Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 798

ตอนที่ 798

บิดายิ้มเยาะดาวหนานเทียน

“จากสามพันเต๋าอันยิ่งใหญ่ เวทแต่ละอย่างแข็งแกร่งและไม่ธรรมดา ทำให้ยากที่จะบอกว่าเวทไหนแข็งแกร่งมากที่สุด…”

“เต๋าคงอยู่ในจิตใจ และจิตใจก็ให้กำเนิดเจตจำนงขึ้นมา ถ้าเจตจำนงเจ้าแข็งแกร่ง เต๋าของเจ้าก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วย และกระบี่ของเจ้า…ก็จะไร้ผู้ต่อต้าน!”

“จับตาดูท่าทางการขยับตัวของข้าให้ดี มีทั้งหมดเก้าท่า แต่ละท่าต่างก็สามารถทำให้พลังแห่งดวงดาวปั่นป่วนขึ้นมาได้” บุรุษกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ กระบี่เหล็กตวัดลงไป

ท้องฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือน แสงสีในโลกแห่งนี้ดูเหมือนจะจางหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือลำแสงกระบี่ ทุกสรรพสิ่งเริ่มจางเลือนลางไป มีแต่กระบี่เหล็กเท่านั้นที่ยังคงอยู่!

ลำแสงกระบี่พุ่งขึ้นไป และกระบี่เหล็กก็กรีดเฉือนลงมา ไปปรากฏขึ้นที่ด้านบนของทะเลสาบเต๋าโบราณ พุ่งตรงไปยังสัตว์อสูรที่เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ สัตว์อสูรจ้องมองไปยังลำแสงกระบี่ด้วยความตกตะลึง สีหน้าสลดลงโดยสิ้นเชิง มันส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ตกอยู่ในความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง พุ่งถอยไปทางด้านหลัง พยายามที่จะกลับเข้าไปในทะเลสาบเต๋าโบราณ

“นี่…นี่…” แม้ในขณะที่สัตว์อสูรล่าถอย ลำแสงกระบี่ก็ใกล้เข้ามา ในเวลาเดียวกันนั้น ทะเลสาบเต๋าโบราณก็ปะทุขึ้น และเสียงอันเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมา

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดระงับโทสะ ข้าขอร้องให้ท่านโปรดเมตตาละเว้นคนของข้าด้วย…”

“ไม่ได้!” เสียงคำรามดังขึ้น ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันระเบิดออก เต็มอยู่ในอากาศเหนือทะเลสาบเต๋าโบราณ ลำแสงกระบี่กวาดผ่านอากาศไป และสัตว์อสูรก็แผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา ร่างกายมันระเบิดขึ้นกลายเป็นชิ้นเนื้อที่ถูกเผาไหม้ ตกตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

หนึ่งกระบี่ทำลายการคงอยู่ของมันไป ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ขณะที่หนึ่งในเก้ากลิ่นอายซึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นถูกกำจัดไป ที่เหลืออีกแปดกลิ่นอายหยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นพวกมันก็รีบล่าถอยออกไปในทันที

แต่โชคร้าย ที่พวกมันตัดสินใจช้าไปแล้ว!

“ฮ่าวเอ๋อร์” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าว “ดูท่ากระบี่ที่สองนี้ให้ดี จงจำไว้ว่าเมื่อเจ้าโจมตีกระบี่ไป จิตใจต้องว่างเปล่า เป็นอิสระจากความว้าวุ่นใดๆ เจ้าคือเต๋า และเต๋าก็คือกระบี่!” อย่าน่าตกใจยิ่ง สิ่งที่ท่านกำลังถ่ายทอดให้คือเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่ท่านมีมาในชั่วชีวิตนี้

ปกติแล้วจะไม่มีการถ่ายทอดเต๋าให้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่นี่เป็นบุตรชายของท่าน เมื่อคิดว่าท่านได้ยอมตกลงที่จะกลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งดาวหนานเทียนเป็นเวลาหนึ่งแสนปีเพื่อเมิ่งฮ่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าท่านจะถ่ายทอดเต๋าให้หรือไม่

ขณะที่ท่านพูดถึงกระบี่ ก็ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า เป็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดเป็นสายลมอันรุนแรงขึ้นมา ลำแสงกระบี่ของท่าที่สองระเบิดขึ้น ท้องฟ้าสั่นสะเทือนภายใต้พลังอันน่ากลัวนี้ แทบจะเหมือนกับว่าสิ่งที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่คิด และสวรรค์ก็จะถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ!

เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่ลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นเหนือวิหารไท่เอ้อร์โบราณแห่งดินแดนด้านใต้ เหนือรูปปั้นที่กำลังหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว แต่ก่อนที่มันจะเข้าไปในวิหารได้ ลำแสงกระบี่ก็กรีดผ่านอากาศมา เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังก้องขึ้น ขณะที่รูปปั้นนั้นถูกตัดศีรษะไป ร่างกายมันลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง

มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือ เสียงแผดร้องก่อนตายของมัน

“เหนืออาณาจักรวิญญาณคืออาณาจักรเซียน ตอนนี้เจ้าอยู่ห่างจากเซียนแท้เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเจ้าอยู่ระหว่างอาณาจักรวิญญาณและอาณาจักรเซียน เมื่อก้าวเข้าไปได้โดยสมบูรณ์…เจ้าก็จะไปอยู่ในอาณาจักรเซียน!” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าว

“ตอนนี้ ดูท่ากระบี่ที่สามนี้ให้ดี” ด้วยการสูดลมหายใจอย่างแน่วแน่ ท่านใช้มือซ้ายลูบไปที่ตัวกระบี่ แทบจะราวกับว่าท่านกำลังปลุกวิญญาณกระบี่ให้ตื่นขึ้นมา ในท่ากระบี่ที่สามนี้ ท่านได้ปักกระบี่ลงไปบนพื้น ทำให้ปฐพีทั้งหมดสั่นสะเทือน ลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของทะเลเทียนเหอ ไล่ตามหลังเงาร่างที่ผอมแห้ง ซึ่งกำลังหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านเป็นใคร!?!? อย่าได้สังหารข้า! ข้ายอมจำนน! ข้าสามารถเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับบุตรชายท่านได้!!”

ย้อนกลับไปในดินแดนด้านใต้ บิดาเมิ่งฮ่าวมองกลับมาที่เขา “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าต้องการมันหรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวจ้องไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้สติกลับคืนมาก็ส่ายหน้า

บิดาเมิ่งฮ่าวหัวเราะออกมา

“ผู้พิทักษ์เต๋า? เจ้ายังไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ต่อบุตรชายข้า” ขณะที่เสียงท่านดังก้องออกมา กระบี่ก็ตวัดลงไป เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในเงาร่างที่ผอมแห้ง ขณะที่ร่างมันแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ลุกไหม้ขึ้นจนไม่เหลืออะไรอยู่อีก

กระบี่สามท่า สังหารสามผู้แข็งแกร่งไป!

เมื่อปรามาจารย์จากสำนักโบราณแห่งดินแดนตะวันออก มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ พวกมันก็ลุกขึ้นมายืน และเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พวกมันมองไปก็เริ่มคาดการณ์ได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ในตระกูลจี้ ปรมาจารย์เด็กหนุ่มที่ไร้แขนถอนหายใจออกมา

“ถ้าพวกเจ้าไม่เสนอหน้าออกมา เรื่องเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น มันจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้กับพวกเจ้า ถ้าเป็นเวลาอื่นก็คงจะไม่เป็นไร ด้วยนิสัยของมันแล้ว มันไม่เคยที่จะสนใจพวกเจ้าเลย แต่ตอนนี้…พวกเจ้ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับบุตรของมัน”

“การไปยุ่งกับบุตรของมันก็คล้ายกับการแตะไปที่เกล็ดมังกร! ใครจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นได้?”

อีกหกกลิ่นอายที่เหลืออยู่ต่างก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง พวกมันจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าเซียนรุ่งอรุณจะไปตอแยใครบางคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้? แน่นอนว่าจากหกกลิ่นอาย สองกลิ่นอายได้หยุดการพุ่งหนีไปทางด้านหลังแล้ว แต่กลับพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าแทน ราวกับว่าจะหลบหนีออกไปจากดาวดวงนี้

หนึ่งในนั้นเป็นหัวกระโหลก อีกหนึ่งเป็นภูเขาเทพจากทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตก

“บนวิถีทางแห่งการฝึกตน คนผู้หนึ่งไม่อาจจะพึ่งพาการปกป้องจากคนอื่นๆ ได้ ในชั่วชีวิตนี้เจ้ายังไม่เคยออกไปจากดาวหนานเทียน ฟู่ (บิดา) เคยเห็นผู้ถูกเลือกมากมายที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์เต๋า ซึ่งในตอนนี้…แต่ละคนต่างก็กลายเป็นพวกไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา”

