บทที่ 1308 สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
การรุกโจมตีในฉับพลันจากเผ่าเพลิงทองทำให้ทางฝั่งทายาทเนตรเทพเจ้ารับมือไม่ทัน
“ฝ่ามือเพลิงกำราบมาร!” เทพโบราณจวี้หลิงรุกเข้าโจมตีเป็นคนแรก เขาโคจรพลังเทพ ก่อนจะฟาดฝ่ามือยักษ์เพลิงทองสายหนึ่งออกมา
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกคนอื่นในเผ่าเปลวทองก็เข้าโจมตีอย่างรุนแรง
‘เป้าหมายคือข้า!’ จ้าวเฟิงใจสั่น
เขาพบว่าเป้าหมายการโจมตีของทุกคนทางฝั่งเผ่าเปลวทองมุ่งมาหาตน แน่นอนว่าคนอื่นในฝั่งทายาทเนตรเทพเจ้าต่างก็เห็นเหมือนกันในจุดนี้
“พวกนั้นอยากจะสังหารจ้าวเฟิง!” บุรุษหนุ่มชุดเหลืองจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตพลันตะโกน
เขารู้ดีถึงเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเผ่าเปลวทองและจ้าวเฟิง
“บัดซบ เจ้าเด็กนี่!” เทพโบราณหวังหลิงปรายตามองจ้าวเฟิงก่อนจะลอบด่า
เผ่าเปลวทองรุกโจมตีอย่างเต็มกำลังแบบนี้ เหตุผลส่วนมากเป็นเพราะจ้าวเฟิง
แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการรุกโจมตีอย่างบ้าระห่ำจากเผ่าเปลวทอง พวกเขาต่างหลบไม่พ้น ทำได้เพียงร่วมพลังกันต้านทานไว้
“หอกมรณะ!”
“ดาบผ่านภา!”
บรรดาทายาทเนตรเทพเจ้าโคจรสายเลือดดวงตาอีกครั้ง และเดินหน้าขัดขวางเอาไว้
ทางฝั่งทายาทเนตรเทพเจ้า สตรีร่างแบบบางเจ้าของเนตรทำนายหายตัวไปนานแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าสถานการณ์ที่คิดเอาไว้เกิดขึ้นเร็วเกินไป จึงต้องรีบถอยไปก่อน
อย่างไรเสีย กำลังรบของเนตรทำนายก็ต่ำจนเกินไป หากอยู่ใกล้สนามรบอาจโดนสังหารเอาได้
“สังหาร!”
สมาชิกเผ่าเปลวทองแต่ละคนฮึกเหิมองอาจ กำลังรบแข็งแกร่งอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักของเผ่าเปลวทองคือจ้าวเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่ล้มเลิกแผนการอื่นๆ ไปด้วย
“รีบถอยเร็ว!” เทพโบราณเสวียนหมัวตะโกนลั่น
ตลอดทางที่ผ่านมา บรรดาทายาทเนตรเทพเจ้ากระตุ้นวิชาดวงตาไม่หยุดหย่อน ก่อนจะเข้าไปยังพื้นที่ใจกลาง พวกเขาหลายคนก็ใช้ไพ่ตายกันไปมากแล้ว
พวกเขาไม่เพียงแต่ใช้พลังเทพไปมหาศาล สายเลือดดวงตาเองก็อ่อนล้าอย่างยิ่งแล้ว
“พวกเราถอยกันก่อน หลังจากที่ฟื้นฟูพลังได้ระดับหนึ่งแล้วค่อยโต้กลับ!”
เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ย
หลังจากต้านการโจมตีระลอกสุดท้ายแล้ว เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าต่างเลือกที่จะหนีไป แต่คนของเผ่าเปลวทองก็ยังคงไม่รามือ จนกระทั่งบรรดาทายาทเนตรเทพเจ้าหนีออกจากพื้นที่ใจกลางไป เผ่าเปลวทองก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ อีกทั้งเส้นทางที่ทุกคนหนีนั้นต้องหาเส้นทางที่ไร้ซึ่งกับดักและกลไกใดๆ มิฉะนั้นจะเท่ากับรนหาที่ตาย
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางอยู่รอบๆ พื้นที่ใจกลาง
“บ้าเอ๊ย พวกเผ่าเปลวทองเป็นบ้ากันไปแล้วหรืออย่างไร จะไล่ล่าสังหารไปจนถึงเมื่อไหร่?”
