บทที่ 1288 การประลองเดิมพันจบลง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เทพโบราณหลิวจินเป็นอะไรไป?”
เทพโบราณหลิวจินที่เดิมทีเตรียมจะโจมตีเอาชนะจ้าวเฟิง พลานุภาพสลายไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พลังวิญญาณทำลายล้างพลันดิ่งลงบนศีรษะของเทพโบราณหลิวจิน วินาทีที่สัมผัสได้ถึงพลังกลุ่มนี้ วิญญาณของทุกคนรอบๆ ต่างสั่นไหวรุนแรง
บึ้ม! แสงเพลิงสายฟ้าที่สว่างเจิดจ้าถล่มแสงหม่นคุ้มกายวิญญาณของเทพโบราณหลิวจินไปในพริบตา อย่างไรเสีย อาวุธเทพป้องกันวิญญาณระดับสูงชิ้นนี้ก็ไม่ได้ถูกเทพโบราณหลิวจินยึดครองโดยสมบูรณ์ ความสามารถในการป้องกันจึงลดลงไปเป็นจำนวนมาก
ในเวลาเดียวกัน
“อ๊าก อ๊าก…” เทพโบราณหลิวจินร้องโหยหวนเจ็บปวด เสียงดังไปงหลายหมื่นลี้
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว คุดคู้อยู่บนพื้น ดิ้นรนไม่หยุด ผู้เข้าชมการต่อสู้รอบบริเวณตัวสั่นเทิ้มไปหมด
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแกร่งของสายฟ้ากลุ่มนั้น และเคล็ดวิชาป้องกันวิญญาณของเทพโบราณหลิวจินก็ยังถูกทำลายไปทันใด ยากจะจินตนาการได้ว่าวิญญาณเทพเขาในตอนนี้จะบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน
เสียงร้องโหยหวนของเทพโบราณหลิวจินเบาลงเรื่อยๆ ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณของเขาที่อ่อนแอลงไปทุกที จนแทบจะสลายหายไป
ทันใดนั้น เทพโบราณหลิวจินก็หยุดดิ้นรน นอนนิ่งบนพื้น ถึงแม้กลิ่นอายจะเบาบางแต่ก็ยังไม่ตาย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งที่แห่งนั้นก็ฮือฮากันทันที
“เทพโบราณหลิวจินแพ้แล้ว!”
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?” ผลลัพธ์และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
ถึงกระทั่งว่าพวกเขายังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเทพโบราณหลิวจินพ่ายแพ้ได้อย่างไร
“ชนะเสียแล้ว”
“สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะชนะแล้ว!”
คนเผ่าพันธุ์วิญญาณตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วพลันร้องเสียงหลง
เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้เหมือนกับความฝัน
สถานการณ์ที่ต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงยามสถานการณ์พลิกผัน ค่อยๆ ได้เปรียบ จนสุดท้ายพ่ายแพ้ กระทั่งคนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณยังตัวค้างแข็ง ตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร
ขณะที่ทุกคนในเผ่าเปลวทองสีหน้าบึ้งตึงเกินจะเปรียบ กลิ่นอายร่างกายที่ร้อนแรงก็พุ่งทะยานขึ้นมา
พวกเขาล้วนคิดว่าเทพโบราณหลิวจินใช้ท่าไม้ตายแล้ว จ้าวเฟิงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่กลับคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ ในช่วงเวลาสำคัญจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลแบบนี้
เทพโบราณหลิวจินพ่ายแพ้ไปในทันที
พวกเขาถึงขั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าตนเองเห็นภาพหลอนหรือไม่
ทุกคนไม่สามารถรับผลนี้ได้
“ผู้เยาว์ เจ้าถึงกับกล้าลงมือรุนแรง การโจมตีวิญญาณแข็งแกร่งขนาดนี้ ถึงจะไม่สังหารเขาก็ยังสร้างอาการบาดเจ็บต่อวิญญาณได้อย่างแสนสาหัส จนไม่สามารถจะรักษาและฟื้นฟู…”
ผู้อาวุโสจินของเผ่าเปลวทองร้องลั่น กลิ่นอายร้อนระอุที่กระเทือนฟ้าดินกระจายตัวเหนือเวทีประลอง
วินาทีนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มลงมา จนเขาไม่สามารถหายใจหายคอได้
นอกจากนี้กลิ่นอายเพลิงร้อนแรงยังค่อยๆ แผ่พวยพุ่งมา ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกคล้ายตนเองตกอยู่ในนรกที่ร้อนระอุ ทั้งร่างและวิญญาณสัมผัสได้ถึงการเผาไหม้ของไฟ
“เผ่าเปลวทองช่างไม่รู้จักละอาย การต่อสู้ของผู้เยาว์ เทพโบราณสุดยอดกลับยื่นมือเข้ายุ่ง!”
