Skip to content

King of Gods 1048

King Of Gods

บทที่ 1048 จุดหักเหของการทะลวงขั้น

ชายขอบของโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา จ้าวเฟิงประจันหน้ากับจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองตัวหนึ่งจากไกลๆ

“มนุษย์ นี่มันคืออะไร? ”

เสืออัคคีปีกทองรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณของตนคล้ายกับจะหลุดลอยออกไปโดยไม่อาจควบคุม แววตาทั้งสองหวาดกลัวสุดขีด

หึ่ง หึ่ง!

ผึ้งเบญจพิษที่อยู่ข้างๆ จ้าวเฟิงรีบบินออกไปทันที ต่อยลงไปซ้ำๆ อีกหลายทีบนร่างของเสืออัคคีปีกทอง

เสืออัคคีปีกทองพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถฝืนชะตาที่วิญญาณของมันถูกดึงออกไปได้

เห็นเพียงวิญญาณดั้งเดิมสีแดงทองรูปร่างเสือค่อยๆ หลุดลอยออกจากกายของมัน

“มนุษย์ อย่าได้หวังไปเลย!”

วิญญาณดั้งเดิมของเสืออัคคีปีกทองกระเสือกกระสนเต็มกำลัง คำรามก้องไม่หยุด

“หึ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น ดวงตาซ้ายทะลักเจตจำนงดวงตาและพลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ขึ้น พลังของเนตรเพ่งเทพเจ้าเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าเป็นทายาทแปดเนตรเทพเจ้า? ไม่สิ ดวงตาข้างนี้….”

เสืออัคคีปีกทองหมดแรงต้านทานหุบเหวไร้เทียมทานนั่น มองมายังดวงตาของจ้าวเฟิงด้วยสายตาหวาดกลัว

ในความทรงจำของมัน แปดเนตรเทพเจ้าก็เปรียบเทียบได้กับสายเลือดอันน่ากลัวสิบอันดับแรกในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ สายเลือดของทายาทเนตรเทพเจ้านี่ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่

ในความคิดของเสืออัคคีปีกทอง สายเลือดที่แปดเนตรเทพเจ้าและทายาทครอบครองล้วนเป็นการมีอยู่ที่น่าหวาดกลัว ส่วนสายเลือดของมันเป็นเพียงแค่ฐานในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเท่านั้น

เสืออัคคีปีกทองไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองจะได้พบกับผู้แข็งแกร่งที่มีสายเลือดสูงส่งเช่นนี้ แต่ตาของมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กลับไม่เหมือนกับแปดเนตรเทพเจ้าชนิดใดเลย

สวบ! ภายใต้ความหวาดกลัวและความลนลานตามสัญชาตญาณ เสืออัคคีปีกทองการต้านทานอ่อนลง ถูกจ้าวเฟิงดึงเข้าไปในมิติเนตรเทพเจ้า

วู้ม วู้ม! จ้าวเฟิงรีบบัญชาผึ้งเบญจพิษข้างกายไปช่วยต่อสู้ที่จุดอื่น

ความคิดของจ้าวเฟิงมาถึงยังมิติเนตรเทพเจ้า

ในมิติดวงตาซ้าย วิญญาณเสืออัคคีปีกทองที่แต่เดิมก็อยู่ในสภาวะสับสนลนลานอยู่แล้วยิ่งไร้แรงขัดขืน สุดแท้แต่จ้าวเฟิงจะจัดการ

“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!”

ในสายเลือดตาซ้ายของจ้าวเฟิง ก่อตัวเป็นเค้าโครงตราอัสนีสีม่วงเย็นเยือกที่เลือนรางไม่แน่นอน พร้อมด้วยคลื่นกลิ่นอายอัสนีเทวะหลายเส้น ค่อยๆ ประทับไปในส่วนลึกของวิญญาณเสืออัคคีปีกทอง

ส่วนเสืออัคคีปีกทองก็เหมือนจะไม่ได้ดิ้นรนอะไรมากนัก คล้อยตามพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงไป และถูกประทับตาผนึกดวงใจทมิฬไปเช่นนั้น

“ดูเหมือนว่าเสืออัคคีปีกทองตัวนี้คิดว่าข้าครอบครองสายเลือดชั้นสูงมาก จึงยินดีศิโรราบต่อข้า มิฉะนั้นแล้วคงต้องเสียเวลาไปอีกช่วงหนึ่ง!”

