บทที่ 1307 ร่วมมือต่อกร
“พวกเขาคงจะอยู่ข้างในนี้กันหมดกระมัง พอเข้าไปก็ลงมือสังหารให้หมด!”
เทพโบราณจวี้หลิงในกลุ่มนั้นเผยยิ้มชั่วร้าย
“เหอะๆ ดี!”
เทพโบราณหลิวจินมีสีหน้ากระตือรือร้น คนที่เหลือของเผ่าเปลวทองเองก็คันไม้คันมือ เตรียมตัวจะลงมือ
พวกเขาล้วนคาดคิดไม่ถึงว่าเดินตามทางที่คนอื่นเคยเดิน จะมาเจอใจกลางของซากปรักหักพังแห่งนี้ได้ ตอนนี้ขอแค่พวกเขาเข้าไปในพื้นที่ใจกลางและสังหารทุกคนจนหมด ซากปรักหักพังแห่งนี้ก็จะตกเป็นของเผ่าเปลวทองทันที
สวบ! สวบ! สวบ! คนของเผ่าเปลวทองบินทะยานไปด้านหน้า ตรงไปยังพื้นที่ใจกลาง
ในเวลาเดียวกัน ส่วนภายในของพื้นที่ใจกลาง คนทั้งสามกลุ่มหน้าเปลี่ยนสีไปทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชราชุดเขียวและบุรุษหนุ่มชุดเหลืองในกลุ่มเทพโบราณเสวียนหมัวที่ร้อนรุ่มดั่งไฟ หากเปลี่ยนมุมมองความคิดดู พวกเขาก็เข้าใจว่าเผ่าเปลวทองในตอนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่
“ทำอย่างไรกันดี? เผ่าเปลวทองส่งเทพโบราณเก้าคนมา โดยมีเทพโบราณขั้นแปดคนหนึ่งเป็นผู้นำ!”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเอ่ยด้วยใบหน้าร้อนรน
โดยทั่วไป ในฐานะที่เขาเป็นศิษย์หลักของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ถึงศิษย์ของเผ่าเปลวทองคิดจะประจบประแจงเขาก็ยังต้องดูอารมณ์ของเขาก่อน แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามต้องสังหารเขาโดยไม่ปรานีแน่
“เผ่าเปลวทองเดินทางมาตามเส้นทางของพวกเรา พวกเราต้องรีบไป หากรวมตัวกับกลุ่มอื่นในพื้นที่ใจกลางถึงจะยังพอมีโอกาสรอดชีวิต!”
สีหน้าเทพโบราณเสวียนหมัวร้อนรนไม่ต่างกัน
ทันทีที่กลุ่มเผ่าเปลวทองไล่ตามมาทัน พวกเขาสามคนหากไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส
“ถูกต้องแล้ว ต้องรวมตัวกับกลุ่มอื่นที่นี่!” ชายชราชุดเขียวเห็นด้วยอย่างมาก
หากเผ่าเปลวทองอยากจะฮุบซากปรักหักพังแห่งนี้เอาไว้ ย่อมไม่ทางปล่อยกลุ่มอื่นๆ ไว้แน่
กลุ่มทั้งสามที่มาถึงที่นี่ก่อน หากจะสู้กันตัวต่อตัว ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเผ่าเปลวทอง แต่หากร่วมมือกันแล้วก็ยังมีแรงจะประมือได้
พรึ่บ~ ทั้งสามขยับกายในทันที รีบโบยบินไปด้านหน้า ไม่ไยดีสมบัติอะไรในพื้นที่ใจกลางอีกแล้ว
ตอนนี้การรักษาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญ หากไร้ซึ่งชีวิต สิ่งของอื่นจะมีประโยชน์อันใด?