ในเวลานี้เอง เสียงของผู้อาวุโสสี่เผ่าพันธุ์วิญญาณก็ดังขึ้น
เสวียนอ้าวในฟ้าดินที่หนาแน่นลอยลงรอบกายจ้าวเฟิง กำจัดสิ่งที่ชวนให้ไม่สบายตัวทั้งหมดออกไปในพริบตา
“ข้าไม่ได้ลงมือ ข้าเพียงแต่สงสัยว่าศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างเจ้า ทำไมถึงลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้!”
ผู้อาวุโสจินเอ่ยอย่างมีเหตุมีผล
“ฝีมือต่างกันมาก ไยถึงพูดจาไร้สาระมากขนาดนี้ ถ้าหากจ้าวเฟิงใจร้ายใจดำจริงๆ ก่อนนี้ตอนที่ประมือกับเทพแท้จริงของเผ่าเปลวทองคงไม่ปล่อยให้รอดชีวิตไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสสี่แค่นเสียงเย็น ในคำพูดแฝงไปด้วยเจตนาหยามเหยียด
ทันทีที่บอกเช่นนี้ เผ่าเปลวทองก็ไม่อาจคัดค้านได้
“ดีมาก การประลองเดิมพันจบลงแล้ว เผ่าพันธุ์วิญญาณได้รับชัยชนะไป!”
ยามนี้ ชายชราหน้าเหี่ยวแห้งของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตทำสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสองแห่งจึงไม่ประจันหน้าต่ออีก
สวบ! จ้าวเฟิงทะยานออกจากเวทีประลองท่ามกลางสายตาของกลุ่มคน กลับไปยังพื้นที่ของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
ส่วนทางเทพโบราณหลิวจินถูกศิษย์เผ่าเปลวทองหามลงไป
“จ้าวเฟิง เจ้าร้ายกาจนัก!”
“ครั้งนี้ลำบากเจ้าแล้ว!”
คนเผ่าพันธุ์วิญญาณทุกคนต่างส่งยิ้มเป็นมิตรให้จ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง ครั้งนี้เจ้าทำความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง คะแนนคุณูปการจำนวนห้าแสนจะแบ่งให้โดยไม่ขาดไปแม้แต่นิดเดียว!”
ผู้อาวุโสสี่ระบายยินดียิ้มทั่วใบหน้า
เมื่อเปรียบกับรางวัลที่เผ่าพันธุ์วิญญาณได้รับมา คะแนนคุณูปการจำนวนห้าแสนไม่อาจนับเป็นอะไรได้
ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือพลันมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาริษยา
ครั้งนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณได้รับชัยชนะ คนส่วนมากจึงได้คะแนนคุณูปการจำนวนหนึ่งหมื่น ส่วนเทพแท้จริงหลงหยวนและสตรีร่างบอบบางเอาชนะคนได้หนึ่งคน แต่ละคนจึงได้คะแนนคุณูปการทั้งหมดสามหมื่น
แต่จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวกลับได้ถึงห้าแสน!
คะแนนคุณูปการมหาศาลขนาดนั้น ถึงจะทำภารกิจติดต่อกันเป็นสิบปีก็ยังไม่ได้มากเท่านี้ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงสมควรได้รับมัน
ส่วนทำไมจ้าวเฟิงจึงสามารถเอาชนะเทพโบราณหลิวจินได้ในชั่วพริบตา คนเผ่าพันธุ์วิญญาณจำนวนไม่น้อยไม่ได้สงสัยมาก
เพราะก่อนนี้จ้าวเฟิงเคยใช้วิชาดวงตาประเภทนี้มาก่อนตอนอยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ
“สายธารผลึกเพลิงวิญญาณที่นี่ แบ่งตามที่ตกลงกันไว้ก่อนนี้ การประลองเดิมพันของสองเผ่าจบลงแล้ว!”
ผู้อาวุโสหน้าแห้งเหี่ยวจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตประกาศเสียงดังฟังชัด
การประลองของสองเผ่าปิดฉากลงนับจากนี้ไป
การประลองครั้งนี้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง มีสิ่งที่เกินความคาดหมายเกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราว!
