บทที่ 1257 บุกไปพร้อมกัน
พลังที่จ้าวเฟิงแสดงออกมาทำให้คนตื่นตะลึงจริงๆ
ชั้นเมฆบนท้องฟ้ามีเทพโบราณสองคนอยากรับเขาไว้เป็นศิษย์แล้ว
ในเมื่อจ้าวเฟิงสามารถทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้ในทันที พิสูจน์ได้ถึงพรสวรรค์และศักยภาพของเขา ในวันข้างหน้าไปถึงเทพแท้จริงขั้นเก้าก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย อีกทั้งหากโชคดีแล้วละก็ จ้าวเฟิงกระทั่งอาจจะสามารถทะลวงขีดจำกัดของเทพแท้จริง และไปถึงขอบเขตจอมเทพได้
เช่นนั้นในฐานะอาจารย์ของจ้าวเฟิง ถึงตอนนั้นก็จะได้รับผลประโยชน์และเกียรติยศมหาศาล
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ในท้องฟ้า ไอสวรรค์โหมซัดคำราม
เงาผู้อาวุโสที่สูงใหญ่ถึงร้อยจั้งอยู่ในแสงประกายสีขาววาววับ
สมาชิกทั้งหมดด้านล่างรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง
“เทพโบราณ ผู้อาวุโส!” ใบหน้าศิษย์นับไม่ถ้วนฉายแววเคารพบูชา
ศิษย์หลักก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อมเช่นเดียวกัน
พวกเขาล้วนรู้ว่าจ้าวเฟิงถึงเทพแท้จริงขั้นห้า จะต้องดึงดูดผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณในเผ่ามาอย่างแน่นอน ดังนั้นการปรากฏตัวของผู้แข็งแกร่งเทพโบราณคนนี้จึงไม่ได้ดึงความสนใจของพวกเขามากนัก
“ผู้อาวุโสมีสิ่งใดบัญชา?”
จ้าวเฟิงยิ้มพูด ที่จริงแล้วตาซ้ายของเขาเห็นเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณซ่อนอยู่ด้านนอกนานแล้ว
“ยินดีมาเป็นศิษย์สายตรงของข้าหรือไม่?”
ผู้อาวุโสเทพโบราณผู้นี้ยิ้มบางๆ
ส่วนเทพโบราณคนอื่นที่อยู่รอบๆ เขาเปลี่ยนสีหน้าไปทันใด รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตาเฒ่านี่แย่งไปก่อนเสียได้
“เทพโบราณรับเป็นศิษย์ ศิษย์สายตรง!” ด้านล่างฮือฮาไปทั่ว
เทพโบราณรับเป็นศิษย์ด้วยตนเอง เดิมก็เป็นเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างมากอยู่แล้ว
และความหมายของศิษย์สายตรงก็คือ เทพโบราณคนนี้จะถ่ายทอดมรดกทั้งหมดที่มีอยู่ของตนให้กับจ้าวเฟิง ศิษย์นับไม่ถ้วนมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาอิจฉา
“ผู้อาวุโส ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ข้ายังอยากแลกเปลี่ยนความรู้กับศิษย์ในเผ่าสักหน่อย!”
จ้าวเฟิงตอบอมยิ้ม สีหน้าเรียบนิ่งเป็นที่สุด ไม่มีท่าทีถ่อมตัวใดๆ ทั้งสิ้น
“ปฏิเสธ!” ศิษย์ทั้งหลายรอบด้านมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ!
ใครก็คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ปฏิเสธที่จะเป็นศิษย์สายตรงของผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณคนหนึ่ง!
ในดินแดนเทพรกร้าง นอกจากจอมเทพที่ไม่สนใจเรื่องทางโลก โดยพื้นฐานแล้วเทพโบราณจะดูแลที่แห่งหนึ่ง ต้านทานผู้แข็งแกร่งชั้นยอดเพียงลำพัง สามารถเป็นศิษย์สายตรงของเทพโบราณคนหนึ่งได้ เป็นเรื่องที่แม้แต่ฝันก็ยังถวิลถึงของปฐมเทพหรือเทพแท้จริงไม่รู้เท่าไหร่
แต่ทว่า จ้าวเฟิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล!