แต่ห้องใหญ่น้อยในพื้นที่ใจกลางมีจำนวนนับไม่ถ้วน โครงสร้างสลับซับซ้อน อีกทั้งสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดยังสามารถขวางประสาทสัมผัสเทพได้ อยากจะตามหาคนกลุ่มหนึ่งก็ยังต้องเปลืองแรงไม่น้อย
ขณะเดียวกันนั้นเอง อีกสองกลุ่มในพื้นที่ใจกลาง ถึงแม้จะอยู่ไกลจากพวกเผ่าเปลวทองค่อนข้างมาก แต่ก็รู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
“เหตุใดเผ่าเปลวทองของเขตเทพสวรรค์จึงรู้จักที่นี่ด้วย?”
สีหน้าหลินเฉิงอู่โกรธเกรี้ยว
ในตอนเริ่มต้น เขายังสงสัยว่าเทพโบราณเฮยจี๋เป็นคนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแต่ตอนนี้ดูไปแล้วที่นี่ไม่ใช่สถานที่ลับแน่นอน คนที่ล่วงรู้ถึงการดำรงอยู่ของที่นี่มีมากมายนัก
“ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้ ข้าถึงว่าเทพโบราณหลิวจินของเผ่าเปลวทองจะครอบครองพลังทำลายล้างได้อย่างไร…”
จ้าวเฟิงไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก ตอนการประลองเดิมพันของทั้งสองเผ่า เขาก็ได้ยินเรื่องของเทพโบราณหลิวจินมาไม่น้อย
คิดๆ ดูแล้ว เทพโบราณหลิวจินคงจะมาเจอซากปรักหักพังแห่งนี้และได้รับโอกาสไปในระดับหนึ่ง
“พวกเราไปหาสองกลุ่มที่เหลือในพื้นที่ใจกลาง มีเพียงรวมตัวกันถึงจะต้านทานเผ่าเปลวทองได้!”
เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยขึ้นในทันที จากนั้นจึงเดินนำไป
หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามเองก็รู้ว่านี่คือวิธีการเดียวในตอนนี้ ทั้งสองคนจึงรีบเดินตามไป จ้าวเฟิงอยู่รั้งท้าย ติดตามคนทั้งสามไป
ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อยบนบ่าเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าหนีไปที่ไหนแล้ว
อีกฟากหนึ่ง
“เดินไปทางนี้ มีกลุ่มหนึ่งกำลังจะเจอกับอันตรายของเผ่าเปลวทอง พวกเราต้องไปช่วยพวกเขาและต้องร่วมมือกัน ถึงจะสามารถรับมือกับเผ่าเปลวทองได้!”
ดวงตาของสตรีร่างแบบบางนางนั้นเปล่งแสงเงาหลากสี เปิดปากเอ่ยในทันที
“ไปเถอะ!”
คนอื่นในกลุ่มต่างเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ จึงขยับตัวทันที
จากการชี้นำของเนตรทำนาย ทุกคนทะยานออกมาจากในห้องที่ซับซ้อน จนได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วมา
โครม เปรี้ยง! เผ่าเปลวทองทั้งเก้าคนพุ่งตรงมาประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่ลุกโชติช่วงด้วยเพลิงสีทอง
“รีบหนีเร็ว!” เทพโบราณเสวียนหมัวร้องตะโกนและโคจรเนตรหมื่นปรากฏการณ์ สร้างพายุเหมันต์ขึ้นมากมายด้านหลังเพื่อขัดขวางเผ่าเปลวทองไว้
“ทำลาย!” เทพโบราณจวี้หลิงฝั่งเผ่าเปลวทองร้องลั่น
