บทที่ 1051 ทะลวงขั้นเซียน (3)
บนฟ้าเหนือจุดที่จ้าวเฟิงปิดด่าน พื้นผิวฟ้าดินสั่นไหวอยู่ชั่วขณะ แสงศักดิ์สิทธิ์สามสีที่สว่างพร่างพรายก่อตัวขึ้น ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า และค่อยๆ บิดโค้งกลายเป็นแสงวนขนาดใหญ่สีน้ำเงิน เขียว และแดงพลังอำนาจสายมารที่แผ่ซ่านออกจากวังเก้านิรยทั้งสามคน ทำให้กลิ่นอายหยิ่งทะนงทรงพลังกลุ่มนี้สลายไป
จากนั้น แสงวนศักดิ์สิทธิ์สามสีก็ขยายไปไม่หยุด ค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ใจกลางแสงวนมหึมาเสมือนเหวไร้ก้นบึ้ง ดูดรับเอาไอสวรรค์ในฟ้าดินทั่วบริเวณหมื่นลี้อย่างบ้าคลั่ง
ส่วนในของตำหนักราชัน ยามนี้ขั้วอำนาจเล็กใหญ่รวมตัวกันกว่าสิบสำนัก ในนั้นมีฝั่งวังเก้านิรยและมีขั้วอำนาจในสังกัดของตำหนักราชัน
“นายท่านใกล้จะทะลวงขั้นเซียนแล้ว!”
ปี้ชิงเยวี่ยจิตใจฮึกเหิม
“จ้าวเฟิง ในที่สุดก็จะถึงขั้นเซียนแล้ว!”
เซียนราตรีทมิฬอุทานอย่างตกตะลึง
จ้าวเฟิงที่ทะลวงขั้นเซียนแล้ว จะนำพาตำหนักราชันไปได้ถึงขั้นไหนกัน?
“อำนาจฟ้าดินน่าหวั่นเกรงอะไรเช่นนี้!”
เซียนอั้นกุ่ยตื่นตระหนกในใจ
ในฐานะที่เป็นเซียน เขากลับถูกอำนาจของการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับของคนอื่นทำให้หวาดเกรง
“แบบนี้สิถึงจะสนุก!”
หนานกงเซิ่งที่แอบอยู่ในมุมมืดเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
ฟิ้ว! ปี้ชิงเยวี่ยและเซียนราตรีทมิฬสีหน้าเคร่งเครียด บินออกไปนอกตำหนัก
“ผู้อาวุโสโม๋ยวน วังเก้านิรยไม่มีหลักฐานอันใด ก็มายัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับขั้วอำนาจสำนักอื่นรึ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับพลานุภาพของพวกเซียนโม๋ยวน คนอื่นๆ แม้กระทั่งหายใจก็ยังลำบาก แต่ปี้ชิงเยวี่ยยังพยายามส่งกระแสจิตเต็มที่
การประกาศภารกิจลอบสังหาร ตลอดมาล้วนมีนาง เซียนราตรีทมิฬ และจักรพรรดิคูอิ่งสามคนเป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งสามล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกจ้าวเฟิงลงตราผนึกดวงใจทมิฬทั้งสิ้น ไม่มีทางหักหลังจ้าวเฟิงอย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจะถูกวังเก้านิรยจับไปสืบวิญญาณ
นอกจากนั้น หมอเทวดาที่หลอมยาวิญญาณพวกนั้นก็อยู่ในพื้นที่ต้องห้าม และวังเก้านิรยก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามไปจับตัวหมอเทวดาอวี้หลิง มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการล่วงเกินขั้วอำนาจอื่นมากยิ่งขึ้น
“เหตุใดภารกิจพวกนี้ถึงประกาศขึ้นที่หอสังหารเดียวดาย?”
เซียนเอ้อไหลที่ผมขาวโพลนทั้งหัวรีบซักไซ้
“ในมุมมืดทมิฬก็มีภารกิจลอบสังหารที่วังเก้านิรยเป็นเป้าหมาย!”
เซียนราตรีทมิฬด้านข้างปี้ชิงเยวี่ยเอ่ยสวนทันควัน
ในตอนแรกที่เขาและจ้าวเฟิงหารือกันถึงการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ก็คาดเอาไว้แล้ว ยามนั้นจึงประกาศภารกิจลอบสังหารที่มุมมืดทมิฬไปบ้างเล็กน้อย
“เหอะ แน่นอนว่าวังเก้านิรยมีหลักฐานยืนยันได้!”