จ้าวเฟิงคล้ายกำลังครุ่นคิด

ด้วยเหตุนี้จึงสามารถคาดเดาได้ว่า เผ่าพันธุ์ในห้วงฝันบรรพกาลให้ความสำคัญกับสายเลือดเป็นอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วจ้าวเฟิงไม่ได้มีสายเลือดบรรพกาล มีเพียง ‘เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ’ ของสายเลือดวิถีราชาเท่านั้น

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงขยับความคิด นำวิญญาณของเสืออัคคีปีกทองส่งเข้าไปในกายของมัน

ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็นำน้ำผึ้งไป่หยวนบางส่วนออกมา ทาลงไปยังปากแผลบนตัวเสืออัคคีปีกทอง น้ำผึ้งไป่หยวนมีสรรพคุณในการรักษาพิษจากผึ้งเบญจพิษในระดับหนึ่ง

“มนุษย์ เจ้าทำอะไรกับเขา!”

เสืออัคคีปีกทองตัวใหญ่อีกตัวทะยานมาทางจ้าวเฟิง ส่งคลื่นจิตวิญญาณออกมา

หึ่ง หึ่ง ผึ้งจักรพรรดิหลายตัวรีบบินมาขวางหน้า ใช้เหล็กไนโจมตีไม่หยุดหย่อน

โฮก!

ทันใดนั้น เสืออัคคีปีกทองที่ถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสรับใช้เงยหน้าคำรามก้อง

“ข้ายอมศิโรราบให้กับนายของข้า พวกเจ้าหากยินดีที่จะติดตามข้า เช่นนั้นก็รับใช้นายของข้าเถิด!”

เสืออัคคีปีกทองที่ถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสส่งคำพูดออกมาเช่นนี้

“เหล่าเสืออัคคีปีกทอง ตามข้ามาสังหารเจ้ามนุษย์นี่ ช่วยผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เรา!”

เสืออัคคีปีกทองตัวใหญ่อีกตัวหนึ่งย่อมรู้ว่าจ้าวเฟิงทำอะไร คำรามออกมาสุดพลัง

จ้าวเฟิงหัวเราะ ในคราที่โจมตีเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทอง เขาก็รู้ว่าต่อให้จับจ่าฝูงเป็นทาสได้ ก็ไม่มีทางควบคุมได้ทั้งฝูง

ในเมื่อนี่คือเผ่าพันธุ์บรรพกาล ไม่เหมือนกับฝูงสัตว์ปีศาจทั่วไปในดินแดนทวีป

แต่ว่าในยามนี้ จ้าวเฟิงได้เสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นทาสรับใช้ ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวฝูงเสืออัคคีปีกทองที่เหลืออีกต่อไป

“บุก!”

จ้าวเฟิงและเสืออัคคีตัวมหึมาพุ่งออกไปทันที โจมตีเสืออัคคีปีกทองที่พูดเมื่อครู่

“มนุษย์ เจ้ามันไร้ยางอายนัก!”

เสืออัคคีปีกทองตัวนี้คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของจ้าวเฟิงและเสืออัคคีปีกทอง มันต้านทานได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ได้บาดแผลเต็มไปทั่ว สูญเสียพลังในการสู้รบ

พรึ่บ! จ้าวเฟิงดูดพลังวิญญาณของมันเข้าไปในมิติตาซ้าย

ขณะเดียวกัน ตราอัสนีเทวะสีม่วงทองสายหนึ่งค่อยๆประทับไปบนวิญญาณของมัน

เสืออัคคีปีกทองตัวนี้ขัดขืนอยู่ชั่วขณะ

แต่ภายใต้การทรมาณจากจ้าวเฟิง สติและวิญญาณของมันก็ยิ่งอ่อนแอลง สุดท้ายจึงถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสรับใช้ได้สำเร็จ

“ไป!” จ้าวเฟิงออกคำสั่ง เสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งที่สุดสองตัว ขับไล่เสืออัคคีปีกทองตัวอื่นจนพ่ายแพ้ออกไปจากโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา

หลังจากที่ยืดเยื้อไปขณะหนึ่ง จ้าวเฟิงก็จับเสืออัคคีปีกทองทั้งหมดมาเป็นทาสรับใช้ได้ ในกลุ่มนั้นมีเสืออัคคีปีกทองที่ตัวเล็กอ่อนแอเพียงหนึ่งตัวตายไปเพราะโดนพิษหนัก

ส่วนฝูงผึ้งเบญจพิษของจ้าวเฟิงตายไปสี่สิบกว่าตัวในการต่อสู้ครั้งนี้ ผึ้งราชันในนั้นไม่มีเหลือรอดเลยสักตัว

นี่ก็อยู่ในการคาดคะเนของจ้าวเฟิงทั้งสิ้น

ดีที่สุดท้ายแล้วจ้าวเฟิงได้รับเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากลุ่มหนึ่ง พลังของเสืออัคคีปีกทองเผ่าพันธุ์บรรพกาลแข็งแกร่งกว่าผึ้งเบญจพิษไม่รู้ต่อกี่เท่า

“นี่คือกลุ่มบุกเบิกห้วงฝันบรรพกาลกลุ่มแรกของข้า!”

สายตาของจ้าวเฟิงเด็ดเดี่ยว พึงพอใจในความสำเร็จ

มีเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทองกลุ่มนี้ จ้าวเฟิงเชื่อว่าเขาจะขุดเอาประโยชน์จากในห้วงฝันบรรพกาลนี้ได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากที่เสร็จสิ้นจากการสู้กับเสืออัคคีปีกทอง สายตาของจ้าวเฟิงจ้องไปยังสระน้ำกลางลานว่าง

กระแสน้ำในสระใสบริสุทธิ์ ใสจนเห็นเบื้องล่าง แผ่จิตอันเยือกเย็นสงบนิ่งออกมา ราวกับว่ามีชีวิตก็มิปาน

ตอนที่จ้าวเฟิงสู้กับเสืออัคคีปีกทองเมื่อครู่ สระน้ำนี้ก็ไหลอย่างเงียบๆ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก

“นายท่าน น้ำในสระนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อทั้งชีวิตและวิญญาณ ทั้งยังสามารถขจัดสิ่งเจือปนในสายเลือด เพิ่มการย้อนคืนของสายเลือด อีกทั้งดูดซึมได้ง่ายดายยิ่ง….”

ข้างกายจ้าวเฟิง จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองอธิบายให้ฟัง

“สำหรับวิญญาณก็มีประโยชน์เหมือนกัน?”

แววตาของจ้าวเฟิงส่องประกาย ประหลาดใจเล็กน้อย

สิ่งล้ำค่าทั่วไปล้วนมีประโยชน์เฉพาะในทิศทางหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ‘น้ำอมฤต’ สามารถเพิ่มอายุขัย กระตุ้นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของระดับขั้นชีวิต ส่วนสุราเซียนมายาก็ส่งผลด้านสำนึกรู้วิญญาณ

จ้าวเฟิงอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ ดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง

ทันใดนั้น กระแสน้ำบริสุทธิ์เย็นเยียบไหลผ่านทั่วร่างจ้าวเฟิง หลอมรวมเข้าไปในแขนขาองคาพยพและอวัยวะภายใน

ก่อนอื่น แก่นแท้ชีวิตของจ้าวเฟิงราวกับถูกกระแสเย็นบริสุทธิ์ชำระล้างรอบหนึ่ง แก่นแท้พลังได้รับการยกระดับขึ้นในพริบตา ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับพลังดั้งเดิม

ต่อมา พลังของน้ำในสระนี้มีประโยชน์ลึกลงไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงคล้ายกับมาถึงยังโลกที่มีน้ำเย็นไหลเป็นระลอก ในใจสงบนิ่งเป็นที่สุด เสวียนอ้าวฟ้าดินที่ไร้รูปร่างรอบทิศเริ่มปรากฏขึ้น

“สรรพคุณที่น่าตกใจนัก!”

