Skip to content

King of Gods 1222

King Of Gods

บทที่ 1222 ความลับใต้ดิน

ในตอนนั้นเอง จ้าวเฟิงหลงลืมการต่อสู้บนลานประลองจนหมดสิ้น เขาจ้องส่วนลึกใต้ดิน

ในจุดลึกใต้ดิน ชายผิวดำผู้หนึ่งประคองจานทรงกลม นั่งขัดสมาธิหน้าบานประตูหิน ส่วนเหนือบานประตูหินเหมือนมีค่ายกลป้องกันอยู่ ใจกลางค่ายกลนั้นมีลักษณะเป็นห้าแฉก พลังห้าธาตุทะลักจากภายในไม่หยุด กระจายไปทั่วทั้งค่ายกล

จ้าวเฟิงพบว่าตอนประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของตนกวาดผ่าน ก็สัมผัสไม่ได้อะไรทั้งสิ้น

แต่ดวงตาซ้ายของเขากลับสังเกตเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าชายผิวดำวางค่ายกลไว้รอบบริเวณ

“ในค่ายกลนั้นมีอะไรกันแน่?” จ้าวเฟิงแปลกใจอย่างยิ่ง

คนผู้นี้เสี่ยงภยันอันตรายขนาดนี้ หนำซ้ำยังกล้าทำลายผนึกค่ายกลใต้จมูกเทพแท้จริงและอัจฉริยะปฐมเทพจำนวนมาก

ด้านหลังประตูบานนั้นมีอะไรกันแน่? ถึงคุ้มค่าให้เขาต้องเสียงอันตรายเช่นนี้

ถึงแม้จะยังเดาไม่ออก แต่ไม่ต้องใช้สมองก็พอรู้ว่าข้างในต้องมีสมบัติล้ำค่าควรเมืองอยู่แน่

‘ในตอนนี้มีเพียงข้าที่รู้เรื่องนี้ ข้าจะรอให้งานประลองยุทธ์จบลงเสียก่อนค่อยไปคนเดียว แต่ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!’

จ้าวเฟิงสับสนในใจ

พลังของชายผิวดำแข็งแกร่งอย่างมาก น่าจะอยู่ในขั้นเทพแท้จริงขั้นห้าเป็นอย่างน้อยหากจ้าวเฟิงไปคนเดียว ต่อให้ใช้วิชาทั้งหมดที่มีก็อาจไม่ใช่คู่มือของฝ่ายนั้นอยู่ดี

ถ้าหากทุกคนที่นี่รู้เรื่องนี้ จ้าวเฟิงคิดฉวยโอกาสก็จะยากเย็นยิ่งขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อเขา

‘บางทีข้าอาจจะร่วมมือกับเขาได้!’ มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์

บึ้ม! บนลานประลอง กำแพงหินที่มั่นคงจู่ๆ ก็ระเบิดออก

ชายชุดทองล้มพับลงกับพื้น

“ฮ่าๆ รอบหน้าข้าประลองกับปฐมเทพจินเจินได้แล้วกระมัง!”

ชายผิวเข้มเอ่ยอย่างลิงโลด

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะชนะ!”

“นั่นก็แปลว่าต่อไปเขาจะมีโอกาสประมือกับอัจฉริยะในรายชื่อปฐมเทพน่ะสิ!”

ทุกคนในนั้นวิจารณ์อื้ออึง

ถึงแม้คนส่วนมากจะยังไม่รู้ว่าทำไมชายผิวเข้มจึงเอาชนะชายชุดทองได้ แต่พวกเขาก็รอคอยการปรากฏตัวของอัจฉริยะในรายชื่อปฐมเทพ อย่างไรเสีย ปฐมเทพจำนวนมากในนั้นล้วนเตรียมตัวเข้าร่วมการประลองรายชื่อปฐมเทพครั้งหน้า หากมีกรณีศึกษาย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

“ปฐมเทพจินเจิน จะประมาทเจ้านี่ไม่ได้นะ!”

