Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 816

ตอนที่ 816

ต่อสู้กับเสินหนี่ว์!

คนทั้งหมดยืนอยู่ที่ด้านนอกลานวิหาร มองเข้าไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย

ภายในลานวิหาร เมิ่งฮ่าวและร่างจริงที่สองกำลังต่อสู้อยู่กับเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ที่ด้านข้างชิงช้าเถาองุ่นแกว่งตัวไปมา และเสียงหัวเราะก็ได้ยินมา ขณะที่โลหิตสีดำหยดลงไปบนพื้น

ในเวลาเดียวกันนั้น เส้นผมสีดำก็ส่ายไปมาอยู่ในอากาศ ภาพสะท้อนเต๋านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น บ้างก็นั่งเข้าฌาณ บ้างก็ปรุงเม็ดยา บ้างก็ใช้เวทแห่งเต๋าออกมา ตะเกียงน้ำมันสาดประกายริบหรี่ ส่องแสงไปทั่วบริเวณนั้น รูปปั้นเทพที่แตกหักกระจายกลิ่นอายที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างบางเบา

นี่ไม่ใช่คืนแรกที่กลุ่มคนเหล่านี้มาอยู่ในบริเวณรอบๆ วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณแห่งนี้ แต่เมื่อพวกมันมองเห็นภาพสะท้อนเต๋า หลายคนได้ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“ส่งมอบเต๋า!”

“ภาพสะท้อนเต๋าเหล่านี้กำลังส่งมอบเต๋า! ถ้าสามารถเข้าไปข้างในได้ พวกเราก็จะได้ครอบครองเต๋าใหม่ๆ!”

“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณช่างเต็มไปด้วยโชควาสนาจริงๆ!”

“บัดซบ! ไม่รู้ว่าเจ้าเมิ่งฮ่าวผู้นี้มาถึงก่อนพวกเรากี่วันแล้ว เท่าที่เห็นเหมือนว่ามันจะได้รับโชควาสนาไปทั้งหมดแล้ว รวมทั้งเหรียญเต๋าเซียนโบราณด้วย!”

ที่ด้านนอกเสียงพูดคุยดังก้องไปทั่ว ที่ด้านในเมิ่งฮ่าวและร่างจริงที่สองได้ต่อสู้กับฝานตงเอ๋อร์มากกว่าร้อยครั้ง เสียงระเบิดดังก้องออกไป และฝานตงเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วขณะที่นางถูกผลักดันให้ต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจจะเข้าไปใกล้ห้องโถงของวิหารได้ ไม่เพียงแต่เท่านี้ จริงๆ แล้วนางกำลังถูกบีบบังคับให้ต้องออกไปจากประตูใหญ่อีกด้วย

เดิมทีเมิ่งฮ่าวรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่ได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในห้องโถงยังคงเหมือนเดิม หลังจากที่ฝานตงเอ๋อร์ผ่านเข้ามาในลานวิหารแล้ว ทำให้เขาสามารถที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาได้

“ชายชราที่สติไม่สมประกอบนั้นต้องหมายถึงห้องโถง ไม่ใช่ลานวิหารเป็นแน่!” เขาคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย เมิ่งฮ่าวผลักมือตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์ในท่ากรงเล็บ

ฝานตงเอ๋อร์กำลังมีโทสะ นางแค่นเสียงเบาๆ จากนั้นก็ยกดอกบัวเขียวในมือขึ้น แสงเจิดจ้าสาดประกายออกมา ซึ่งดูเหมือนจะประกอบด้วยคำสาปแช่ง มันก่อตัวเป็นปราณเซียนขึ้นมา จากนั้นนางก็ดูดเข้าไปผ่านดวงตา, หู, จมูกและปาก ต่อมาแสงสีทองก็เริ่มสาดประกายออกมาจากดวงตา นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวและกล่าวออกมาสองคำ

“สะกด!”

