Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 967

ตอนที่ 967

ทัณฑ์เซียนผู้ยิ่งใหญ่

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนแห่งดาวตงเซิ่งต่างก็ตกตะลึง กลุ่มคนตระกูลฟางตื่นตระหนก ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าซึ่งกำลังเฝ้ามองดูอยู่ ต่างก็…ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!

ดวงตาพวกมันเบิกกว้าง และจิตใจก็หมุนคว้าง ขณะที่มองเห็นเมฆลงทัณฑ์ปกคลุมไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง และจากนั้นก็กระจายออกไปอยู่ตลอดเวลา

“นั่น…นั่นเป็นทัณฑ์อะไรกัน?”

“ทัณฑ์เซียนจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?”

“นั่นต้องไม่ใช่เมฆลงทัณฑ์อย่างแน่นอน! เป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นเป็นหายนะที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน?”

“ทัณฑ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!”

ดาวตงเซิ่งตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เช่นเดียวกับขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด ในตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและไม่อยากจะเชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ ซึ่งพูดไม่ออกไปโดยสิ้นเชิง และจิตใจของพวกมันก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ฟางเว่ยผงะถอยไปทางด้านหลัง จ้องนิ่งไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ร่างกายมันเริ่มสั่นสะท้าน สีหน้าสลดลง สิ่งเดียวที่มันสามารถจะคิดได้อยู่ในตอนนี้ก็คือการพูดกับตัวเองว่า

“เป็นไปไม่ได้!”

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ฝานตงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เบื้องหน้าแก้วผลึกขนาดใหญ่ ภายในนั้นนางมองเห็นภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนดาวตงเซิ่ง ใบหน้านางซีดขาวไร้สีเลือด และดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่จ้องมองไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ที่อยู่บนแก้วผลึก

อันที่จริงนางไม่จำเป็นต้องมองไปที่แก้วผลึก ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนาง ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงความผันผวนอันน่าเหลือเชื่อ ที่กำลังม้วนตัวออกไปทั่วทั้งทะเลที่เก้า อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นบนดาวตงเซิ่งอยู่ในตอนนี้

“เป็นมันหรือไม่…?” นางคิด “ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในท่ามกลางการกลายเป็นเซียนแท้ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้เมฆลงทัณฑ์ก่อตัวขึ้นมาได้เช่นนี้ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่…มันมีการเตรียมตัวที่จะทำให้เกิดเป็นเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร!?”

จ้าวอีฝานอยู่ในสำนักกระบี่ไท่สิง จ้องมองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความงุนงง จิตใจหมุนคว้าง มันเพิ่งจะซ่อมแซมจิตเต๋าของตนเองได้เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมาใหม่ แต่ในตอนนี้…ความเชื่อมั่นนั้นกำลังแหลกสลายไป

“เกิดขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน…?” มันพึมพำด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน “เซียนแท้ของมัน…แตกต่างไปจากของข้า?”

ในเวลาเดียวกันนั้น หวังเถิงเฟยกำลังอยู่ในตระกูลหวัง กำมือเป็นหมัดจนแน่น เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนหน้าผาก เป็นไปไม่ได้ที่มันจะสงบจิตใจให้เยือกเย็นลงได้ “เซียนแท้ของมันคืออะไรกัน…?”

ทั้งซ่งหลัวตาน, หวังมู่, ไท่หยางจื่อ, ซุนไห่ และเซียนแท้รุ่นใหม่ทั้งหมด ในตอนนี้จิตใจของพวกมันต่างก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง

หลี่หลิงเอ๋อร์มองขึ้นไปในท้องฟ้า นางมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับเมิ่งฮ่าว และในตอนนี้จิตใจก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย นางคาดหวังให้เมิ่งฮ่าวบรรลุกลายเป็นเซียนแท้ แต่ก็ไม่อาจจะหยุดคิดได้ว่าทัณฑ์เซียนของเมิ่งฮ่าวช่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

ฉู่อวี้เยียนและตานกุ่ยก็รับรู้ได้ถึงกลายเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ในพลังของฟ้าดินด้วยเช่นเดียวกัน บนดาวหนานเทียนบิดามารดาของเมิ่งฮ่าวก็กำลังมองดูอยู่เช่นกัน

ในตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างก็เพ่งมองไปยังดาวตงเซิ่ง

กลุ่มคนในตระกูลฟางมองไปยังเงาร่าง ที่กำลังโผล่ออกมาจากภายในกระแสน้ำวน ของดินแดนบรรพบุรุษด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นเพราะมัน…?” จิตใจของแต่ละคนในตระกูลฟางทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด

