Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 771

ตอนที่ 771

ขอให้ข้าได้พักสักเล็กน้อย

ความเงียบอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันใดนั้นก็ปกคลุมเต็มไปทั่วทั้งสนามรบ หลังจากนั้น รังสีสังหารก็ระเบิดขึ้นไปจนถึงสวรรค์

“สังหารพวกมัน!!” กลุ่มผู้ฝึกตนนับแสนพุ่งตรงไปยังทะเลเทียนเหออย่างบ้าคลั่ง ตรงไปยังผู้ฝึกตนนับแสนที่กำลังแห้งเหี่ยวลงไปแห่งดินแดนทางเหนือ

สงคราม…เริ่มขึ้นแล้ว!

เมิ่งฮ่าวจากไป แต่ก็ไม่มีผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้แม้แต่คนเดียว ที่จะรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะมาร่วมงานวิวาห์ของเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง แต่กลับต้องมาพบเจอกับการรุกรานเข้ามาของดินแดนทางเหนือ และยังได้เผชิญหน้ากับคำสาปโลกันต์เฉาเก้าเสื่อมโทรมอีกด้วย

สิ่งเดียวที่พวกมันรู้สึกเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวก็คือความเศร้าใจ รวมทั้งหวังว่าในที่สุดเขาก็จะสามารถยืนหยัดต่อไปด้วยความเข้มแข็ง

การสังหารหมู่ขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นที่เขตชายขอบของดินแดนด้านใต้

เมิ่งฮ่าวโอบอุ้มสวี่ชิง ทั้งคู่ยังคงสวมใส่ชุดแต่งงานสีแดงสด เขาโอบกอดนางไว้ในวงแขน และนางก็ซบไปที่หน้าอกเขา กลิ่นอายสีดำปกคลุมอยู่รอบตัวเมิ่งฮ่าว และร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ หยดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตา และจิตใจก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ รู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกใบมีดอันแหลมคมมากมายนับไม่ถ้วนแทงเข้ามาในร่างอย่างต่อเนื่อง

กลิ่นอายสีดำได้ปรากฏขึ้นบนร่างที่แห้งเหี่ยวลงไปของสวี่ชิงด้วยเช่นกัน นางเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าร่างกายนางจะถูกฟื้นฟูกลับคืนมาได้ แต่ก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น

พลังคำสาปแช่งที่หลงเหลืออยู่หนึ่งส่วน อาจจะไม่มีผลกับคนอื่นๆ มากนัก แต่สำหรับสวี่ชิง…มันเป็นสิ่งที่ร่างกายนางไม่อาจจะต่อต้านได้

พลังคำสาปแช่งที่หลงเหลืออยู่หนึ่งส่วนนั้น คล้ายกับเป็นพลังแห่งกาลเวลาที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็วหลายเท่า ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน นางก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกตลอดกาล

ทันใดนั้นสวี่ชิงก็บังคับให้ตนเองลืมตาขึ้นมา มองไปยังสามีที่โอบอุ้มนางอยู่ เขาเป็นบุคคลที่สำคัญและเป็นที่รักของนางมากที่สุดในชั่วชีวิตนี้ นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ข้าอยากจะ…กลับไปที่หุบเขา”

นางไม่ต้องการให้เมิ่งฮ่าวไม่มีความสุข รวมทั้งไม่อยากจะเห็นเขาเจ็บปวดใจแม้แต่น้อยนิด นางอยากจะมีความสุขกับเขาตลอดไป ไร้ความเจ็บปวด ไร้ความโศกเศร้าเสียใจใดๆ

เพียงแค่ท่านปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว

“ตกลง พวกเราจะกลับไป…” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า จิตใจเขาสั่นสะท้านขณะที่มองไปยังนาง ไม่ต้องการให้ความรู้สึกเศร้าโศกมีผลกระทบต่อนาง ดังนั้นรอยยิ้มอันอบอุ่นจึงได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