สตรีโฉมงามนางนั้นอุทาน
“ไม่สู้มอบจ้าวเฟิงให้พวกข้าเสีย เป้าหมายที่เผ่าเปลวทองต้องการจะสังหารจริงๆ ก็คือจ้าวเฟิง!”
คนในกลุ่มผู้หนึ่งส่งกระแสจิตสื่อสารโดยที่ไม่รวมจ้าวเฟิง
คนที่เหลือพลันครุ่นคิดครู่หนึ่ง มีเพียงสีหน้าของเทพโบราณเฮยจี๋และเทพโบราณเสวียนหมัวเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
“ถึงจะทำแบบนั้น เผ่าเปลวทองก็ไม่ปล่อยพวกเราไปอยู่ดี!”
เทพโบราณเสวียนโหมวส่งกระแสเสียงเอ่ยกับทุกคนทันที
คนที่เหลือมีสีหน้างุนงง
“ถ้าหากส่งตัวจ้าวเฟิงไป เผ่าเปลวทองก็จะปล่อยพวกเราไป พวกเขายื่นเงื่อนไขนี้ให้เรานานแล้ว แต่ดูจากพฤติกรรมที่ไล่ตามพวกเราอย่างไม่ลดละแล้ว พวกเขาคงอยากจะบีบเราให้ออกไปจากที่นี่!”
เทพโบราณเฮยจี๋เปิดปากเอ่ย
ทุกคนมีสีหน้าฉงน ตามหลักเหตุผลแล้ว ทั้งสองคนนี้ไม่มีทางจะปกป้องจ้าวเฟิงได้
แต่ที่ทั้งสองคนพูดมาก็ถูกต้องไม่น้อย ถึงเป้าหมายหลักของเผ่าเปลวทองจะเป็นจ้าวเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะปล่อยคนอื่นไปง่ายดายเช่นนี้
อย่างไรเสีย รอให้เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าฟื้นฟูพลังกลับคืนสู่สภาวะสุดยอด กำลังรบก็จะอยู่เหนือคนของเผ่าเปลวทองแล้ว
ดังนั้นที่เผ่าเปลวทองทำไปมีเพียงสองเป้าหมายเท่านั้น อย่างแรกเพื่อสังหารเป้าหมายลำดับแรกอย่างจ้าวเฟิง อีกอย่างคือขับไล่ทายาทเนตรเทพเจ้าที่เหลือให้ออกไปเสีย
สวบ สวบ สวบ… เงาร่างคนกลุ่มหนึ่งบินตรงดิ่งไปยังวิหารใจกลางหลังใหญ่
“ที่นี่คือ?”
ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหมดชะงักเล็กน้อย พวกเขาเพียงแค่วิ่งหนีสะเปะสะปะในพื้นที่ใจกลางเท่านั้น ไม่ได้ดูเส้นทางใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ยามนี้โถงวิหารที่พวกเขาเดินเข้าไปกว้างขวางใหญ่โตมาก รอบๆ สลักอักขระของเผ่าความลับสวรรค์และรูปภาพน่ากลัวเอาไว้ แตกต่างไปจากห้องอื่นๆ ที่พวกเขาเห็นมาก่อนนี้
รอบๆ โถงวิหารก็ยังคงมีอุปกรณ์กลไกขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเข้าใจตั้งอยู่ แต่ที่ดึงดูดพวกเขาที่สุดเห็นจะเป็นอุปกรณ์ทรงแปดเหลี่ยมขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่กึ่งกลาง รอบๆ อุปกรณ์ทรงแปดเหลี่ยมนั้นมีผลึกโปร่งแสงแปดอันยื่นออกมา ภายในนั้นมีดวงตาคู่หนึ่งลอยอยู่
ดวงตาของทายาทแปดเนตรเทพเจ้าลอยอยู่ภายใน
“ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่สำคัญที่สุดในพื้นที่ใจกลางที่นี่!”
