Skip to content

King of Gods 1309

King Of Gods

บทที่ 1309 เนตรเทพรวมเป็นหนึ่ง

“พาพวกเจ้าตระเวนไปมาเป็นเวลานาน ยามนี้จบลงได้สักที!”

เทพโบราณเสวียนหมัวเอ่ยเสียงเย็นชา

แต่เดิมพวกเขาสามคนยังวางแผนให้สมาชิกในกลุ่มมาเจอกันตรงพื้นที่ใจกลาง จากนั้นค่อยให้สังหารกันเอง จนที่สุดแล้วค่อยเก็บทายาทเนตรเทพเจ้าเอาไว้ทีเดียว

แต่การปรากฏตัวขึ้นของเผ่าเปลวทองทำลายแผนการของพวกเขา ถึงทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กัน สุดท้ายต่างฝ่ายก็ต่างบาดเจ็บ พวกเขาทั้งสามไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ดังนั้นในระหว่างทางสตรีร่างบางจึงค่อยๆ หายตัวไปตามหาพรรคพวกคนอื่นๆ ของนางที่นี่

ตอนนี้พวกเขาทั้งหกรวมตัวกันครบแล้ว ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีก

อีกห้าคนต่างก้าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

คนทั้งหกยืนเรียงหน้า จู่ๆ สายเลือดดวงตาของทุกคนก็ทะลักพลังดั้งเดิมที่น่าตื่นตกใจออกมา

“แย่แล้ว…” จ้าวเฟิงหน้าถอดสี ใจเต้นระรัว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในวินาทีที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ในหัวเขาก็ปรากฏภาพที่ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้าใช้เคล็ดวิชาทำร้ายเทพแท้จริงเทียนฝาจนบาดเจ็บสาหัส!

แต่คนอื่นๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น

“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าล่อพวกเรามาที่นี่เพราะอะไร แต่แผนของพวกเจ้าล้มเหลวแล้ว อาศัยแค่พลังของพวกเจ้าเท่านี้จะมีประโยชน์อะไร?”

เทพโบราณหวังหลิงหัวเราะเสียงเย็น

เทพโบราณเสวียนหมัว เทพโบราณเฮยจี๋ และสตรีร่างบาง เป็นคนที่เริ่มภารกิจและเป็นผู้นำกลุ่มทั้งสามของพวกเขา

ยามนี้พวกเขาและคนอีกกลุ่มรวมตัวกัน

เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าย่อมเข้าใจแล้วว่าซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้าแห่งนี้เป็นกับดักมาตั้งแต่แรก ถ้าหากเผ่าเปลวทองไม่โผล่มา เกรงว่าคนทั้งสามกลุ่มจะสังหารกันเอง ณ พื้นที่ใจกลางแห่งนี้ แต่การปรากฏตัวของเผ่าเปลวทองทำให้ทั้งสามฝ่ายร่วมมือกัน และทำลายแผนการในตอนแรกของพวกเขา

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เดิมทีพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าเปลวทองอยู่แล้ว หนำซ้ำในตอนนี้เทพโบราณเฮยจี๋และเทพโบราณเสวียนหมัวยังแยกกลุ่มไปอีก

ทว่ากลุ่มเทพโบราณเสวียนหมัวมีเพียงหกคน เนตรทำนายหนึ่งในนั้นไม่ได้มีกำลังรบด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายที่อ่อนแอที่สุดในสามฝ่าย ส่วนพวกคนลึกลับที่เริ่มภารกิจพวกนั้นกลับเป็นฝ่ายที่ทรงพลังที่สุดในที่นั้น

พวกเขาพูดต่อหน้าเผ่าเปลวทองว่าเทพโบราณจวี้หลิงความตายมาเยือนแล้ว ตอนนี้ยังพูดว่าจะจบเรื่องทั้งหมดอีก!

