Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 927

ตอนที่ 927

ชายหาดทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวดูน่าเกลียดขึ้น รู้สึกค่อนข้างจะทำอะไรไม่ถูก มองไปยังนกแก้วหลากสีที่กำลังกระพือปีกไปมา ขณะที่มันบินฝ่าอากาศไป กระดิ่งใบเล็กๆ ผูกติดอยู่ที่ข้อเท้าของมัน และนกแก้วก็มีท่าทางพึงพอใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่ามันค่อนข้างจะมักมากในกามตัณหา มีริ้วผ้าสีดำคาดอยู่รอบๆ ศีรษะ ปิดดวงตาข้างหนึ่งของมันไป ดวงตาข้างที่ยังเหลืออยู่สาดประกายด้วยแสงเจิดจ้าขึ้น ขณะที่มันบินออกมาจากยอดเขา

“รออู่เหยียก่อนเถอะ, ยายเฒ่า และสำหรับเจ้า, อ้ายเฟยที่น่ารักของข้า ไม่ต้องกังวลไป อู่เหยียจะกลับมาหาเจ้าอีก ข้าจะยอมเสี่ยงทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้เจ้าออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้จงได้!”

ด้านหลังนกแก้วเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดซึ่งเป็นหญิงชรานางนั้น ใบหน้านางเต็มไปด้วยโทสะ ขณะที่พุ่งไล่ตามนกแก้วไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ด้านหลังนางเป็นหญิงสาวเยาว์วัยที่งดงาม อยู่ในชุดสีขาว ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้เดียงสา นี่คือหญิงสาวคนเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวเคยพบเห็นมา หลังจากที่ออกมาจากชั้นเจ็ดของศาลาโอสถ เป็นน้องสาวร่วมตระกูลนามหว่านเอ๋อร์

เสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจได้ยินมาจากที่ห่างไกล และเมิ่งฮ่าวก็มองเห็นนกยูงที่งดงามได้อย่างเลือนลาง กำลังหอบหายใจและดิ้นรนที่จะลุกขึ้นมายืนแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เท่าที่เห็นจากสถานการณ์นั้น เขาก็บอกได้ว่ามันเพิ่งจะพบเจอกับหายนะที่คาดไม่ถึงบางอย่าง

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ รู้สึกค่อนข้างจะเสียใจกับนกยูงตัวนั้น สิ่งมีขนใดๆ ที่มาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้านกแก้ว มักจะพบว่ายากที่จะหนีรอดไปจากงานอดิเรกอันชั่วร้ายของมันไปได้

ทันทีที่นกแก้วบินออกมา ก็มองเห็นเมิ่งฮ่าว และดวงตาของมันก็เจิดจ้าขึ้น มันรีบพุ่งตรงมา และเริ่มร้องไห้คร่ำครวญตะโกนเป็นเสียงดังขึ้น

“จู่เหริน ช่วยข้าด้วย! จู่เหริน ยายเฒ่าผู้นี้มากเกินไปแล้ว! นางกำลังจะสังหารข้า! ช่วยข้าด้วย, จู่เหริน!” ขณะที่นกแก้วร้องตะโกนออกมา กระดิ่งที่ผูกติดอยู่กับข้อเท้าของมัน จู่ๆ ก็เกิดเป็นเสียงปะทุขึ้น และกลายร่างเป็นผีโต้ง และเริ่มร้องตะโกนขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“จู่เหริน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว! มีอันธพาลกำลังไล่ตามพวกเรามา! จู่เหริน, นางช่างเป็นคนพาลจริงๆ!”

ที่ด้านหลังห่างออกไปไม่ไกลมากนัก หญิงชราที่เต็มไปด้วยโทสะมองเห็นเมิ่งฮ่าว เช่นเดียวกับหญิงสาวเยาว์วัยซึ่งอยู่ในชุดสีขาว หญิงสาวนางนั้นตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวในจิตใจนาง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านกแก้วที่ไร้ยางอายนี่เลยแม้แต่น้อย

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ รีบถอยไปทางด้านหลังในทันที จากนั้นก็เดินทางต่อไป ราวกับว่าเขามองไม่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้