แววตาผู้อาวุโสชุดทองข้างกายปฐมเทพจินเจินทอประกายวิบวับ

“เจ้าเด็กนี่เป็นคนของเผ่าหิน แต่สายเลือดเขาแปรสภาพ สายเลือดในตอนนี้น่าจะจัดอยู่ในห้าร้อยลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณได้”

ผู้อาวุโสชุดทองคนนั้นเอ่ยต่อ

“เจ้าดูถูกข้าเกินไปเสียแล้ว!”

ดวงตาปฐมเทพจินเจินราบเรียบ เชื่อมั่นในตนเองอย่างยิ่ง

งานประลองยุทธ์ผาเก่ามีกฎกติกาอย่างหนึ่ง คือคนเพียงคนเดียวจะไม่สามารถต่อสู้ติดกันได้สองครั้ง ดังนั้นหลังจากที่ทั้งสองออกจากลานประลองไปแล้ว ก็มีคนอื่นรีบถลาขึ้นมาบนลานประลองทันที

หนึ่งในนั้นมีปฐมเทพหมัวกุ่ย คนเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ และยังมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่อยากจะเอาชนะจ้าวเฟิงให้ปฐมเทพเทียนเสวี่ยเห็น หวังว่านางจะเห็นความสำคัญของตนเองบ้าง และปฐมเทพเจี้ยนเฟิงที่อยู่ข้างจ้าวเฟิงก็รีบกระโจนขึ้นไปทันที

สวบ! เงาคนสีขาวร่างหนึ่งรีบชิงขึ้นไปบนลานประลองอย่างรวดเร็ว

“ข้าอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านสักหน่อย!”

ชายชุดขาวผู้นี้จ้องจ้าวเฟิงเขม็ง ก่อนจะระบายยิ้มชั่วร้าย

คนผู้นี้ก็คือโหวชิ่งแห่งเผ่าปีศาจวารีสวรรค์!

คราวก่อนที่จ้าวเฟิงจับเขาได้เป็นเพราะจู่ๆ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วลอบทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส หนำซ้ำเมื่อครู่โหวชิ่งเองก็เห็นว่าพลังของจ้าวเฟิงไม่ได้ต่างอะไรจากคราวก่อนมากนัก แต่หลังจากที่โหวชิ่งโดนขัดขวางไปเมื่อคราวก่อน เขาจึงกลับไปที่เผ่า ตั้งใจฝึกจนพลังในแต่ละด้านเพิ่มขึ้นราวติดปีก

ครั้งนี้เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะจ้าวเฟิงได้อย่างซึ่งหน้า

“ท้าประลองกับเขาอีกแล้ว!”

“เหมือนข้าได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าเด็กนี่มีปัญหากับเผ่าปีศาจวารีสวรรค์!”

แววตาของทุกคนที่นี่จับจ้องจ้าวเฟิงอีกครั้ง

ถึงแม้พลังของโหวชิ่งจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักเมื่อจัดลำดับในเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ แต่เผ่านี้เป็นถึงขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด พลังของเขาจึงย่อมแข็งแกร่งกว่าปฐมเทพเหลยหมิงเมื่อครู่มากนัก

“ถูกคนแย่งไปอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขาน่าจะจบสิ้นแล้วละ!”

ปฐมเทพหมัวกุ่ยยิ้มอำมหิต

ไม่แน่ว่าพลังของโหวชิ่งอาจแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเขา จ้าวเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

“ดูไปแล้วเขาคงไม่ได้ซึมซับบทเรียนเมื่อคราวก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าท้าประลองกับข้า”

จ้าวเฟิงหัวเราะร่วน ก่อนจะร่อนลงบนลานประลอง

ทันทีที่เอ่ยออกมา คนชมการประลองรอบบริเวณก็สั่นเทิ้มขึ้นอีกครั้ง

“บุรุษหนุ่มผมทองผู้นี้เคยประมือกับโหวชิ่งมาก่อนด้วย!”

“หนำซ้ำสุดท้ายแล้วเหมือนโหวชิ่งจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเสียด้วย!”