บิดาเมิ่งฮ่าวหันหน้ามาหาเขาและหัวเราะเสียงเบาๆ จากนั้นก็ขยับมือซ้ายร่ายเวท ประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางชี้ออกไป แทบจะดูเหมือนว่าท่านกำลังดึงพลังออกมาจากสวรรค์และปฐพี ทำให้แสงแปลกๆ หมุนวนไปทั่วร่างขณะที่ย่างเท้าออกไปสองก้าว พร้อมกับเท้าที่ก้าวเดินไป ปราณกระบี่ก็พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า

ไม่นานหลังจากนั้น ภูเขาเทพก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา เห็นได้ชัดว่ารูปร่างขนาดใหญ่โตของมันกำลังจะหลบหนีออกไปจากดาวหนานเทียนได้แล้ว แต่กระนั้นร่างมันก็ยังต้องแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปจนไม่เหลืออะไรเลย

สำหรับหัวกระโหลก มันพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และกำลังพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่โชคร้ายที่ถึงแม้ว่ามันจะมีความรวดเร็วเช่นนั้น ก็ยังไม่อาจจะหลบหนีไปจากปราณกระบี่ได้

“ไม่!!” หัวกระโหลกแผดร้อง จากนั้นก็ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง รวมทั้งแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันด้วย

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง จ้องมองไปยังบิดาด้วยความงุนงง ท่านเดินไปแค่ห้าก้าวและปลดปล่อยพลังกระบี่ไปแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก็สังหารสิ่งมีชีวิตอันน่ากลัวไปถึงห้าร่างอย่างง่ายดาย ราวกับว่าท่านกำลังสังหารลูกเจี๊ยบอย่างไรอย่างนั้น กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเหล่านั้น เพียงแค่คนเดียวก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหวาดกลัวแล้ว แค่หนึ่งในพวกมันก็สามารถสังหารเขาไปได้อย่างง่ายดาย แต่เพียงแค่ลำแสงปราณกระบี่เดียวของบิดา ก็กำจัดพวกมันไปได้โดยสิ้นเชิง

“พวกมัน…อยู่ในอาณาจักรอะไรกัน?” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

ผู้ที่ตอบเป็นมารดาเขา “พวกมันได้เดินเข้าไปในแดนเซียน ตกผลึกผลไม้เต๋าได้แล้ว และก้าวเข้าไปในขั้นสูงสุดแห่งอาณาจักรเซียน พวกมันเรียกตัวเองว่าเป็นเต้าจู่ (มรรคาจารย์) แต่ก็ไม่อาจจะเปิดประตูแห่งอาณาจักรโบราณได้ พวกมันจึงไม่ใช่เซียนแท้ ในวันหนึ่งก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีไป”

“ในอาณาจักรวิญญาณ ค้นหาเต๋าคือขั้นสูงสุด” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าว “ในอาณาจักรเซียน มีอยู่สองเส้นทาง เส้นทางแรกเกี่ยวกับการสักการะบูชาบรรพบุรุษ จนได้รับผลไม้เต๋าของบรรพบุรุษมา และจากนั้นก็ใช้มันเดินเข้าไปในวิถีแห่งเซียน บนเส้นทางนั้นเจ้าจะไม่มีภาพแห่งธรรมของตนเอง เซียนเช่นนี้ถูกถือว่าเป็นเซียนเทียม นั่นเป็นเพราะว่าถ้าบรรพบุรุษแตกดับไป ใครก็ตามที่สักการะบูชามัน ก็จะต้องพบเจอกับการที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันตกต่ำลงไป!”

“นั่นเป็นวิถีทางในการเป็นเซียนที่ง่าย ซึ่งคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินไปบนเส้นทางนั้น แต่ก็ยังมีอีกเส้นทาง…บนวิถีทางนั้นเจ้าสักการะบูชาตนเอง มีภาพแห่งธรรมเป็นของตนเอง ต้องประสบพบเจอกับทัณฑ์เซียนและเดินไปบนวิถีทางของเจ้าเอง คนอื่นๆ สามารถจะสักการะบูชาเจ้าและเดินไปตามวิถีทางแห่งการฝึกตนของเจ้า ในฐานะที่เป็นเซียนเทียม นี่คือเส้นทางที่สองซึ่งเป็นวิถีทางแห่ง…เซียนแท้!”