สตรีโฉมงามเอ่ยออกมาในทันที
แววตาของคนอื่นต่างจดจ้องอยู่ที่ดวงตาทั้งแปดคู่นั้น
“เนตรมิติคู่นั้นใกล้ถึงระดับเนตรปฐมเทพแล้ว!”
“เนตรมรณะเองก็จะแตะระดับนั้นเช่นกัน!”
ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหมดต่างสูดลมหายใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าดวงตาของทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งแปดที่นี่จะใกล้เป็นเนตรปฐมเทพทั้งหมด!
“ที่แห่งนี้ศึกษาวิจัยอะไรกันแน่ ถึงกับต้องเอาดวงตาของทายาทแปดเนตรเทพเจ้าที่เกือบถึงขั้นเนตรปฐมเทพมาด้วย!”
ในใจหลินเฉิงอู่ตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
แต่เพียงแค่ความรู้และตรรกะความคิดของพวกเขาย่อมคาดเดาไม่ออกอยู่แล้วว่าเผ่าความลับสวรรค์ต้องการจะทำอะไร
ครืน ฟิ้ว! เวลานี้เอง แรงกดดันที่เผาผลาญทุกสรรพสิ่งก็บีบเข้ามาใกล้
“ฝ่ามือเพลิงมารทำลายล้าง!”
วินาทีที่เทพโบราณจวี้หลิงปรากฏกายขึ้นที่นี่ เขาฟาดฝ่ามือใส่บรรดาทายาทเนตรเทพเจ้าอย่างแม่นยำ
จากนั้นถึงค่อยมองสภาพรอบด้าน
“ไป!” เทพโบราณเสวียนโหมวเอ่ยเสียงต่ำ
ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหลายหนีออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ลอบสำรวจเหตุการณ์เบื้องหลังด้วย
โถงวิหารแห่งนี้ก็คือตำแหน่งสำคัญที่สุดของพื้นที่ใจกลาง ไม่รู้ว่าเผ่าเปลวทองจะล้มเลิกการไล่ล่าพวกเขาแล้วเปลี่ยนไปเก็บสมบัติแทนหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนผิดคาด เผ่าเปลวทองเลือกไล่ล่าสังหารพวกเขาต่อ
หลังจากไล่ล่าต่อเนื่องอยู่นาน ทายาทเนตรเทพเจ้าที่เดิมทีสูญเสียพลังไปมากแล้ว สภาพก็ยิ่งย่ำแย่มากขึ้น ถึงขั้นที่มีคนจำนวนหนึ่งบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อถูกเผ่าเปลวทองโจมตีขณะไล่ล่า
เมื่อทุกคนมาถึงวิหารตรงกลางของพื้นที่ใจกลางอีกครั้ง
เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าใจเต้นระส่ำ ต่างมองดูดวงตาทายาทเนตรเทพเจ้าที่อยู่ในอุปกรณ์ทั้งแปดด้าน
“ทำแบบนี้ต่อไปก็เห็นจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก!”
แววตาสตรีโฉมงามอ่อนแสงลงเล็กน้อย
กำลังรบของตัวนางเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก ความสามารถที่จะหนีไปก็ด้อยเช่นกัน ก่อนนี้นางใช้กายวัฏสงสารเป็นโล่ในตอนที่สำรวจซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้า
หากกายวัฏสงสารไม่ได้ตายลงโดยสิ้นเชิง ก็สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ตลอด แต่ทันทีที่ตายลงไป จำเป็นต้องใช้พลังเนตรสังสารวัฏและเวลาเพื่อจะเรียกทั้งหมดกลับคืนมาใหม่
“นอกเสียจากว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี่เสีย มิฉะนั้นพวกนั้นไม่มีทางปล่อยไปแน่!”
แววตาบุรุษหนุ่มชุดเหลืองจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตลังเลอยู่บ้าง แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะถอย
“สู้กับพวกเขาเถอะ ขอแค่สังหารเทพโบราณขั้นแปดผู้นั้นได้ก่อน เทพโบราณขั้นเจ็ดคนอื่นๆ ก็จัดการได้ง่ายแล้ว!”
เทพโบราณหวังหลิงมีสีหน้าชั่วร้าย ในใจโกรธแค้นอย่างที่สุด
“เช่นนั้นก็อยู่ต่อ แล้วสู้ตายกับพวกเขา!”