ผู้ชมจำนวนมากที่นี่ต่างล่วงรู้ถึงข้อพิพาทที่เคยเกิดขึ้นระหว่างจ้าวเฟิงและเผ่าปีศาจวารีสวรรค์

“เจ้ามันรนหาที่ตาย!” ประโยคนี้ของจ้าวเฟิงจุดไฟแห่งความเกรี้ยวกราด โหวชิ่งกระตุ้นพลังสายเลือด ตรงดิ่งออกมาหมายจะสังหาร เขาอยากจะเอาชนะและดูหมิ่นจ้าวเฟิงจนอดรนทนไม่ไหว ดังนั้นพอเริ่มประลองก็กระตุ้นพลังสายเลือดทันที

ฟิ้ว! ร่างของโหวชิ่งกลายเป็นของเหลวกึ่งโปร่งแสงเหมือนเป็นปีศาจวารีลอยอยู่กลางอากาศ ใต้ฝ่าเท้าของเขาปรากฏระลอกน้ำวนที่หมุนด้วยความเร็วสูง

เปรี๊ยะ! ในขณะที่หมุนคว้าง สายน้ำวนใต้ฝ่าเท้าโหวชิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น พลังสังหารน่ากลัวมากขึ้น

“เสวียนอ้าวลมและน้ำของโหวชิ่งไปถึงขั้นที่สองแล้ว!”

ปฐมเทพหลินกวงผงกศีรษะน้อยๆ

การกระทำของจ้าวเฟิงคงส่งผลกระทบต่อโหวชิ่งอย่างมาก จนทำให้เขาตัดสินใจฝึกฝน ศักยภาพที่แฝงอยู่ถูกกระตุ้นขึ้นจนหมด

“ตายซะ!”

ระลอกน้ำวนใต้ฝ่าเท้าของโหวชิ่งปะทะเข้าไปหาจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังสังหารและแรงดึงดูดกลุ่มหนึ่งจากที่ไกลๆ

แซ่ด! เขากระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่พลังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่มาก

“ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!”

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงปลดปล่อยเขตแดนแก่นแท้พลังสายฟ้าห้าสีชั้นหนึ่ง ปกคลุมโหวชิ่งเอาไว้

ความเร็วของโหวชิ่งได้รับผลกระทบทันที

โครม! พลังลมและน้ำรอบตัวโหวชิ่งกับสายฟ้าห้าสีปะทะเข้าหากันอย่างจัง หักล้างกันลงไป

“แตกกระจายไปซะ!”

โหวชิ่งโคจรพลังเทพลมและน้ำ ระลอกน้ำวนใต้ร่างเขาพลันรุนแรงขึ้น

โครม! ขอบเขตแก่นแท้อัสนีที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยถูกพลังสังหารที่น่ากลัวกลุ่มนั้นทำลายล้างลงไป

ในส่วนลึกของใต้ดิน เมื่อชายผิวดำผู้นั้นสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ด้านบน ใจเขายากจะสงบลงได้

“ไม่รู้ว่างานประลองยุทธ์ผาเก่านี้จะจบไปเมื่อไหร่!”

ใจชายผิวดำรอคอยให้งานประลองยุทธ์ผาเก่าจบลงโดยเร็ว

แต่ในตอนนั้น จู่ๆ ชายผิวดำก็ตื่นตะลึงสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

เพราะในหัวเขามีเสียงวิญญาณบางเบา

“เจ้าน่ะ พวกเราร่วมมือกันดีหรือไม่?” เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้น

“เจ้าเป็นใคร?” ชายผิวดำหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนค้นพบตนเอง

“ข้าต่อสู้อยู่เหนือตัวเจ้า ข้าตามหาเจ้ามาร่วมมือกัน!”

จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ย

“สมบัติในผนึกค่ายกล เจ้ากับข้าแบ่งครึ่งกัน มิฉะนั้นข้าจะเอาความลับนี้ไปบอกคนอื่น!”

จ้าวเฟิงเอ่ยต่อ

“ทำแบบนี้ไปเจ้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าพูดเรื่องนี้ทั้งหมด พวกเขาก็คงสงสัยว่าเหตุใดเจ้ารู้สถานการณ์ของข้า จนถึงตอนนั้น ถ้าข้าบอกว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกัน พวกเขาจะไม่มีทางปล่อยเจ้าให้ลอยนวลไปแน่!”