คนเผ่าเปลวทองแต่ละคนหน้าหมองหม่น
ในบรรดาศิษย์ที่เข้าร่วมต่อสู้ มีถึงเจ็ดคนที่พ่ายด้วยเงื้อมมือของจ้าวเฟิง ในนั้นมีเทพโบราณสองคนรวมอยู่ด้วย
ศิษย์ที่เข้าร่วมต่อสู้ของเผ่าเปลวทองไม่อาจสู้หน้าคนในเผ่าได้แล้ว
เมื่อการต่อสู้จบลง ขั้วอำนาจที่รวมตัวอยู่ที่นั่นก็ค่อยๆ สลายตัวไป
ส่วนขั้วอำนาจที่มีสัมพันธ์อันดีกับเผ่าพันธุ์วิญญาณหรือไม่ก็ขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งต่างพากันมาแสดงความยินดีด้วย รวมไปถึงผู้ดูแลจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็เดินมาทางเผ่าพันธุ์วิญญาณด้วย
การกระทำของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตทำให้คนเผ่าเปลวทองมีสีหน้าหนักอึ้งอีกครั้ง
“ผลงานครั้งนี้ของเผ่าพันธุ์วิญญาณน่าตื่นตะลึงจริงๆ!” ชายชราใบหน้าแห้งเหี่ยวมองจ้าวเฟิง จากนั้นเอ่ยกับผู้อาวุโสที่สี่
ตอนนี้เอง เซี่ยโหวอู่เดินมาข้างกายจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง เจ้ามีพัฒนาการรวดเร็วมาก!” เซี่ยโหวอู่เอ่ยอย่างละอายใจอยู่บ้าง
หนึ่งปีก่อนนี้เขายังสามารถประมือกับจ้าวเฟิงได้อย่างดุเดือดอยู่เลย แต่ในตอนนี้ เขาจะรับมือจ้าวเฟิงได้เกินห้ากระบวนท่าหรือไม่ยังเป็นปัญหา
“ ‘งานชุมนุมเนตรเทพเจ้า’ ที่จะเกิดขึ้นในอีกครึ่งปีจากนี้ เจ้าจะไปหรือไม่?”
เซี่ยโหวอู่ถาม
“งานชุมนุมเนตรเทพเจ้า?” จ้าวเฟิงฉงนสงสัย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้
ในเวลาเดียวกัน เขาสงสัยว่างานชุมนุมครั้งนี้จะมีแปดเนตรเทพเจ้าด้วย?
“เจ้าไม่รู้หรือ?” เซี่ยโหวอู่แปลกใจ ก่อนเอ่ยอธิบายช้าๆ
งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าจัดโดยขั้วอำนาจของดินแดนเทพรกร้างแห่งหนึ่งชื่อ
‘หอเนตรเทพเจ้า’
หอเนตรเทพเจ้าซ่อนอยู่ในที่ลับตาคน กระจายอยู่ทั่วดินแดนเทพรกร้าง ผู้ดูแลของขั้วอำนาจล้วนเป็นทายาทเนตรเทพเจ้า เล่าลือกันว่าผู้ปกครองของหอนี้เป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า
จ้าวเฟิงอึ้งไป ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เกรงว่าขั้วอำนาจแห่งนี้น่าจะเหมือนกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ
“ขั้วอำนาจแห่งนี้พิเศษอย่างยิ่ง สมาชิกก็มีน้อยนิด ไม่เคยมีสมาชิกปรากฏตัวที่โลกภายนอกในฐานะสมาชิกของขั้วอำนาจมาก่อน ไม่ติดต่อกับขั้วอำนาจใดๆ และไม่แย่งชิงทรัพยากรขั้วอำนาจอื่น ถึงจะเข้าร่วมก็ไม่ได้รับการปกป้องหรือประโยชน์…”
ถึงจะบอกว่าเป็นขั้วอำนาจแห่งหนึ่ง แต่ทุกคนในขั้วอำนาจก็มีอิสระอย่างยิ่ง มีบางคนที่ยังเป็นสมาชิกของขั้วอำนาจอื่นด้วย
เซี่ยโหวอู่แนะนำต่ออีกว่า “จนถึงตอนนี้หอเนตรเทพเจ้าจะเคลื่อนไหวเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ก็คือในทุกช่วงเวลาหนึ่งจะจัด ‘งานชุมนุมเนตรเทพเจ้า’ ขึ้นในทุกเขต!”