แต่ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาอย่างเงียบๆ

“ท่านกระทำถูกแล้ว” นางพึมพำ “พวกมันมาเข้าร่วมงานวิวาห์ของพวกเรา และพวกเราก็ไม่ควรจะปล่อยให้แขกเหรื่อต้องได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้พวกเราเป็นหนี้พวกมัน…ในอนาคต ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ท่านต้องตอบแทนพวกมันทั้งหมด” ด้วยเช่นนั้น นางก็ซบลงไปที่หน้าอกเขาอย่างเหนื่อยล้าและหลับตาลง

เมื่อนางหลับตาลง เมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่ง หลังจากที่รู้สึกได้ว่านางแค่หมดสติไปเท่านั้น ก็รู้สึกราวกับว่าในที่สุดเขาก็สามารถระบายความโศกเศร้าเสียใจออกมาได้แล้ว เขามองขึ้นไปในท้องฟ้า…และหยดน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

เขาไม่ต้องการจะรบกวนสวี่ชิง ดังนั้นเขาจึงโอบกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน ขณะที่เดินทางต่อไปยังที่ห่างไกล พวกเขาพุ่งผ่านภูเขาและพื้นดินมากมายหลายแห่ง จนกระทั่งบรรลุถึงสำนักเซี่ยเยา, หุบเขาเจ้าสำนักน้อย และกระท่อมไม้ของคนทั้งสอง

เมิ่งฮ่าวไปขอคำแนะนำจากปรมาจารย์อสูรโลหิต แต่ถ้ำแห่งเซียนก็ถูกปิดผนึกไว้ด้วยเกราะป้องกันสีโลหิต ทำให้เขาไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้ ปรมาจารย์อสูรโลหิตจำศีลอยู่ และไม่อาจจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้

ย้อนกลับไปในหุบเขา เมิ่งฮ่าวโอบกอดสวี่ชิงไว้ด้วยความเจ็บปวดใจ ลูบไล้ไปที่เส้นผมของนางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “พวกเราตกลงกันว่าจะใช้เวลาหนึ่งร้อยปีด้วยกัน หลังจากนั้นท่านก็จะไปเกิดใหม่ และข้าก็จะไปค้นหาท่าน…”

สวี่ชิงลืมตาขึ้นมาและยิ้มให้กับเขา สิ่งที่นางไม่เห็นก็คือว่า เมื่อเขายื่นมือมาลูบไล้เส้นผมของนาง มือนั้นก็เต็มไปด้วยเส้นผมเหี่ยวแห้งที่หลุดล่วงลงมา

เมิ่งฮ่าวมองเห็นและเขาก็สะท้านใจ รีบกำมืออย่างรวดเร็ว ทำให้มองไม่เห็นเส้นผมที่หลุดร่วงไปนั้น

ใบหน้าสวี่ชิงซีดขาว เส้นผมของนางก็เหมือนกับชีวิตของนาง กำลังแห้งเหี่ยวหายไป ใบหน้านางค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ นางไม่ได้เยาว์วัยและงดงามอีกต่อไป รอยเหี่ยย่นกำลังกระจายออกไปทั่วทั้งใบหน้าของนาง

การไหลผ่านของกาลเวลา มีผลกระทบต่อร่างกายนาง จนทำให้ราวกับว่าได้ผ่านไปหลายปีแล้ว

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังหน้าตาที่งดงามของนางเริ่มแก่ชราลงไป ก็รู้สึกราวกับว่าไม่มีจิตใจอีกต่อไป ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีก็คือความว่างเปล่า ราวกับว่ามีหลุมดำแห่งความเจ็บปวด กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหน้าอก

สวี่ชิงมองไปยังท้องฟ้ายามราตรี และดวงดาวที่ระยิบระยับ นางพึมพำเสียงแผ่วเบา “ข้าอยากจะ…ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะ ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้าในสำนัก และเจ้าก็เป็นศิษย์น้องของข้า…”