ฟางซิ่วซานอ้าปากค้าง และปู่ของฟางเว่ยก็หอบหายใจออกมา สำหรับผู้เฒ่าสูงสุด จิตใจมันกำลังหมุนคว้างไปมา และจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากกระแสน้ำวนอย่างช้าๆ ในตอนที่เท้าข้างขวาเขาโผล่ออกมา สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างรุนแรง จนดูเหมือนว่าอากาศกำลังจะฉีกแยกออกจากกัน พลังที่ดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้พุ่งกระจายออกมา

ราวกับว่ามีเทพเซียนบางท่านได้แอบซุ่มซ่อนอยู่ภายในกลุ่มเมฆ กำลังมองลงไปยังพื้นดิน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่เสียงกระหึ่มนั้นดังก้องออกไป กลุ่มเมฆก็กลายเป็นสีแดงขึ้นในทันที แดงฉานราวเปลวไฟ ทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ด้านบนก็กลายเป็นสีแดงเข้ม

เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ราวกับว่ากลุ่มเมฆกำลังจะเป็นสักขีพยานในการปรากฏตัวขึ้นมาของเมิ่งฮ่าว เป็นการปรากฏขึ้นของเซียนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในขุนเขาทะเลที่เก้า

ในตอนนี้ เหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ กำลังตื่นขึ้นมา โผล่ออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง แม้แต่เหล่าปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ก็ยังได้มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์อันน่าตกใจ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้านี้

ในคฤหาสน์โบราณของตระกูลฟาง เหล่าปรมาจารย์ทั้งหมด รวมทั้งปรมาจารย์รุ่นเจ็ดที่เพิ่งจะกลับมาเมื่อเร็วๆ นี้ ต่างก็ตกตะลึงไปกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดเคยเรียกว่าพี่ใหญ่

ถ้าไล่ตามร่องรอยสายโลหิตของปรมาจารย์ปฐพีย้อนกลับไป ก็เห็นได้ชัดว่ามันได้สืบสายโลหิตมาจากผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว

“มันได้เตรียมตัวมาอย่างลึกล้ำ” ปรมาจารย์ปฐพีพึมพำขึ้นด้วยความสับสน “จนทำให้เกิดเป็นทัณฑ์เซียนเช่นนี้ขึ้นมาได้ แต่ทำไมข้าถึงไม่อาจจะมองเห็นส่วนลึกที่แท้จริงของทัณฑ์เด็กผู้นี้ได้…? มันเตรียมตัวมาอย่างดีจนน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!”

“นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นประวัติการณ์ ในบันทึกโบราณทั้งหมดที่ข้าเคยอ่านมา ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเมฆลงทัณฑ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อมีใครบางคนก้าวเท้าเข้าไปเป็นเซียนแท้!”

ปรมาจารย์จากสำนักและตระกูลอื่นๆ ทั้งหมด มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ยังทิศทางของดาวตงเซิ่ง และความคิดมากมายได้วิ่งผ่านไปมาอยู่ในจิตใจ

ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายฝานตงเอ๋อร์ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าคืออาจารย์ของนาง เป็นหญิงชราที่อยู่ในอาณาจักรเต๋า ตอนนี้นางกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่

“ช่างเป็นการเตรียมตัวที่ลึกล้ำนัก สำหรับคนที่อยู่เพียงแค่อาณาจักรวิญญาณเท่านั้น! มีแต่พื้นฐานฝึกตนที่มีชีพจรเซียนเก้าสิบกว่าจุดขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถกระตุ้นให้เกิดเป็นกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เช่นนี้ได้ แต่…ก็ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้น ทำไมกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านี้ถึงได้มีขนาดที่ใหญ่โตเช่นนั้นได้!?”

จริงๆ แล้ว เหล่าปรมาจารย์จากสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมด กำลังขมวดคิ้วและได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับหญิงชรานางนี้

“มีบางสิ่งที่แปลกๆ เกี่ยวกับกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านั้น!”

“ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้ามากกว่าสิ่งที่มันเคยเป็นมา และมีการเตรียมตัวมาลึกล้ำเป็นอย่างดี ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่กลุ่มเมฆลงทัณฑ์เช่นนี้จะปรากฏขึ้น! พวกมันดูแทบจะไม่เหมือนกับเมฆลงทัณฑ์ แต่ดูเหมือนกับสัญญาณแปลกๆ มากกว่า!”

“บางทีมันกำลังใช้เวทลับบางอย่างอยู่?”

