Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 799

ตอนที่ 799

เกิดบนดาวตงเซิ่ง!

ปราณกระบี่สุดท้ายพุ่งผ่านพื้นดินตรงไปยังเทือกเขาลึก แห่งดินแดนตะวันออกซึ่งเป็นวิหารโบราณ แสงอันเจิดจ้าพุ่งขึ้นมาจากวิหาร รวมทั้งบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่ามีเทพเซียนนับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในวิหาร ทั้งตัวภูเขาและทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมแห่งเต๋านี้ และยังมองเห็นกลุ่มผู้ถูกเลือกมากมายกำลังฝึกตนอยู่ที่นั่นมานานหลายปีอีกด้วย

“หือ?!” บิดาเมิ่งฮ่าวอุทานออกมา ปราณกระบี่หยุดชะงักนิ่ง

ประตูวิหารโบราณเปิดออก และมีร่างหนึ่งโผล่ออกมา ยากที่จะมองเห็นเงาร่างนั้นได้ชัดเจน แต่มันยืนอยู่ที่นั่นเผชิญหน้ากับบิดาเมิ่งฮ่าว

“ข้าไม่เคยรู้ว่ามีพิธีเต๋าเซียนโบราณในที่แห่งนี้…ฟางโหม่วช่างวู่วามนัก! เมื่อมันถูกกระตุ้นให้เปิดออกแล้ว…ก็ให้ส่งมอบเหรียญเต๋าเซียนโบราณมา!”

เงาร่างนั้นเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็โบกสะบัดมือ วิหารโบราณส่งเสียงดังกระหึ่ม และเหรียญคำสั่งที่เต็มไปด้วยปราณเซียนก็ลอยออกมา แสงเจิดจ้าที่กระจายออกมาจากวิหารจางหายไป เช่นเดียวกับเงาร่างนั้น

เก้าผู้แข็งแกร่งอันทรงพลัง ถูกกำจัดไปคนแล้วคนเล่า จระเข้กลายเป็นอาชาพาหนะ และเงาร่างจากวิหารเซียนก็ส่งมอบเหรียญเต๋าเซียนโบราณออกมา เพื่อป้องกันปัญหาใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ที่เหลืออีกเจ็ดคนถูกสังหารไปทั้งหมด

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อบิดาเมิ่งฮ่าวพูดกับเขาเพียงไม่กี่คำเสร็จสิ้น ทุกสรรพสิ่งก็ยุติลง

ผู้ฝึกตนที่อยู่บนพื้นในดินแดนด้านใต้ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าที่อยู่ในกลางอากาศต่างก็สั่นสะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง

เซียนรุ่งอรุณหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา โซเซถอยไปด้านหลังสองสามก้าว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ขณะที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวและส่ายหน้าไปมา

“โชคชะตา ช่างโหดร้ายนัก…ข้าปรารถนาที่จะกลายเป็นบัวเขียว…ไม่ใช่เพื่อให้กลายเป็นเซียนแท้ แต่เพราะมันได้บอกว่า…ในครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว…มันรักดอกบัว” เซียนรุ่งอรุณหัวเราะด้วยความโศกเศร้าและถอยไปด้านหลังออกไปอีก ร่างกายนางดูเหมือนกำลังจะเริ่มจางหายไป

นางสูญเสียรากฐานไป และเมื่อนางไม่อาจจะกลืนกินเมิ่งฮ่าวเพื่อให้กลายเป็นบัวเขียวได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่นางเหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือจางหายไป

“เมิ่งฮ่าว…” นางพึมพำ “เจ้าเป็นพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร จากสมัยโบราณเป็นต้นมา พวกมันมักจะโหดร้ายไร้จิตใจ ในวันหนึ่งถ้าเจ้าได้พบกับหนึ่งในพวกมันที่พูดถึงดอกปี่อ้าน ข้าอยากให้เจ้าช่วยถามมันบางอย่าง…”

“ถามมันว่ายังจำดอกไม้ที่อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนได้หรือไม่…ดอกปี่อ้านที่มันตัดทิ้งไป”

นางมองขึ้นไปในท้องฟ้า และหยดน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม ขณะที่เริ่มจางหายไป “จิตใจข้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง…แต่สิ่งที่ข้าเกลียดไม่ใช่เจ้า ข้าเกลียดตัวเอง…ที่ไม่ใช่ดอกบัวเขียว” เสียงอันแผ่วเบาของนางดังก้องไปทั่วทั้งพื้นดิน ก่อนที่จะจางหายไป

