Skip to content

King of Gods 278

King Of Gods

บทที่ 278 : การพนันกับสาวงาม

ภายในป่าทึบที่เต็มไปด้วยอันตราย

พรึบ

เงาร่างมืดหม่นของจ้าวเฟิงนั้นราวกับภูตผีที่ปรากฏร่างขึ้นในแมกไม้

“กลิ่นอายนี้…”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมขึ้น รับรู้ได้ถึงไอสวรรค์ที่แปรเปลี่ยนไป

เจ้าเมืองหงหู!

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก

ระยะห่างระหว่างเขาและเจ้าเมืองหงหูห่างไกลหลายพันลี้ ทว่ากลับยังคงสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่าย

กลิ่นอายนี้หลอมรวมเข้ากับธาตุไฟของไอสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ

แววตาของจ้าวเฟิงสั่นระริก วิเคราะห์ได้บทสรุปที่น่าหวาดกลัวประการหนึ่ง

ชัดเจนว่าเจ้าเมืองหงหูได้บรรลุขั้นนายเหนือแท้แล้ว หรือไม่เขาก็คงหลบซ่อนพลังฝึกตนเอาไว้

ผลลัพธ์นี้ สำหรับจ้าวเฟิงแล้วนับว่าเลวร้ายนัก

เมื่อได้อยู่ในอาณาจักรนภาแห่งนี้ เขาก็ย่อมเข้าใจว่าพลังขั้นนายเหนือแท้เป็นเช่นไร

ในอาณาจักร ในบรรดาแปดขั้วอำนาจผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดย่อมอยู่ในขั้นนายเหนือแท้เป็นอย่างน้อย หรือมิเช่นนั้น การมีขอบเขตก่อกำเนิดปราณและขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปย่อมไม่เพียงพอในการครอบครองอำนาจเช่นนี้

หากเป็นการแบ่งระดับสำนักตามแบบโบราณ สำนักที่จะมีระดับครึ่งดาราได้นั้นต้องมีขั้นนายเหนือแท้เป็นอย่างน้อย

ตระกูลหลิวแห่งหงหูยามนี้ จ้าวเฟิงยังไม่มั่นใจว่าสามารถเทียบเท่าได้กับสำนักระดับครึ่งดาราหรือไม่ ทว่าเหล่าสำนักในสิบสามแคว้นนั้นไม่มีคุณสมบัติ

พูดสั้นๆ

พลังขั้นนายเหนือแท้ของเจ้าเมืองหงหูสร้างอุปสรรคและผลกระทบอย่างมากต่อการหนีและภารกิจของผู้เป็นอาจารย์ของเขา

“เจ้าเมืองหงหูผู้นี้มากแผนการ หากใช้อำนาจนายเหนือแท้ออกคำสั่ง อาจจะทำให้ข้าถูกประกาศจับได้ทั่วทั้งอาณาจักรนภา แม้อาณาจักรนภาจะกว้างใหญ่ ระบบอำนาจมีความซับซ้อน ทว่าหากเป็นอำนาจของเขาแล้ว อย่างน้อยก็สามารถครอบคลุมเมืองหงหูได้ทั้งหมด”

แววตาของจ้าวเฟิงสั่นระริก

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เขาจำเป็นต้องรีบหนีออกจากเมืองหงหูให้เร็วที่สุด

พรึบ

จ้าวเฟิงเดินทางภายในป่าเขาไปให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยอาศัยพลังของผ้าคลุมเงาหยินช่วยเหลือ มุ่งหน้าตรงไปยัง ‘เมืองหลวงนภา’ อย่างเร่งรีบ

เมืองหลวงนภาเป็นที่อาศัยอยู่ของราชา เป็นหนึ่งในเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดในทวีปเหนือ

จ้าวเฟิงอาศัยอยู่ที่เมืองหงหูมากว่าครึ่งปี ดังนั้นเส้นทางและแผนที่ของอาณาจักรนภานั้นเขาจึงได้รวบรวมไว้ในสมองของเขาแล้ว

เด็กหนุ่มเริ่มใช้พลังดวงตาเทพเจ้าวาดแผนที่ภูมิประเทศขึ้น แผนที่ที่ถูกสร้างขึ้นในสมองของเขาได้ถูกสร้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพคล้าย ‘แผนที่เสมือนจริง’