อย่างช้าๆ เหล่าปรมาจารย์ต่างก็รับรู้ได้ถึงร่อยรอยบางอย่างที่ทำให้พวกมันเริ่มได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันออกไป ขณะที่พวกมันจ้องมองไปยังทิศทางของดาวตงเซิ่ง เมิ่งฮ่าวก็โผล่ออกมาจากภายในกระแสน้ำวนอย่างเต็มตัว

ทันใดนั้น สายฟ้าอันน่าตกใจก็ปะทุขึ้น และกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็ม้วนตัวไปมา สายฟ้าสีแดงนับไม่ถ้วนเต้นไปมาอยู่ภายในกลุ่มเมฆ กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา

ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็ได้กระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันกระจายออกไปราวกับเป็นกองกำลังที่พุ่งตรงไป เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม มีขนาดใหญ่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะดูคล้ายกับเป็นสัญญาณอสูรที่แปลกประหลาดบางอย่าง

ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

แม้แต่ตระกูลจี้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้าก็ยังต้องสั่นสะท้าน สายตาโบราณได้แทงทะลุผ่านออกมาจากขุนเขาที่เก้า ไปหยุดอยู่ที่ดาวตงเซิ่ง

สายตานั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันอันเข้มข้น ขณะที่มันจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบราบเรียบ ยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางที่สูงส่งสง่างาม เสื้อผ้าโบกสะบัดไปมา เส้นผมสีดำยาวพลิ้วไสวอยู่ในสายลม ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแสงอันลึกล้ำ ซึ่งดูเหมือนจะประกอบไปด้วยท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอันไร้ขอบเขต ดวงตาข้างซ้ายเปล่งประกายด้วยแสงดาวที่ดูเหมือนว่าจะสามารถดูดกลืนวิญญาณของผู้คนเข้าไปได้

ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านนอกของกระแสน้ำวน กลิ่นอายก็ดูเหมือนจะปกติธรรมดา แต่ท้องฟ้าที่ด้านบนเป็นสีแดงเจิดจ้า และจากนั้นก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง ทำให้ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะคล้ายกับเป็นเทพเซียน!

เมื่อตรวจสอบดูอย่างคร่าวๆ พลังของฟางเว่ยไม่อาจจะเทียบเปรียบได้แม้แต่น้อย

กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวกล่าวว่า…เขาจะต้องกลายเป็นเซียนให้จงได้ ไม่ว่าสวรรค์จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม! เป็นพลังสะกดข่มที่กล่าวว่า “ถ้าเจ้าเห็นด้วย ก็ดีไป ถ้าไม่เห็นด้วย? ก็จำเป็นต้องเห็นด้วย!”

กลุ่มคนทั้งหมดในตระกูลฟาง กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว พวกมันดูที่ไปกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว และต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยไม่รู้ตัว

“ฟางฮ่าว…”

“มันไปกระตุ้นให้เกิดเป็นกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เช่นนั้นได้ ในทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษ! ฟางฮ่าว…กำลังจะก้าวเข้าไปเป็นเซียนแท้แล้ว!”

“ทัณฑ์เซียนแท้ของเว่ยกงจื่อก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าไม่อาจจะเทียบได้ ฮ่าวกงจื่อ…กำลังจะสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราอย่างแน่นอน!”

กลุ่มคนสายโลหิตหลักต่างก็ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ฟางซียืนอยู่ที่นั่น กำหมัดจนแน่น เต็มไปด้วยความมุ่งหวังขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว

“ฟางฮ่าว ท่านต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

ฟางเว่ยเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ถูกพลังของเมิ่งฮ่าว และกลุ่มเมฆลงทัณฑ์อันน่ากลัวที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งร่าง จนแทบไม่อาจจะหายใจเข้าไปได้

เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของมัน ขณะที่กระโดดขึ้นมายืน

“ฟางฮ่าว!!” มันร้องตะโกนออกมา

“เจ้ากล้ามาต่อสู้กับข้าหรือไม่!?” เสียงของมันดังก้องออกไปราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น ขณะที่พลังจากชีพจรเซียนเก้าสิบแปดจุดระเบิดออกไป ภาพแห่งธรรมของมันปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ดูเหมือนจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกคลุมไปยังพื้นดินทั้งหมด

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่มองไปยังฟางเว่ย กล่าวเสียงราบเรียบว่า

“ให้ข้าเปิดประตูเซียนก่อน หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาต่อสู้กับข้า ข้าก็จะเอาสิ่งของที่เป็นของข้ากลับคืนมา” เมื่อพูดจบเขาก็หันหลัง มองกลับไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ที่ด้านบน และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้

นี่คือช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน และในที่สุดก็มาถึงแล้ว!

ตอนนี้ถึงเวลาที่จะก้าวเข้าไปเป็นเซียนแท้แล้ว!