ร่างเขาดุจดวงอาทิตย์ร้อนแรง ปลดปล่อยลำแสงสีทองราวกับอสูรร้ายพุ่งทะลวงไปด้านหน้า ปะทะพายุเหมันต์กลุ่มนี้จนแตกกระจายไป
“เทพโบราณขั้นแปด!” สีหน้าชายชราชุดเขียวตื่นตะลึง
กลิ่นอายสายเลือดพลังเทพที่น่ากลัวกลุ่มนั้นทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายมหาศาล
“เทพโบราณจวี้หลิง ท่านต้องการจะสังหารข้าหรือ?”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตร้องลั่นด้วยความโกรธแค้น
“เหอะ!” เทพโบราณจวี้หลิงแค่นเสียงเย็น ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะไล่ตามต่อไป
ถ้าหากเขาชำนาญในด้านความเร็ว เกรงว่าคงจะจัดการสามคนด้านหน้าได้แล้ว
แต่เทพโบราณขั้นแปดก็คือเทพโบราณขั้นแปด สำนึกรู้ลึกซึ้งสูงส่ง เสวียนอ้าวแข็งแกร่ง พลังเทพบริสุทธิ์ ถึงจะไม่รวดเร็วนักแต่ก็ยังเร็วกว่าเทพโบราณขั้นเจ็ดมากอยู่ดี
พวกเทพโบราณเสวียนหมัวทั้งสามสัมผัสได้ถึงแก่นแท้พลังกดดันอันร้อนแรงอย่างช้าๆ ทั้งยังรุนแรงขึ้นไม่หยุด
พวกเขาเข้าใจว่าคนของเผ่าเปลวทองใกล้ตามหลังพวกตนมาทันแล้ว
“ฝ่ามือเพลิงมารทำลายล้าง!” จู่ๆ เทพโบราณจวี้หลิงก็โคจรพลัง ฟาดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง เห็นเพียงฝ่ามือแสงเพลิงที่ร้อนระอุบ้าคลั่งพุ่งไปบดขยี้พวกเทพโบราณเสวียนหมัว
“ต้านทานเอาไว้!” เทพโบราณเสวียนหมัวตะโกนเสียงต่ำ ก่อนจะปลดปล่อย ‘เขตแดนหมื่นปรากฏการณ์’ ออกมาปกคลุมตนเองและอีกสองคนเอาไว้ภายใน
ในเวลาเดียวกัน ชายชราชุดเขียวและบุรุษหนุ่มชุดเหลืองรุกโจมตีอย่างหนักหน่วง ลดทอนแรงโจมตีที่แข็งแกร่งของเทพโบราณจวี้หลิง
ตอนนี้เอง ด้านหลังพวกเทพโบราณเสวียนหมัวมีหอกทมิฬมรณะด้ามหนึ่งพุ่งออกมา เข้าปะทะเทพโบราณจวี้หลิงพร้อมกับการโจมตีของพวกเขาตูม!
พายุพลังมหาศาลระเบิดออก ณ พื้นที่ใจกลาง
ซากปรักหักพังผืนนี้ถูกทำลายราบ แต่พื้นที่ใจกลางกลับคงสภาพเดิมเอาไว้สมบูรณ์แบบ จากจุดนี้จึงจะเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของพื้นที่ใจกลาง แต่เวลานี้เอง จากการปะทะกันอย่างรุนแรงของทั้งสองฝ่าย สิ่งปลูกสร้างรอบบริเวณบิดเบี้ยวเล็กน้อย อุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมายถูกทำลายไป
พร้อมกันนั้น กลไกรอบๆ ห้องทำงานทันที ทุกคนในห้องจึงทำการรุกโจมตีอย่างไม่ใส่ใจ
“ถอย!” เทพโบราณจวี้หลิงเอ่ยเสียงต่ำ
กับดักกลไกที่ส่วนใจกลางของซากปรักหักพังแห่งนี้ ถึงเขาจะเป็นเทพแท้จริงขั้นแปดก็ต้องระมัดระวัง
สวบ! อีกฟากหนึ่ง กลุ่มสตรีร่างบางและเทพโบราณเสวียนหมัวฉวยโอกาสหนีไป
“รีบตามไป!” เทพโบราณจวี้หลิงถ่ายทอดคำสั่งในทันที