หลังจากที่ความรู้สึกกลุ่มนี้หายไป จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น อดตกใจไม่ได้

เสืออัคคีปีกทองเดิมก็เป็นสัตว์อสูรของห้วงฝันบรรพกาลอยู่แล้ว ดื่มน้ำในสระนี้เป็นเวลานาน สรรพคุณอาจจะด้อยลงไปเล็กน้อย จึงไม่รู้สึกอะไรมาก

แต่จ้าวเฟิงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของห้วงฝันบรรพกาล อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้ดื่มน้ำในสระ จึงสามารถสัมผัสได้ถึงสรรพคุณของน้ำได้อย่างชัดเจน สรรพคุณของมันเทียบเคียงกับการผสมผสานน้ำอมฤตและสุราเซียนมายาเข้าด้วยกัน อีกทั้งระดับขอบเขตพลังที่ส่งผลด้วยยิ่งสูงขึ้น

“สระน้ำนี้จะเป็นจุดหักเหในการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับของข้า!”

ในใจของจ้าวเฟิงยินดี ของล้ำค่าที่ส่งผลต่อสำนึกรู้วิญญาณมีน้อยมากจริงๆ และส่วนที่มีประโยชน์ต่อปฐมเซียนและเซียนก็ยิ่งเห็นได้น้อยในยุทธภพ

“แต่สรรพคุณของน้ำในสระจะส่งผลต่อแก่นแท้ชีวิตก่อน จากนั้นจึงแทรกซึมเข้าไปในวิญญาณ!”

จ้าวเฟิงวิเคราะห์

แก่นแท้ชีวิตของจ้าวเฟิงในยามนี้ก้าวเข้าสู่ขั้นเซียนนานแล้ว เพียงแต่ด้านสำนึกรู้ยังไม่เพียงพอ หากสามารถทำให้น้ำนี่เกิดประโยชน์กับด้านสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงโดยตรงก็จะวิเศษยิ่งนัก

จ้าวเฟิงหยิบเอาน้ำเต้าปราณมรกตออกมา เก็บเอาน้ำสระไปส่วนหนึ่ง

“พวกเจ้าเฝ้าที่นี่เอาไว้ให้ดี!”

จ้าวเฟิงออกคำสั่งกับเสืออัคคีสิบสี่ตัว จากนั้นก็หายไปจากมิตินี้

“นี่มันพลังอะไรกัน? นายท่านไปไหนแล้ว!”

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองสายตาตกตะลึง ทั่วทั้งอาณาบริเวณสัมผัสถึงกลิ่นอายของจ้าวเฟิงไม่ได้

ในตำหนักบนพื้นที่ต้องห้ามของตำหนักราชา จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองขึ้น

“ได้โอกาสในการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว ต่อไปต้องเตรียมตัวเสียหน่อย!”

จ้าวเฟิงพึมพำเสียงเบา

การทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ หากล้มเหลวลงเมื่อใด อัตราสำเร็จของการทะลวงในภายภาคหน้าก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ต่อให้มีวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน จ้าวเฟิงก็ยังคงไม่ประมาท หากไม่ใช่เพราะมีคุนอวิ๋นและวังเก้านิรยเป็นหินมหึมาสองก้อนทับอยู่ละก็ จ้าวเฟิงอาจจะฝึกฝนไปอีกสิบปี เพื่อทำให้รายละเอียดพลังเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

จิตใจของจ้าวเฟิงพลันเคลื่อนไหว เสียงของปี้ชิงเยวี่ยดังขึ้นในหัว

“นายท่าน วังเก้านิรยเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกมันสอดส่องปกป้องบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในรายการลอบสังหารอย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกันก็ประกาศภารกิจลอบสังหารตำหนักราชันมากมายที่มุมมืดทมิฬ…”

ปี้ชิงเยวี่ยรายงานเรื่องราวมากมายผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ

ภายใต้การสอดส่องป้องกันที่แน่นหนาของวังเก้านิรย ระดับความยากของประกาศจ้าวเฟิงสูงขึ้นอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และหลังจากนั้น วังเก้านิรยก็ประกาศภารกิจลอบสังหารผู้นำระดับสูงของตำหนักราชันมากมาย ถ้าเทียบกันแล้ว ลอบสังหารบุคคลากรที่เกี่ยวข้องกับตำหนักราชันง่ายกว่าแน่นอน แต่รางวัลที่วังเก้านิรยนำออกมา กลับล้ำค่าสู้ ‘โอสถโลหิตวิญญาณ’ และ ‘โอสถเลือดบริสุทธิ์’ ไม่ได้