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่มองไปยังเซียนรุ่งอรุณที่หายไปจนไม่เหลืออะไรอยู่เลย

สงครามระหว่างดินแดนด้านใต้และดินแดนทางเหนือ…จบลงแล้ว

ทะเลทรายตะวันตกจากไป นำโดยผู้พิทักษ์ต้วนหนาน ดินแดนด้านใต้ไม่มีทางจะลืมเลือนความเมตตาของทะเลทรายตะวันตกในครั้งนี้ได้ มันจะถูกจารึกอยู่ในความทรงจำของพวกมันจากรุ่นไปสู่อีกรุ่นตลอดไป สำหรับกลุ่มคนร้ายแห่งดินแดนทางเหนือ พวกมันสูญเสียเส้นทางที่จะกลับบ้านไป และกลายเป็นพลเมืองชั้นสองแห่งดินแดนด้านใต้ไป…

ตอนนี้มีผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งแสนคนเท่านั้น สำนักและตระกูลต่างๆ ถูกกวาดล้างไปโดยสิ้นเชิง วิชาเต๋าและหลักคำสอนหลักๆ มากมายได้หายสาบสูญไป แม้แต่พลังลมปราณในดินแดนแห่งนี้ก็เบาบางลงไปด้วย โชคดีที่ภูเขาซึ่งเมิ่งฮ่าวได้สร้างไว้หลอมรวมเข้ากับพื้นดินและกระจายพลังลมปราณออกมาอย่างต่อเนื่อง

บางทีอีกนานหลายปีหลังจากนี้ ดินแดนด้านใต้อาจจะมีชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์กลับขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้

ตานกุ่ยกลับไปยังสำนักจื่อยิ่น และปรมาจารย์ซ่งก็กลับไปยังตระกูลซ่ง

ถ้าไม่นับเมิ่งฮ่าวแล้ว ในดินแดนด้านใต้มีผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าเหลืออยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น ดังนั้นสำนักจื่อยิ่นและตระกูลซ่งในตอนนี้ก็คล้ายกับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในดินแดนด้านใต้

เมื่อวันนั้นมาถึง พวกมันก็จะนำผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ก่อสร้างสำนักและตระกูลขึ้นมาใหม่ และคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจากในท่ามกลางมนุษย์ธรรมดาให้เริ่มฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนต่อไป ทำให้ดินแดนด้านใต้เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างช้าๆ

สิ่งที่จำเป็นก็คือเวลา อย่างน้อยที่สุดก็ร้อยปี หรือบางทีอาจจะหนึ่งพันปี

ภูเขาซึ่งด้านในมีห้าผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าแห่งดินแดนทางเหนือถูกผนึกอยู่ มีนามว่าบาปแห่งแดนเหนือ ตั้งสูงขึ้นไปจากพื้นดิน เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เริ่มกลายเป็นจุดที่มีชื่อเสียงอยู่ในดินแดนด้านใต้

สงคราม…จบลงแล้ว

ตลอดช่วงเวลาการทำสงครามนั้น เมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว นามของเขาโด่งดังอยู่ในดินแดนด้านใต้และทะเลทรายตะวันตก แม้แต่ดินแดนตะวันออกก็ยังต้องสั่นสะเทือน เมิ่งฮ่าว…กลายเป็นจุดสนใจของดินแดนแห่งดาวหนานเทียนทั้งหมด

สำหรับผู้ถูกเลือกทั้งหมดในรุ่นเดียวกับเขา บางคนก็ตายไป บางคนชื่อเสียงก็จางหายไป ไม่มีใครสามารถเทียบกับเมิ่งฮ่าวได้ อย่าว่าแต่จะสะกดเขาลงไปได้

สำหรับผู้ฝึกตนแห่งดินแดนด้านใต้ เรื่องราวของเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นตำนาน

เขาได้เริ่มต้นขึ้นในสำนักเอกะเทวะ ได้ครอบครองขุมทรัพย์เซียนโลหิต ทำให้ดินแดนด้านใต้ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึงตอนที่อยู่ในตระกูลซ่ง จากนั้นในสำนักจื่อยิ่น เขาทำให้ดินแดนด้านใต้ต้องสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง ภายใต้นามของตานติ่งต้าซือ (เจ้าโอสถจอมกระถาง)

ที่ถ้ำกำเนิดใหม่ เขาได้สังหารหนึ่งในบุตรแห่งจี้ ซึ่งเป็นสมาชิกลำดับขั้นแห่งตระกูลจี้!