ถ้าหากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะมีอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ฝั่งเทพโบราณเสวียนหมัวคงจะตายด้วยเงื้อมมือเผ่าเปลวทองไปแล้ว
ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามมีเจ็ดคน จะสังหารก็ยุ่งยากไม่ใช่น้อย แต่ขอแค่ไล่ตามไปติดๆ ก็ยังพอจะมีหวังสังหารฝ่ายตรงข้ามจนตายสิ้น
พรึ่บ~ คนของเผ่าเปลวทองรวมตัวกันพุ่งทะยาน ไล่ตามไปต่อเรื่อยๆ
แต่พวกเขาไล่ตามไปได้ไม่นานนัก ก็ไปเจอคนทั้งเจ็ดหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง ไม่มีเจตนาจะไล่ตามต่อ
“ระวังกับดัก!” ชายชราชุดม่วงเอ่ยเตือน
จากที่เขาดูแล้ว ฝ่ายตรงข้ามสามารถอยู่รอดปลอดภัยมาถึงที่นี่ได้ ในนั้นต้องมีปรมาจารย์กลไกค่ายกลอยู่อย่างแน่นอน หากไม่กำจัดทิ้ง ฝ่ายนั้นจะสามารถใช้กับดักกลไกในใจกลางซากปรักหักพังแห่งนี้รับมือกับพวกเขา
แต่ทว่า ยังไม่ทันรอให้คนเผ่าเปลวทองเข้ามาใกล้ เทพโบราณเสวียนหมัวในเจ็ดคนนั้นเปิดปากเอ่ยทันที “พวกเราในตอนนี้มีเจ็ดคน พวกเจ้าอยากจะสังหารพวกเราทั้งหมดไป เกรงว่าคงจะยุ่งยากอย่างมาก หนำซ้ำยังต้องจ่ายค่าตอบแทนสูง ไม่สู้พวกเราลองมาคุยกันก่อน!”
เทพโบราณจวี้หลิงชะงัก คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะหยุดลงเพื่อเจรจากับเขา
“เผ่าเปลวทองเจอที่นี่มานานแล้ว ถ้าหากยอมมอบสิ่งของที่ได้มาตลอดทาง เผ่าเปลวทองจะปล่อยให้มีชีวิตรอดไป!”
เทพโบราณจวี้หลิงทำทียื่นเงื่อนไข ค่อยๆ เข้าใกล้ฝ่ายตรงข้ามทั้งเจ็ดคน ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ถ้าหากมีโอกาสเทพโบราณจวี้หลิงย่อมไม่ปล่อยใครมีชีวิตรอดไปแน่
“เงื่อนไขของเผ่าเปลวทองสูงกินไปหน่อยกระมัง พวกเราจะคุยกันต่อได้หรือไม่!”
เทพโบราณเสวียนหมัวมีท่าทีลังเล
“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็มอบมาเก้าส่วนแล้วกัน!” คนของเผ่าเปลวทองรุกคืบเข้าไปใกล้ทีละน้อย
“เก้าส่วนก็ได้ ดูว่าเจ้าจะกล้ามาเอาหรือไม่!”
ท่าทีลังเลของเทพโบราณเสวียนหมัวเปลี่ยนไปในทันที
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ ที่เหลือปลดปล่อยระลอกเจตจำนงดวงตาอันทรงพลังออกมา
“ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ อาศัยแค่พวกเจ้าเจ็ดคน คิดจะต้านทานเผ่าเปลวทองงั้นหรือ?”
เทพโบราณจวี้หลิงหัวเราะร่วน
ยามนี้เอง ในห้องด้านหลังจู่ๆ ก็ปรากฏเงาคนสี่ร่าง ซึ่งก็คือพวกของจ้าวเฟิง
สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ใจกลางพิเศษอย่างยิ่ง ปิดกั้นประสาทสัมผัสเทพจนหมดสิ้น ดังนั้นเผ่าเปลวทองจึงไม่รู้ว่าละแวกใกล้เคียงมีศัตรูคนอื่นแอบซ่อนอยู่ด้วย
“ดาบแหวกอากาศ!”
