บทที่ 1403 กลับมา
เทือกเขาเหล็กแดงทอดตัวเป็นแนวยาวหลายสิบล้านลี้ ข้างในร้อนระอุเป็นอย่างยิ่ง ขั้นต่ำกว่าเทพแท้จริงลงมาไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่
ที่แห่งหนึ่งในเทือกเขาสีแดงเข้มแห่งนี้ ตอนนี้มีกองกำลังแถวยาวกำลังเคลื่อนพลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ข้างหน้ากองกำลังคือผู้อาวุโสผมสีดอกเลาผิวแดงคนหนึ่ง บนร่างสูงใหญ่ของเขามีแผลเป็นน่าตกใจมากมาย ดวงตาที่ลุ่มลึกค่อนข้างหมองหม่น
ฟุ่บ! สตรีรูปร่างอวบอิ่มหน้าตางดงามนางหนึ่งโบยบินมาข้างหน้าทันที
สตรีนางนี้ก็คือเทพโบราณหนิงเยวี่ยที่ไปยังเขตพยับฟ้ากับเทพโบราณพั่วเยวี่ยเพื่อตามหาจ้าวเฟิงในตอนนั้น
“ยอดผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยถามอย่างเป็นกังวล
ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะสกัดกั้นการโจมตีของตำหนักวิญญาณบรรพกาล ยอดผู้อาวุโสสำแดงวิชาต้องห้ามเพียงคนเดียว ใช้พลังดั้งเดิมต้านทานจอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลสองคนไว้
“ไม่เป็นอะไรมาก!”
สายตาของยอดผู้อาวุโสมองไปยังเบื้องหน้า เอ่ยเสียงราบเรียบ
“ครั้งนี้พวกเราตำหนักเทพยักษ์บาดเจ็บล้มตายสาหัส สมาชิกที่รอดชีวิตเหลือไม่ถึงร้อยคน!”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยมีสีหน้าเศร้าสลด
“การสละชีพนั้นคุ้มค่า เมื่อซินอู๋เหินนำคนในเผ่ากลับมา เผ่าเทพยักษ์เราจะผงาดขึ้นอีกครั้ง!”
สายตาของยอดผู้อาวุโสพลันแน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง
เหตุที่เผ่าเทพยักษ์สามารถประคับประคองมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะตราเทพบรรพกาล แค่เพียงเปิดคลังสมบัติบรรพชน เผ่าเทพยักษ์ก็จะสามารถผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ตำหนักเทพยักษ์ทุกคนล้วนเชื่อมั่นว่าหลังจากที่ซินอู๋เหินออกมาจากคลังสมบัติบรรพชนแล้ว จะนำพาเผ่าเทพยักษ์ให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ยอดผู้อาวุโสก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน
ในตอนนี้เอง
“ฮ่าๆ เผ่าเทพยักษ์ยังคิดจะกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งงั้นรึ?” เสียงหัวเราะสัพยอกดังมาจากขอบฟ้าสีแดงเข้ม
“แย่แล้ว!” สีหน้าของยอดผู้อาวุโสเปลี่ยนไปทันที ร่างกายสั่นเทา
“ใครกัน?” เทพโบราณหนิงเยวี่ยสีหน้าเย็นเยียบ สายตาจ้องเขม็งไปเบื้องหน้า
กองกำลังตำหนักเทพยักษ์คนอื่นๆ ตื่นตะลึงไปโดยพลัน พากันตั้งท่าเตรียมรบ
วู้ม ฟู่ ฟู่! หมอกแดงตลบม้วน เงาร่างคนเกือบสามสิบคนค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ถึงแม้จะมีเพียงแค่สามสิบคน แต่ในสามสิบคนนี้มีเทพโบราณสิบคน ส่วนที่เหลือยี่สิบคนล้วนเป็นผู้โดดเด่นในเหล่าเทพแท้จริง
“ท่าทางเจ้าคงจะอ่อนแอจนไม่ไหวแล้ว ถึงไม่สังเกตเจอข้า!”
ชายผู้นำมีใบหน้าเย็นชา ร่างสูงโปร่ง ผิวขาวหมดจด พูดด้วยเสียงชั่วร้ายแปลกประหลาด
ครืน ตูม ตูม!