ในดินแดนสีดำ เขาได้เข้าร่วมอยู่ในการต่อสู้ที่เมืองเซิ่งเสวี่ยถูกโอบล้อม!

ในทะเลทรายตะวันตก เขาได้นำชนเผ่าเล็กๆ เดินทางฝ่าวันสิ้นโลกฝนม่วง เนื่องจากเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันมีชื่อเสียงขึ้นมาในครั้งนั้น จนกระทั่งเขานำพวกมันไปยังดินแดนสีดำได้ในที่สุด

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป ปรากฏกายขึ้นใหม่หลังจากที่ผ่านไปนานนับร้อยปี ทำการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณปรมาจารย์ฮูเหยียน ซึ่งการต่อสู้นั้นเขาได้สร้างความประหลาดใจให้กับทะเลทรายตะวันตกและดินแดนสีดำ จากนั้นเขาก็จากคนทั้งหมดไป เพื่อเข้าไปสู่สำนักเซียนอสูร

ผู้ถูกเลือกแห่งดินแดนด้านใต้ ได้ไปร่วมชุมนุมอยู่ในสำนักเซียนอสูร แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรกับเมิ่งฮ่าวได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะร่วมมือกันก็ตามที หลังจากที่พวกมันสูญเสียโชควาสนาทั้งหมดไป เมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ในทะเลเทียนเหอ!

ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังปรากฏขึ้นด้วยตัวเอง และเมิ่งฮ่าวก็แทบไม่อาจจะหลีกเลี่ยงจากความตายไปได้ พื้นฐานเต๋าสมบูรณ์ของเขาถูกแย่งชิงไป เมื่อเมิ่งฮ่าวกำลังจะตกตายไปจริงๆ สวี่ชิงก็มาช่วยไว้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนทั้งสองถูกลิขิตมาให้เป็นคู่ครองกัน หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในถ้ำกำเนิดใหม่ ก็ไปต่อสู้กับสำนักชิงหลัว จากนั้นก็ตกเข้าไปในวิถีทางแห่งมารร้าย

ในทะเลสาบเต๋าโบราณ เมิ่งฮ่าวหยิบฉวยวิญญาณแห่งเซียนแท้ไว้ได้ สี่กองกำลังแห่งดินแดนด้านใต้ได้ร่วมมือกันเป็นพันธมิตร เพื่อมาโจมตีสำนักเซี่ยเยาทำให้เกิดเป็นสงครามอันน่าตกใจ จากนั้นในวันวิวาห์อันยิ่งใหญ่ของเมิ่งฮ่าว ดินแดนทางเหนือก็บุกรุกเข้ามา สวี่ชิงตายไป และเมิ่งฮ่าวก็เริ่มบ้าคลั่ง สู้, สู้, สู้!

ฆ่า, ฆ่า, ฆ่า!!!

ในที่สุดเขาก็ตัดจิตมารและค้นหาเต๋าได้สำเร็จ อยู่ห่างจากเซียนแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

เรื่องราวของเมิ่งฮ่าวกวาดผ่านไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ราวกับเป็นลมพายุ ทะเลทรายตะวันตกต่างก็ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ เช่นเดียวกับที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับดินแดนทางเหนือ แม้แต่ดินแดนตะวันออกก็ยังรับรู้ถึงสายลมนี้ ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าว…โด่งดังขึ้นอย่างแท้จริง!

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ในหุบเขาเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักเซี่ยเยา บิดามารดานั่งอยู่ที่เบื้องหน้า เมิ่งฮ่าวไม่ได้สะท้านใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จนกลายเป็นเงียบขรึมไป

เวลาผ่านไปนับร้อยปี ในที่สุดเขาก็ได้พบกับบิดามารดาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าความทรงจำในตอนที่เขาอายุเจ็ดขวบยังไม่ได้ถูกลบเลือนไป แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นภาพอันเลือนลาง อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกได้ถึงความรัก อันเนื่องมาจากสายโลหิตที่เชื่อมต่อกับบิดามารดา ทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนมากขึ้น

มีเรื่องราวอยู่มากมายหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจ มีปริศนาอันน่างุนงงอยู่มากมาย ทำไมบิดามารดาถึงได้จากไปในปีนั้น? ทำไมจู่ๆ พวกท่านถึงได้ปรากฏขึ้นในตอนนี้? ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกท่านไปอยู่ที่ไหน…?

พวกท่านไปอยู่ที่ไหนในตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตอันร้ายแรง?