สองคำนี้ทำให้ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อ เกิดขึ้นอยู่รอบๆ ตัว เริ่มรัดพันร่างเขาไว้ในทันที แม้แต่ร่างจริงที่สองก็สามารถรับรู้ได้

สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สงบนิ่ง ขณะที่นางเตรียมตัวจะเข้าไปในห้องโถงวิหาร

“ออกมา!” เมิ่งฮ่าวตะโกน และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ขณะที่ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้น สาดประกายด้วยแสงอันไร้ขอบเขตและห้อมล้อมไว้ด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่ แสงของภาพแห่งธรรมพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า จนดูเหมือนว่ามีเทพเซียนนับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่รอบๆ ร่างมัน เสียงแตกหักได้ยินมา ขณะที่โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นถูกทำลายไป เมิ่งฮ่าวขยับร่างให้หลุดพ้นเป็นอิสระ จากนั้นก็ผลักมือขวาออกไปด้วยการใช้เวทปลิดดาว

ทั้งหมดนี้ถูกกระทำเสร็จสิ้นในคราเดียว และฝานตงเอ๋อร์ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการมุ่งหน้าตรงไปยังห้องโถงวิหาร ก็ถูกลากกลับมาที่เขา

นางไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้โดยสิ้นเชิง ขณะที่ลอยฝ่าอากาศมา เมื่อนางกำลังจะกระแทกเข้าไปที่ฝ่ามือเมิ่งฮ่าว ก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา และใช้มือซ้ายขยับร่ายเวท ชี้นิ้วลงไปบนพื้น และทะเลอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านล่าง ภายในนั้นมีมังกรทะเลมากกว่าสิบตัว ส่งเสียงแผดร้องคำรามพุ่งขึ้นมา

เวทปลิดดาวของเมิ่งฮ่าวกระจายหายไป แต่ในตอนนั้นเองที่ร่างจริงที่สองได้เข้ามาใกล้ มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และเสียงระเบิดก็ได้ยินมา ขณะที่อากาศรอบๆ ตัวฝานตงเอ๋อร์แตกกระจายไป โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ขณะที่นางลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ในช่วงเวลานั้นเอง เมิ่งฮ่าวก็ขยับมือร่ายเวทและชี้ออกไป

กระแสน้ำวนของเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้น ทั้งเมิ่งฮ่าวและร่างจริงที่สองต่างก็โจมตีไปโดยพร้อมเพรียงกัน การต่อสู้ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทั้งหมดนี้ดูละลานตา ไม่อาจจะลังเลได้เลยแม้แต่น้อย เป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและรวดเร็วอย่างถึงที่สุด

ตูมมมมมมม!!

สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สลดลง เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตของเมิ่งฮ่าว ทำให้นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รีบร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ ทำให้แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะสาดประกายลงมาจากท้องฟ้าที่ด้านบน ตกลงมาเพื่อก่อตัวเป็นภาพของนางเงือกอยู่ที่ด้านหลังของฝานตงเอ๋อร์

นางเงือกนั้นมีผมที่ยาวเป็นอย่างยิ่ง และงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ จริงๆ แล้วก็มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกับฝานตงเอ๋อร์เป็นอย่างยิ่ง ยกเว้นว่านางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าใดๆ ครึ่งท่อนล่างของนางปกคลุมเต็มไปด้วยเกล็ด แต่โดยภาพรวมทั้งหมดแล้ว นางได้กระจายกลิ่นอายที่เย้ายวนใจออกมา ทำให้ใครก็ตามที่มองมาต้องเกิดความลุ่มหลงในตัวนาง

“หญิงสาวที่ดูสูงส่งสง่าเช่นเจ้า กลับเรียกบางสิ่งบางอย่างที่ไร้เสื้อผ้าออกมา?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเคร่งขรึม มองไปยังภาพแห่งธรรม “ช่างน่าอายนัก!”