“ใยมรณะ!”
“ลำแสงทำลายล้าง!”
“หยินหยางห้าธาตุ!”
……
ชั่วพริบตา ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหมดพากันปลดปล่อยวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบเพื่อโจมตีเผ่าเปลวทองอย่างหนักหน่วง
เมื่อครู่เผ่าเปลวทองยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ไม่ว่าอย่างไรก็คาดคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
เผ่าเปลวทองเสียเปรียบมากเมื่อตั้งรับไม่ทัน คนเก้าคนต่างได้รับบาดเจ็บมากน้อยต่างกัน โชคดีที่เผ่าเปลวทองชำนาญการป้องกัน ไม่เช่นนั้นความเสียหายเมื่อครู่ก็จะมากขึ้นไม่น้อย แต่ถึงจะจู่โจมมาในฉับพลัน กำลังรบทางฝั่งจ้าวเฟิงก็ยังคงด้อยกว่าเผ่าเปลวทอง
“นี่มันจ้าวเฟิง!”
ในกลุ่มเผ่าเปลวทอง เทพโบราณหลิวจินกัดฟันกรอดพลางชี้ไปที่จ้าวเฟิง
อีกด้าน เทพโบราณจินนู่ที่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิงในการประลองเดิมพันสองตื่นตะลึงเช่นกัน
“เขาก็คือจ้าวเฟิง?”
แววตาของเทพโบราณจวี้หลิงหยุดลงบนร่างจ้าวเฟิง ไม่ปกปิดจิตสังหารภายในแม้แต่น้อย
ช่วงก่อนนี้ในการประลองเดิมพันของทั้งสองเผ่า จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ ทำให้เผ่าเปลวทองเสียหน้า คนทั้งเผ่าเปลวทองต่างมองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเคียดแค้น
เผ่าเปลวทองทุกคนในที่แห่งนี้ แต่ละคนจิตสังหารปั่นป่วน มองจ้าวเฟิงเหมือนกลืนกินกันทั้งเป็น
“ดวงตาของจ้าวเฟิงถึงแม้จะไม่ใช่ทายาทแปดเนตรเทพเจ้า แต่ก็ลึกลับเกินจะเปรียบ จะปล่อยให้เขาได้ผลประโยชน์อะไรจากที่นี่ไปไม่ได้ มิฉะนั้นคนผู้นี้จะต้องกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของเผ่าเปลวทองแน่!”
เสียงของเทพโบราณจวี้หลิงดังขึ้นในหัวคนของเผ่าเปลวทอง
“หนำซ้ำสิบกว่าคนเบื้องหน้าเพียงแค่ใช้พลังมากจนเกินไป ทันทีที่พวกเขาฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว คนที่แพ้จะเป็นพวกเรา!”
สีหน้าชายชราชุดม่วงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย ส่งเสียงบอกมา
คนของเผ่าเปลวทองเห็นตรงกันอย่างรวดเร็ว…
“สังหาร!” ทันใดนั้น คนของเผ่าเปลวทองก็พุ่งทะยานออกมา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สีหน้าชายชราชุดเขียวตื่นตะลึง
เมื่อครู่เผ่าเปลวทองมีสีหน้าทะมึน จากนั้นจิตสังหารพลันแผ่พวยพุ่งแล้วตรงดิ่งมาสังหารทันที เท่ากับต้องการสู้ตัดสินกับพวกเขาโดยไม่สนใจความเป็นความตายใดๆ
“พวกเขาบ้าไปแล้วกระมัง!” เทพโบราณหวังหลิงก่นด่า
เขาคิดว่าทั้งสามกลุ่มรวมตัวกันจะสามารถเขย่าขวัญเผ่าเปลวทองได้ เพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกไป แต่เผ่าเปลวทองเหมือนคลุ้มคลั่งไปแล้ว พลังทั้งสองฝ่ายก็ไม่ต่างกันมากนัก ยังจะรุกโจมตีเข้ามาอีก