พวกท่านไปอยู่ที่ไหนในตอนที่เขาติดเชื้อดอกปี่อ้าน?

พวกท่านไปอยู่ที่ไหนในตอนที่เขาใกล้จะตายไปในถ้ำกำเนิดใหม่?

พวกท่านไปอยู่ที่ไหน…ในตอนที่สวี่ชิงตกตายไป?

ถ้าพวกท่านเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่พวกท่านเพิ่งจะกำจัดผู้แข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งเก้าลงไปในการต่อสู้เพียงแค่สั้นๆ เท่านั้น ทำให้ตอนนี้เมิ่งฮ่าวรู้แล้วว่าบิดาและมารดาเขาแข็งแกร่ง, แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อันที่จริง…แม้แต่ตระกูลจี้ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นตลอดช่วงการต่อสู้ที่ผ่านมา

เขาต้องการคำตอบ เขาต้องการคำอธิบาย จิตใจเขา…บิดเกลียวผูกเป็นปม

“ฮ่าวเอ๋อร์…” มารดาเริ่มพูดขึ้น หยดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้า “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจเกี่ยวกับสวี่ชิง บิดาเจ้าได้วางกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปบนร่างนางแล้ว มันจะช่วยให้นางปลอดภัยตลอดช่วงของการกำเนิดใหม่ และจะนำทางให้นางกลับมาหาเจ้า”

“ข้ารู้ถึงสิ่งที่กำลังกัดกร่อนอยู่ในจิตใจเจ้า” บิดากล่าว “เจ้าต้องมีคำถามอยู่มากมาย” ความรักปรากฏขึ้นในแววตาท่าน เห็นได้ชัดว่าเป็นความรักที่เข้มข้น ท่านยื่นมือออกมา และแสงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว

“ให้ข้านำเจ้ากลับไปในอดีตเพื่อปลุกความทรงจำของเจ้าให้ตื่นขึ้นมา จากนั้น…เจ้าก็จะเห็นคำอธิบายทั้งหมดด้วยสองตาของเจ้าเอง” แสงเจิดจ้านั้นพุ่งขึ้นมาและเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังบิดา และจากนั้นก็มองไปยังแสงเจิดจ้านั้น ในที่สุดเขาก็หลับตาลง แสงเจิดจ้าหลอมรวมเข้าไปในหน้าผาก จากนั้นก็ฉุดเขาให้ตกลงไปในความทรงจำส่วนที่ลึกสุดของเขา

เมื่อเขาถือกำเนิดขึ้นมา ในท้องฟ้ามีดวงจันทร์อยู่สองดวง และดวงดาวมากมายจนนับไม่ถ้วน เป็นความงดงามที่ราวกับเป็นภาพวาด

เขาหัวเราะเป็นเสียงดังอยู่ในวิหารที่โอ่อ่าสวยงามแห่งหนึ่ง วิหารนั้นใหญ่โตมโหฬาร กระจายพื้นที่ออกไปจนถึงครึ่งดวงดาว บริเวณนั้นทั้งหมดเป็นของ…

ตระกูลฟาง!

“เด็กผู้นี้จะเป็นกิเลนแห่งตระกูลฟาง! ให้จัดงานเลี้ยงเป็นเวลาสามร้อยปี! เรียนเชิญสหายเต๋าแห่งดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) ทั้งหมดมา!”

“ดาวตงเซิ่งคงไม่พอ หลานชายของเหล่าฟูต้องมีนามเลื่องลือไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า! ให้เชิญสหายเต๋าทั้งหมดจากอีกสามดวงดาวมา! เรียนเชิญสำนักโบราณมาด้วย!”

“เด็กคนนี้คือบุตรชายของลูกสาวข้า ซึ่งหมายความว่าในอนาคต เส้นทางของมันก็จะถูกแวดล้อมด้วยขุนเขาที่แปดเช่นกัน! ให้เรียนเชิญคนทั้งหมดจากขุนเขาที่แปดมาร่วมแสดงความยินดีด้วย!”

