ตอนที่ 824
แผนการพังทลาย
มันเป็นกับดักอันร้ายแรง เมิ่งฮ่าวไม่มีแม้แต่เวลาที่จะนำหลี่หลิงเอ๋อร์ และคนอื่นๆ ออกมาจากถุงสมบัติเพื่อใช้เป็นตัวประกัน พลังกดทับลงมาบนร่างเขาจากทั่วทุกด้าน แต่ไม่ว่าอย่างไร ฝานตงเอ๋อร์และจ้าวอีฝาน ก็คงจะไม่หยุดการโจมตีต่อให้เขานำตัวประกันออกมาก็ตามที
ในช่วงเวลาที่จุดประกายหินเหล็กไฟขึ้นมา แสงอันเย็นชาน่ากลัวก็สาดประกายออกมาจากดวงตาเมิ่งฮ่าว และเขาก็หยุดชะงักนิ่ง สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยื่นมือขวาซึ่งมีศิลาดวงตะวันที่ได้มาจากก่อนหน้านี้ออกไป ความร้อนอันเจิดจ้าไร้ขอบเขตระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทางในทันที
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น และทุกสรรพสิ่งก็บิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ระลอกคลื่นกระจายออกไป สองผู้พิทักษ์เต๋าชราหยุดชะงักนิ่ง และดวงตาจ้าวอีฝานก็สาดประกายเจิดจ้า ในชั่วพริบตามันได้กลายร่างเป็นกระบี่อันยิ่งใหญ่กรีดเฉือนตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ในเวลาเดียวกันนั้น แสงดาวจากศิลาดวงดาวของฝานตงเอ๋อร์ ได้พุ่งออกไปเพื่อต่อต้านศิลาดวงตะวันของเมิ่งฮ่าว
แค่ศิลาดวงตะวันเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะกระทำสิ่งใดๆ เพื่อหยุดพลังการโจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกันของสี่ผู้แข็งแกร่งได้ สิ่งที่มันทำได้ทั้งหมดก็คือทำให้พวกมันหยุดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวก็ใช้ช่วงเวลานี้หมุนตัวไปรอบๆ และกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์
เขาเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และขณะที่เข้าไปใกล้ ภาพแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้นและโจมตีไป ในชั่วพริบตาเขาและฝานตงเอ๋อร์ได้โจมตีกันไปมาหลายครั้ง เมิ่งฮ่าวสั่นไปทั้งร่าง แม้แต่โลหิตก็ยังต้องพ่นกระจายออกมาจากปาก แต่เขาก็ไม่ได้ล่าถอย ประกายอันดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตา และทันใดนั้นเขาก็ตวัดเท้าเตะขึ้นไป ทำให้เกิดเป็นเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศราวกับเป็นลมพายุ เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สลดลง นางรู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาโจมตีมาอย่างไม่ลดละ จมอยู่ในความโหดเหี้ยมอย่างไร้ขอบเขต
ฝานตงเอ๋อร์ขยับสองมือร่ายเวท และหอยสังข์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง ขณะที่เสียงหึ่งๆ อันแผ่วเบาของหอยสังข์ดังเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอากรงเล็บของสัตว์อสูรออกมา ภาพของวิฬาร์สีดำปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และเสียงกรีดร้องแหลมเล็กก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่มันตวัดกรงเล็บตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์
เสียงแตกหักได้ยินมาขณะที่ภาพของวิฬาร์สีดำถูกทำลายไป แต่หอยสังข์ก็สั่นสะท้านด้วยเช่นกัน และจากนั้นก็ระเบิดออก ฝานตงเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นชา ร่ายเวทด้วยสองมืออีกครั้งและผลักออกไปข้างหน้า เศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายไปของหอยสังข์หมุนวนไปมาพร้อมกัน กลายเป็นลมพายุพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ส่วนฝานตงเอ๋อร์เองรีบถอยออกไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปเผชิญหน้ากับร่างจริงที่สอง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มดุร้ายมากยิ่งขึ้น ที่ด้านหลังเป็นปราณกระบี่อันยิ่งใหญ่ของจ้าวอีฝาน รังสีสังหารของสองผู้พิทักษ์เต๋าชรายิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมาที่เขา ระลอกคลื่นแห่งพลังของศิลาดวงตะวันของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ไม่อาจจะยับยั้งพวกมันได้แม้แต่น้อย
เมิ่งฮ่าวตะโกนขึ้น ขณะที่พึ่งพาความแข็งแกร่งของกายเนื้อที่ไม่ธรรมดาของเขา กระแทกเข้าไปยังพายุแห่งเศษชิ้นส่วนของหอยสังข์ที่ใกล้เข้ามา เขากลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีทอง เคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า ขณะที่พุ่งฝ่าลมพายุไปออกมาอยู่อีกด้าน ร่างกายถูกกรีดเฉือนเต็มไปด้วยโลหิต และก่อนที่จ้าวอีฝาน หรือสองผู้พิทักษ์เต๋าชราจะทันได้เข้ามาใกล้ เขาก็พุ่งไล่ติดตามฝานตงเอ๋อร์ไป!
สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สลดลง นางไม่เคยจะคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะดุร้ายเช่นนี้ ในการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ นางคิดว่าเขาเป็นคนที่ไร้ยางอายและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ นางรับรู้ได้ถึงความโหดเหี้ยมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวคนผู้นี้
ความโหดเหี้ยมเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะมีกันได้ เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากเหตุการณ์ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่เคยจะประสบพบเจอมาก่อน และทำให้เกิดเป็นพลังอันน่าเหลือเชื่อขึ้นมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบรังสีสังหารขึ้น ปีกของวิหคยักษ์สีทองขยายออกไป ขณะที่ม้วนกวาดตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์ เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศขณะที่นางรีบเร่งโจมตีกลับมาอย่างฉุกละหุก เสียงระเบิดดังกึกก้องออกไป และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของฝานตงเอ๋อร์ นางล้มกลิ้งไปทางด้านหลังในทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่บดขยี้ศิลาดวงดาวซึ่งกำลังถืออยู่ในมือ!
ก้อนศิลาแตกกระจายไป ทำให้แสงดาวอันไร้ขอบเขตกระจายออกไป และปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็ต้องหยุดชะงักนิ่งไม่ไหวติง
เนื่องจากการหยุดชะงักนั้น ปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาของจ้าวอีฝาน…ก็ได้กรีดเฉือนลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว
เขาสั่นสะท้านขณะที่การโจมตีนั้นได้เฉือนแผ่นหลังจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ เผยให้เห็นกระดูกอยู่ภายใน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง และระลอกคลื่นของศิลาดวงตะวัน ทำให้ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นอ่อนกำลังลงไป กระบี่นี้ก็คงจะตัดเมิ่งฮ่าวขาดออกเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน!
โลหิตกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ในช่วงเวลาเดียวกับที่เขาถูกกรีดเฉือนด้วยกระบี่ สองชายชราผู้พิทักษ์เต๋าก็ใกล้เข้ามาจากอีกด้าน ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทกระแทกตรงเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง โชคดีที่เขาได้เตรียมตัวมาอย่างดี เทือกเขาได้ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่าง ตามมาด้วยไข่มุกดำขาว ศิลาดวงตะวันอ่อนกำลังลง เมิ่งฮ่าวยังไม่ตกตายไป แต่เขาลอยละลิ่วราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน ลอยฝ่าอากาศออกไป และจากนั้นก็กระแทกลงไปบนพื้นดิน ในที่ห่างไกลออกไป เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืน กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง
“ตาย!” ฝานตงเอ๋อร์ร้องตะโกนออกมา ขณะที่ร่างแวบขึ้นพุ่งตรงมาที่เขา ทะเลศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างนาง ภายในเป็นมังกรทะเลที่กำลังแผดร้องคำรามอยู่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
สีหน้าจ้าวอีฝานสงบนิ่ง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างก็ตามที สำหรับสองชายชราผู้พิทักษ์เต๋า พวกมันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชา เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจจะสังหารเขาไปให้จงได้
ม่านตาเมิ่งฮ่าวกำลังพล่าเลือน และตะเกียงสัมฤทธิ์ที่อยู่ด้านบนศีรษะก็ริบหรี่เลือนลาง ดูเหมือนแทบจะดับลงไปได้ทุกขณะจิต เมื่อเห็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมาในทันที
“ร่างจริงที่สอง…จิตมาร กลับคืนมา!” เมื่อคำพูดเขาดังก้องออกไป แผ่นฟ้าและผืนดินก็เริ่มสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยวไปมาขณะที่ร่างจริงที่สองหลับตาลง ฉับพลันนั้น กลุ่มหมอกสีดำก็เริ่มไหลออกมาจากจมูก, หูและปากของมัน
อย่างน่าตกใจยิ่ง กลุ่มหมอกนั้นได้กลายเป็นศีรษะขนาดใหญ่ ซึ่งกระจายความต้องการฆ่าฟันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ขณะที่มันพุ่งตรงไป นี่คือร่างมารของเมิ่งฮ่าว ก่อตัวขึ้นมาจากความต้องการฆ่าฟัน ซึ่งทำให้เขาต้องสังหารศัตรูไปมากมายจนนับไม่ถ้วน
ในตอนที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปในขั้นค้นหาเต๋า เขาได้ตัดมันออกไป จากนั้นก็หลอมรวมมันเข้าไปในร่างจริงที่สอง ด้วยความเชื่อที่ว่าเขาจะไม่มีทางใช้มันอีก ถึงจิตมารจะทำให้เขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมก็จริง แต่ก็เกิดเป็นผลกระทบที่ตามมาอย่างร้ายแรง!