ถึงแม้จะเรียกว่างานชุมนุมเนตรเทพเจ้า แต่คนที่เข้าร่วมนั้นแทบจะเป็นทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสิ้น
“งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าจัดขึ้นเพื่ออะไร?” จ้าวเฟิงถามต่อ
ขั้วอำนาจที่พิเศษและแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำเพียงแค่เรื่องเดียวนั่นก็คือจัดงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า งานชุมนุมนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“งานชุมนุมครั้งนี้จัดเพื่อรวบรวมทายาทแปดเนตรเทพเจ้าของแต่ละพื้นที่เอาไว้ด้วยกัน โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในเพื่อทำการแลกเปลี่ยนหรือไม่ก็ส่งต่อภารกิจกัน…”
เซี่ยโหวอู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ดวงตาของเจ้าพิเศษอย่างยิ่ง บางทีอาจจะเจอคำตอบในนั้น แล้วดวงตาของเจ้าน่าจะเทียบเท่าได้กับเนตรปฐมเทพแล้ว แต่พลานุภาพเหมือนว่ายังไม่ได้สำแดงออกมาทั้งหมด…”
แววตาของเซี่ยโหวอู่จ้องไปที่ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง
เขาใช้เนตรชีวิตที่ตนเองภาคภูมิใจ ในทุกครั้งที่มองเห็นตาซ้ายของจ้าวเฟิง เขาต้องตัวสั่นอย่างประหลาด
จ้าวเฟิงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เรื่องเกี่ยวกับการแบ่งเนตรปฐมเทพ เขาเองก็เคยได้ยินมาจากเซี่ยโหวอู่
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงถึงเพิ่งได้รู้ว่าความเข้าใจเกี่ยวกับแปดเนตรเทพเจ้าที่ตนเองมีช่างน้อยนิดเหลือเกิน
แปดเนตรเทพเจ้ารวมตัวอยู่ด้วยกัน! จ้าวเฟิงตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“ดวงตาของข้าไม่ถือว่าเป็นทายาทของแปดเนตรเทพเจ้า…”
จ้าวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยออกมา
“ดวงตาใดๆ ในผืนพสุธาล้วนมาจากแปดเนตรเทพเจ้า งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าก่อนนี้อนุญาตให้เข้าร่วมโดยเฉพาะทายาทแปดเนตรเทพเจ้า แต่หลังจากนั้นก็ผ่อนปรนลง ขอแค่มีสายเลือดดวงตาก็สามารถเข้าร่วมได้…”
เซี่ยโหวอู่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“ครึ่งปีจากนี้ คนของหอเนตรเทพเจ้าจะจัดงานงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า!”
หลังจากเซี่ยโหวอู่เอ่ยจนจบแล้ว จึงเดินทางออกจากที่นี่พร้อมกับคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเป็นแค่พยานของการประลองเดิมพันครั้งนี้ หลังจากการประลองจบลงแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
“พวกเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ หรือไม่ก็กลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ จะอยู่ที่นี่ต่อต้องรับผิดชอบคอยเก็บสายธารผลึกเพลิงวิญญาณ จะได้รับผลตอบแทนพิเศษ…”
ผู้อาวุโสสี่เอ่ยกับทุกคน
“ข้าจะกลับไปสักหน่อย!” จ้าวเฟิงเอ่ย
ตั้งแต่แรกเทพโบราณปิงหยวนเองก็เตรียมจะกลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้จึงชะงักไป จนสุดท้ายแล้วมีเพียงแค่สามคนเลือกเดินทางกลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ
จากการนำของคนระดับสูงจำนวนน้อยนิดและผู้อาวุโสห้า จ้าวเฟิงและพวกจึงเดินทางกลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างราบรื่น
ผู้อาวุโสที่ห้ารีบส่งศิษย์นอกเผ่ากลุ่มหนึ่งเดินทางไปเก็บสายธารผลึกเพลิงวิญญาณ
หลังจากกลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว จ้าวเฟิงจึงปิดด่านฝึกตนช่วงหนึ่ง เพิ่งผ่านการประลองต่อเนื่องไป เขาจึงเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น
คะแนนคุณูปการจำนวนห้าแสนนั้นน่าจะยังไม่ได้รายงานต่อเบื้องบน
สิบวันผ่านไป จ้าวเฟิงถึงไปที่ตำหนักหมื่นวิญญาณของเผ่า
“พี่เฟิงออกจากปิดด่านแล้ว!”
“พี่จ้าวเฟิงสวัสดี!”
ระหว่างทางเจอศิษย์หลักหลายคน พวกเขาล้วนแต่ทักทายอย่างเป็นมิตร
ในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับผลงานของจ้าวเฟิงแพร่สะพัดไปหมดแล้ว
พวกเขาเป็นมิตรกับจ้าวเฟิงย่อมเป็นเพราะว่าเขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับเผ่าพันธุ์วิญญาณ และเป็นการแสดงแสนยานุภาพที่ไม่ว่าศิษย์คนใดก็ต้องหวาดกลัว
จ้าวเฟิงเดินทางมาถึงตำหนักหมื่นวิญญาณของเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เพิ่งมาถึง มีชายชราคนหนึ่งเดินมาด้านหน้าของตำหนักหมื่นวิญญาณ
“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!” ชายชราที่เฝ้าตำหนักคนหนึ่งระบายยิ้มน้อยๆ เหมือนว่ารอจ้าวเฟิงมาตลอด
“อืม ข้าต้องการแลกซื้อวิชา!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
จากนั้นคนทั้งสองจึงตรงไปชั้นบนสุดของตำหนักหมื่นวิญญาณ!