“จู่เหริน ช่วยข้าด้วย…” นกแก้วแผดร้องขึ้นในทันที บินตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วสูงสุด

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ และร่างกายก็หายตัวไปด้วยการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เมื่อไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งยังที่ห่างไกล นกแก้วก็เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน และมุ่งหน้าตรงมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาก็กระจายบรรยากาศของความเที่ยงธรรมออกมา พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึม เริ่มกล่าวขึ้นว่า

“เจ้าคนชั่ว, ข้าไม่รู้จักเจ้า! เจ้าเป็นใครกัน?” จากนั้นสีหน้าสับสนเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่มองไปยังหญิงชราที่ไล่ตามมา

“เมิ่งฮ่าว!” นกแก้วแผดเสียงขึ้น จ้องมองกลับไปยังหญิงชรา ซึ่งกำลังจะไล่ตามมาทันแล้ว “ข้ามีหินลมปราณ!”

“หุบปาก เจ้าคนชั่ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าว หยุดชะงักนิ่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ราวกับว่าเขาคือตัวแทนแห่งความยุติธรรมแต่เพียงผู้เดียว “พวกเราไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน แต่เจ้าก็พยายามจะป้ายสีข้า? ไม่เป็นไร ข้าก็แค่จับเจ้าไว้ในตอนนี้!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็โบกสะบัดมือขวาขึ้น

เมิ่งฮ่าวยังไม่ทันได้มีโอกาสจะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนที่สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นจริงๆ นกแก้วก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา และจากนั้นร่างกายมันก็แข็งทื่อไป ราวกับว่ามันเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปในแขนเสื้อของเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอขึ้น และภายในใจก็ก่นด่าสาปแช่งต่อความสามารถที่ไม่น่าเชื่อนี้ของนกแก้วออกมา

“ผู้อาวุโส” เขากล่าวกับหญิงชรา พร้อมกับถอยไปทางด้านหลังด้วยความระมัดระวังตัว “วิหคตัวนี้ช่างชั่วร้ายและน่ารังเกียจยิ่ง ข้าเพิ่งจะกลับมาจากการไปเยี่ยมท่านผู้เฒ่าโอสถ หลังจากที่โชคดีจนกลายเป็นนักปรุงยาระดับแปด ผู้เยาว์จะช่วยท่านจัดการวิหคตัวนี้เอง ไม่ต้องกังวลไป”

พื้นฐานฝึกตนของหญิงชรามีความลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง จนเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะประเมินได้ ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา การปรุงยาคือเต๋าที่แท้จริง และพื้นฐานฝึกตนก็แค่ช่วยทำหน้าที่สนับสนุนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเมิ่งฮ่าวเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความเป็นตายมาแล้วหลายครั้ง ทำให้เขาต้องถอยไปทางด้านหลังด้วยความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในเวลาเดียวกันนั้นเหรียญคำสั่งนักปรุงยาระดับแปดของเขาก็แวบขึ้นมา

หญิงชรามองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังถอยไปทางด้านหลัง และไม่กล่าวอะไรออกมา ในที่สุดเขาก็กลายเป็นลำแสงหลบหนีออกไปยังที่ห่างไกล ในตอนนั้นเองที่ดวงตาของหญิงชราแวบแสงขึ้นมา

หญิงชราลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ ว่า “กูจู่ เจ้านกนั่น…” (กูจู่ = น้องชายของท่านปู่)

“ช่างมันเถอะ” หญิงชรากล่าว หมุนตัวมุ่งหน้ากลับไปยังภูเขา หญิงสาวเยาว์วัยติดตามมา

ตลอดทาง หญิงสาวเยาว์วัยไม่อาจจะสะกดข่มจิตใจไม่ให้เอ่ยถามขึ้นมาได้ “กูจู่, ฟางฮ่าว…?”

หญิงชราไม่ตอบคำถามใดๆ นอกจากส่ายหน้า ภายในดวงตาของนางมองเห็นแสงแวบขึ้นมา จากตอนที่เมิ่งฮ่าวทำการทดสอบอยู่ที่ชั้นเจ็ดของศาลาโอสถ นางก็รู้ว่าเขาจะต้องกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา จากนั้นเมื่อเขาทำการปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า ก็ทำให้นางต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ และมีความเชื่อมั่นว่าฟางฮ่าวก็คือดวงตะวันอันเจิดจ้าของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา!

นางไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไม่ เนื่องจากระดับพื้นฐานฝึกตนของนาง ทำให้ตระหนักมาโดยตลอดว่านกแก้วและผีโต้งจะต้องเป็นของเขา ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ตั้งใจที่จะขับไล่พวกมันออกไป ในตอนที่เมิ่งฮ่าวกำลังผ่านมาพอดี

เป้าหมายของนางคือการแก้ไขความรู้สึกไม่พอใจของเมิ่งฮ่าว ที่อาจจะมีต่อนาง

นางมีศักดิ์ฐานะที่สูงกว่าเขามาก ในแง่ของความเป็นผู้อาวุโสของตระกูล มีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำ และมีชื่อเสียงโด่งดังมานานหลายปี ดังนั้นนางจึงมีประสบการณ์ที่จะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด และเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ก็แค่เป็นวิธีการที่นางจัดฉากขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหากับเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวบินผ่านแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาต่อไป เมื่อตระหนักว่าหญิงชราไม่ได้ไล่ตามมา ดวงตาเขาก็แวบขึ้น แน่นอนว่าเขาก็เข้าใจถึงความตั้งใจของนาง

ขณะที่พวกเขาโผล่ออกมาจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา จิตวิญญาณของนกแก้วดูเหมือนจะฟูฟ่องขึ้น มันบินออกมาจากชายแขนเสื้อเมิ่งฮ่าว และร้องขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง “ยายเฒ่า รออู่เหยียก่อนเถอะ! อู่เหยียจะต้องกลับไปอีก!”

ที่ด้านข้าง ผีโต้งพยักหน้าอย่างแข็งขัน สำหรับผีโต้งที่แสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา ก็เห็นได้ชัดว่ามันต้องเคยพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทุกข์ยากลำบากใจ ที่เจ้าคนโง่ทั้งสองนี้ต้องอดทนกล้ำกลืนเมื่อไม่กี่วันมานี้

อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่นกแก้วพูดจบ มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งออกคว้าจับไปที่นกแก้ว ลากมันมาอยู่ที่เบื้องหน้า ดวงตานกแก้วเหลือกขึ้น

“เจ้ากำลังทำอะไร!? เจ้าจะจับอู่เหยียไปเพื่ออะไร!?”

“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรเกี่ยวกับหินลมปราณ?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงเย็นชา เมื่อไหร่ที่เขาและนกแก้วโต้เถียงกัน ก็ไม่เคยจะพูดจากันด้วยความสุภาพเรียบร้อย

“หินลมปราณ?” นกแก้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “หินลมปราณอะไร?”

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังนกแก้ว และทันใดนั้น รอยยิ้มเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตานกแก้วเบิกกว้างขึ้นในทันที และเริ่มตัวสั่นสะท้านไปมา

ผีโต้งอ้าปากค้างและส่งเสียงแผดร้องอยู่ในลำคอ

“สีหน้านั้นอีกแล้ว! จบกัน! พวกเราจบสิ้นแล้ว! เมื่อไหร่ที่สีหน้านั้นปรากฏขึ้น ก็หมายความว่าจุดจบใกล้เข้ามาแล้ว! เจ้านกแก้วเพิ่งจะทำอะไรลงไป…”

ดวงตานกแก้วเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้กล่าวอะไรออกมา มันก็พูดประจบขึ้น “ฮา ฮา ฮา! ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น! หินลมปราณ…อา, หินลมปราณ ยายเฒ่านั่นมีสายแร่หินลมปราณอยู่ภายใต้ภูเขาของนาง เจ้าจะไปขโมยมันมาเมื่อไหร่ เมิ่งฮ่าว ข้าจะไปช่วยขุดมันขึ้นมาด้วย”

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินคำว่า ‘สายแร่หินลมปราณ’ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น จากนั้นก็เริ่มถามถึงรายละเอียด

หนึ่งคน, หนึ่งนก และหนึ่งผีโต้ง บินกลับไปยังคฤหาสน์โบราณ พูดคุยกันไปมาด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา

