ ซากปรักหักพังและซากศพ กระจัดกระจายขยายวงออกไปทั่วทุกทิศทาง บางซากก็ถูกฝังอยู่ครึ่งตัว จากที่มองไป ยังมีซากปรักหักพังมากกว่านี้ ถูกฝังอยู่ภายใต้พื้นดินอีกด้วย
ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังเป็นชั้นๆ ซึ่งเกิดขึ้นมานานมากมายหลายปีจนนับไม่ถ้วน
แม้แต่ภูเขาก็ยังมีให้เห็นเช่นกัน!
ภูเขาเหล่านั้นไม่ใช่ภูเขาที่แท้จริง แต่เป็นอาวุธเวท, เม็ดยา และแม้แต่ซากศพที่กองสุมกันเป็นจำนวนมากมาย มีภูเขาเช่นนี้อยู่นับหมื่นลูก กระจัดกระจายออกไปทั่วทุกที่ ภาพที่เห็นนี้ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ในท่ามกลางของภูเขานับหมื่น มีประตูแห่งเปลวไฟขนาดใหญ่ลอยอยู่ที่ด้านบน
ประตูแห่งเปลวไฟสีแดงจ้าพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้ทั่วทั้งโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยสีแห่งเปลวไฟ
สูงขึ้นไปในอากาศ บินไปมาด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีปีกอันดุร้าย ซึ่งมีอยู่มากมายจนไม่อาจจะนับได้ ร่างกายพวกมันเป็นสีม่วง และพวกมันก็หอบเอาอาวุธเวท โยนเข้าไปในประตูเปลวไฟ อาวุธเวทเหล่านั้นถูกเผาไหม้จนไม่เหลืออะไรเลย
เห็นได้ชัดว่า อาวุธเวทเหล่านั้นมีพลังบางอย่าง จนทำให้สัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้นบนประตูเปลวไฟเป็นระยะ ทุกครั้งที่สัญลักษณ์เวทแวบแสงขึ้น ทะเลแห่งเปลวไฟก็จะม้วนตัวออกไป
ด้านล่างของประตูเปลวไฟเป็นสว่านยักษ์ที่มีความยาวถึงหนึ่งหมื่นจ้าง เป็นสีแดงเข้ม และลอยตัวอยู่กลางอากาศ ชี้ลงไปยังหุบเหวที่มีความกว้างหนึ่งพันจ้าง
ยังมีสัตว์อสูรที่มีปีกซึ่งเรืองแสงสีเงินออกมาอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ ถือแส้อยู่ในมือเพื่อใช้ฟาดโบยไปยังสัตว์อื่นๆ ยังมีสัตว์อสูรสีทองที่นอนคว่ำอยู่ข้างประตูเปลวไฟอยู่บ้างด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังหลับอยู่
นอกเหนือจากทั้งหมดนั้น ก็ยังมีสัตว์อสูรแปลกๆ หลากหลายชนิดอยู่ด้วยอีกเช่นกัน กำลังเดินไปมากระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา ขณะที่พวกมันเดินไปในท่ามกลางซากปรักหักพัง กำลังทำการขนย้ายสิ่งของต่างๆ ทั้งหมด
พวกมันขนย้ายซากศพ, อาวุธเวท, หินลมปราณ และเศษซากชิ้นส่วนอื่นๆ
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นพวกมัน พวกที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเขาด้วยเช่นกัน พวกมันทั้งหมดหยุดนิ่งไม่ขยับตัว และทันใดนั้นก็มองมายังทิศทางที่เขาอยู่
สายตามากมายนับไม่ถ้วนตกกระทบมาบนร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้หนังศีรษะเขาต้องด้านชา
อันที่จริงเมิ่งฮ่าวเคยเห็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์มีปีกสีม่วง กำลังถูกพ่นออกมาจากทะเลสาบที่โลกด้านนอก ทุกคนในที่แห่งนี้ที่เขามองเห็น ต่างก็อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้ง และยังมีบางตัวที่มีกลิ่นอายตัดวิญญาณอีกด้วย
สำหรับสัตว์อสูรสีเงิน แต่ละตัวเป็น…สัตว์อสูรตัดวิญญาณ! แม้แต่กลิ่นอายค้นหาเต๋าก็ยังมีอยู่ในบางตัวอีกด้วย พวกมันมีทั้งหมดเกือบสองร้อยตัว
ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือ…สัตว์อสูรสีทองที่นอนคว่ำอยู่ใกล้กับประตูเปลวไฟ มีทั้งหมดสิบเอ็ดตัว
จากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวสามารถสัมผัสได้ สัตว์อสูรสีทองนั้นมีพลังค้นหาเต๋าทั้งหมด
หนึ่งในพวกมันเป็นสีทองม่วง และเมิ่งฮ่าวก็บอกได้ว่ามันเป็นตัวที่แข็งแกร่งมากที่สุด อยู่ในขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า
มันยังแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์หกเต๋า และปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังซะอีก
สำหรับสัตว์อสูรที่เดินไปบนพื้นดินด้วยเท้า พวกมันอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ด้วยจำนวนที่มากมายของมัน ก็เพียงพอที่จะทำให้เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรง
“นี่เป็นสถานที่อะไรกัน?!” เขาคิด รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ขณะที่มองไปยังสัตว์อสูรที่กำลังหันหน้ามามองเขา รู้สึกราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ใต้ร่มเงาแห่งความตาย ถ้าสัตว์อสูรสีทองไม่ได้อยู่ที่นั่น ก็คงจะไม่เลวร้ายมากนัก แต่การมีพวกมันอยู่ที่นั่น ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่
ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือ ยังมีสัตว์อสูรสีทองเข้ม กำลังนั่งอยู่ในท่ามกลางประตูเปลวไฟ เมิ่งฮ่าวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวมากกว่าตัวอื่นๆ เป็นกลิ่นอายของเซียน!
ในตอนนี้เองที่สัตว์อสูรสีทอง ซึ่งกำลังนอนคว่ำอยู่รอบๆ ประตูเปลวไฟ ต่างก็เริ่มลืมตาขึ้นมาทุกตัว พวกมันจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันนั้น สัตว์อสูรสีทองเข้มก็มองมายังเขาด้วยเช่นกัน และทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกผนึกจนแน่นิ่งไป
“เจ้าสิ่งนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังมากนัก!!” เมิ่งฮ่าวคิด “ถ้าหกเต๋าอยู่ที่นี่ มันก็ไม่อาจจะเทียบได้แม้แต่น้อย”
“นี่เป็นสัตว์อสูรชนิดใดกัน? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า โลกที่ด้านล่างนี้จะมีสัตว์อสูรอันน่าตกใจเช่นนี้อยู่ หรือบางที…พวกมันเป็นอสูร?” สีหน้าเขาเปลี่ยนไป และขยับตัวไปด้านหลัง แต่จากนั้นจู่ๆ เขาก็มองเห็นคนผู้หนึ่ง โผล่ออกมาจากหนึ่งในปากอุโมงค์ที่ด้านบน
มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็น ลู่ปั๋ว!
ทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น ก็มองไปรอบๆ และสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป
หลังจากมันก็เป็นบุรุษหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยน และจากนั้นก็เป็นห้าผู้ฝึกตนสำนักจินหาน
เมื่อเขาตระหนักถึงลำดับที่คนทั้งหมดโผล่ออกมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น
“ข้าเป็นคนสุดท้ายที่ถูกดูดเข้ามา แต่เป็นคนแรกที่หล่นลงมา” เขาคิด “ห้าผู้ฝึกตนตัดวิญญาณสำนักจินหานเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกดูดเข้าไป และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่หล่นลงมา”
เมื่อบุรุษหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยน และห้าผู้ฝึกตนสำนักจินหานมองเห็นดินแดนที่อยู่รอบๆ ตัว สีหน้าพวกมันก็สลดลง
ผู้ฝึกตนทั้งแปดคนถอยไปด้านหลัง เกรงกลัวที่จะไปทำให้สัตว์อสูรที่น่ากลัวเหล่านี้ไม่พอใจ และกลัวว่าจะไปกระตุ้นให้พวกมันโจมตีมา
“คนแปลกหน้า!” เสียงเก่าแก่โบราณพูดขึ้น ดังก้องไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ ไม่ใช่เสียงจากใครอื่นแต่เป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากที่สุด ตัวสีทองเข้มที่นั่งอยู่ในประตูเปลวไฟ
มันบินขึ้นไปในอากาศ และทันใดนั้นก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เพียงชั่วขณะมันก็มีความยาวหนึ่งร้อยจ้าง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นหัวหน้าของกลุ่มสัตว์อสูรทั้งหมดนี้
“พวกเจ้าเป็นคนแปลกหน้ากลุ่มที่สอง ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้…”