เทพโบราณเสวียนหมัวหัวเราะน้อยๆ ในกลุ่มคน
“หืม?” เทพโบราณหวังหลิงจับจ้องเทพโบราณเสวียนหมัวทันที
ประโยคของเขาเมื่อครู่เป็นเพราะความโกรธแค้นทั้งสิ้น แต่เทพโบราณเสวียนหมัวเยือกเย็นมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยกับประโยคของเขาเมื่อครู่ นี่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง
ส่วนคนอื่นๆ ก็อดมองเทพโบราณเสวียนหมัวไม่ได้
ในขณะนี้เอง คนของเผ่าเปลวทองไล่ตามมาแล้ว
“ไม่หนีแล้วหรือ?” เทพโบราณจวี้หลิงยิ้มสัพยอก
ที่จริงเขาเองก็ออกจะหงุดหงิดที่ทายาทเนตรเทพเจ้าพวกนี้ยังไม่ยอมวางมือจากสมบัติในใจกลางแห่งนี้ ทั้งที่โดนเขาไล่ล่านานขนาดนี้แล้ว
“ฮ่าๆ ความตายมาเยือนแล้ว พวกเจ้าคงยังไม่รู้ตัวสินะ!”
จู่ๆ เทพโบราณเฮยจี๋ก็หัวเราะร่วน แววตาเย็นชาจ้องเทพโบราณจวี้หลิง
ยามนี้เอง ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหลายต่างจ้องเทพโบราณเฮยจี๋ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
คำพูดเมื่อครู่ของเทพโบราณเสวียนหมัวไม่ชอบมาพากล หนำซ้ำเทพโบราณเฮยจี๋ในตอนนี้ก็เหมือนคลุ้มคลั่ง คำพูดคำจาเหมือนไม่ผ่านการไตร่ตรองมาก่อน ต่อให้ทางฝั่งพวกเขาฟื้นฟูกลับไปอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จะสังหารเทพโบราณขั้นแปดของเผ่าเปลวทองก็สำเร็จได้ยาก
แต่แววตาของจ้าวเฟิงกลับจริงจริงโดยพลัน
เขารู้มานานแล้วว่าเทพโบราณเฮยจี๋ เทพโบราณเสวียนหมัว และสตรีร่างแบบบางเป็นพวกเดียวกัน
ส่วนกลุ่มทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามก็เป็นกลุ่มที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น แต่จ้าวเฟิงไม่รู้เป้าหมายของพวกเขา แต่การปรากฏตัวของเผ่าเปลวทองน่าจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย
‘ทั้งสองคนนี้มีพลังอะไร ถึงกล้าพูดกับเทพโบราณจวี้หลิงแบบนี้?’
จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจ
ถึงแม้ไม่รู้ว่าต่อไปเทพโบราณเฮยจี๋และเทพโบราณเสวียนหมัวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แต่ใจของจ้าวเฟิงกลับกระวนกระวายอย่างประหลาด!
“จริงด้วย เนตรทำนายอยู่ที่ไหนไม่รู้แล้ว!”
จ้าวเฟิงพลันสังเกตถึงอะไรบางอย่าง!
“ฮ่าๆ เดิมทีข้าคิดไว้ว่าขอแค่พวกเจ้าออกไปจากซากปรักหักพังก็พอ แต่ตอนนี้พวกเจ้ารนหาที่เอง จะมาโทษข้าไม่ได้!”
นัยน์ตาเทพโบราณจวี้หลิงเย็นชา กายราวทองคำของเขาพลันปกคลุมด้วยชั้นเพลิงสีทองเพลิงร้อนแรงไม่มีสิ้นสุดไหล่บ่าไปหาทายาทเนตรเทพเจ้า
“สังหาร!”