เซียนโม๋ยวนแค่นเสียงเย็น ผืนฟ้าและปฐพีเบื้องหลัง เมฆดำพลันไหลทะลัก ราวกับจะแปลงเป็นสัตว์บรรพกาลตัวใหญ่ยักษ์ดำมืด แผ่กระจายอำนาจทรงพลังที่เหยียดหยันทุกสรรพสิ่ง
ขอเพียงแค่จับปี้ชิงเยวี่ยและเซียนราตรีทมิฬได้ ทำไมจะไม่มีหลักฐานเล่า!
ใบหน้าเซียนโม๋ยวนเหี้ยมเกรียม คิดจะลงมือ
“เซียนโม๋ยวน เจ้าคิดจะทำอะไร?”
ยามนี้เอง หนานเฟิงอ๋องบินออกมาจากในตำหนัก
ในขณะเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งขั้วอำนาจทั้งหลายในตำหนักก็ออกมาข้างนอก
“หนานเฟิงอ๋อง เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
เซียนโม๋ยวนขมวดคิ้ว พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับในกายยังคงโคจรรวดเร็ว ไม่มีความคิดที่จะหยุดมือ
ครั้งที่แล้วเขาล่าสังหารขั้วอำนาจหอควันสมุทร เพราะหนานเฟิงอ๋องทำให้เสียเวลา สุดท้ายคนของหอกระบี่ฟ้ามา ทำให้เขาต้องล่าถอย
และครั้งนี้ หนานเฟิงอ๋องก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีก
“หนานเฟิงอ๋อง หากอีกประเดี๋ยวพลั้งเผลอทำเจ้าบาดเจ็บ วังเก้านิรยจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น!”
เบื้องหลังเซียนโม๋ยวน เซียนเสียเจินชุดดำผมแดงเผยสีหน้าเย็นชา
นอกจากหนานเฟิงอ๋องแล้ว ขั้วอำนาจอ่อนแอพวกนั้น เซียนเสียเจินขี้เกียจจะมอง
ทันใดนั้น ทางด้านหลังของเซียนโม๋ยวน กลิ่นอายพลังจิตวิญญาณอันมากล้นเป็นคลื่นกระทบมา
“เซียนโม๋ยวนมามณฑลอวี่เพื่อก่อเรื่องรึ?”
เสียงของเซียนซิงหมัวลอยมา
ฟุ่บ ฟุ่บ!
เซียนซิงหมัวและผู้แข็งแกร่งขั้นปฐมเซียนสองคนมาอยู่ข้างๆ ปี้ชิงเยวี่ย
ดวงตาสีม่วงหม่นคู่นั้นของเซียนซิงหมัวมองมายังเซียนโม๋ยวน ใบหน้าเคร่งเครียด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนวังเก้านิรยที่มาเยือนในครั้งนี้จะเป็นเซียนโม๋ยวน และยังมีผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นสองคน
“เซียนซิงหมัว แน่ใจนะว่าตระกูลจีจะสอดมือยุ่งเรื่องนี้?”
สายตาของเซียนโม๋ยวนเยียบเย็น กวาดตามองเซียนซิงหมัวอย่างสงบ
“ที่นี่คือมณฑลอวี่ สหายน้อยจ้าวเป็นแขกของตระกูลจี!”
เซียนซิงหมัวสัมผัสได้ถึงการโจมตีอันไร้รูปร่าง แต่ยังคงพูดต่อไป
เซียนซิงหมัวเป็นเพียงแค่เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มเท่านั้น แต่พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเกินปกติ รวมกับมีวิชาดวงตาวิญญาณที่สูงส่งและพลังเทวาเร้นลับชั้นต้น
แต่เซียนโม๋ยวนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ การโจมตีจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขากลับทำให้วิญญาณเซียนซิงหมัวสั่นสะท้าน
“ท่าทางตระกูลจีคิดอยากจะเดินทางสายตระกูลตวนมู่กระมัง!”