สีหน้าชายผิวดำค่อยๆ สงบนิ่งลง ส่งกระแสจิตบอกจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงเป็นแค่ปฐมเทพ แต่ถึงกับคิดจะแบ่งสมบัติจอมเทพห้าธาตุกับเขาอย่างเท่าเทียมกัน ละโมบมากเกินไปกระมัง

“ข้าสามารถทำให้ค่ายกลทลายลงก่อน ถึงตอนนั้นทุกคนที่นี่ก็จะรู้เอง หนำซ้ำยังไม่สงสัยข้าด้วย!”

จ้าวเฟิงส่งเสียงบอก

“เจ้ามีความสามารถเช่นนี้หรือ?” ชายผิวดำหัวเราะเยาะ

จ้าวเฟิงกำลังประลอง เหตุใดจึงเห็นสิ่งที่คนทั้งหมดไม่อาจสังเกตเห็น แล้วทำให้ค่ายกลทลายหายไปก่อนได้?

โครม!

บนลานประลอง โหวชิ่งและจ้าวเฟิงประมือกันไม่หยุด การต่อสู้รุนแรงยิ่งขึ้น

“ม่านวารีสังหาร!” โหวชิ่งกำมือเพียงข้างเดียว ทั้งซ้ายขวาทั้งสองด้านของจ้าวเฟิง ระลอกน้ำวนลมและน้ำขนาดยักษ์ทั้งสองสายเกาะกลุ่มขึ้นตรงกลางไม่หยุด เหมือนจะบดขยี้จ้าวเฟิงจนเละละเอียดกลายเป็นก้อนเนื้อ

“เจ้าแข็งแกร่งจริง ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดแล้ว!”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยเสียงดัง

“ทุ่มสุดพลัง?” โหวชิ่งชะงักเล็กน้อย

แน่นอนว่าเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าจ้าวเฟิงอาจเก็บงำพลังเอาไว้ในการต่อสู้คราวก่อน

ทว่าทุกคนก็ล้วนเก็บงำไพ่ตายเอาไว้ หากไม่ถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวนจริงๆ ไม่มีทางจะปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย โหวชิ่งเองก็มีเช่นกัน

ฝูงคนรอบบริเวณครื้นเครงยิ่งกว่าเดิม

ความสนใจที่มีพวกเขาต่อจ้าวเฟิงสูงกว่าอัจฉริยะในรายชื่อปฐมเทพทั่วไปมาก

ในตอนนี้จ้าวเฟิงบอกว่าต้องการสำแดงพลังทั้งหมด พวกเขาย่อมอยากดูว่าพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่!

ฟิ้ว! แสงสายฟ้าห้าสีที่เปล่งประกายกลุ่มหนึ่งทะลักออกจากร่างจ้าวเฟิง

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพห้าธาตุ ตรงไปปะทะกับฝ่ามือแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีห้าสีสองสายนั้น

โครม บึ้ม! ระลอกน้ำวนขนาดยักษ์สองกลุ่มถูกจ้าวเฟิงทำลายลงทันที

“นี่มันเสวียนอ้าวธาตุทั้งห้า!”

โหวชิ่งอึ้งไป เหมือนโดนโจมตีอย่างรุนแรง

ตอนที่จ้าวเฟิงเอาชนะเขาในตอนนั้นยังไม่มีพลังเสวียนอ้าว ส่วนขอบเขตพลังเสวียนอ้าวลมและน้ำของเขากำลังจะถึงขั้นหนึ่งแล้ว

ครั้งนี้เสวียนอ้าวลมและน้ำของเขาถึงขั้นที่สองแล้ว คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงเองก็จะลึกซึ้งในเสวียนอ้าวธาตุทั้งห้า ถึงแม้เสวียนอ้าวห้าธาตุที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมา ในทุกธาตุถึงขั้นหนึ่ง แต่พลานุภาพที่เสวียนอ้าวทั้งห้าประเภทรวมตัวกันขึ้นมาต่างจากเสวียนอ้าวลมและน้ำขั้นที่สองของเขาอย่างมาก