“เจ้าคนเลว ปากไม่มีหูรูด เพียงมองแค่แวบเดียวข้าก็รู้ว่าเจ้าคือเติงถูจื่อ!” นางโต้ตอบมาอย่างเท่าเทียมกัน ขยับมือร่ายเวท ทำให้ดวงตาภาพแห่งธรรมของนางสาดประกายด้วยแสงสีทองออกมา

“สายฟ้าแห่งท้องทะเลที่เก้า!” เสียงนั้นดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า และทันใดนั้นก็ทำให้สายฟ้าสีทองสี่สายฟาดลงมายังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ผู้ถูกเลือกจากตี้จิ่วซานไห่เหล่านี้ต่างก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อทั้งสิ้น เขาไม่ได้ดูถูกพวกมันมานานแล้ว รู้ตัวดีว่าไม่อาจจะมองเห็นพวกมันเป็นผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดธรรมดาทั่วไป บุคคลเหล่านี้ทั้งหมดมีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า พวกมันต้องการจะกลายเป็นเซียนแท้กันทั้งหมด

แม้แต่บางคนที่เห็นได้ชัดว่าได้ฝึกฝนตนเองมาเป็นเวลานานหลายปี แต่ก็จงใจที่จะหยุดพื้นฐานฝึกตนไว้ เพื่อรอคอยโชคชะตาเซียน

พวกมันบางคนทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หนึ่งในนั้นคือจ้าวอีฝาน และอีกคนก็คือฝานตงเอ๋อร์ผู้นี้

“ผู้ถูกเลือกมีอยู่มากมาย และผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังก็มีไปทั่วราวกับเป็นกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า วิถีแห่งการฝึกตนของข้าเพิ่งจะเริ่มขึ้น สำหรับข้าแล้วในตอนนี้โลกอันกว้างใหญ่เพิ่งจะเปิดออก…” เมิ่งฮ่าวคิด ความต้องการต่อสู้ลุกโชนขึ้นอย่างร้อนแรงอยู่ในแววตา เขาแทบไม่อาจจะทนรอที่จะก้าวเท้าออกไปจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน เข้าไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้เลยจริงๆ เพื่อไปต่อสู้กับผู้ถูกเลือกแห่งตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า)

“ตอนนี้ก็แค่เป็นก้าวแรก” เขาคิด ร่างกายแวบขึ้นขณะที่ขยับตัวเคลื่อนไหว ภาพแห่งธรรมส่งเสียงดังกระหึ่ม และขยายขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ตบมือขวาตรงมายังฝานตงเอ๋อร์

สายฟ้าสีทองสี่สายฟาดลงมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางโดยภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าว

เสียงกึกก้องดังกระจายออกไป และสีหน้าของฝานตงเอ๋อร์ก็สลดลง ร่างจริงที่สองเข้ามาใกล้พร้อมกับแม่น้ำของพลังแห่งกาลเวลา ระเบิดขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายอันน่ากลัว รังสีสังหารลุกโชนขึ้น ขณะที่มันทำการโจมตีมาอย่างดุร้าย จนแทบจะเฉือนลำคอของฝานตงเอ๋อร์ไปได้

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้คือใคร…? โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงร่างจำแลงนี้ ตัวมันเองก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก เมื่อรวมเข้ากับภาพแห่งธรรมที่ปรากฏขึ้น และพื้นฐานพลังของมัน มันต้องอยู่ห่างจากเซียนแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!”

“ในตอนนี้มันยังไม่ได้รวมตัวเข้ากับร่างจำแลง ถ้าเกิดเช่นนั้นขึ้น…” ฝานตงเอ๋อร์คิดดวงตาแวบขึ้น

“ดูเหมือนมันกังวลว่าจะมีใครผ่านเข้าไปในห้องโถงวิหาร เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีมรดกบางอย่างถูกซุกซ่อนอยู่ด้านใน และมันไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าไปแทรกแซง? ข้าต้องทำลายมรดกนั้นให้จงได้!”