“อืม เจ้าแลกเปลี่ยนความรู้เสียก่อน แล้วก็คิดไปด้วยแล้วกัน! ”
แปลกนัก เทพโบราณบนท้องฟ้าคนนั้นไม่ได้อารมณ์เสียสักเท่าไหร่
ขวับ! เงาบนท้องฟ้าหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ
“เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ดีที่เจ้าเด็กนั่นไม่ตกลง!” ผู้แข็งแกร่งเทพโบราณที่เหลือยินดีเล็กน้อย
จ้าวเฟิงไม่ตอบรับการรับเป็นศิษย์ของเทพโบราณผู้นั้น เช่นนั้นพวกเขาก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง
บนเวทีประลอง สีหน้าของจ้าวเฟิงสงบนิ่งไม่หวั่นเกรง
ก่อนหน้านี้ เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณบีบบังคับให้เขาประณีประนอมไปจากจ้าวหยูเฟย แต่ตอนนี้พวกนั้นกลับจะรับเขาเป็นศิษย์สายตรง พอจ้าวเฟิงปฏิเสธไปตรงๆ อีกฝ่ายก็ไม่โกรธ
ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ทำให้จ้าวเฟิงไม่ค่อยจะชินสักเท่าใดนัก
แน่นอน เหตุที่จ้าวเฟิงปฏิเสธก็เพราะอยากประลองแลกเปลี่ยนความรู้ต่อไปอีกสักนิดจริงๆ
ก้าวกระโดดถึงขั้นเจ็ดในชั่วพริบตา ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นของเขามากมายยิ่ง ทำให้เขาไม่อาจควบคุมพลังในตอนนี้ได้ตามปราถนา ดังนั้นเขาจึงกดขอบเขตพลังให้ต่ำลง และค่อยๆ รับรู้พลังผ่านการประลองแลกเปลี่ยนกับคนระดับเดียวกัน
อีกอย่าง ศิษย์หลักพวกนี้ร่วมมือกันส่งหนังสือท้าประลองท้าทายตน จ้าวเฟิงจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร
แต่ว่าประเด็นที่สำคัญกว่านั้นก็คือ จ้าวเฟิงเป็นเทพโบราณขั้นเจ็ดเหมือนกัน
ผู้อาวุโสคนนั้นไม่มีคุณสมบัติจะเป็นอาจารย์ของเขา!
“หึ ข้าเอง!”
“ข้าจะจัดการเจ้าเอง!”
ในเวลานี้เอง รอบด้านเวทีประลองมีร่างคนสี่คนกระโดดออกมา
พวกนี้ล้วนเป็นคนที่อยากท้าประลองกับจ้าวเฟิง
บึ้ม! ร่างคนสีแดงกระโดดขึ้นมาบนเวทีประลองก่อน ทำเอาเวทีประลองไหวสั่นน้อยๆ
“ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณ เทพแท้จริงนู่จี๋ (เดือดดาล)!”
ชายรูปร่างกำยำประกาศนามออกมา บนร่างเขามีลวดลายคลื่นยักษ์สีแดงชั้นหนึ่ง
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเทพแท้จริงนู่จี๋!”
“ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณคนนี้ปิดด่านฝึกตนในช่วงนี้ ไม่สนใจโลกภายนอก แต่ก็ถึงขีดสุดของขั้นห้าตั้งนานแล้ว…”
ศิษย์หลักทุกคนล้วนไม่ใช่ผู้ไร้ชื่อเสียง เทพแท้จริงนู่จี๋ชื่อเสียงก็ไม่ด้อยเลย
จ้าวเฟิงหยักหน้าอย่างใจลอย
ในหนังสือท้าประลองพวกนั้นเหมือนจะไม่มีเทพแท้จริงนู่จี๋
“กล้าเมินข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
เทพแท้จริงนู่จี๋ที่ท้าประลองมีสีหน้าโกรธเคือง หมัดทั้งสองกำแน่น
เขาปิดด่านหลายปี ชื่อเสียงไม่สู้เมื่อก่อน ออกจากปิดด่านครั้งนี้กำลังหาโอกาสทำให้ชื่อเสียงก้องไกลพอดี
และประจวบเหมาะ จ้าวเฟิงทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นห้า กลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“ทะเลคลั่งกลืนฟ้า!”