ตอนนี้เป็นเวลายามสนธยา ที่ห่างไกลออกไป ดวงตะวันที่กำลังตกลงมา กระจายแสงสีทองเต็มไปทั่วท้องฟ้า เมื่อเมิ่งฮ่าวกลับเข้าไปในคฤหาสน์โบราณ เขาก็เห็นกลุ่มคนในตระกูลมากมาย มุ่งหน้าตรงไปยังเขตตะวันออก เมิ่งฮ่าวมองไปยังทิศทางนั้น และจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในยามเข้าของวันพรุ่งนี้

“ตงเซิงจือหยาง! (ตะวันรุ่งบูรพา)” หลังจากที่พึมพำกับตัวเอง เขาก็เปลี่ยนทิศทาง และบินตรงไปยังเขตตะวันออก นกแก้วเกาะอยู่ที่ไหล่ และผีโต้งก็กลายร่างเป็นกระดิ่ง ผูกตัวเองติดอยู่ที่ข้อเท้าของนกแก้ว

เวลาเดียวกันนั้น ในศาลารุ่งบูรพาของเขตตะวันออก ฟางเว่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พูดคุยอยู่กับผู้ถูกเลือกต่างๆ มันไม่ได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะทำให้ตระกูลฟางทั้งหมด ตกอยู่ในความปั่นป่วนเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้จะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ระหว่างผู้ถูกเลือกต่างๆ เหล่านั้น แต่คนทั้งหมดก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติเกิดขึ้นมานานแล้ว จากความจริงที่ว่าฟางเว่ยพยายามจะปิดบังเรื่องราวนั้นไว้ ก็ทำให้พวกมันสรุปได้ในทันที

อีกครั้งหนึ่งที่มีใครบางคนได้หยิบยกเรื่องของฟางมู่ขึ้นมาพูด เหมือนกับก่อนหน้านี้ ฟางเว่ยไม่ได้ยอมรับตรงๆ ว่ามันคือฟางมู่ มันมองไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นเชิงขอโทษ เมื่อผู้ถูกเลือกบางคนสังเกตเห็น พวกมันก็เริ่มคิดไปว่ามันหมายถึงอะไร

หลี่หลิงเอ๋อร์แค่นเสียงอย่างเย็นชา สีหน้าที่ดูถูกของนางยิ่งมองเห็นได้มากขึ้นกว่าเดิม นางยังมีความมั่นใจมากกว่าซุนไห่อีกว่าเมิ่งฮ่าวก็คือฟางมู่ นางเกลียดชังฟางมู่อย่างลึกล้ำ แต่เมื่อมองไปยังฟางเว่ย สีหน้านางก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ดูเหมือนว่ามันได้ทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้

เมื่อฟางเว่ยมองเห็นสีหน้าของนาง ดวงตามันก็แวบแสงที่แทบจะมองไม่เห็นขึ้น ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา)

ดวงตาซุนไห่แวบขึ้น แต่เมื่อคิดไปถึงหญิงสาวที่มันรักซึ่งเป็นคนของตระกูลฟาง มันก็ไม่กล่าวอะไรออกมา แต่ลากผู้ถูกเลือกตระกูลฟางอีกคนไปที่ด้านข้าง และสอบถามว่ารู้จักคนตระกูลฟางที่มีนามว่าฟางอวี๋หรือไม่

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และสมาชิกของตระกูลฟางก็มาล้อมวงกันมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่รอบๆ ทะเลสาปจันทร์เจิดจ้า เดิมทีพวกมันเฝ้ารอคอยกันอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่เมิ่งฮ่าวปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเสียงระฆังจะเงียบหายไปนานแล้ว แต่เสียงของมันก็ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใจของคนเหล่านั้น

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฟางฮ่าวจะปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้จริงๆ!”

“นั่นคือหนึ่งในสามเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์! คาดไม่ถึงว่ามันจะสามารถปรุงหนึ่งในนั้นขึ้นมาได้!”

“เมื่อฟางฮ่าวกลับมา ข้าไม่ได้สนใจมันมากนัก มันเป็นคนเงียบๆ แต่ตอนนี้กลับทำให้เกิดคลื่นขึ้นมาได้!”