“ข้าไม่อาจปล่อยให้ศิษย์หลักอันดับห้ามาปรากฏขึ้นในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณนี้!” ดวงตานางแวบขึ้นด้วยความเย็นชา

“เจตจำนงแห่งท้องทะเลที่เก้า!” นางกล่าว หยิบหอยสังข์ขึ้นมาจากถุงสมบัติ ทันใดนั้นหอยสังข์ก็เริ่มเปล่งแสงเจิดจ้าอย่างเข้มข้นออกมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน บทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่เริ่มกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

คนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอก ต่างก็รู้สึกสะท้านใจไปนานแล้ว จากการต่อสู้อย่างดุเดือดที่ด้านใน นอกจากนี้ ความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวก็ได้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกมันไปนานแล้วเช่นกัน

“การที่สามารถต่อสู้ได้กับฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเล นั่นก็หมายความว่าเมิ่งฮ่าวผู้นี้…ต้องเป็นผู้ถูกเลือกเช่นกัน!”

“นั่นคือ…ของวิเศษอันล้ำค่าจากอาณาจักรแห่งท้องทะเล, หอยสังข์เทพที่เก้า!”

“จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา หอยสังข์นั้นเคยสังหารผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเต๋ามาแล้วครั้งหนึ่ง…”

“นั่นไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ของลอกเลียนแบบเท่านั้น แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจยิ่ง!”

ขณะที่เสียงพูดคุยดังเต็มอยู่ในอากาศที่ด้านนอก สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าหอยสังข์นี้มีอันตรายอย่างร้ายแรง ดวงตาเขาแวบขึ้น และขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหกปรากฏขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของฝานตงเอ๋อร์ก็เริ่มเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ขณะที่นางยกหอยสังข์ขึ้นมาและเป่าเข้าไป ทันทีที่ลมหายใจของนางผ่านเข้าไปในหอยสังข์ มันก็เริ่มกระจายแสงสีทองออกมา ซึ่งภายในเป็นเส้นใยของบทเพลงแห่งเต๋า

ขณะที่บทเพลงนั้นดังลอยออกมาในอากาศ ก็เป็นเสียงที่เหมือนกับว่ามีหญิงสาวกำลังขับร้องบทเพลงอยู่ เสียงนั้นขยายตัวออกไป กลายเป็นฟองสบู่หลากสีสามฟอง ภายในแต่ละฟองสบู่มีสัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม และสายลมก็เริ่มกรีดร้อง ขณะที่หนึ่งในฟองสบู่ลอยอย่างเนิบนาบตรงมายังเมิ่งฮ่าว เขาเริ่มสั่นสะท้าน ในขณะที่ร่างจริงที่สองก็ดูเหมือนจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไป และหยุดชะงักนิ่ง ในตอนนี้เองที่ฟองสบู่ได้แตกออก

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของร่างจริงที่สอง ขณะที่เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในหูของมัน ขณะที่มันล่าถอยไปทางด้านหลัง ฟองสบู่ฟองที่สองก็ลอยตรงมาและจากนั้นก็แตกออก เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา และทันใดนั้นก็พบว่าเขาถูกปกคลุมด้วยสาหร่ายทะเลมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งกำลังงอกออกมาจากผิวหนังของเขา เพื่อปกคลุมไปทั่วร่าง ในเวลาเดียวกันนั้นการที่สาหร่ายทะเลโผล่ออกมาจากผิวหนัง ก็ทำให้มีโลหิตไหลออกมาอย่างมากมาย

ร่างจริงที่สองสั่นสะท้าน ขณะที่มันถูกปกคลุมด้วยสาหร่ายทะเลเช่นเดียวกัน สาหร่ายทะเลที่งอกออกมาอย่างรวดเร็วนั้น ได้ดูดกลืนพลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวไป ทำให้มันเติบโตมากยิ่งขึ้น และยังได้หยั่งรากฝังลงไปบนพื้นอีกด้วย ทำให้เมิ่งฮ่าวและร่างจริงที่สองถูกตรึงแน่นอยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ผู้คนที่อยู่ด้านนอกของลานวิหารอ้าปากค้าง

“คำสาปแห่งทะเลที่เก้า!!”