ทั่วร่างของเทพแท้จริงนู่จี๋มีคลื่นสีแดงลอยเอ่อ คลื่นยักษ์อันน่าหวาดกลัวโหมซัดถาโถม ทั้งยังแผ่กระจายกลิ่นอายร้อนระอุผิดปกติออกมา และรัศมีอำนาจของเทพแท้จริงนู่จี๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเสี้ยวขณะนี้ ทะลุปราการพลังฝึกตนจนสัมผัสได้ถึงขั้นหกรางๆ
“ทะเลคลั่งกลืนฟ้า เคล็ดวิชาลับสายเลือดของเผ่าพันธุ์ที่เทพแท้จริงนู่จี๋อาศัยอยู่ สามารถเพิ่มพลังให้กับทุกด้านสูงมาก ในขณะเดียวกันก็ทำให้พลังของกระบวนท่าโจมตียิ่งมีแรงปะทุและแรงทำลายล้าง…”
“เทพแท้จริงนู่จี๋คือขั้นห้าสุดยอด หลังจากกระตุ้นเคล็ดวิชาลับสายเลือดแล้วแทบจะถึงขั้นหก!”
คนไม่น้อยที่ดูการประลองรอบด้านจิตใจสั่นสะท้าน
“คนคนนี้พลังไม่เลวเลย การปะทุของแรงโจมตีแข็งแกร่ง พลังทำลายล้างรุนแรง เป็นตัวทดลองให้ร่างกายข้าได้พอดีเลย!”
จ้าวเฟิงประเมินเทพแท้จริงนู่จี๋ด้วยความสนใจแวบหนึ่ง
‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ในขอบเขตบริบูรณ์ทำได้เพียงแค่ต่อกรเทพแท้จริงขั้นสี่ ต้านทานการโจมตีของเทพแท้จริงขั้นสาม ในตอนนี้เขาทะลวงถึงเทพโบราณ ไม่รู้ว่าข้อได้เปรียบของการป้องกันร่างกายจะยังมีอยู่หรือไม่
ครืน ฟู่ ฟู่! แสงสีแดงในดวงตาของเทพแท้จริงนู่จี๋ลุกโชน คลื่นยักษ์รอบกายถาโถมไม่หยุด ดุจเทพสมุทรในมหาสมุทรสีแดงเพลิงที่แข็งแกร่งหยิ่งทะนง พุ่งโจมตีไปยังจ้าวเฟิง
เพียงชั่วครู่ ทั่วทั้งเวทีประลองตลบอบอวลไปด้วยคลื่นสีแดงจำนวนมาก สีหน้าของเทพแท้จริงมากมายที่อยู่เบื้องล่างตื่นตระหนกเพราะกลิ่นอายเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งและร้อนระอุ
“สหายจ้าว!” สีหน้าของพานเจี๋ยค่อนข้างร้อนรน แต่ก็ยังวาดหวังไว้
เมื่อครู่จ้าวเฟิงสามารถจัดการเทพแท้จริงจื้อกังได้อย่างง่ายดาย ไม่น่าจะพ่ายแพ้แก่เทพแท้จริงง่ายๆ เช่นนี้
“หึ ถึงพลังเทพของเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่สายเลือดธรรมดา และยิ่งไม่มีเคล็ดวิชาลับที่แข็งแกร่ง!”
เทพแท้จริงนู่จี๋แค่นเสียงเย็นเหมือนศึกนี้เขาชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ขั้นห้าสุดยอดรึ?” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
ประโยคนี้ทำเอาทุกคนไม่ค่อยเข้าใจนัก
แต่เสี้ยวขณะต่อมา หมอกแสงอัสนีห้าสีกลุ่มหนึ่งก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของจ้าวเฟิง พุ่งขึ้นฟ้าไปทันที รัศมีอำนาจของเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากในรากฐานเทพของจ้าวเฟิงก็ถึงขั้นห้าสุดยอดเช่นเดียวกัน!
วู้ม แซ่ด แซ่ด!