บิดาเมิ่งฮ่าวเคลื่อนไหวราวกับเป็นสายลม ขณะที่เดินตรงไปอีกสองก้าว แต่ละก้าวทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน เส้นผมพริ้วไปมาในสายลมอยู่รอบๆ กาย และกลุ่มหมอกก็ลอยขึ้นมาจากบนกระหม่อม ท่านโบกสะบัดมือขวา ทำให้สองลำแสงปราณกระบี่พุ่งออกไป หนึ่งลำแสงตรงไปยังดินแดนตะวันออก และอีกหนึ่งตรงไปยังทะเลทรายตะวันตก

ในแดนสวรรค์โบราณแห่งดินแดนตะวันออก กิ่งของต้นไม้กำลังขยับไปมา และกลิ่นอายของมันก็พุ่งขึ้น จิตใจมันกำลังเพ่งสมาธิไปที่การรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะทำได้ แดนสวรรค์โบราณทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนไปทั่ว พื้นดินแยกออก และรากที่แห้งเหี่ยวของต้นไม้ก็ปรากฏขึ้น เตรียมที่จะต่อสู้กลับไปยังปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามา

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น และต้นไม้ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา พลังทั้งหมดที่มันสามารถรวบรวมขึ้นมาได้ ไม่อาจจะหยุดปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาได้ ต้นไม้ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนในทันที และเริ่มลุกไหม้ขึ้น เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ต้นไม้กลายเป็นเถ้าธุลีไป

ด้านล่างของพื้นผิวทะเลม่วงในทะเลทรายตะวันตก จระเข้กำลังสั่นสะท้าน มันหลบหนีไปด้วยความเร็วทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมขึ้นมาได้ แต่กระนั้นปราณกระบี่ก็ยังคงตวัดกรีดผ่านร่างมันไป ในชั่วพริบตา ก็มาอยู่เหนือศีรษะมัน

จระเข้มีท่าทางสิ้นหวัง

“ข้า…ข้าสามารถเป็นอาชาให้ได้!” จระเข้ร้องตะโกนขึ้น “ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิทักษ์เต๋า แต่ข้า…ข้ายินดีที่จะเป็นอาชาให้!”

เมื่อมันร้องตะโกนขึ้น ปราณกระบี่ทันใดนั้นก็หยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน กลายเป็นเครื่องหมายผนึก หลอมรวมเข้าไปในร่างของจระเข้

“เจ้าสืบสายโลหิตมาจากหลินหลง (มังกรเกล็ด) ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่จะเป็นอาชาให้กับฮ่าวเอ๋อร์ของข้า”

จระเข้สั่นสะท้าน จิตใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง หลังจากที่ถูกผนึกไว้ ร่างกายมันก็หดเล็กลงจนมีความยาวประมาณหนึ่งจ้าง จากนั้นมันก็ถูกฉุดดึงไปจนกระทั่งมาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

จระเข้รู้ว่านั่นก็คือปรมาจารย์น้อยของมัน ดังนั้นมันจึงทำท่าประจบสอพลอขึ้นมาในทันที พร้อมกับสะบัดหางไปมาอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวมองไปยังจระเข้ ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“น่าเสียดาย” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า “เจ้าเปิดเส้นชีพจรได้แค่ห้าสิบสามจุดเท่านั้น ถ้าเจ้าเปิดได้ไม่ต่ำกว่าหกสิบจุดขึ้นไป ก็จะสามารถเรียกพลังของสายโลหิตหลินหลงมาได้”

“ฮ่าวเอ๋อร์ ในอาณาจักรเซียน ไม่มีระดับขั้น มีเพียงชีพจรหนึ่งร้อยจุดของเต๋าแห่งเซียนเท่านั้น”

“สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีหนึ่งร้อยจุดชีพจร ในทางกลับกันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ มีมากกว่าหรือน้อยไปกว่านี้”

“เมื่อใดที่เจ้าผ่านเข้าไปในอาณาจักรเซียน เจ้าก็จะฝึกฝนหนึ่งร้อยจุดชีพจรเหล่านั้นได้ วิญญาณที่รวมกลุ่มกันเป็นสามจิตเจ็ดวิญญาณ มีทั้งหมดสิบเส้นชีพจร จุดชีพจรจะถูกแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะก่อตัวกันเป็นหนึ่งเส้นชีพจร ถ้าชีพจรทั้งหมดหนึ่งร้อยจุดถูกเปิดออก เจ้าก็จะสำเร็จในวิญญาณเซียน และจะมีผลไม้แห่งเต๋าเป็นของตนเอง จากนั้นเจ้าก็สามารถจะเปิดประตูเข้าไปสู่อาณาจักรโบราณได้!”