ฟ้าดินพลันมืดสลัว เต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกชั่วร้าย
ในกองกำลังตำหนักเทพยักษ์ ผู้ที่บาดแผลค่อนข้างสาหัสหรือพลังฝึกตนค่อนข้างต่ำจำนวนไม่น้อยต่างล้มลงตัวงอ สั่นเทิ้มไม่หยุด
“จอมเทพเสียหลิง! (วิญญาณร้าย)”
สายตาของยอดผู้อาวุโสหนักอึ้งทันที จ้องไปยังชายสูงโปร่งที่ชั่วร้ายคนนั้น
ในขณะเดียวกัน เขาก็แผ่กระจายอานุภาพกลิ่นอายจอมเทพต้านทานพลังไร้รูปร่างที่จอมเทพเสียหลิงส่งมา
“ยอดผู้อาวุโส บาดแผลของท่าน!”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยอดมองไปยังยอดผู้อาวุโสไม่ได้
ตามหลักแล้ว พลังของยอดผู้อาวุโสล้ำหน้าจอมเทพเสียหลิงของตำหนักวิญญาณบรรพกาลไปมาก แต่เมื่อครู่ยอดผู้อาวุโสกลับสังเกตถึงการมาของจอมเทพเสียหลิงไม่ได้
เช่นนี้แล้ว เห็นทีอาการบาดเจ็บของยอดผู้อาวุโสจะสาหัสนัก
“ที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่หมายความเช่นไร?”
สีหน้าของยอดผู้อาวุโสอึมครึมเป็นที่สุด ขณะจับจ้องไปยังจอมเทพเสียหลิง
“เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลของข้าเตรียมการเอาไว้ ส่งคนเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชนนานแล้ว น่ากลัวว่าตอนนี้พวกซินอู๋เหินคงตายอยู่ในนั้นทั้งหมดแล้ว!”
จอมเทพเสียหลิงพูดออกมาตรงๆ ไม่ปิดบังอีกต่อไป
“อะไรนะ? นี่เป็นไปไม่ได้!” ยอดผู้อาวุโสพลันตวาดลั่นด้วยความสงสัย
ตำหนักเทพยักษ์คนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อเรื่องนี้เช่นกัน พากันแสดงท่าทีสงสัย
“ฮ่าๆ ช่างโง่เขลานัก หากไม่ใช่ว่าต้องจัดการกับพวกซินอู๋เหิน จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลเลยปลีกตัวออกมาไม่ได้ พวกเจ้าจะมีโอกาสรอดชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้งั้นรึ?”
จอมเทพเสียหลิงหัวเราะเสียงแหลม ฟังไปแล้วขนลุกขนพอง
ทันใดนั้น พลังที่หนักอึ้งชั่วร้ายปกคลุมไปยังหัวใจของคนตำหนักเทพยักษ์ทุกคนมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยพลังของตำหนักวิญญาณบรรพกาล หากส่งจอมเทพสองคนมาไล่สังหาร ตำหนักเทพยักษ์ก็สูญสิ้นไปนานแล้ว
อั้ก! ยอดผู้อาวุโสกระอักเลือดออกมาทันที ใบหน้าฉายแววสิ้นหวัง
“ตาเฒ่า ตอนนี้ข้าจะส่งเจ้าลงนรกไปเสีย!” จอมเทพเสียหลิงคำรามลั่น ฝ่ามือฟาดโจมตีออกมา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! เห็นเพียงโครงกระดูกวิญญาณร้ายที่สวมชุดดำสามตนพุ่งไปยังยอดผู้อาวุโสสูงสุด
วิญญาณร้ายพวกนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง มาปรากฏอยู่เบื้องหน้ายอดผู้อาวุโสพร้อมด้วยกลิ่นอายวิญญาณชั่วร้ายในชั่วพริบตา
ครืน บึ้ม! วิญญาณร้ายดวงแรกพุ่งมา ทะลวงเข้าไปในวิญญาณของยอดผู้อาวุโส โจมตีเขาจนลอยออกไปไกลหลายลี้ จากนั้นวิญญาณร้ายดวงที่สองและสามก็บินทะยานมา
“ยอดผู้อาวุโส!” เทพโบราณหนิงเยวี่ยร้องตกใจทันที
ยอดผู้อาวุโสของพวกเขาบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ด้วย จอมเทพเสียหลิงเพียงโจมตีไปอย่างง่ายๆ ก็ทำให้เขาพ่ายแพ้ลงแล้ว
คนตำหนักเทพยักษ์ที่เหลือก็เผยสีหน้าหวาดผวา แต่พลังของพวกเขาต่ำเกินไป ไม่อาจสร้างผลกระทบใดๆ ให้กับจอมเทพเสียหลิงได้เลย
วิญญาณร้ายดวงที่สองและดวงที่สามจวนเจียนจะทะลวงเข้าไปในวิญญาณของยอดผู้อาวุโสเต็มที ทันใดนั้นเอง ข้างหลังคนตำหนักเทพยักษ์มีคลื่นพลังเทพสะเทือนฟ้าดินแผ่ระลอกมา
“หึ ใครว่าข้าตายแล้ว?” เสียงดังกึกก้องลอยมาทันใด ทำเอาทั่วทั้งฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว
“ซินอู๋เหิน?” จอมเทพเสียหลิงเพ่งสายตามอง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เป็นไปได้อย่างไร? ซินอู๋เหินไยจึงมีชีวิตรอดออกมาได้?