คนจำนวนมากฟากเผ่าเปลวทองเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง แต่กลับถูกเทพโบราณจวี้หลิงและชายชราชุดม่วงปรามไว้

พวกเขาไม่สามารถเอาชนะทุกคนตรงนั้นได้ ตอนนี้ต้องลงมืออย่างระมัดระวัง

“ไม่ว่าพวกเจ้าคิดจะทำะไร แต่ตอนนี้ทุกสิ่งจบสิ้นลงแล้ว!”

แววตาเทพโบราณเสวียนหมัวกวาดตามองทุกคนอย่างเฉยชา ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาทั้งสิ้น

เมื่อเอ่ยจบ พลังดั้งเดิมของทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหกคนก็ถูกกระตุ้นออกมา

“พลังดั้งเดิม…พวกเขาคิดจะทำอะไร?”

สีหน้าเหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าฉายแววตกใจสงสัย

พลังดั้งเดิมก็คือรากฐานของดวงตา หากไม่จนตรอกจริงๆ โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยใช้

สีหน้าทางฝั่งเผ่าเปลวทองไม่เปลี่ยนไป

พลังดั้งเดิมของทายาทเนตรเทพเจ้าเพียงหกคนเท่านั้น ไม่เพียงพอให้พวกเขาต้องให้ความสำคัญ

ในกลุ่มคนที่อยู่ ณ สถานที่นั้น ผู้ที่สีหน้าเปลี่ยนอย่างที่สุดก็คือจ้าวเฟิง

‘พวกเขามีวิชารวมเนตรเทพเจ้าให้เป็นหนึ่งจริงๆ ด้วย!’

ในใจจ้าวเฟิงตื่นตะลึงอย่างยิ่ง อดจะชักเท้าถอยไม่ได้ พลานุภาพที่เกิดขึ้นจากวิชารวมเนตรเทพเจ้า เขาก็เห็นด้วยตาของตนเอง ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับที่สูงกว่าก็สังหารได้ในทันที

“แต่วิชารวมเนตรเทพเจ้านี้ไม่น่าจะใช้นานๆ ได้!”

จ้าวเฟิงสงบจิตใจลงได้บ้าง

วิชารวมเนตรเทพเจ้าต้องใช้พลังมหาศาล ใช้ได้ในระยะเวลาจำกัด จัดการทุกคนตรงนี้ไม่ได้แน่ แต่ในวินาทีต่อมา แววตาจ้าวเฟิงก็เคร่งขรึมทันที

เมื่อเขาเห็นทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหกซึ่งมีเทพโบราณเสวียนหมัวเป็นผู้นำพากันประสานสัญลักษณ์มือ ควบคุมพลังดั้งเดิมของตนเองเอาไว้ ก่อนจะหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน

“ดูท่าจะประเมินพวกเขาต่ำไป!”

จ้าวเฟิงตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

เขายังจำได้ว่าที่ดินแดนทวีปในตอนนั้น ทายาทเนตรเทพเจ้าห้าคน สี่คนในนั้นแค่ปลดปล่อยพลังดั้งเดิมออกมาให้ราชาเซียนวัฏสังสารควบคุม แต่ตอนนี้ทั้งหกคนล้วนเป็นคนควบคุมเอง

นี่บ่งชี้ให้เห็นว่าพลังที่สำแดงออกมาหลังจากที่เนตรเทพเจ้ารวมกันเป็นหนึ่งจะยิ่งละเอียดและสมบูรณ์แบบมากขึ้น

เทพโบราณจวี้หลิงและชายชราชุดม่วงของฝั่งเผ่าเปลวทองขมวดคิ้ว

พวกเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

พวกเทพโบราณเสวียนหมัวนิ่งสงบและเชื่อมั่นในตนเองจนเกินไป และการกระทำของพวกเขาในตอนนี้แปลกประหลาดนัก

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าหากพวกเราโจมตีพวกเทพโบราณเสวียนหมัว กลุ่มที่จ้าวเฟิงอยู่จะต้องร่วมมือกับฝ่ายนั้นมารับมือกับพวกเราแน่นอน!”