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ บินขึ้นไปยังท้องฟ้าที่คนทั้งหมดกำลังเฝ้ามองอยู่

“ทัณฑ์เซียน! ทำไมถึงไม่กระทำการใดๆ อีก!?” เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าราบเรียบเหมือนเช่นเคย แต่ความต้องการต่อสู้ได้เพิ่มสูงมากขึ้น เสียงของเขาดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ทะลุผ่านกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ ทำให้เกิดเป็นรอยหยักขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ชั้นของกลุ่มเมฆ พลังเสียงของเขาได้กระแทกเข้าไปในกลุ่มเมฆ จนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้น

สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อมาก็คือ…ประตูเซียนพร้อมกับกลิ่นอายอันน่าประหลาดใจ ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ประตูเซียนนี้มีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก ใหญ่โตจนดูเหมือนว่าดาวตงเซิ่งจะคล้ายกับเด็กทารกเมื่อไปอยู่ที่เบื้องหน้าของมัน แสงเซียนอันไร้ขอบเขตพุ่งออกมา สัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วนส่องแสงระยิบระยับอยู่บนพื้นผิวของมัน กลุ่มเมฆกระจัดกระจายออกไป ขณะที่ประตูขนาดใหญ่มาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของดาวตงเซิ่ง

ประตูเซียนนี้มีขนาดใหญ่โตกว่าประตูเซียนอื่นๆ ทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นมาในช่วงของการกลายเป็นเซียนแท้!

เมื่อฟางเว่ยมองเห็นประตูเซียนนี้ ใบหน้ามันก็ซีดขาว ประตูเซียนที่มันเผชิญหน้าด้วย มีขนาดใหญ่เพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของประตูนี้เท่านั้น!

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อประตูเซียนปรากฏขึ้น วิหารขนาดใหญ่จำนวนมากก็ได้ลอยออกมาจากกลุ่มเมฆ จนดูคล้ายกับเป็นวิหารแห่งสวรรค์ และยืดยาวออกไปจนดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ไม่เพียงแต่กลุ่มคนบนดาวตงเซิ่งเท่านั้นที่สามารถมองเห็นพวกมัน คนทั้งหมดบนดาวอื่นๆ อีกสามดวง ก็สามารถจะใช้วิธีการต่างๆ เพื่อสังเกตดูได้ด้วยเช่นกัน

วิหารอันไร้ขอบเขตนั้น แต่ละหลังมีขนาดใหญ่โตอย่างน่าเหลือเชื่อ กระจายพลังเซียนออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า ขุนเขาที่เก้าสั่นสะท้าน ทะเลที่เก้าพลุ่งพล่านปั่นป่วน ผู้ฝึกตนทั้งหมดของสำนักและตระกูลต่างๆ แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกายฝานตงเอ๋อร์ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในที่สุดนางก็เริ่มเข้าใจและคิดว่า

“ประตูเซียนนั่น…วิหารเซียนเหล่านั้น…ข้าเข้าใจแล้ว! มันไม่ได้ใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียน มันกำลัง…กลายเป็นเซียนด้วยตัวเอง! เด็กผู้นี้มีพลังแห่งเจตจำนงที่น่าเหลือเชื่อนัก! ช่างมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง! ช่างมีโชควาสนาอะไรเช่นนี้!!”

ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นที่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมด ได้บรรลุถึงความรู้แจ้งเช่นเดียวกันนี้ และตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง

“ถ้าสวรรค์เห็นด้วย ก็เป็นเรื่องดี ถ้าไม่เห็นด้วย พวกมันก็จะต้องถูกบังคับให้รับรู้ว่า เซียนซึ่งยืนกรานเต๋าของตนเอง และกลายเป็นเซียนด้วยตัวเองได้เกิดขึ้นมาแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ถึงได้มีขนาดที่ใหญ่โตเช่นนี้!”

“จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) คนที่ยืนกรานเต๋าของตนเองเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากเย็นยิ่ง มีแต่ตี้จ้างต้าจุนซึ่งเป็นราชันแห่งขุนเขาที่สี่เท่านั้น ที่เคยยืนกรานเต๋าของตนเองและสามารถสะกดข่มนรกโลกันต์ได้ตราบชั่วนิรันดร์!”

ในตอนนี้เอง ที่ห่างไกลออกไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว หญิงสาวในชุดสีขาวได้นั่งอยู่ในถ้ำแห่งเซียน ที่ไหนสักแห่งในเศษซากเซียน นี่เป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่บ่งบอกว่าเมิ่งฮ่าวอยู่ในอันดับที่สิบสาม จู่ๆ ดวงตาของนางก็ลืมขึ้นในทันที และมองออกไปยังที่ห่างไกล

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่…” นางพึมพำ แสงที่แทบจะมองไม่เห็น ฉับพลันนั้นก็แวบขึ้นมาในดวงตาของนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version