Skip to content

King of Gods 1581

King Of Gods

บทที่ 1581 ตระกูลตกอยู่ในอันตราย

เรือนพักมืดสลัวหลังหนึ่งในจวนเจ้าเมือง

จ้าวป้าหลงลืมตาโดยพลัน “ตายแล้วหรือ?”

คิดไม่ถึงเลยว่านักฆ่าที่เขาส่งไปสังหารจ้าวเฟิงจะตายแล้ว

ต่อให้นักฆ่าผู้นี้ไม่ระมัดระวังเผยพิรุธออกไป ข้างกายจ้าวเฟิงก็มีแค่ซ่งถิงอวี้คนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าถึงขั้นตายนี่นา แต่ตอนนี้นักฆ่าตายแล้ว จ้าวป้าหลงก็ยากจะสืบเจอว่านักฆ่าผู้นี้ตายลงอย่างไรกันแน่

“น่าเสียดายจริงๆ หมากดีขนาดนี้!”

สีหน้าจ้าวป้าหลงเย็นเยือกเล็กน้อย ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตแปรจิตช่วงสุดยอด สำหรับตระกูลจ้าวแล้วถือว่าสำคัญมาก

จ้าวป้าหลงโยนความผิดนี้ให้จ้าวเฟิง เขาจะต้องล้างแค้นให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว

เนิ่นนานหลังจากนั้น เขายิ้มชั่วร้ายออกมา “ไม่นานเท่าไหร่ทั้งตระกูลจ้าวจะต้องเชื่อฟังข้าจ้าวป้าหลง”

เวลาหนึ่งปีผ่านเพียงพริบตา

ในวันนี้ซ่งถิงอวี้มาที่ตระกูลจ้าว และจากไปพร้อมจ้าวเฟิง

“ดูไปแล้วเฟิงเอ๋อร์คงไม่ชอบอาจารย์คนเก่า ตอนนี้เฟิงเอ๋อร์ตั้งใจฝึกฝนไม่น้อยเลย!”

จ้าวเทียนหลงที่เห็นทุกอย่างในสายตายิ้มปลาบปลื้ม

ก่อนนี้จ้าวเฟิงไม่ค่อยฝึกฝน แต่ตั้งแต่ซ่งถิงอวี้มา จ้าวเฟิงมักจะติดตามนางออกไปฝึกด้านนอก

แต่จ้าวเทียนหลงไม่รู้เลย ซ่งถิงอวี้กลายเป็นศิษย์ของจ้าวเฟิงไปแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การแสดงของพวกเขาทั้งสองเท่านั้น

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

หลังออกจากจวนเจ้าเมืองมาแล้ว ซ่งถิงอวี้จึงเอ่ยถาม

จ้าวเฟิงต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่ๆ อีกทั้งทุกการกระทำของเขายังปกปิดบิดามารดาไว้ทั้งสิ้น และเหมือนเจ้าเมืองจ้าวเทียนหลงจะไม่สังเกตเห็นเลย

“ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า!”

จ้าววเฟิงเอ่ยเสียงดัง

ซ่งถิงอวี้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานางทำอะไรจ้าวเฟิงไม่ได้สักนิด กลับกลายเป็นตนเองที่ลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกจ้าวเฟิงเอาชนะจนได้

แน่นอนว่าซ่งถิงอวี้เองก็ยินยอมจะติดตามจ้าวเฟิง อย่างน้อยๆ ช่วงนี้รายได้นางก็ไม่เลวนัก อีกทั้งจ้าวเฟิงมีแผนการจะเปิดร้านย่อยแล้ว กิจการกำลังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ซ่งถิงอวี้ไหนเลยจะมายั่วโทสะจ้าวเฟิงเอาในตอนนี้

เมื่อมาถึงร้านประมูลซิงเฟิง งานประมูลในตอนนี้กำลังดำเนินไปตามลำดับขั้น

หลังจากมีเงินทุนแล้ว จ้าวเฟิงจึงจ้างผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งมาทำงานต่างๆ ในร้านประมูลซิงเฟิง ส่วนเขามีหน้าที่รับเงินเท่านั้น

ทว่าเพื่อรับรองว่ากิจการของร้านประมูลซิงเฟิงจะรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกระยะจ้าวเฟิงจะเอาสิ่งของชั้นเยี่ยมที่ตนเองสร้างขึ้นออกมาประมูลขาย เพื่อรักษาจำนวนคนไว้

งานประมูลจบลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนคลาคล่ำค่อยๆ สลายตัวออกไป

คนระดับสูงจำนวนมากต่างมารวมตัวกันที่โถงประชุมของร้านประมูลซิงเฟิง

เบื้องหน้า คนที่กำกับดูแลร้านประมูลซิงเฟิงก็คือฮั่วชิงเฟิง ส่วนซ่งถิงอวี้เป็นผู้ดูแลลำดับสอง ส่วนผู้อาวุโสหลายคนที่เหลือคอยรับผิดชอบงานระดับอื่น

“ร้านประมูลของพวกเราตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง คิดจะขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นจำเป็นต้องขยายสาขา แต่ละท่านมีความเห็นอะไรบ้าง!”