“ข้าอยากจะ…นำเจ้าไปพบกับครอบครัวของข้า ข้าจำได้ว่าก่อนที่จะถูกนำไปยังสำนัก ข้ามีน้องชายอยู่หนึ่งคน…”

“ข้าอยากจะ…อยู่กับเจ้าตลอดไป…” เสียงของนางเริ่มแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ หลับตาลงและหลับไป

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าพลังชีวิตของสวี่ชิงกำลังมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ร่างกายนางแห้งเหี่ยวลงไป จนดูเหมือนว่าอาจจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ นางไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่อีก ราวกับเป็นเทียนไขในสายลม…

สวี่ชิงกำลังแก่ชราลงไป นางไม่ได้มีอายุยี่สิบปีอีกต่อไป แต่อยู่ในวัยกลางคน แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว นางยังคงเป็นหญิงสาวเยาว์วัยที่งดงามตลอดไป ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยมอบเม็ดยาคงโฉมให้

“ข้าต้องไม่ปล่อยให้ท่านแห้งเหี่ยวตายไป” เขากล่าวเสียงอ่อนโยน “พวกเราตกลงกันว่าจะใช้เวลาหนึ่งร้อยปีร่วมกัน และพวกเราก็จะต้องเป็นเช่นนั้น!” ดวงตาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งการตกลงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายื่นมือลงไปลูบไล้แก้มนาง

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เขาก็หลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ และยกนิ้วขวาขึ้นมา ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวในร่างเขา ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแห้งเหี่ยวลงไป นั่นเป็นเพราะว่า…มันประกอบไปด้วยอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ที่ยังคงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย

เขากรีดลงไปที่นิ้วด้วยความระมัดระวัง และบีบหยดโลหิตลงไปที่ริมฝีปากสวี่ชิงอย่างช้าๆ เป็นโลหิตที่ประกอบด้วยอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของตนเอง

ริมฝีปากนางเปลี่ยนเป็นสีโลหิต และแทบจะเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนเดียวของร่างกายนางที่มีสีสัน ดูแตกต่างไปจากผิวหนังที่ซีดขาวของนางไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่โลหิตไหลซึมเข้าไปในปาก สีหน้านางทันใดนั้นก็ไม่ได้แก่ชราลงไปอีก

แต่กลับกัน เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงไปอีกเล็กน้อย อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาในตอนนี้อ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด แต่ในจิตใจเขารู้สึกได้ถึงความหวัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สามวันผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาไม่อาจจะป้องกันสวี่ชิงจากการแห้งเหี่ยวลงไปได้ ในที่สุดเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

ตอนนี้เส้นผมของสวี่ชิงแทบจะกลายเป็นสีขาวไปทั้งหมด ใบหน้าอยู่ในวัยกลางคน มีรูปร่างที่ผอมแห้ง ไม่ได้ดูงดงามเหมือนกับที่เคยเป็นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามดวงตานางก็ยังคงอบอุ่น และยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้

ในที่สุดนางก็ยิ้มและไม่ยอมให้เมิ่งฮ่าวใช้โลหิตจากอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาอีกต่อไป มันทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดใจที่ต้องเห็นเขากระทำเรื่องเช่นนั้น แม้ว่าจะทำให้นางต้องใกล้กับความตายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ตามที

“แค่อยู่กับข้า จนถึงจุดสิ้นสุด ทำให้ข้าได้ไปเกิดใหม่…นั่นก็เพียงพอแล้ว”

“พวกเราตกลงกันแล้ว ดังนั้นมันก็เหมือนกับ…ข้ากำลังจะหลับไปแค่ชั่วคราว เมื่อตื่นขึ้นมา ข้าก็จะเห็นท่านอยู่ที่นั่น ใช่หรือไม่…?”