จ้าวเฟิงโคจรพลังกายสุดกำลัง ดุจภูเขาอัสนีห้าสีตั้งตระหง่านอยู่บนเวทีประลอง ชวนให้รู้สึกเหมือนว่าไม่อาจสั่นคลอนได้
“ขั้นห้าสุดยอด!” สีหน้าของเทพแท้จริงนู่จี๋เปลี่ยนไปทันที ตระหนกจนไร้ซึ่งคำพูด
จ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพ กลับทะลวงได้ถึงขั้นห้าสุดยอดเลย!
ทว่าในเวลานี้เขาไม่อาจถอนตัวได้แล้ว
ครืน ตูม ตูม! คลื่นยักษ์สีแดงน่าสะพรึงดุจสัตว์ร้ายบรรพกาลตัวมหึมา พุ่งทะยานไปยังจ้าวเฟิง
เสี้ยวขณะต่อมา เทพแท้จริงนู่จี๋แทบจะเผาผลาญพลังสายเลือดจนสิ้น บนคลื่นสีแดงน่าหวาดกลัวมีเปลวเพลิงสีแดงเป็นสายๆ พวยพุ่ง ร่างของเทพแท้จริงนู่จี๋ก็ผสานเข้าไปในคลื่นยักษ์ แปลงเป็นสัตว์ยักษ์ทะเลสีแดงตัวหนึ่ง ตรงเข้าไปบดขยี้จ้าวเฟิง
ครืน ตูม ตูม! ทั่วทั้งเวทีประลองสั่นไหวอย่างรุนแรง ที่นี่คือเวทีประลองของศิษย์นอกเผ่า ในวันนี้กลับกลายเป็นศึกต่อสู้ของเทพแท้จริงขั้นห้าสุดยอดสองคน
ข้างล่างเวที แม้กระทั่งลมหายใจของทุกคนก็หยุดลง ดวงตาจ้องไปยังใจกลางเวทีประลองเขม็ง เห็นเพียงเทพแท้จริงนู่จี๋พุ่งชนจ้าวเฟิงพร้อมด้วยพลังอำนาจน่าหวั่นเกรง
ภาพที่น่าตกใจได้เกิดขึ้นแล้ว
เคร้ง! เทพแท้จริงนู่จี๋เหมือนชนเข้ากับภูเขาอัสนีธาตุทอง ถอยหลังไปสามก้าวติดๆ กัน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เลือดสดไหลออกมาจากมุมปากเขา ร่างกายสั่นสะท้าน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
เมื่อครู่เขาใช้กระบวนท่าวิชาสุดกำลัง ทำการโจมตีจ้าวเฟิงอย่างรุนแรงที่สุด
ในทางตรงกันข้าม จ้าวเฟิงเพียงอาศัยการป้องกันร่างกายก็ทำให้เขาบาดเจ็บได้
“การโจมตีของเจ้าอ่อนแรงเกินไป!”
ร่างของจ้าวเฟิงพลันขยับ เข้าไปใกล้เทพแท้จริงนู่จี๋แล้วยกเท้าเตะ!
พลั่ก! เทพแท้จริงนู่จี๋ถูกจ้าวเฟิงเตะออกนอกเวทีประลอง ล้มลงอย่างอเนจอนาถ
“เจ้า…” เทพแท้จริงนู่จี๋อับอายและแค้นเคืองเป็นอย่างยิ่ง คิดอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก
“เป็นขั้นห้าสุดยอดเชียวรึ จ้าวเฟิงทะลวงได้ถึงขั้นห้าสุดยอด ทั้งยังเอาชนะเทพแท้จริงนู่จี๋ได้แล้ว!”
“ช่างกำเริบเสิบสานนัก ถึงกับพูดว่าการโจมตีของเทพแท้จริงนู่จี๋อ่อนเกินไป!”
ศิษย์ที่ดูการต่อสู้รอบด้าน บ้างตื่นเต้นเป็นที่สุด บ้างโกรธแค้นชิงชัง
“มิน่าเล่าถึงเอาชนะข้าได้อย่างดาย ถึงขั้นห้าสุดยอดแล้ว!”
เทพแท้จริงจื้อกังที่แพ้จ้าวเฟิงเมื่อครู่หาข้ออ้างให้กับตนเอง
“ถึงขั้นห้าสุดยอดแล้ว!”