ฮั่วชิงเฟิงถาม

คนระดับสูงพวกนี้ล้วนเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก ในนั้นยังมีคนรับผิดชอบคอยรวบรวมข้อมูลโดยเฉพาะ

“ข้าคิดว่าหากร้านประมูลซิงเฟิงใหญ่ขึ้นแล้ว เป้าหมายต่อไปเลือกที่ ‘เมืองจวีหยาง’ จะดีที่สุด!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้น เขาสวมชุดสีม่วง ด้านบนมีลวดลายสีทองอ่อน สีหน้าเขาสงบนิ่ง ดวงตาฉายแววภูมิใจและมั่นใจ

“สหายหลี่ เป็นเพราะเหตุใด? ข้าได้ยินมาว่าเมืองจวีหยางแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ ตระกูลหลิวที่ปกครองดูแลก็ด้อยกว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหนานอวิ้น?”

ผู้อาวุโสร่างเตี้ยคนหนึ่งโพล่งถาม

ความรุ่งเรืองของทั้งร้านประมูลซิงเฟิงเกี่ยวข้องกับกำไรของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลอย่างยิ่ง

คนอื่นที่เหลือต่างมองผู้อาวุโสชุดม่วง คิดไม่ถึงเลยว่าเมืองจวีหยางแห่งนี้จะไม่ถือว่ารุ่งเรือง อีกทั้งยังอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหนานอวิ้น

“พวกเจ้าคงจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้กระมัง ถึงแม้ตระกูลหลิวจากเมืองจวีหยางจะไม่แข็งแกร่ง แต่อีกตระกูลในเมืองจวีหยางระยะนี้มีชื่อเสียงโด่งดังหลือเกิน…”

ผู้อาวุโสแซ่หลี่หัวเราะเล็กน้อยอย่างได้ใจ

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!” คนระดับสูงอีกคนหนึ่งเอ่ยออกมา

“เมืองใหญ่เมืองหนึ่ง นอกจากขั้วอำนาจที่คอยปกครองดูแลแล้ว โดยปกติจะมีขั้วอำนาจอื่นๆ ด้วย แต่ตระกูลลู่ในเมืองจวีหยางขั้วอำนาจเป็นรองตระกูลหลิว และที่สำคัญกว่านั้นก็คือตระกูลซ่งมีหญิงผู้ถูกเลือกสองคน ไม่เพียงแต่งดงามเกินจะเปรียบ พลังฝึกตนและพรสวรรค์เหนือกว่าฝั่งอื่น ส่งผลให้ขั้วอำนาจตระกูลทั้งหลายแถวนั้นต่างไปสู่ขอพวกนางทั้งสิ้น!”

ผู้อาวุโสแซ่หลี่เอ่ยออกมารวดเดียว

“เรื่องนี้ข้าเองก็พอได้ยินมาบ้าง!”

“ได้ยินมาว่าราชวงศ์อาณาจักรชิงหลัวช่วงนี้ก็มีความเคลื่อนไหวด้วย!”

ทุกคนต่างถกกัน

กระทั่งราชวงศ์ยังสนใจ เห็นได้ชัดว่าสองสตรีตระกูลลู่ไม่ใช่ธรรมดา

จ้าวเฟิงอยู่ข้างๆ ไม่ได้คิดอะไรมากนัก นอกจากรอผลการประชุม

ส่วนสตรีผู้ถูกเลือกตระกูลลู่ที่พวกพูดถึง จ้าวเฟิงก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน

“เพราะสตรีผู้ถูกเลือกทั้งสอง คนของเมืองจวีหยางในตอนนี้จึงเยอะกว่าปกติ ส่วนมากล้วนแต่เป็นพวกผู้ลากมากดี   จะต้องเป็นที่ตั้งที่ดีที่สุดของสาขาร้านประมูลซิงเฟิงแน่!”

“ชิๆ ไม่นึกเลยว่าสตรีสองนางจะเปลี่ยนแปลงชะตาของเมืองจวีหยางได้!”