มันยังมีอิทธิพลต่อเขาในแง่ของจิตวิทยาอีกด้วย ในช่วงวิกฤตนี้เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยไม่ลังเล ทำให้กลุ่มหมอกสีดำอันไร้ขอบเขตพุ่งตรงมา
มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หลอมรวมเข้าไปในร่างเขาเพียงชั่วพริบตา ทันใดนั้นเส้นเลือดสีดำก็ปรากฏขึ้นไปทั่วทั้งผิวหนัง ในเวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายสังหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ระเบิดออกมาจากร่างเขา
นี่คือกลิ่นอายของมาร!
นี่คือกลิ่นอายของฆาตกร!
นี่คือจุดสูงสุดของเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้!
วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วน ฉับพลันนั้นก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว กระจายความดุร้ายและโหดเหี้ยมออกมาขณะที่พวกมันส่งเสียงกู่ร้องที่ไร้เสียงออกมา เหล่านี้คือภูติผีของคนทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวได้สังหารมา
ทั่วทั้งบริเวณนั้นจู่ๆ ก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ และเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีดำที่กำลังลอยละล่องไปมา
เส้นผมเมิ่งฮ่าวพลิ้วไสวไปมาอยู่รอบๆ ร่าง ขณะที่พลังของเขาพุ่งขึ้นไป ความเย็นชาโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในแววตา และทันใดนั้นเขาก็กระจายเป็นความรู้สึกออกมาว่า เขาคือเทพแห่งความตาย!
ฝานตงเอ๋อร์จ้องมองไปด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“คนผู้นี้คือใคร? ด้วยกลิ่นอายสังหารเช่นนั้นที่ปรากฏขึ้นมาในตอนนี้ ก็หมายความว่า…มันได้สังหารผู้คนไปมากมายเท่าใดแล้วกันแน่? มีแต่ผู้แข็งแกร่งที่ปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขาแห่งซากศพ และว่ายข้ามทะเลแห่งโลหิตเท่านั้น ถึงจะมีกลิ่นอายสังหารราวกับมารเช่นนี้ได้!”
ดวงตาจ้าวอีฝานเริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
สองชายชราผู้พิทักษ์เต๋าจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง แต่พวกมันก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวโดยไม่ลังเล รังสีสังหารของพวกมันยังได้รุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย
ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไป จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ กระแสน้ำวนเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้น ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณนั้นแห้งเหี่ยวลงไป แม้แต่พื้นดินก็เริ่มแตกร้าวและแยกตัวออกมา
พลังของเมิ่งฮ่าวยังคงพุ่งทะยานขึ้นไป ขณะที่ศัตรูทั้งสี่ใกล้เข้ามา เขาก็ยกเท้าขึ้นและเดินตรงไป ยื่นมือขวาออกมา และใช้เวทผนึกอสูรรุ่นแปดอย่างเต็มกำลัง
ตูม!
เวทรุ่นแปดรวมตัวเข้ากับกลิ่นอายสังหารและจิตมารที่อยู่ภายในร่างเขา พลังที่ระเบิดออกมานั้นทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ขณะที่ปราณอสูรที่มองไม่เห็นทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสี่หยุดชะงักนิ่งอยู่กับที่ในทันที
เมิ่งฮ่าวเดินตรงมาอีกก้าว และจากนั้นก็ไปยืนอยู่เบื้องหน้าฝานตงเอ๋อร์ ยกมือขวาขึ้นและต่อยตรงไปที่หน้าท้องของฝานตงเอ๋อร์ ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากนาง เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่แผ่นหยกสามแผ่นบนร่างนางแตกกระจายไป ราวกับว่าพวกมันได้ตายไปแทนที่นาง
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชาและโหดเหี้ยม ขณะที่ยื่นมือขวาออก คว้าจับไปที่แขนของฝานตงเอ๋อร์ในทันที ฉุดกระชากลงมาอย่างรุนแรง และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมา ขณะที่ดวงตาของฝานตงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ปล่อยให้แขนของนางฉีกขาดออก ร่างนางพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ติดตามไป ร่างเขาแวบขึ้นและไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าจ้าวอีฝาน ต่อยออกไปอีกหนึ่งหมัด และจ้าวอีฝานก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตสาดกระจายออกมาจากปาก
ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นมา ชูศิลาดวงตะวันให้สูงขึ้น
“แตกกระจาย!” เขากล่าวด้วยเสียงที่แหบพร่า ศิลาดวงตะวันสั่นไปมา และจากนั้นก็ระเบิดออก ทำให้คลื่นของความร้อนอันเข้มข้นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ปกคลุมไปทั่วร่างจ้าวอีฝานในทันที
ทั่วทั้งร่างจ้าวอีฝานลุกไหม้กลายเป็นเปลวไฟ และมันก็ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจอยู่ในลำคอ พุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ต่อยหมัดที่สามออกไป หมัดนี้กระแทกไปยังผู้พิทักษ์เต๋าของหลี่หลิงเอ๋อร์ ด้วยการเกื้อหนุนอย่างเต็มพลังของจิตมาร ทำให้ชายชรากระอักโลหิตออกมา ทรุดตัวลงไปอย่างอ่อนแรงในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในตอนนี้เมื่อเมิ่งฮ่าวยืมพลังของร่างมารมาได้ ก็ทำให้เขาทะลวงผ่านจุดสูงสุดของพลังขั้นอาณาจักรวิญญาณไปได้ชั่วคราว
เขาไม่ได้ต่อยหมัดที่สี่ออกไป ขณะที่สายตาเริ่มพร่าเลือน รำลึกขึ้นได้ว่าถ้าเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผลกระทบของจิตมารก็คงจะไม่มากนัก ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป
“อย่าเข้ามา!!” ฝานตงเอ๋อร์ร้องตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป สิ่งสำคัญมากที่สุดในกับดักของพวกมัน คือการป้องกันไม่ให้เมิ่งฮ่าวใช้ความสามารถของกระถางสายฟ้าออกมาได้ นอกจากนั้นก็ยังได้ใช้ศิลาดวงดาวเพื่อสะกดข่มมันไว้ ที่สำคัญด้วยเช่นกันก็คือว่า ต้องไม่มีใครอยู่ในบริเวณที่เขาจะสามารถสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันได้
นี่เป็นสิ่งที่คนทั้งหมดเข้าใจ และเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงมีแค่สี่คนเท่านั้นที่กำลังโจมตีเขาอยู่ในตอนนี้ ขณะที่คนอื่นๆ ทั้งหมดเฝ้ารออยู่ในที่ห่างไกลออกไป อยู่นอกเหนือจากการมองเห็นของเมิ่งฮ่าว
ทันทีที่เงาร่างซึ่งใกล้เข้ามานั้นได้ยินคำพูดของฝานตงเอ๋อร์ มันก็พุ่งถอยกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น ขณะที่เขามองไปยังเงาร่างที่อยู่ห่างไกลออกไป ทันใดนั้นกระถางสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา และเมิ่งฮ่าวก็ใช้เวทเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่งไปที่เงาร่างซึ่งอยู่ห่างไกลนั้น
ทันทีที่คนทั้งสองสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน เมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงที่กำลังพูดอยู่ในหูของเขา
“พี่เมิ่ง, จี้ยินคือผู้ที่คิดว่าท่านจะต้องผ่านมาทางนี้”
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเสียงนั้น แทบจะราวกับว่าเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดที่กำลังพูดอยู่นั้น ดวงตาเป็นสีดำมืด คล้ายกับว่าเขาไร้สติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามแสงแวบหนึ่งที่แทบจะมองไม่เห็นได้ปรากฏขึ้นในแววตา เมื่อเขาตระหนักว่าบุคคลที่เขาสับเปลี่ยนตำแหน่งด้วยนี้คือฟางตงหาน!
หลังจากที่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับมัน เมิ่งฮ่าวก็เป็นอิสระจากกับดัก ประจุไฟฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ ร่าง ขณะที่เขามองตรงไปยังกลุ่มฝูงชนที่กำลังตกตะลึงอยู่ในที่ห่างไกลออกไป
เขาพบเป้าหมายต่อไปที่จะสับเปลี่ยนตำแหน่งด้วยอย่างรวดเร็ว ตราบเท่าที่เขาสามารถมองเห็นใครบางคน เขาก็สามารถจะสับเปลี่ยนตำแหน่งได้ และจะไม่ติดอยู่ในกับดักเหมือนก่อนหน้านี้อีก
เนื่องจากการใช้เวทเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่งซ้ำติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้ร่างเขาแทบจะพังทลายลงไป และอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็ทำงานได้ยากลำบากขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นเพราะว่ามันยังคงฟื้นฟูกลับคืนมาจากช่วงก่อนหน้านี้ จึงไม่อาจที่จะทำการซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้ จนกว่าอาณาจักรความเป็นนิรันดร์จะกลับคืนมาอย่างเต็มที่ ด้วยเช่นนั้นจึงต้องใช้เวลาที่จะฟื้นฟูกลับคืนมา