คำพูดเหล่านั้นดังก้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าฟางเว่ยสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ทำให้ยากที่จะรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่กลับกัน ใบหน้าของฟางอวิ๋นอี้เริ่มหมองคล้ำลงไปเรื่อยๆ จากนั้นมันก็มองไปยังฟางซีซึ่งกำลังพูดคุยกับคนในตระกูลที่อยู่รอบๆ ตัวด้วยความตื่นเต้น ใกล้กับทะเลสาบ และฟางอวิ๋นอี้ก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา

แสงอันเย็นชาแวบขึ้นมาอยู่ในดวงตา ริมฝีปากของมันบิดขึ้นจนเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา กลุ่มคนที่มันส่งให้ไปจัดการฟางซีกำลังเข้าไปใกล้แล้วในตอนนี้

“สายโลหิตหลัก…อันกระจ้อยร่อย! พวกมันเคยมีความรุ่งเรืองเมื่อในอดีต แต่ตอนนี้พวกมันได้ตกต่ำลงแล้ว ตระกูลฟาง…ไม่ใช่สถานที่ที่พวกมันจะอยู่เหนือกว่าอีกต่อไปแล้ว!” ฟางอวิ๋นอี้แค่นเสียงขึ้นอีกครั้ง “วันนี้คือวันที่ข้าจะฉีกหน้าฟางซีแห่งสายโลหิตหลัก!” ดวงตามันหดเล็กลง

ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางซียืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน กำลังโอ้อวดประสบการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ของมัน ต่อกลุ่มคนในตระกูลที่กำลังยืนอยู่ข้างกายมันด้วยความตื่นเต้น

“จากคนทั้งหมดตลอดหลายปีที่ผ่านมาในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่มีใครจะสามารถปรุงเม็ดยานั้นได้เลย แต่พี่ชายข้าสามารถทำได้!”

“มันมีลำแสงสายโลหิตหนึ่งหมื่นจ้าง และยังผ่านการทดสอบของศาลาโอสถไปจนถึงชั้นเจ็ด จากนั้นก็ปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าในตำนานขึ้นมาได้ นั่นก็คือพี่ชายข้า, ฟางฮ่าว!” สมาชิกของตระกูลคนอื่นๆ หอบหายใจออกมา ขณะที่พวกมันได้ยินเรื่องราวของเมิ่งฮ่าว กลุ่มคนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังประเมินยกระดับฐานะของเมิ่งฮ่าวให้เทียบเท่ากับฟางเว่ยไปแล้ว

ในตอนนี้เองที่สองบุรุษหนุ่มได้มาปรากฏตัวขึ้นตรงบริเวณนั้น เดินฝ่ากลุ่มฝูงชนเข้าไป มีสีหน้าเย่อหยิ่งเย็นชาขณะที่เข้าไปใกล้ฟางซี จากนั้นก็สะบัดมือขึ้นอย่างหยาบคาย ทำให้สายลมอันรุนแรงก่อตัวขึ้น พุ่งตรงไปยังฟางซี ทำให้สีหน้าของฟางซีเปลี่ยนไป มันพยายามจะต่อสู้กลับไป แต่ก็ไม่อาจจะสู้ได้ แผดร้องออกมาเล็กน้อย ขณะที่ถูกผลักออกไปทางด้านหลังสิบก้าว

“ทางตระกูลได้สั่งว่าห้ามส่งเสียงดัง และก่อความวุ่นวายขึ้นในช่วงของตงเซิงจือหยาง! (ตะวันรุ่งบูรพา)” หนึ่งในสองบุรุษหนุ่มกล่าวขึ้น ด้วยดวงตาที่เย็นชา “ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎ จะขาดคุณสมบัติในการเฝ้าสังเกตดู!”

“เจ้า…” ฟางซีกล่าว มองขึ้นไปด้วยเพลิงโทสะในดวงตา แต่เมื่อมันเห็นว่าบุรุษหนุ่มทั้งสองนั้นเป็นใคร สีหน้ามันก็สลดลง สมาชิกของตระกูลคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นก็มองมาด้วยความตกตะลึงด้วยเช่นกัน และรีบถอยไปทางด้านหลังในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version