“ได้ยินมาว่าคนหนึ่งในนั้นมีพรสวรรค์ศาสตร์โชคชะตาดีมาก หากเติบโตขึ้นแล้วภายหน้าคงไม่ธรรมดาแน่!”

การพูดคุยในห้องประชุมยังคงดำเนินต่อไป ส่วนที่ตั้งของร้านสาขาเหมือนจะยืนยันได้แล้ว

แต่ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น “ศาสตร์โชคชะตา!”

สถานที่เกิดของจ้าวหยูเฟยกับหลิ่วฉินซินเองก็อยู่ในละแวกนี้ และตอนนี้มีสตรีผู้ถูกเลือกสองนาง คนหนึ่งในนั้นชำนาญศาสตร์โชคชะตา

เมื่อเอาเบาะแสทั้งหมดมารวมกัน จ้าวเฟิงพอจะยืนยันได้แล้ว

“ดี เช่นนั้นตั้งที่เมืองจวีหยางแล้วกัน!” จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ยอย่างอดไม่ได้

ผู้อาวุโสแซ่หลี่ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะปรายตามองจ้าวเฟิง

นี่คืองานประชุมระดับสูงของร้านประมูลซิงเฟิง แต่เจ้าเด็กนี่อยู่ที่นี่ด้วยทุกครั้ง

ทว่าซ่งถิงอวี้เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านประมูลซิงเฟิงแห่งนี้ นางต้องการนำศิษย์เข้ามา ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้ อีกทั้งฮั่วชิงเฟิงเองก็อนุญาตแล้ว

“ซ่งถิงอวี้ คราวหน้าให้ศิษย์ของเจ้าออกไปรอข้างนอกเถอะ นี่เป็นการประชุมลับ!”

ผู้อาวุโสแซ่หลี่แค่นเสียงเย็น เอ่ยเสียงเรียบ

เขานับว่ามีตำแหน่งค่อนข้างสูงในบรรดาคนระดับสูงหลายคนที่เหลือ อีกทั้งตอนนี้ยังบอกข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้ออกมา ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นสูงมาก จึงแสดงอำนาจกดดันซ่งถิงอวี้ คิดจะข่มอีกฝ่าย

แต่ทว่าผู้อาวุโสแซ่หลี่เพิ่งจะพูดจบ ทั้งโถงลับก็พลันมีกลิ่นอายที่น่ากลัวทะลักออกมา ทำให้ทุกคนกดดันเกินจะเปรียบ ร่างกายและวิญญาณเจ็บปวด

“นี่…” ผู้อาวุโสหลี่มองฮั่วชิงเฟิงด้วยใบหน้าฉงน

เป็นฮั่วชิงเฟิงที่ปลดปล่อยกลิ่นอายกดดันกลุ่มนี้ออกมา

ฮั่วชิงเฟิงในตอนนี้ไปถึงขอบเขตอมตะอีกครั้งแล้ว พลังฝึกตนกล้าแกร่ง อยู่เหนือคนทั่วไป

“ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก!”

ฮั่วชิงเฟิงเอ่ยเสียงเย็นชา แววตาคมปลาบกวาดมองผู้อาวุโสหลี่ เหมือนมีกระบี่ที่ไร้รูปร่างเล่มหนึ่งพุ่งทะลุเข้าไปในดวงวิญญาณอีกฝ่าย

“ขอรับ!” เหงื่อนเย็นเต็มหลังผู้อาวุโสหลี่ เขาพยักหน้าตอบตกลง

ไม่นึกว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาจะทำให้ฮั่วชิงเฟิงไม่พอใจขนาดนี้ อีกทั้งซ่งถิงอวี้ที่อยู่ด้านข้างกลับมีท่าทีนิ่งเฉยอีก

เมื่อมองจ้าวเฟิงผู้มีใบหน้านิ่งเฉยเช่นกัน เหมือนไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ในใจของเขาก็ยิ่งสงสัย แต่กลับไม่กล้าถามอะไรมากนัก

ส่วนคนอื่นที่เหลือต่างก็หวาดระแวงและคาดเดาเกี่ยวกับจ้าวเฟิงไปต่างๆ นานาไม่นานนักการประชุมก็จบลง สถานที่เปิดร้านสาขาถูกกำหนดไว้ที่เมืองจวีหยาง

เมื่อการประชุมจบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป

“ชิงเฟิง ข้าจะไปเมืองจวีหยางด้วยตนเองสักหน่อย!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างจริงจัง