“โหวชิ่ง คราวก่อนข้าเคยเอาชนะเจ้า ครั้งนี้ข้าทุ่มพลังทั้งหมดก็เอาชนะเจ้าได้อยู่ดี!”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างได้ใจ ก่อนโคจรพลังเทพธาตุทั้งห้า ตรงดิ่งไปหาโหวชิ่ง

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะบอกว่าใช้พลังทั้งหมดแต่เขาก็ยังคงเก็บงำพลังส่วนหนึ่งเอาไว้

ยกตัวอย่างเช่นเสวียนอ้าวห้าธาตุนี้ ที่จริงแล้วขอบเขตถึงขั้นที่สอง แต่เขาก็ยังคงสำแดงพลังในขอบเขตขั้นที่หนึ่งออกมา

“ไม่ ข้าจะต้องชนะให้ได้!” โหวชิ่งได้รับบาดเจ็บจนเสียการควบคุม

ตูม! เขาทุ่มเทพลังทั้งหมดกระตุ้นสายเลือด เผาผลาญพลังเทพบางส่วน จนประหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดในมหาสมุทรตัวหนึ่ง โหดร้ายน่ากลัวอย่างยิ่ง

“ระลอกน้ำวนสังหาร!”

ใบหน้าโหวชิ่งโหดเหี้ยม ทั่วทั้งร่างหลอมรวมเข้าไปในน้ำวนใต้ฝ่าเท้าตน

เปรี๊ยะ! ระลอกน้ำวนยักษ์นั้นยึดครองพื้นที่บนลานประลองมากกว่าครึ่ง พลังลมและน้ำภายในนั้นบ้าคลั่ง

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพทั้งห้าธาตุ อาศัยพลังห้าธาตุในฟ้าดิน สร้างภูผาอัสนีห้าสีขนาดยักษ์ออกมา

ตูม! เมื่อเขาฟาดฝ่ามือใส่ ร่างโหวชิ่งที่อยู่ในระลอกน้ำวนก็พุ่งออกมา

จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพห้าธาตุ อาศัยพลังธาตุในฟ้าดินพุ่งออกมาอีกครั้ง

โครม บึ้ม!

ประมือกันไปเพียงชั่วขณะ โหวชิ่งก็เสียเปรียบ ถอยหลังไปติดๆ

“แพ้แล้ว โหวชิ่งจะแพ้แล้ว!”

“บุรุษผมทองกลับลึกซึ้งในเสวียนอ้าวธาตุทั้งห้า อีกทั้งทุกธาตุในเสวียนอ้าวยังน่ากลัวขนาดนี้ คงจะเข้าไปเป็นหนึ่งในรายชื่อปฐมเทพได้แล้ว!”

กลุ่มคนที่ดูการต่อสู้อยู่รอบบริเวณถกกัน

โลกแห่งนี้นับถือยอดฝีมือเป็นหลัก เจ้ามีพลัง ทำอะไรก็ถูกต้องทั้งสิ้น

หลังจากจ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมา เขาจึงได้รับการยอมรับจากคนพวกนั้น ถึงขนาดที่เทพแท้จริงในขั้วอำนาจหลายแห่งเกิดอยากจะชักชวนจ้าวเฟิงมาเป็นพวก แต่ทุกคนในนั้นมิได้ล่วงรู้เลยว่า ในส่วนลึกใต้ดิน ยังมีคนผู้หนึ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าพวกเขามาก

“เสวียนอ้าวธาตุทั้งห้า!”

ลึกลงไปใต้ดินลึก ชายผิวดำผู้นั้นเองก็ชะงักงันไป

ตอนที่จ้าวเฟิงใช้เสวียนอ้าวห้าธาตุ ก็จะดูดซึมพลังทั้งห้าธาตุในฟ้าดิน ส่วนพลังธาตุในค่ายกลเบื้องหน้าเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ถ้าหากจ้าวเฟิงดูดซึมพลังธาตุทั้งห้าในฟ้าดินไปเรื่อยๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อค่ายกลเบื้องหน้าเขามาก ทำให้ค่ายกลดังกล่าวเสียหายก่อนเวลา

“ช้าก่อน ข้ายินดีร่วมมือกับเจ้า รีบยั้งมือก่อน!”

ชายผิวดำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินเอ่ยออกมาอย่างอัับจนหนทาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version