ชายชราชุดม่วงส่งเสียงบอกคนอื่นๆ

ทว่าชั่วขณะต่อมา เทพโบราณจวี้หลิงก็แค่นเสียงต่ำ ก่อนจะกลายร่างเป็นกลุ่มแสงสีทองตรงดิ่งไปยังพวกเทพโบราณเสวียนโหมวทั้งหก ถึงแม้ตอนนี้ดูไปแล้วกลุ่มที่นำโดยเทพโบราณเสวียนโหมวจะกดดันอะไรพวกเขาไม่ได้ แต่เทพโบราณจวี้หลิงรู้สึกว่าเรื่องที่พวกเขากำลังทำนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าหากไม่ขัดขวาง เกรงว่าเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้น

“ฝ่ามือเพลิงมารทำลายล้าง!”

เทพโบราณจวี้หลิงหลอมรวมสายเลือดพลังเทพเข้ากับพลังกาย ผลักขุนเขาเพลิงทองขนาดยักษ์ออกไปหากลุ่มเทพโบราณเสวียนหมัว

“ไป!” เทพโบราณเสวียนหมัวสังเกตเห็นการกระทำของเทพโบราณจวี้หลิง จึงกระตุ้นห้วงความคิดกลุ่มหนึ่ง แล้วหยิบเอาแผ่นโลหะสามเหลี่ยมในมิติเก็บของออกมา

ติง ติง แกรก!

แผ่นโลหะสามเหลี่ยมถูกกระตุ้น ลวดลายสลับซับซ้อนปรากฏขึ้นด้านบน

ทันใดนั้นเอง ม่านแสงสีเงินเข้มหลายสายพุ่งออกจากทั้งสามด้าน กลายเป็นกำแพงเรียบไร้รอยต่อ ปกคลุมพวกเขาหกคนเอาไว้ภายใน

โครม บึ้ม! ฝ่ามือทรงพลังของเทพโบราณจวี้หลิงปะทะเข้าใส่ม่านแสงสีเงินเข้มอย่างรุนแรง แต่ทว่าการโจมตีสุดพลังของเขาถูกปราการสีเงินเข้มขวางเอาไว้

โครม ฟิ้ว! พลังทั้งสองกลุ่มปะทะเข้าหากันอย่างจัง

ครู่ใหญ่หลังจากนั้น ปราการแสงสีเงินเข้มก็ค่อยๆ อ่อนแสงลงไป แต่พลานุภาพจากฝ่ามือของเทพโบราณจวี้หลิงก็สลายไปจนหมดสิ้นแล้วเช่นกัน

เคร้ง เคร้ง! แผ่นโลหะสามเหลี่ยมร่วงลงพื้น

เห็นได้ชัดว่านี่คือของที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว เมื่อใช้เสร็จแล้วก็เท่ากับเป็นของไร้ค่า

ทุกคนที่นั่นรวมไปถึงเทพโบราณจวี้หลิงตื่นตะลึงอย่างมาก

สามารถต้านทานการโจมตีสุดกำลังของเทพโบราณขั้นแปดได้ นับได้ว่าเป็นไพ่ตายรักษาชีวิตใบหนึ่งเลยทีเดียว“ไม่นึกเลยว่าจะต้านเอาไว้ได้…”

สีหน้าเทพโบราณจวี้หลิงไม่สู้ดีนัก ก่อนจะโคจรพลังอีกครั้งเพื่อเตรียมลงมือ

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่เหนือสรรพสิ่งนับหมื่น ภัยมรณะกลุ่มหนึ่งกระทบลงบนร่างเขา

ครืน วู้ม วู้ม!