ไม่ว่าจะสตรีผู้ถูกเลือกที่มีชื่อเสียงในเมืองจวีหยางระยะนี้จะใช่จ้าวหยูเฟยและหลิ่วฉินซินหรือไม่ เขาก็ต้องไปดูสักหน่อยถึงจะสามารถยืนยันได้

สตรีทั้งสองคนในตอนนี้ยังไม่ฟื้นคืนความทรงจำ ถ้าหากถูกผู้แข็งแกร่ง คนระดับสูง หรือเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ตัดหน้าไปคงจะแย่

“นายท่าน นี่ท่านวางแผน…” ฮั่วชิงเฟิงถามหยั่งเชิง

“ไปดูกัน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องสู่ขออีก!”

จ้าวเฟิงทอดถอนใจ โชคดีที่เขาเปิดร้านประมูลซิงเฟิง ทำเงินได้ไม่น้อย มิฉะนั้นกระทั่งสินสอดคงไม่มี

“อะไรนะ…” ฮั่วชิงเฟิงยืนนิ่งทันใด อ้าปากค้างเล็กน้อย

ในสายตาเขา จ้าวเฟิงลึกล้ำเกินคาดเดา เป็นบุคคลระดับสูงที่พรางตัวไว้ไม่เปิดเผย แต่คิดไม่ถึงว่ากลับสนใจสตรีผู้ถูกเลือกทั้งสอง แถมยังจะไปสู่จอด้วย…

ตอนบ่าย จ้าวเฟิงก็เดินทางกลับมาที่จวนเจ้าเมือง

“หืม?” เขาสังเกตเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากลทันที

กลิ่นอายผู้แข็งแกร่งในจวนเจ้าเมืองน้อยกว่าที่ผ่านมามากนัก ส่วนบิดาของเขาก็ไม่อยู่

เมื่อกลับมาถึงเรือนพักของจ้าวเมือง จ้าวเฟิงเจอพ่อบ้านชรา นั่นคือผู้อาวุโสเคราแพะที่ใบหน้าอ่อนโยนผู้หนึ่ง

“พ่อบ้าน ท่านพ่อข้าไปไหนแล้ว?”

จ้าวเฟิงเอ่ยถาม

“นายท่านไปที่สำนักปีศาจโลหิต ได้ยินมาว่าสำนักปีศาจโลหิตเตรียมจะเจรจากับเมืองหนานอวิ้น!” พ่อบ้านเอ่ยทันที

สำนักปีศาจโลหิตเป็นขั้วอำนาจศาสตร์มารแถวเมืองหนานอวิ้น และไม่ด้อยกว่าพวกเขาแม้แต่น้อย ความบาดหมางระหว่างสองฝ่ายดำเนินมาพันปีแล้ว

หากไม่ใช่เพราะทั้งสองต่างสูญเสียกำลังไป เกรงว่าตอนนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่

“ก่อนที่นายท่านจะไปได้สั่งให้ข้ากำชับนายน้อยเรื่องหนึ่ง!”

พ่อบ้านเฒ่าเขยิบเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง เอ่ยเสียงต่ำที่ริมหู

“นายท่านบอกว่า…”

ทว่าพ่อบ้านเฒ่าเพิ่งเอ่ยไปได้ครึ่งประโยค มุมปากก็ยกยิ้มชั่วร้ายยามสมใจ

เขายื่นมือขวาออกมา รวบรวมปราณแท้เป็นคมดาบเล่มหนึ่ง ก่อนจะฟันออกไปทันที

แต่ทว่าร่างผู้เฒ่าพลันแข็งทื่อ

เห็นเพียงกระบี่ลายสีชาดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือจ้าวเฟิงเมื่อใดไม่รู้ แต่ตอนนี้กระบี่เล่มนี้แทงเข้าไปในทรวงอกของพ่อบ้านแล้ว

“ชั้นนภาสูงสุด…”

ร่างพ่อบ้านชราสั่นเทิ้ม ทันใดนั้นก็แห้งเหี่ยว เลือดเนื้อแก่นสำคัญสลายไปกลายเป็นกองกระดูก

พ่อบ้านชราอยู่แค่ขอบเขตแปรจิตช่วงแรกเริ่ม แต่อาวุธชั้นนภาสูงสุด ผู้แข็งแกร่งขอบเขตอมตะทั่วไปไม่มีครอบครอง ต่อให้จ้าวเฟิงไม่ปลดปล่อยพลังอาวุธเทพชิ้นนี้ออกมา ด้วยลักษณะพิเศษและความปราดเปรียวของตัวกระบี่เองก็สามารถสังหารพ่อบ้านเฒ่าได้ในพริบตาอยู่แล้ว