“อู๋เหิน?” ยอดผู้อาวุโสคุ้นเสียงนี้เป็นอย่างมาก แววตาฉายประกายขึ้นทันใด
แต่ตอนนี้ การโจมตีของจอมเทพเสียหลิงอยู่ใกล้ยิ่งนัก ยอดผู้อาวุโสที่ตอนนี้อ่อนกำลังเกินจะเปรียบหลบหลีกไปไม่ได้เลย
ขวับ! ในท้องฟ้ามีระลอกคลื่นขยับวูบวาบ เงาสีเงินมายาปรากฏขึ้นเบื้องหน้ายอดผู้อาวุโส
วู้ม วู้ม! ปราการมิติแต่ละชั้นแผ่ขยายออกมาจากชุดคลุมมิติ สกัดกั้นและลดทอนพลังวิญญาณร้ายสองดวงนั้น
จากนั้นจ้าวเฟิงยื่นมือออกไป รวมพลังเทพรวมศูนย์สีเงินเข้มขึ้นก่อนโจมตีไปทันที
ครืน ฉัวะ ฉัวะ! พลังเทพรวมศูนย์โจมตีไปยังวิญญาณร้ายทั้งสองดวง ทั้งยังสร้างพลังกลืนกินขึ้นอีกด้วย
ทั้งสองฝ่ายยื้อยุดกันไม่ถึงชั่วขณะก็ต่างสลายหายไป
“จ้าวเฟิง!” ยอดผู้อาวุโสตั้งสติกลับมา มองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า เป็นจ้าวเฟิงจริงๆ ด้วย
แต่ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงยังเป็นเทพโบราณขั้นแปดอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ตอนนี้กลับสามารถต้านทานการโจมตีของจอมเทพได้แล้ว!
ครืน! ในตอนนี้เอง ร่างของซินอู๋เหินกะพริบแล้วหายวับไปในท้องฟ้า จากนั้นพุ่งไปยังจอมเทพเสียหลิงทันที
ยังไม่ทันมาถึง ประกายดัชนีสีขาวใหญ่ยักษ์ก็หลอมรวมออกมาแล้วโจมตีไปทันที
สีหน้าของจอมเทพเสียหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือทั้งสองสะบัดไป แสงวนพลังเทพที่มืดหม่นเย็นเยือกสองกลุ่มปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
ฟู่ ฉัวะ ฉัวะ! ประกายดัชนีของซินอู๋เหินโจมตีไปยังแสงวนพลังเทพนั้น หลังสอดประสานกันไม่ถึงชั่วเสี้ยวขณะก็แตกสลาย
“เจ้ากลับมีชีวิตรอดกลับมาได้?” จอมเทพเสียหลิงถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลส่งกองกำลังแข็งแกร่งที่เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคนเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชน เพื่อสังหารและช่วงชิงตราเทพบรรพกาลมา
แต่ตอนนี้ซินอู๋เหินกลับยังมีชีวิตยืนอยู่ต่อหน้าเขา
“บอกข่าวเจ้าเรื่องหนึ่ง คนทั้งหมดของตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่เข้าไปในคลังสมบัติบรรพชนตายกันหมดแล้ว!”