เสียงของเซียนโม๋ยวนเย็นชา อำนาจสายมารที่ไร้รูปร่างสั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทาง
เซียนโม๋ยวนไม่ได้รู้สึกกังวลเพราะการมาถึงของเซียนซิงหมัว ตระกูลจีมีซิงหมัวมาเพียงคนเดียว ไม่อาจสร้างผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของพวกเขาเท่าใดนัก
รอให้เซียนโม๋ยวนจัดการกับตำหนักราชันเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถใช้เหตุผลนี้ไปหาเรื่องตระกูลจีได้อีกด้วย
เซียนซิงหมัวสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย ตระกูลตวนมู่ในตอนนั้นล่วงเกินวังเก้านิรย จึงถูกวังเก้านิรยสังหารกำลังรบเซียนไปสองคนติดๆ ถึงตกต่ำลงจนถึงทุกวันนี้
“พวกเจ้าทั้งสองสกัดหนานเฟิงอ๋องกับตระกูลจีคนอื่นๆ…”
เซียนโม๋ยวนส่งกระแสจิตไปทันที
อาศัยเพียงกำลังรบของตำหนักราชันในตอนนี้ จะมาขัดขวางทางเดินของวังเก้านิรยได้อย่างไร
ฟู่! เซียนทั้งสามของวังเก้านิรยลงมือทันที กลิ่นอายสายมารอันน่ากลัวทรงพลังพลันปกคลุมตำหนักราชัน
ผู้ชมโดยรอบทั้งหมดที่ระดับค่อนข้างต่ำรีบถอยไปทันที กระทั่งปี้ชิงเยวี่ยก็ถอยห่างไปไกล เพราะนางรู้ว่าตนเองถูกสืบวิญญาณเมื่อใด วังเก้านิรยก็จะสามารถทำลายตำหนักราชันได้อย่างสมเหตุสมผล
ฟุ่บ ฟุ่บ! เซียนเอ้อไหลและเซียนเสียเจินพุ่งมาหาเซียนซิงหมัวและหนานเฟิงอ๋อง
ขั้วอำนาจกับสำนักศักดิ์สิทธิ์บางส่วนที่มาถึงตำหนักราชันก่อน เช่นเซียนอั้นกุ่ยและพวกผู้อาวุโสสูงสุดสำนักประกายทมิฬ รีบสกัดกั้นเซียนราตรีทมิฬกับเฒ่าประหลาดสวีซึ่งเป็นกำลังรบระดับสูงของตำหนักราชันเอาไว้
ฟุ่บ! เซียนโม๋ยวนที่ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นได้ รีบบินไปยังพื้นที่ต้องห้ามหลังตำหนักราชันทันที
เห็นเพียงเซียนโม๋ยวนจะมุ่งไปยังตำหนักที่จ้าวเฟิงอยู่
วู้ม ครืน! ยอดเขาแห่งหนึ่งพลันระเบิดออก เห็นเพียงแสงชั่วร้ายสีม่วงโลหิตพวยพุ่งขึ้นทะลุผืนฟ้า ลวดลายฉูดฉาดสีเดียวกันบนนั้นเดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ
พลังชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกทันที ก่อนจะพุ่งไปยังเซียนโม๋ยวน
พลังชั่วร้ายสีม่วงโลหิตที่จู่ๆ ก็ทะยานออกมา ทำให้ปฐมเซียนและเซียนคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะท้านไปทั้งตัว จิตใจลนลานอย่างประหลาด
ฟู่! เห็นเพียงชายหนุ่มโฉดชั่วผมสีม่วงโลหิต ลวดลายสีเดียวกันทั่วทั้งกายกะพริบวูบวาบ ลากเงาเลือนรางสีเงินม่วงเป็นสายตรงออกจากภายใน มาขวางหน้าเซียนโม๋ยวน
“หนานกงเซิ่ง! เซียนโม๋ยวนเอ่ยอย่างตกใจทันใด พลังความโกรธแค้นสายมารก่อตัวขึ้นอย่างไร้รูปร่าง
ตอนนั้นวังเก้านิรยส่งผู้นำระดับสูงสองคนเดินทางไกลโพ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แห่งชางไห่เพื่อจับหนานกงเซิ่ง แต่กลับถูกครึ่งเซียนคุนอวิ๋นในตำนานทำให้ตกใจกลับมา
แต่เดิม ขอเพียงแค่หนานกงเซิ่งอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ วังเก้านิรยก็จะไม่มีทางไปหาเรื่องเขาอย่างเด็ดขาด
ทว่าในยามนี้ หนานกงเซิ่งกลับมาปรากฏอยู่ที่ตำหนักราชันบนดินแดนทวีป!
“หนานกงเซิ่ง…อยู่ที่นี่!”
เซียนเสียเจินที่อยู่ข้างหลังดวงตาแดงก่ำทันใด ผมยาวสีแดงโลหิตสยายไปตามลม
เขาก็คือเซียนผู้ไปไล่จับหนานกงเซิ่งที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ในตอนนั้น แล้วโดนคุนอวิ๋นทำให้ตกใจกลับมา
“ก็ดี วันนี้ข้าจะสังหารพวกเจ้า ‘มารคู่ผมม่วง’ พร้อมๆ กันเลยทีเดียว!”
พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสีดำในกายของเซียนโม๋ยวนล้นทะลัก แสงดำรอบด้านพลันแผ่กระจายออกแปรเปลี่ยนเป็นรยางค์แสงสีดำนับไม่ถ้วนที่ราวกับว่ามีจิตวิญญาณ อำนาจสายมารอันน่าหวาดหวั่นปะทุออกเหมือนสัตว์ยักษ์บรรพกาลที่โกรธแค้น
คล้ายกับว่าสัมผัสได้ถึงศึกใหญ่ที่โลกภายนอก
เหนือจุดที่จ้าวเฟิงปิดด่าน ความเร็วการโคจรของแสงวนสามสีพลันเพิ่มสูงขึ้น ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว วินาทีนั้น แสงวนสามสีราวกับจะกลายเป็นท้องฟ้าของโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งเบื้องล่างทั้งหมด ไอสวรรค์ในกายล้วนสลายหายไปอย่างรางเลือน
วู้ม ครืน ครืน!
กลิ่นอายต้องห้ามที่สะกดทุกสรรพสิ่งในฟ้าดิน แผ่ระลอกคลื่นมาจากข้างในแสงวนสามสี ล้นทะลักออกไปทั่วทุกทิศ ลมเมฆหวีดหวิว เปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน
วู้ม!
ในแสงวนสามสีขนาดมหึมา แสงศักดิ์สิทธิ์สามสายที่หลอมรวมเข้าด้วยกันลดระดับลงบนยอดเขา ไอสวรรค์ทั่วทุกทิศคล้ายได้รับการเหนี่ยวนำจากอะไรสักอย่าง รวมตัวไปยังแสงศักดิ์สิทธิ์สามสายอย่างบ้าคลั่ง
“แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์เชื่อมต่อสำเร็จ ไม่ได้ จะให้จ้าวเฟิงทะลวงขั้นไม่ได้เด็ดขาด!”
เซียนโม๋ยวนกระโดดออกมาจากชายขอบที่ระเบิดทันใด พุ่งไปยังจุดที่แสงศักดิ์สิทธิ์สามสีหลอมรวมอย่างรวดเร็ว
ในยามนี้ จ้าวเฟิงอยู่ในช่วงสำคัญสุดท้ายของการทะลวงขั้น
“กรงเล็บมาร!” หนานกงเซิ่งยื่นแขนขวาออกไป ลวดลายดอกไม้สีแดงโลหิตบนนั้นบานสะพรั่ง คืบคลานไปทั่วทั้งแขน กิ่งก้านดอกใบสีโลหิตนับไม่ถ้วนยืดขยายออกมา จนกลายเป็นกรงเล็บมารสีม่วงโลหิตขนาดมหึมาพุ่งเข้าไปฉีกทึ้ง
“ไสหัวไป หนานกงเซิ่ง!” เซียนโม๋ยวนตวาดทันใด รยางค์แสงดำนับไม่ถ้วนรอบด้านพุ่งโจมตีไปยังหนานกงเซิ่ง
ครืน ฉึก ฉึก! พลังปีศาจชั่วร้ายสองสายปะทะกันในชั่วพริบตา พลังต้องห้ามอันน่าหวาดหวั่นในนั้นประหนึ่งกัดกินทุกสรรพสิ่ง
ฝีเท้าของเซียนโม๋ยวนชะงักไปเล็กน้อย
เซียนโม๋ยวนคิดไม่ถึงเลยว่า การพัฒนาของหนานกงเซิ่งจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาที่ครอบครองพลังเทพปีศาจ สามารถงัดข้อกับเทวาเร้นลับขั้นสูงได้อย่างสูสี
แน่นอน หากเซียนโม๋ยวนลงมืออย่างเต็มที่ หนานกงเซิ่งต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ในยามนี้ การหยุดยั้งไม่ให้จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
เมื่อจ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตสำเร็จ พลังอันน่ากลัวของจ้าวเฟิงก็มากพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้
หากจ้าวเฟิงมีศรสังหารเทพจริงๆ เช่นนั้นเซียนโม๋ยวนเองก็มีอันตรายแล้ว
คิดถึงตรงจุดนี้ เซียนโม๋ยวนสำแดงเคล็ดวิชาลับ รยางค์แสงมารทั่วร่างแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำนับไม่ถ้วน ปกป้องเขาไว้ข้างใน
ฟุ่บ! เซียนโม๋ยวนตัดสินใจไม่สนใจหนานกงเซิ่ง เลือกจัดการกับจ้าวเฟิงก่อน
“ฝันไปเถอะ!”