เหนือศีรษะพวกเทพโบราณเสวียนโหมวปรากฏพลังลึกลับที่บิดเบี้ยวไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่ง

พลังที่ไร้รูปร่างกลุ่มนี้เหมือนจะไร้ตัวตน แต่กลับมีอิทธิพลต่อทุกสรรพสิ่งในฟ้าดิน ประหนึ่งเป็นเจ้าแห่งโลกา!

เมื่อมองจากไกลๆ จะถึงขั้นมองเห็นดวงตาที่เลือนรางดวงหนึ่งในพลังไร้รูปกลุ่มนั้น

สวบ! เทพโบราณจวี้หลิงถอยกลับเข้าไปในกลุ่มเผ่าเปลวทองอย่างรวดเร็ว

“กลิ่นอายกลุ่มนี้…”

ทายาทเนตรเทพเจ้าจำนวนมากอีกฟากหนึ่งหน้าถอดสีไปทันที

แววตาของพวกเขาจับจ้องพลังว่างเปล่ากลุ่มนั้นที่ลอยอยู่เหนือพวกเทพโบราณเสวียนหมัว

“เป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นกลิ่นอายของเนตรเทพเจ้า!”

ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหมดต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเนตรเทพเจ้าที่มีเพียงหนึ่งเดียวและสูงส่งอย่างยิ่ง

หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่าคนทั้งหกใช้เคล็ดวิชาลับเรียกพลังกลุ่มนี้ออกมา พวกเขาอาจถึงขั้นคิดว่ามีหนึ่งคนในหกคนนี้ที่ครอบครองเนตรเทพเจ้า หรือไม่ก็อาจจะมีผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าหนุนหลังอยู่

“ไม่ได้การ ถอยก่อน!”

เทพโบราณจวี้หลิงแค่นเสียงต่ำ ก่อนจะชิงบินหนีออกไป

พลังกลุ่มนั้นน่ากลัวจนเกินไปจริงๆ สามารถทำร้ายพวกเขาจนถึงแก่ชีวิตได้

เมื่อหวนนึกถึงการกระทำทั้งหมดของตนก่อนหน้านี้ พวกเทพโบราณเสวียนหมัวทั้งหกไม่มีทางปล่อยเผ่าเปลวทองไปแน่

“ไป!” เมื่อคนอื่นที่เหลือของเผ่าเปลวทองเห็นเทพโบราณจวี้หลิงจากไป ก็รีบตามไปติดๆ

ทางฝั่งจ้าวเฟิงเองก็มีเจตนาจะถอยไปเช่นกัน

“วันนี้จะไม่มีใครหนีไปจากที่นี่ได้!”

เทพโบราณเสวียนหมัวผู้อยู่ภายใต้กลุ่มพลังมายาหัวเราะเสียงเย็น

“ผนึก!”

คนทั้งหกรีบประสานเคล็ดวิชา เหมือนจะตอบสนองต่อพลังไร้รูปด้านบนนั้น

ทันใดนั้น ม่านแสงที่สาดออกมาจากพลังไร้รูปพลันแผ่ขยายออกไปรอบทิศ ม่านแสงมายาปกคลุมวิหารใจกลางไว้ในชั่วพริบตา

“ปราการพลัง?”

เทพโบราณจวี้หลิงที่กำลังจะหนีออกไปสัมผัสได้ถึงพลังของปราการพลังด้านหน้า เขารีบโคจรพลัง หลอมรวมเสวียนอ้าวมิติ และทุบหมัดหนึ่งหออกมา

ตู้ม! ตอนที่ฝ่ามือเพลิงขนาดยักษ์ปะทะลงบนปราการพลังก็ถูกยับยั้งเอาไว้ทั้งหมด

สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือพลังของหมัดค่อยๆ อ่อนลงไป

ไม่ถึงสองช่วงลมหายใจ แสงเพลิงประหนึ่งดวงอาทิตย์ก็กลายเป็นเพียงแสงเทียนไข ก่อนจะหาบวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“นี่คือ…”