“แน่นอน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน

หลายวันผ่านไป และสวี่ชิงก็เริ่มแก่ชราลงไป เวลาที่นางจะตื่นขี้นมาในทุกๆ วัน เริ่มลดน้อยลงไป ส่วนใหญ่แล้วนางจะหลับอยู่

เมิ่งฮ่าวอยู่ข้างกายนาง ไม่ออกไปที่ด้านนอกของหุบเขาเลยแม้แต่ครึ่งก้าว เขาโอวกอดนางไว้ตลอดเวลา กอดนางไว้เหมือนกับที่เขาเคยกล่าวว่าจะไม่ปล่อยให้นางจากไป

สำหรับร่างกายของเขาเอง ขณะที่ผ่านไปหลายวัน อาณาจักร์ความเป็นนิรันดร์ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาและเริ่มฟื้นฟูร่างกายเขา พลังคำสาปแช่งค่อยๆ ถูกกำจัดออกไปจากภายในร่างอย่างช้าๆ แต่สวี่ชิงยังคงอ่อนแอลงไปอย่างต่อเนื่อง

เมิ่งฮ่าวพยายามใช้ทุกวิถีทางเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อจะฟื้นฟูพลังชีวิตที่จางหายไปของสวี่ชิงให้กลับคืนมา แต่ทั้งหมดนั้นต่างก็ไร้ผลใดๆ เขากลียดชังพื้นฐานฝึกตนของตัวเองที่ไม่สูงพอ และที่เกลียดมากไปกว่านั้นก็คือ คำสาปแช่งที่โหดร้ายของดินแดนทางเหนือ

จิตใจเขากลายเป็นมารร้ายไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็พยายามสะกดข่มมันไว้ แทบจะเหมือนกับเป็นห่วงโซ่ที่พันธนาการมันไว้ แต่ตอนนี้…ห่วงโซ่นั้นก็เริ่มหายไป…

เขาไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากมองไปยังสวี่ชิง มองไปขณะที่เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาว และความเยาว์วัยของนางได้หายจากไป จากวัยกลางคนนางกำลังกลายเป็นคนชรา ถึงแม้ว่าเขามีโอกาสที่จะเปลี่ยนชุดเจ้าสาวสีแดงของนาง แต่เขาก็ไม่กระทำ และนางก็ยังคงสวมใส่มันอยู่

ในครั้งหนึ่งนางพยายามลืมตาขึ้นมามองไปที่เขา แต่พวกมันก็พร่าเลือน และนางก็ไม่อาจจะมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน “ฉู่อวี้เยียนเป็นหญิงสาวที่ดี” นางพึมพำ “ข้าบอกนางว่าข้าสามารถอยู่กับท่านได้เพียงแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น และนางก็ควรจะมาช่วยข้าดูแลท่าน”

“ซ่งเจี๋ยก็ไม่เลวนัก…”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวอะไรออกมา เขามองไปยังนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ขณะที่ลูบไล้ไปบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นของนางอย่างช้าๆ สิ่งที่เขาเห็นก็คือใบหน้าที่งดงามก่อนหน้านี้ของนาง ได้เปลี่ยนไปเพียงแค่ไม่กี่วันขณะที่เขาโอบกอดนางไว้

ตอนนี้ จิตมารของเมิ่งฮ่าวปราศจากพันธนาการ และกำลังตื่นขึ้นมา…

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่อยู่ที่ด้านนอกในดินแดนด้านใต้ ในการต่อสู้บนชายหาดของทะเลเทียนเหอ ผู้ฝึกตนนับแสนจากดินแดนทางเหนือได้ตกตายไปทั้งหมด ทะเลเทียนเหอชุ่มโชกไปด้วยสีแดงของโลหิต

จากนั้นกองกำลังที่สองของดินแดนทางเหนือก็มาถึง ผู้ฝึกตนนับแสนของดินแดนด้านใต้เริ่มล่าถอยออกไป สนามรบเริ่มเปลี่ยนจากเขตชายขอบของดินแดนด้านใต้ กินอาณาเขตไปถึงครึ่งหนึ่ง