ซินอู๋เหินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้!” จอมเทพเสียหลิงพลันแย้งเสียงหลง
ในยามนี้ คนอื่นๆ ของตำหนักวิญญาณบรรพกาลถอยห่างไป
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!” ซินอู๋เหินพูดเสียงต่ำ จากนั้นโคจรพลังเทพและกฎเกณฑ์ขึ้น ก่อนชี้ประกายดัชนีออกไปหลายสาย
ครืน ฟู่ ฟู่! ประกายดัชนีมหึมาแต่ละสายทะลวงผ่านฟ้าดินที่มืดหม่น โจมตีไปยังจอมเทพเสียหลิง
“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ พลังแห่งกฎเกณฑ์!” สีหน้าจอมเทพเสียหลิงเคร่งเครียด
จากรายงานข่าว ซินอู๋เหินเป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้าเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับไปถึงขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพแล้ว
หากไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซินอู๋เหิน จอมเทพเสียหลิงไม่มีทางเชื่อแน่ว่านี่คือเรื่องจริง
“ต่อให้ภพที่แล้วพลังฝึกตนของเจ้าล้ำหน้าข้า แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่านั้น ยังคิดจะสู้กับจอมเทพอีก?”
จอมเทพเสียหลิงมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมเย็นชา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! โครงกระดูกวิญญาณร้ายชุดดำจำนวนถึงพันดวงพลันผุดออกมาจากร่างของจอมเทพเสียหลิง
“กรงเล็บภูตบดกระดูก!” จอมเทพเสียหลิงตะโกนออกมาทันใด
โครงกระดูกวิญญาณในชุดดำนับไม่ถ้วนต่างยื่นกรงเล็บออกมา จากนั้นก่อขึ้นเป็นกรงเล็บภูตผีเย็นยะเยือกขนาดใหญ่มหึมาข้างหนึ่งฉีกทึ้งออกไป
ครืน ตูม บึ้ม! เงาสีขาวระยับแต่ละสายถูกกรงเล็บภูตผีฉีกทึ้ง
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะรอดออกมาได้อย่างไร แต่เมื่อเจอกับข้า ตอนนี้ข้าก็จะให้เจ้าตายไปเสีย!” จอมเทพเสียหลิงยิ้มชั่วร้าย
แต่ทันใดนั้น เบื้องหลังของเขามีคลื่นมิติลอยมา
วู้ม วู้ม! จ้าวเฟิงยื่นฝ่ามือออกไป พลังเทพรวมศูนย์สีเงินเข้มขุ่นทะลักออกมาไม่ขาดสาย ไม่ถึงเสี้ยวขณะ พลังเทพรวมศูนย์ก็หลอมขึ้นเป็นกระบี่ยาวเล่มใหญ่
“กระบี่เทพรวมศูนย์ สังหาร!” จ้าวเฟิงสะบัดมือขวา
ฉัวะ ฉึก! กระบี่เทพรวมศูนย์สีเงินฟาดฟันไปยังจอมเทพเสียหลิงทันที
ทุกที่ที่กระบี่ยาวพาดผ่าน ท้องฟ้าบิดเบี้ยวไปชั่วขณะหนึ่ง พลังแต่ละธาตุล้วนถูกมันกลืนกินไปสิ้น
‘กระบี่เทพรวมศูนย์’ คือเคล็ดวิชาแข็งแกร่งของ ‘พลังเทพประสานหนึ่ง’ ขั้นที่สี่
“เป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้ายังกล้า…ไม่สิ…” สีหน้าจอมเทพเสียหลิงฉายแววเหยียดหยาม ในสายตาของจอมเทพ เทพโบราณขั้นเก้าราวกับมดปลวก ไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด แต่ในตอนที่เขาเตรียมจะหลบ กลับพบว่าพลังเวลาลึกล้ำกลุ่มหนึ่งโจมตีมายังร่างของเขา อีกทั้งเขายังสามารถสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของกฎเกณฑ์เวลาที่อยู่ในพลังเวลาพวกนี้
ฉัวะ ฉึก!