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้…กำลังจะถูกกำจัดไป!”

ฝานตงเอ๋อร์กระอักโลหิตออกมากองโต ถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ใบหน้าซีดขาว นางต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะเป่าหอยสังข์นี้

นางสูดลมหายใจเข้าไปอย่างลึกๆ ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวและร่างจริงที่สอง ที่ถูกพันธนาการอยู่ในสาหร่ายทะเล สีหน้านางสงบนิ่ง หมุนตัวและเร่งเดินตรงไปยังห้องโถงของวิหาร

แต่ในขณะที่นางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถง แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างฝานตงเอ๋อร์ โคลนที่อยู่ใต้เท้านางจู่ๆ ก็เริ่มกระจายกลุ่มควันสีดำออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มไปทั่วบริเวณนั้น

ลานวิหารสั่นสะเทือนจากแรงระเบิด และฝานตงเอ๋อร์ก็กระอักโลหิตออกมาอีกกองโต ไม่อาจจะควบคุมร่างกายตนเองได้ ขณะที่นางลอยละลิ่วปลิวขึ้นไปในอากาศ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากอีกครั้ง

“เมิ่งฮ่าว!” นางร้องออกมา จิตใจเต็มไปด้วยโทสะ นางระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะฝังเม็ดยาเปลือกสีดำ ไว้ที่ด้านหน้าของประตูห้องโถง

เม็ดยาเหล่านี้ถูกเมิ่งฮ่าวฝังไว้อย่างลับๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น จากกลุ่มคนที่ด้านนอก

ในเวลาเดียวกับที่ฝานตงเอ๋อร์ลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง ฟองสบู่ฟองที่สามก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว เขาสั่นสะท้านและดวงตาก็เต็มไปด้วยแสงอันเย็นชา ร่างจริงที่สองสั่นไปทั้งร่าง มันค่อยๆ เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ และกลายมาเป็นเงาของเมิ่งฮ่าว หลอมรวมเข้าด้วยกันกับเขา

“รวมตัว!” ขณะที่เขาหลอมรวมเข้ากับร่างจริงที่สอง ดวงตาข้างซ้ายของเมิ่งฮ่าวเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ขณะที่ดวงตาข้างขวาลุกโชนด้วยความต้องการเข่นฆ่า ภาพแห่งธรรมที่ด้านหลังก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน อย่างน่าตกใจยิ่ง ครึ่งหนึ่งของร่างมันกลายเป็นสีดำสนิทไป!

สำหรับคนทั้งหมดที่มองมา มันไม่ได้ดูศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป แต่คล้ายกับเป็นการรวมตัวกันระหว่างเซียนและมาร!

เสียงกึกก้องได้ยินมา ขณะที่ฟองสบู่ฟองที่สามแตกออก แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็หลุดพ้นเป็นอิสระออกมาจากสาหร่ายทะเล และต่อยหมัดออกไปโจมตี

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ และเมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมากองโต แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมองเห็นแสงอันเจิดจ้าอยู่ในดวงตา ขณะที่เขายื่นมือตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์ผู้งดงงาม

สีหน้าฝานตงเอ๋อร์เปลี่ยนไป นางได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็เป็นอิสระแล้ว นางจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหลบหนีออกไปจากลานวิหาร

แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ มือของเมิ่งฮ่าวก็คว้าจับไปบนร่างนาง

“คิดจะหนี?”

——————–

หมายเหตุ : เติงถูจื่อ (登徒子) เป็นตัวละครในนิทานจีนสมัยโบราณ เป็นขุนนางในรัฐฉู่ที่มีนิสัยมักมากในกามคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version