เสียงนั้นดังก้องออกมาอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงที่ไม่รู้จบ เมื่อเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา เหล่านี้ก็คือสิ่งที่เขาได้ยินและได้เห็น

หญิงสาวกำลังโอบอุ้มเขาอยู่ในวงแขน เมื่อเขามองไปยังนาง ก็มองเห็นมารดา ถึงแม้ว่านางจะดูอ่อนเยาว์กว่ามากนักก็ตามที ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายนางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุประมาณห้าถึงหกขวบ มองมายังเขาด้วยรอยยิ้มที่ซุกซนและขี้สงสัย นางมักจะถือโอกาสที่มารดากำลังใจลอยอยู่ ทำหน้าทะเล้นมาที่เขาเป็นระยะ นั่นก็คือพี่สาวของเขาเอง

ที่อยู่ด้านข้างห่างออกไปเป็นบิดา ซึ่งมีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ท่านถูกห้อมล้อมด้วยชายชราซึ่งกำลังดื่มอวยพรให้เขาอย่างต่อเนื่อง

วันเกิดของเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดความตื่นเต้นขึ้นอย่างใหญ่หลวงไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง เหตุผลก็คือว่า…บิดาเขาเป็นทายาทโดยตรงของสายโลหิตตระกูลฟาง และเป็นบุตรชายคนโตด้วยเช่นกัน สำหรับเมิ่งฮ่าว…เขาก็เป็นทายาทโดยตรง และเป็นหลานปู่คนโตด้วยเช่นกัน!

อีกเหตุผลก็คือว่าท่านตาของเมิ่งฮ่าว ไม่ได้มาจากขุนเขาที่เก้า ท่านมาจากตระกูลเมิ่งอันโด่งดังแห่งขุนเขาที่แปด อันที่จริงราชันแห่งขุนเขาที่แปดนั้นแซ่เมิ่ง!

เมื่อเมิ่งฮ่าวถือกำเนิดขึ้น แม้แต่ตระกูลจี้ก็ยังได้ส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้ และราชันจี้ก็ได้ส่งร่างจำแลงธรรมของมันมาเยี่ยมด้วย

การถือกำเนิดขึ้นของเมิ่งฮ่าว ทำให้ขุนเขาที่เก้าทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งสี่ดวงดาวอันยิ่งใหญ่ และสำนักโบราณต่างๆ ต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว

มีผู้คนอยู่มากมายที่เข้าใจว่า ตราบเท่าที่เด็กคนนี้ไม่ได้กลายเป็นผู้ที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง ก็จะถูกถือว่าเป็นพลังสำคัญของทั้งตระกูลฟางและเมิ่ง ในวันหนึ่งมันก็จะสาดประกายเจิดจ้า อยู่ในท่ามกลางหมู่ดาวและทะเล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่เด็กชายได้ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมกับเครื่องหมายพิเศษที่อยู่บนหลังมือ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของเนี่ยผาน! (นิพพาน หรือ หลุดพ้นการเกิดใหม่)

“เสียวจู่ (นายน้อย) ท่านเข้าไปที่นั่นไม่ได้! นั่นเป็นเขตหวงห้าม! ท่านไม่อาจจะเข้าไปได้!”

“เสียวจู่ ข้าขอร้อง โปรดอย่าได้กัดเจ้านั่น!”

“เสียวจู่ หยุดเถอะ หยุด! ท่านขุดหลุมที่นั่นไม่ได้! ท่านปรมาจารย์ปลูกต้นไม้นั่นด้วยตนเอง! ท่ะ-ท่ะ-ท่าน…ต้นไม้นั่นไม่เคยทำอะไรท่าน อย่าไปขุดมันขึ้นมา…”

เขาเป็นเด็กผู้ชายอายุห้าขวบที่ทำให้คนทั้งหมดในตระกูลฟางต้องปวดศีรษะ เขาแค่ซุกซนมากเกินไปเท่านั้น

ทุกๆ วันเขาจะวิ่งไปทั่ว ตามติดด้วยสมาชิกของตระกูลยาวเป็นหางว่าว ถ้าไม่มีใครคอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลา…ความหายนะก็จะเกิดขึ้น

“เสี่ยวตี้ (น้องชาย) เจ้าอย่าได้ซุกซนอีก!” พี่สาวเขากล่าวขึ้น กำมือจนเป็นเสียงดัง และมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่หดเล็กลง พร้อมกับรอยยิ้มอันซุกซน นางมีความสูงกว่าเขาหนึ่งช่วงศีรษะ และภาพที่นางกำลังจะตีมาที่เขา ก็ทำให้หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวต้องด้านชา เขาถอยไปด้านหลัง พูดด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก และกำลังจะพยายามอธิบายแต่ก็ถูกตีจนได้

เมื่อพี่สาวเขาเติบโตขึ้น นางก็เริ่มเข้มงวดกับเขาอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อคิดไปถึงพี่สาวและบุคลิกอันรุนแรงของนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version