“แต่อาณาจักรเซียนเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะสำเร็จได้โดยง่ายดาย จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ บางคนที่เปิดจุดชีพจรได้ห้าสิบจุดก็ถูกถือว่าอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียนแล้ว และสามารถที่จะเปิดอาณาจักรโบราณได้ต่อไป จากตำนานที่เล่าต่อกันมา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบเห็นใครบางคนเปิดได้ถึงแปดสิบจุด เช่นเดียวกับการพบเห็นขนหงส์หรือเขากิเลน มีแต่ผู้ถูกเลือกซึ่งเป็นลูกหลานโดยตรงจากสำนักหรือตระกูลใหญ่ต่างๆ เท่านั้นถึงจะมีโอกาสทำได้เช่นนั้น”

“การเปิดได้ถึงเก้าสิบจุดยิ่งเป็นสิ่งที่หายากมากไปกว่านั้น และมีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น สำหรับเปิดได้ร้อยจุดเต็ม…จากในสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน”

“แต่เจ้าสามารถทำได้ ฮ่าวเอ๋อร์!” มารดาเขากล่าวขึ้นมาในทันที

บิดาเขาหัวเราะ แต่ทันใดนั้นก็ก้มตัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยืดตัวตรง มีท่าทางราวกับเป็นยักษ์ที่กำลังแบกโลกไว้ เดินตรงไปสองก้าวและโบกสะมัดมือ ทำให้สองลำแสงแห่งปราณกระบี่พุ่งออกไป หนึ่งลำแสงตรงไปยังดินแดนตะวันออก อีกหนึ่งตรงไปยังดินแดนทางเหนือ

เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของท่าน จริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำท่าทางขยับตัวอย่างพิถีพิถันเช่นนั้น โดยปกติแล้วท่านสามารถที่จะเคลื่อนไหวขยับตัวได้ราวกับเป็นกลุ่มเมฆที่ลอยพลิ้วสายน้ำที่ลื่นไหล อย่างไรก็ตามเพื่อเมิ่งฮ่าวแล้ว ท่านก็แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดทั้งหมดออกมา

ภายในหุบเขาเยือกแข็งแห่งดินแดนทางเหนือ บุรุษที่เพิ่งจะเดินออกมาจากก้อนน้ำแข็งก่อนหน้านี้ กำลังหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในตอนนี้ มันไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนที่หลบหนีไป แต่นั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่นั่น หัวเราะหึๆ ออกมา ดวงตาสาดประกายด้วยแสงแห่งความบ้าคลั่ง

ทันใดนั้นผิวกายของมันก็กลายเป็นสีม่วง และพลังแห่งคำสาปแช่งก็เริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง ขณะที่ปราณกระบี่พุ่งลงมา

“ใครก็ตามที่สังหารข้า สายโลหิตของพวกมันจะต้องถูกสาป!” มันร้องตะโกนขึ้น และปีกที่อยู่ด้านหลังมัน ฉับพลันนั้นก็กางออกจนกว้าง

เสียงแค่นอย่างเย็นชาดังก้องออกมา “แค่คนจากสายโลหิตคำสาปแช่งอันกระจ้อยร่อย สายเลือดของเจ้าไม่บริสุทธิ์เพียงพอ แต่ก็ยังกล้าที่จะสาปแช่งตระกูลฟาง?”

ปราณกระบี่ตวัดกรีดลงไป เฉือนไปที่ศีรษะของบุรุษซึ่งมีปีกนั้นโดยตรง

เงาร่างนั้นระเบิดออก พลังคำสาปแช่งหายไป ไม่มีโอกาสที่จะปลดปล่อยออกมา ก่อนที่มันจะกระจัดกระจายไปโดยสิ้นเชิง

——————-

หมายเหตุ :

  1. 1. 逆鳞 (นี่หลิน) เกล็ดใต้คอมังกร ซึ่งเชื่อกันว่ามักจะหันไปในทิศทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น หากมีใครไปแตะต้องตรงเกล็ดส่วนนี้ มังกรก็จะโกรธจัด และจะฆ่าคนผู้นั้นไป
  2. 2. 土鸡瓦狗 (ถู่จีหวาโก่ว) ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หมายความว่า อ่อนแอแตกหักง่าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version