“มีเรื่องจริงๆ สินะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ

ชั่วขณะที่เข้าไปในจวนเจ้าเมือง เขาก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ผิดปกติแล้ว

ในตอนนั้น เหมือนได้รับคำสั่งจากใครบางคน สถานที่ต่างๆ ในจวนเจ้าเมืองพลันมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งโดดเด่นอีกทั้งจิตสังหารปรากฏ

ทันใดนั้น เสียงร้องและกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายมาจากจุดต่างๆ ไม่น้อย

เวลาเดียวกัน ทั้งจวนเจ้าเมืองก็ตกอยู่ในความโกลาหล เริ่มเปิดฉากสังหารกัน

“จ้าวป้าหลง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เสียงกังวานดังก้องออกจากพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังจวนเจ้าเมือง จากนั้นเงาขาวสว่างสายหนึ่งก็กะพริบออกมา ก่อนจะกลายเป็นผู้อาวุโสผมขาวผู้หนึ่ง จ้องไปที่มุมหนึ่งด้วยสายตาโกรธแค้น

“ผู้อาวุโสสูงสุด!”

“ผู้อาวุโสสูงสุด คนในตระกูลทรยศ!”

ในจวนเจ้าเมืองมีเสียงกู่ร้องดังขึ้นมากมาย

จู่ๆ คนพวกนี้ก็เปลี่ยนไป เปิดฉากฆ่าสังหาร ทำให้ตระกูลจ้าวตั้งตัวไม่ทัน

“ฮ่าๆ ตาแก่หนังเหนียว ตระกูลจ้าวเป็นของข้า!”

จู่ๆ จ้าวป้าหลงก็พุ่งออกจากตำหนักสีทองเข้ม กลิ่นอายที่โอหังบ้าคลั่งกระจายตัวออกมา ในกลิ่นอายกลุ่มนี้ยังมีความชั่วร้ายที่ทำให้คนต้องหวาดกลัว

“เจ้าสมคบคิดกับสำนักปีศาจโลหิต?”

ผู้อาวุโสสูงสุดหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ก่อนจะถามเสียงดัง

“เจ้ารู้ตัวช้าไปแล้ว!”

จ้าวป้าหลงหัวเราะลั่น

ในเวลาเดียวกัน รอบๆ จวนเจ้าเมืองก็มีปราการพลังสีเลือดชั้นหนึ่งคลี่กระจายออก ด้านบนนั้นมีลวดลายมารมากมายลอยขึ้นมา พลานุภาพน่าสะพรึงกลัว

“ข้าขอสังหารคนทรยศอย่างเจ้าก่อนเถอะ!”

ผู้อาวุโสสูงสุดกระโจนออกมาทันใด ในมือปรากฏกระบี่ยาวหน้ากว้างใหญ่เล่มหนึ่ง แล้วจึงกวัดแกว่งออกไป

เห็นเพียงจ้าวป้าหลงยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ แน่นิ่งไม่ไหวติง สุขุมเยือกเย็น

“แย่ล่ะ!”

ทันใดนั้นผู้อาวุโสสูงสุดก็รู้สึกถึงอันตราย เขาบินหลบไปอย่างรวดเร็ว

ตูม โครม~

ศีรษะมารชั่วร้ายสีโลหิตพลันพุ่งออกจากด้านในที่พำนักของจ้าวป้าหลง พุ่งตรงไปกัดผู้อาวุโสสูงสุด

ศีรษะมารสีเลือดรวดเร็วยิ่งนัก ผู้อาวุโสสูงสุดหลบหลีกไม่ทัน แขนข้างหนึ่งจึงถูกมันกัดเข้า ฉับพลันนั้น สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเด็ดขาดแน่วแน่ ตัดแขนตนเองทิ้งไป

เป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตอมตะ ร่างกายบาดเจ็บก็ยังสมานตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาพบว่าเลือดลมและแก่นสำคัญในร่างตนเองถูกกลืนกินไปมากแล้ว

เปรี๊ยะ~ ผู้อาวุโสหน้าผีในชุดคลุมสีเลือดคนหนึ่งพุ่งออกจากที่พักของจ้าวป้าหลง ใบหน้าเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ “พวกเราเจอกันอีกแล้ว!”

“เซวี่ยหลิงจื่อ!”

แววตาผู้อาวุโสสูงสุดหนักอึ้งอย่างยิ่ง จิตสังหารแผ่กระจายออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version