แต่ว่าแผนการที่วังเก้านิรยใช้ยังคงสร้างผลกระทบให้กับตำหนักราชันได้อย่างแน่นอน

“การปะทะกับวังเก้านิรย ไม่อาจหยุดลงได้แล้ว…”

ครั้งที่แล้วเซียนโม๋ยวนถูกจ้าวเฟิงสยบถอยกลับไป วังเก้านิรยในยามนี้ ถึงแม้จะไม่มีท่าทีใหญ่โต แต่ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายนับวันจะยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงในระดับหนึ่งแล้ว วังเก้านิรยจะต้องส่งกลุ่มที่แข็งแกร่งมากขึ้น พุ่งเป้ามายังจ้าวเฟิงโดยเฉพาะ

นอกจากนั้น มุมมืดทมิฬเหมือนจะสนใจยาทั้งสองชนิดนี้เป็นอย่างมาก ส่งสายสืบมามากมายเพื่อสืบข่าวสถานการณ์ของตำหนักราชัน ทว่าวัตถุดิบยาของยาชนิดนี้ จ้าวเฟิงจัดหาหมอเทวดาอวี้หลิงมาหลอม หมอเทวดาอวี้หลิงก็อยู่ในสถานที่ต้องห้าม คนทั่วไปไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย รายงานข่าวที่พวกเขาคิดอยากได้แทบจะเป็นไปไม่ได้

ฟุ่บ! กายของจ้าวเฟิงทะยานออกมายังหอปรุงยาของหมอเทวดาอวี้หลิง

“หมอเทวดาอวี้หลิง ครั้งนี้ข้าอยากให้ท่านหลอมยาที่มีแรงดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่กับเซียน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยออกมา

วังเก้านิรยลงมือดำเนินการแล้ว หากจ้าวเฟิงไม่วางแผนรับมือและปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป สุดท้ายฝ่ายที่เสียหายหนักคือตำหนักราชันอย่างแน่นอน

“มีเพียงเนื้อและเลือดของเสืออัคคีปีกทองคงจะไม่ได้ นอกเสียจากเจ้าจะนำเลือดเนื้อและสายเลือดที่สูงส่งกว่าออกมาได้!”

สายตาวาดหวังของหมอเทวดาอวี้หลิงมองมายังจ้าวเฟิง

จนถึงตอนนี้ นางได้รับเลือดเนื้อของเสืออัคคีปีกทองไปแล้วสามตัว อีกตัวหนึ่งที่จ้าวเฟิงเพิ่งมอบให้นาง

หมอเทวดาอวี้หลิงยากที่จินตนาการได้ว่า เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมีเสืออัคคีปีกทองที่สายเลือดเข้มข้นไม่ธรรมดามากมายเช่นนี้ และนางก็รู้เสียใจเล็กน้อย ในตอนแรกนางไม่ควรตกปากรับคำจ้าวเฟิงง่ายดายเพียงนั้น มิฉะนั้นแล้ว อาจจะได้รับประโยชน์มากกว่าเดิมจากจ้าวเฟิงก็ได้

“ลองนี่ดู!” จ้าวเฟิงนำน้ำใสจากสระน้ำห้วงฝันบรรพกาลออกมาหนึ่งกา

“ช่างเป็นน้ำที่แปลกประหลาดยิ่งนัก!”

แววตาของหมอเทวดาอวี้หลิงส่องประกาย น้ำที่คุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

น้ำนี้บริสุทธิ์ราวกับโปร่งแสง แผ่กระจายกลิ่นอายใสเย็นเยือกที่ทำให้คนใจสงบ ประโยชน์พลังกลิ่นอายของเซียนที่อยู่บนนั้น ก็เพียงแค่ทำให้สายน้ำปรากฏเป็นระลอกคลื่นเป็นจุดๆ

“ลองดื่มมันดูได้!” จ้าวเฟิงพูดขึ้น

คิดจะใช้ ‘น้ำสระ’ ปรุงยา หมอเทวดาอวี้หลิงจะต้องเข้าใจใน ‘น้ำในสระ’ อย่างถ่องแท้เสียก่อน

หลังจากที่หมอเทวดาอวี้หลิงดื่มลงไปแล้วก็ปิดตาทั้งสองข้างลง ทั่วทั่งร่างมีจิตใสเยือกเย็นผุดขึ้น ราวกับเข้าสู่เขตแดนอันน่ามหัศจรรย์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version