การต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมได้เกิดขึ้นทุกวัน ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนนับแสนจากดินแดนทางเหนือ เป็นผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าเจ็ดคน ทำให้เป็นเรื่องยากที่ดินแดนด้านใต้จะสามารถยืนหยัดต่อสู้ด้วยได้ พวกมันถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง

ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ต่างก็ถูกระดมกำลังทั้งหมดมา ไม่ว่าจะเป็นสำนักหรือตระกูลใดๆ ทุกคนต่างก็ถูกเรียกตัวมาเพื่อทำสงครามชี้ชะตาเป็นตายนี้!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ถึงตาย การรุกรานของดินแดนทางเหนือ ไม่ใช่สิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งจะยอมจำนนได้ พวกมันต้องการจะทำลายล้างผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ไปจนหมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากความปวดร้าวที่พวกมันได้รับจากการโจมตีในครั้งแรก ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ มีความเกลียดชังต่อดินแดนด้านใต้ลึกล้ำมากขึ้นไปกว่าเดิม

ไม่มีใครยอมหยุด จนกว่าอีกข้างจะตกตายไปจนหมดสิ้น!

สำนักต้องสิ้นสลายไป ตระกูลแล้วตระกูลเล่ากลายเป็นซากปรักหักพัง ในที่สุดสงครามก็มุ่งเน้นไปที่หกแนวรบที่แตกต่างกัน ราวกับว่ามีลูกธนูอันทรงพลังหกดอก ถูกยิงออกมาจากดินแดนทางเหนือ ตรงเข้าไปในดินแดนด้านใต้

แนวรบที่สามและสี่ในที่สุดก็ซ้อนทับกัน และกลายเป็นจุดสนใจที่กว้างใหญ่มากที่สุดของผู้ฝึกตน ผู้ฝึกตนนับแสนของดินแดนด้านใต้ต่างก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับกองกำลังหลักของดินแดนทางเหนือ เกิดการสังหารหมู่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น และดินแดนด้านใต้ก็ตกอยู่ในสถานะที่ต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

ทุกวันจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก และเส้นทางแห่งโลหิตที่กลาดเกลื่อนเต็มไปด้วยซากศพก็ยืดยาวออกไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้

ไม่กี่วันหลังจากนั้น มากกว่าครึ่งของผู้ฝึกตนนับแสนในแนวรบที่สามและสี่ต่างก็ตกตายไป ที่ยังคงเหลืออยู่สองแสนคนในตอนนี้ กำลังล่าถอยกลับไปยังสำนักเซี่ยเยา

เขตต่อต้านครั้งสุดท้าย ถูกจัดตั้งขึ้นที่ด้านนอกของสำนักเซี่ยเยา เพื่อต้านทานการสังหารของดินแดนทางเหนือ

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในสนามรบ ตามมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างโหยหวน และเสียงของการต่อสู้อย่างดุร้าย แสงหลากสีของความสามารถศักดิ์สิทธิ์เต็มอยู่ในอากาศ และพื้นดินก็สั่นสะเทือน

ดินแดนทางเหนือมาพร้อมกับยักษ์ที่มีขนาดเท่าภูเขา กวัดแกว่งกระบองเขี้ยวสุนัขป่าไปมาอย่างดุร้าย พวกมันพุ่งนำหน้าเข้าไปในสนามรบ แม้แต่ตอนที่ร่างกายพวกมันจะเต็มไปด้วยบาดแผลโลหิตไหลชุ่มโชก พวกมันก็ยังคงทำการสังหารหมู่ด้วยความน่ากลัวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เป็นสัตว์อสูรมากมายนับไม่ถ้วน และวิญญาณปีศาจอีกมากมาย ที่มาพร้อมกับผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือนับแสน พวกมันเป็นกองกำลังอันแข็งแกร่ง ที่สามารถบดขยี้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางทางให้ราบเป็นหน้ากลองได้อย่างง่ายดาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version