ดวงตาทั้งสองของหนานกงเซิ่งแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหวสีม่วงเย็นเยือก ข้างในมีดอกไม้สีโลหิตปรากฏขึ้นอยู่เลือนๆ
“ต่อไปก็ให้เจ้าจัดการ!” หนานกงเซิ่งพูดในใจ
“จิ๊ๆๆ ให้ข้าเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเถอะ!”
เสียงของหนานกงเซิ่งเปลี่ยนทันใด พลังเทพปีศาจสีม่วงโลหิตทั่วร่างเต้นระเร่าขึ้นมา
แสงสีม่วงแดงสะเทือนฟ้าพุ่งไปยังเซียนโม๋ยวนในฉับพลัน
ครืน บึ้ม! เซียนโม๋ยวนถอยไปหลายก้าว แสงสีดำที่คุ้มกันรอบกายแหลกสลายไปทั้งหมด
“พลังแห่งเทพ!”
เซียนโม๋ยวนมีใบหน้าตื่นกลัว ตาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังหนานกงเซิ่ง
ในพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับกลุ่มนั้น ถึงแม้จะมีพลังเทพปีศาจแค่เสี้ยวเดียว แต่ก็มากพอให้ ไอสวรรค์ของพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับเกิดการแปรสภาพของคุณสมบัติขึ้นได้
“ดูท่าคงจะถูกจิตเทพปีศาจครอบงำแล้ว!”
เซียนโม๋ยวนคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
หนานกงเซิ่งที่ถูกจิตเทพปีศาจครอบงำไม่มีสติสัมปชัญญะ ใช้พลังที่ตนเองไม่อาจควบคุมโดยไม่สนใจผลภายหลัง
“หึ! ใครก็ไม่มีทางหยุดยั้งข้าได้!”
สีหน้าของเซียนโม๋ยวนเย็นเยือก โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ข้างหลังเซียนโม๋ยวน รอยวนสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น ในนั้นพลันมีเงาร่างคนสีดำพุ่งออกมา
ครืน บึ้ม!
หลังจากที่เซียนโม๋ยวนปลดปล่อยร่างแยกออกมาแล้ว ก็พุ่งมายังหนานกงเซิ่งทันที รยางค์แสงมารนับไม่ถ้วนข้างกายราวกับความคิดของเซียนโม๋ยวน ทะลวงไปในท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วดั่งสายอัสนี
การต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นของทั้งสอง ทำให้คนตำหนักราชันที่เหลือตื่นตระหนกหวาดกลัว อดถอยหลังไปไม่ได้
ฟิ้ว! ร่างแยกมืดทมิฬของเซียนโม๋ยวนหัวเราะชั่วร้าย พุ่งทะยานไปยังจ้าวเฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในตำหนักบนยอดเขา
ร่างแยกของเซียนโม๋ยวนมีพลังของร่างเดิมหกส่วน แข็งแกร่งมากกว่าเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นทั่วไป
เซียนโม๋ยวนหัวเราะเย็น หนานกงเซิ่งที่สูญเสียสติไปแล้วมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อสู้ ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
จ้าวเฟิงที่ปิดด่านเพียงลำพังไม่มีคนอารักขา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ตายซะเถอะ จ้าวเฟิง!”
ร่างแยกของเซียนโม๋ยวน ข้างหลังมีรยางค์แสงมารสายหนึ่งยืดออกมา ทำลายค่ายกลป้องกันทั่วด้าน พุ่งแทงไปยังหัวของจ้าวเฟิง
ในเสี้ยววินาทีนี้ จ้าวเฟิงกำลังรับการชำระล้างของพลังศักดิ์สิทธิ์ในฟ้าดิน เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาเยือน แต่กลับไม่สามารถขยับได้แม้เพียงครึ่งก้าว และก็ไม่อาจใช้ปราณที่แท้จริงกับพลังศักดิ์สิทธิ์ หากล้มเลิกกลางคัน เกรงว่าจะทำให้แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกายถูกทำลาย
การโจมตีจากร่างแยกของเซียนโม๋ยวนกำลังจะพุ่งทะลุหัวจ้าวเฟิง
ตาซ้ายบนใบหน้าที่โกรธเคืองเล็กน้อยของจ้าวเฟิงพลันลืมขึ้น