สมาชิกที่เหลือของเผ่าเปลวทอง แต่ละคนต่างพากันกระตุ้นพลังกาย เพลิงสีทองลุกโชติช่วงประหนึ่งดวงอาทิตย์ทองดวงหนึ่ง
ฟิ้ว! ในตอนนั้นเอง ทางเดินด้านนอกวิหารใจกลางก็ปรากฏเงาร่างคนขึ้น
นั่นคือสตรีร่างแบบบางที่ไม่รู้ว่าก่อนนี้หนีไปไหน
“มาได้สักที!” เทพโบราณเสวียนหมัวแค่นหัวเราะเยาะหยัน
สวบ! สวบ! เทพโบราณเสวียนหมัวและเทพโบราณเฮยจี๋ออกจากกลุ่มของทายาทเนตรเทพเจ้า มาหยุดที่ด้านข้างสตรีร่างบางนางนั้น
“พวกเจ้าสามคน?” เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้ามองไปที่คนทั้งสามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เทพโบราณเสวียนหมัว เทพโบราณเฮยจี๋ และสตรีร่างบางเป็นหัวหน้าของทั้งสามกลุ่ม
โดยหนึ่งในนั้น เทพโบราณเฮยจี๋เป็นคนตั้งกลุ่มที่จ้าวเฟิงอยู่
จ้าวเฟิงและพวกใจเย็นวาบ ได้กลิ่นของความไม่ชอบมาพากล
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ออกจากกลุ่มตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้พวกเราตายอยู่ที่นี่กันหมด!”
สตรีโฉมงามเอ่ยทันที
“ใครบอกว่ามีแค่พวกเราสามคน!”
เทพโบราณเสวียนหมัวหัวเราะเรียบๆ
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ช่วงเดียวกันนั้นเอง ด้านหลังของเส้นทางเดินก็ปรากฏเงาคนชุดดำขึ้นสามคน นั่นคือทายาทเนตรเทพเจ้า!
“ฮ่าๆ พวกเจ้านี่จริงๆ เลย กลุ่มทั้งสามของพวกเราถูกจัดฉากเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว!”
คนชุดดำผู้ครอบครองเนตรทัณฑ์สวรรค์หัวเราะเยาะ
“แต่พวกเจ้าดันมาเจอเผ่าเปลวทอง ทำให้แผนไม่ราบรื่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ!”
ชายร่างสูงใหญ่อีกผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยังมีคนอื่นอีกหรือ?” สีหน้าเทพโบราณจวี้หลิงฝ่ายเผ่าเปลวทองเคร่งขรึม ไม่รีบร้อนลงมือ
ไม่รู้ว่าหญิงผู้ครอบครองเนตรทำนายไปหาผู้ช่วยจากไหนมาถึงสามคน หากในตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามร่วมมือกัน เผ่าเปลวทองจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่สถานการณ์ในตอนนี้คล้ายมีบางอย่างไม่ถูกต้องนัก…
“คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีถึงหกคน!”
แววตาจ้าวเฟิงตะลึงเล็กน้อย
ทั้งหกคนนี้คือชายชุดดำสามคนที่เพิ่งมาใหม่ เทพโบราณเฮยจี๋ เทพโบราณเสวียนหมัว และสตรีร่างบาง แต่จ้าวเฟิงกำลังพิจารณาบทสนทนาของอีกฝ่ายอยู่
“สามกลุ่มนั้นถูกจัดแจงเอาไว้นานแล้ว นี่มันแปลว่าอะไร?”
ดวงตาจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยแววตื่นตะลึงอย่างช้าๆ
เขานึกขึ้นมาได้ ทั้งหกคนนี้แยกย้ายกันนำกลุ่มไปสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้
แต่ก่อนหน้านี้ สมาชิกคนอื่นในสามกลุ่มล้วนแต่ตายไปหมดแล้ว!
“ฮ่าๆ พาพวกเราร่อนไปมากว่าครึ่งวัน ยามนี้จบลงได้สักที!”
เทพโบราณเสวียนหมัวเอ่ยเสียงเรียบ อีกห้าคนต่างก้าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
คนทั้งหกยืนเรียงหน้า จู่ๆ สายเลือดดวงตาของทุกคนก็ทะลักพลังดั้งเดิมที่น่าตื่นตกใจออกมา
“แย่แล้ว…” จ้าวเฟิงหน้าถอดสี ใจเต้นระรัว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในวินาทีที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ในหัวเขาก็ปรากฏภาพที่ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้าใช้เคล็ดวิชาทำร้ายเทพแท้จริงเทียนฝาจนบาดเจ็บสาหัส!