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง

หมัดของเทพโบราณจวี้หลิงไม่มีผลใดๆ ต่อปราการที่ไร้รูปร่างนั้น เหมือนกับว่าพลังของมันถูกดูดเข้าไป หากเป็นเช่นนี้ ถึงจะเป็นเขาเองก็ยังยากจะหนีรอดไปได้

ใช้วิชารวมเนตรเทพเจ้าเหมือนกัน แต่เคล็ดวิชาของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวกลับสูงส่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งคนทั้งหกสามารถควบคุมพลังกลุ่มนี้ วิธีที่จะปลดปล่อยพลังออกมาจึงมีหลากหลายรูปแบบ

“พวกเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือข้าแล้ว!”

เทพโบราณเฮยจี๋หัวเราะเสียงเย็น

“พวกเจ้ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของพวกข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จุดจบของพวกเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นก็คือความตาย!”

แววตาของเทพโบราณเสวียนหมัวหยุดลงที่กลุ่มเผ่าเปลวทอง

วู้ม วู้ม! เมื่อประสานสัญลักษณ์มือ พลังว่างเปล่าเหนือศีรษะพวกเขาดุจสัมผัสได้ มันเต้นระเร่าราวกับจังหวะของหัวใจ

โซ่มายาเส้นหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากด้านใน ช่วงต้นของโซ่มีปลายแหลมคม

ฟุ่บ! โซ่เส้นนั้นตรงดิ่งไปหาเทพโบราณจวี้หลิงที่อยู่ในกลุ่มเผ่าเปลวทอง

“บัดซบ!”

เทพโบราณจวี้หลิงมีสีหน้าดำคล้ำ หยิบโล่ยาวสีทองทรงเหลี่ยมออกมา

ตุบ! ส่วนปลายแหลมช่วงต้นของโซ่มายาพุ่งทะลุเข้าไปในโล่ทรงเหลี่ยมสีทอง

“เป็นได้อย่างไรกัน? นี่มันอาวุธเทพระดับสูงเชียว!”

เทพโบราณจวี้หลิงสับสนงงงวย

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงโซ่มายาเส้นนั้นได้ ว่าสุดท้ายแล้วเป็นพลังอะไรกันแน่

แต่พลังกลุ่มนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย มันทำลายอาวุธเทพป้องกันระดับสูงของเขาได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นแค่อาวุธเทพป้องกันระดับสูงในขั้นต่ำเท่านั้น แต่อย่างไรก็เป็นอาวุธเทพระดับสูง!

ผลัวะ ตุบ! หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โซ่เส้นนั้นพุ่งทะลุโล่เหลี่ยมสีทองทันที

แต่เทพโบราณจวี้หลิงหนีไปก่อนนานแล้ว

โซ่มายาทะลวงผ่านไปยังตำแหน่งที่เขาเคยอยู่

พลั่ก! คนเผ่าเปลวทองด้านหลังผู้หนึ่งถูกโซ่มายาทะลวงผ่านไป

ตูม! ในวินาทีที่ร่างเขาถูกทะลุผ่านก็ระเบิดออกทันที

กายวิญญาณสีทองในร่างก็ถูกโซ่นั้นรัดตรึงเอาไว้ ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นได้!

ในที่สุดกายวิญญาณของเขาก็ค่อยๆ อับแสงลงจนสลายหายไป

หนึ่งการโจมตีสังหารในพริบตา ผลลัพธ์เป็นที่รู้กัน!

ทุกคนรอบบริเวณประจักษ์เรื่องทั้งหมดด้วยตาตนเอง

พวกเขายืนค้างแข็งดุจกลายเป็นหินในถ้ำน้ำแข็ง

อาวุธเทพป้องกันระดับสูงที่ระเบิดออกทำให้เทพโบราณขั้นแปดต้องหลีกหนีไปและสังหารเทพโบราณขั้นเจ็ดได้ทันที นั่นมันพลังประเภทไหนกันแน่?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version