เสี้ยวขณะนี้ ใจของจางอวี่ถงกระตุกอย่างรุนแรง เขาค่อนข้างสำนึกเสียใจ เสียใจเรื่องที่ตนทำไว้กับจ้าวเฟิงทุกอย่าง
บนท้องฟ้า สีหน้าของเทพโบราณทั้งหลายยิ่งมีชีวิตชีวา
ขั้นห้าสุดยอด ถึงแม้จะยังคงเป็นขั้นห้า แต่ก็สามารถพิสูจน์พรสวรรค์และศักยภาพของจ้าวเฟิงได้ว่าพอจะล้ำหน้าผู้ถูกเลือกปฐมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดบางส่วนจากแดนศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตทั้งสามจริงจังเป็นอย่างมาก
“เมื่อครู่ยังมีอีกหลายคนที่ใจร้อนอยากจะประลองกับข้ามิใช่รึ?”
จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น
สีหน้าของเขาสบายไร้กังวล มือไพล่หลังยืนนิ่งอยู่บนเวที สายตาที่แฝงไว้ด้วยแววหยอกล้อกวาดไปยังเบื้องล่าง อีกสามคนที่เมื่อครู่ใจร้อนอยากจะประลองกับจ้าวเฟิงก้มหน้างุด แอบหลบไปในกลุ่มคน
การป้องกันของจ้าวเฟิงน่ากลัวเกินไป แม้กระทั่งเทพแท้จริงนู่จี๋ยังทำอะไรไม่ได้ พวกเขายิ่งไม่มีปัญญาเข้าไปใหญ่
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย เป็นอย่างไร?”
ในยามนี้ จ้าวเฟิงยิ้มล้อเลียน
“บัดซบ เจ้าเด็กนี่อวดดีนัก กล้าให้พวกเราบุกไปพร้อมกัน!” เทพแท้จริงขั้นห้าสุดยอดคนหนึ่งหน้าแดงก่ำ
กลุ่มคนทั้งหลายที่นั่นก็ตกใจเพราะประโยคนี้ของจ้าวเฟิงไม่น้อย!
คนสามคนเมื่อครู่ล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้นห้าเช่นเดียวกับเทพแท้จริงนู่จี๋ จ้าวเฟิงกลับให้พวกเขาบุกไปพร้อมกัน นี่มันจะอวดดีมากเกินไปแล้วกระมัง!
“หยูเฟย เจ้าหาผู้ชายที่เยี่ยมยอดเช่นนี้เจอได้อย่างไร!” ร่างอ้อนแอ้นงดงามของข่งเตี๋ยบิดไปมา สายตาไม่ปิดบังความอิจฉาเลยสักนิด ใบหน้าดุจกระเบื้องขาวของจ้าวหยูเฟยแดงเรื่อทันที
“ไป บุกไปพร้อมกัน!” คนทั้งสามที่เมื่อครู่เตรียมท้าประลองจ้าวเฟิงส่งกระแสจิตสื่อสารกัน
ประโยคนั้นของจ้าวเฟิงช่างอวดดีเกินไปแล้ว!
หากพวกเขาไม่กล้าบุก เช่นนั้นหลังจากนี้จะมีหน้าอยู่ในเผ่าพันธุ์วิญญาณได้อย่างไร อีกทั้งจ้าวเฟิงมีเพียงการป้องกันร่างกาย พวกเขาสามคนแค่ไม่ฝืนเข้าปะทะใกล้ๆ ก็สามารถรับประกันได้ว่าไม่แพ้
หากสามารถตรึงจ้าวเฟิงเอาไว้ได้ จากนั้นค่อยๆ ยื้อเขาจนหมดแรง ผู้ที่ชนะก็จะเป็นพวกเขา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ทันใดนั้น เงาร่างคนทั้งสามก็กระโดดไปบนเวทีประลอง
ทั้งสามล้วนเป็นขั้นห้าสุดยอด!
“จ้าวเฟิง เป็นเจ้าที่ให้พวกเราบุกพร้อมกัน พวกเราก็แค่สนองเงื่อนไขของเจ้าเท่านั้น!”
ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นที่ผอมจนเห็นกระดูกและบนผิวมีกระดำมากมายพูดขึ้นอย่างเย็นชา