กระบี่ของจ้าวเฟิงฟันลงมา พาดผ่านร่างของจอมเทพเสียหลิง ทิ้งบาดแผลลึกไว้รอยหนึ่ง และจอมเทพเสียหลิงยังรู้สึกว่าพลังมากมายในร่างตนถูกกระบี่เทพรวมศูนย์กลืนกินไป
ในระหว่างนี้ยังมีวิญญาณหลายอีกหลายสิบดวงถูกจ้าวเฟิงทำลาย
“เจ้าหนุ่ม เจ้ารนหาที่ตาย!” สีหน้าของจอมเทพเสียหลิงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
หากถูกซินอู๋เหินทำร้ายเขายังพอมีเหตุผล แต่เขากลับถูกเทพโบราณขั้นเก้าจู่โจมภายใต้ในความประมาทเลินเล่อของตัวเอง
“ตาย!” เสียงแหลมโหดเหี้ยมของจอมเทพเสียหลิงพลันดังขึ้น
ทันใดนั้น ฟ้าดินโหมกระหน่ำ พลังที่แข็งแกร่งรวมตัวขึ้น ก่อนโจมตีจ้าวเฟิงไปพร้อมโครงกระดูกวิญญาณมืดฟ้ามัวดินหลายร้อยดวง
เสวียนอ้าวมิติของจอมเทพคนใดก็ตามล้วนไม่มีทางต่ำ การโจมตีของจอมเทพโดยพื้นฐานแล้วจะสามารถส่งผลกับฟ้าดินและมิติ ขัดขวางเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาของอีกฝ่ายได้ทั้งสิ้น
วู้ม! จ้าวเฟิงกระตุ้นชุดคลุมมิติ แสงเลือนรางชั้นหนึ่งตลบอบอวลรอบกาย แล้วพาดผ่านไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ความเร็วของเจ้าเด็กนี่สูงเช่นนี้เชียวรึ?” จอมเทพเสียหลิงตื่นตะลึง
ตามหลักแล้ว การโจมตีส่งเดชของเขาสามารถสังหารเทพโบราณขั้นเก้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จ้าวเฟิงเดิมก็เร็วเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อรวมกับพลังเวลาก็ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ต่อให้เผชิญหน้ากับการโจมตีของจอมเทพ จ้าวเฟิงก็สามารถหลบหลีกได้ ในขณะเดียวกัน ซินอู๋เหินก็พลันกระตุ้นสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ โจมตีจอมเทพเสียหลิงสุดกำลัง
“ฝ่ามือห้าธาตุทลาย!”
ซินอู๋เหินซัดแสงฝ่ามือห้าสีขนาดใหญ่มหึมาออกไป ขับไล่หมอกหนามืดหม่นออกไปจากทุกที่ที่พาดผ่าน และสังหารโครงกระดูกวิญญาณชุดดำทันที
“จะสู้ระยะประชิดกับซินอู๋เหินไม่ได้!” จอมเทพเสียหลิงเคร่งเครียด
ถึงแม้พลังฝึกตนของซินอู๋เหินจะเป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ แต่ใช้กฎเกณฑ์ได้ค่อนข้างมาก ยิ่งเมื่อรวมกับสำนึกรู้ที่ล้ำลึก ก็สามารถต้านทานจอมเทพได้แล้ว
“ปราการกั้นมิติ!” จ้าวเฟิงเห็นจอมเทพเสียหลิงเตรียมจะหลบหนี จึงกระตุ้นชุดคลุมมิติ ปลดปล่อยเงาทับซ้อนสีขาวเป็นๆ ชั้นออกมา ทันใดนั้น จอมเทพเสียหลิงได้รับผลกระทบจากพลังมิติ ทำให้ความเร็วถูกควบคุม
“ในเสวียนอ้าวเวลาของเจ้าเด็กนี่ เหตุใดจึงมีกฎเกณฑ์เวลาอยู่ด้วย?”
จอมเทพเสียหลิงค่อนข้างคิดไม่ตก จ้องไปยังจ้าวเฟิงอีกครั้ง
กฎเกณฑ์คือกลวิชาของจอมเทพ หากไม่ได้เกิดใหม่ เป็นแค่เพียงเทพโบราณขั้นเก้าไยจึงใช้กฎเกณฑ์ได้?
อย่างไรจอมเทพเสียหลิงก็คิดไม่ถึงว่าในตัวจ้าวเฟิงจะมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนต่อให้จ้าวเฟิงไม่ใช้ออกมาโดยตรง เสวียนอ้าวเวลาก็ได้รับการเพิ่มพลัง อีกทั้งยังหยิบยืมเศษเสี้ยวกฎเกณฑ์เวลามาใช้