เพียงพริบตา เวลาได้ผ่านไปหลายวัน

จ้าวเฟิงพยายามไม่ใช้นางแอ่นมรกตในการเดินทางเพื่อลดการจับตามองจากผู้อื่น

ในอาณาจักรนภาแห่งนี้ เมื่อเทียบกับสิบสามแคว้นแล้ว การเดินทางกลางอากาศได้รับความนิยมยิ่งนัก สำนักและตระกูลเล็กๆ จำนวนมากได้ขี่ปักษาโผบินไปมา สามารถพบเห็นผู้อื่นได้โดยง่าย

ในวันนี้

จ้าวเฟิงมาถึงยังแม่น้ำสายเล็ก

“เกิดอันใดขึ้น? ดวงตาของข้า…”

ดวงตาจิตวิญญาณเทพเจ้าของจ้าวเฟิงปรากฏความรู้สึกเหนื่อยล้า

โดยเฉพาะเมื่อเขาพยายามใช้มัน ความรู้สึกเหนื่อยล้าเจ็บปวดนั้นจะชัดเจนยิ่งขึ้น

ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดนั้นคือ จ้าวเฟิงพบว่าพลังของแหล่งกำเนิดพลังจิตของตนเองนั้นยังคงเพียงพออย่างชัดเจน

ก่อนหน้าไม่กี่วันที่เขาได้ต่อสู้กับหลิวเหยียน แม้ใช้พลังของดวงตาจนถึงขีดสุดกลับไม่ปรากฏความเหนื่อยล้าเทียบเท่าวันนี้

ผืนผิวของแม่น้ำสายเล็กนั้นราบเรียบ เป็นเช่นแผ่นกระจก

จ้าวเฟิงยืนอยู่เบื้องหน้าแม่น้ำนั้น เงาสะท้อนแสดงให้เห็นเรือนผมสีเขียวราวหยก ให้ความรู้สึกชั่วร้าย

ในเวลาอันรวดเร็ว

จ้าวเฟิงพบว่าเส้นผมสีเขียวของเขาบางส่วนได้แปรเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินอ่อนจาง

สีของเส้นผมเขาได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในเวลาไม่กี่วันนี้

นอกจากนั้น นัยน์ตาซ้ายของเขาก็มักจะปรากฏประกายแสงสีฟ้าเย็นเยียบออกมาครั้งแล้วครั้งแล้ว

ทุกครั้งที่ประกายแสงนั้นปรากฏขึ้น ความแข็งแกร่งของดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มก็จะเพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ

วันนั้นที่เขาได้ปะทะกับหลิวเหยียนตรงๆ ใช้ดวงในการดึงพลังจิตออกมาใช้ ทว่าที่สุดแล้วก็ยังคงไม่สามารถเอาชนะขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ทำได้เพียงหลบหนีมาในป่า

ทว่าในยามนี้ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง เพียงแค่ใช้งานธรรมดายังเกิดความเหนื่อยล้า

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นบนบ่าของจ้าวเฟิง ในอุ้งเท้าปรากฏเหรียญสองเหรียญยื่นไปทางจ้าวเฟิง

เหรียญทั้งสองนั้น เหรียญหนึ่งได้มาจากตำหนักยอดนภา อีกเหรียญได้รับมาจากหลิวฉินซิน

“ความหมายของเจ้าคือมีคนตามข้ามาอย่างนั้นหรือ?”

จ้าวเฟิงสีหน้าตกใจ

แมวขโมยตัวน้อยผงกศีรษะ เหรียญทั้งสองที่อยู่ในอุ้งมือลอยหมุนขึ้น เกิดเสียง ‘ติง ติง’

ใช่ลางร้ายหรือไม่?

จ้าวเฟิงลอบคิดในใจอย่างไม่สู้ดี เพราะเส้นทางที่ตัวเขาใช้หลบหนีนั้นลึกลับซับซ้อนมาก จะมีผู้ใดตามมาได้อย่างไรกัน?

แมวขโมยตัวน้อยพลันเกิดความรู้สึกเลวร้าย เหรียญทองแดงเก่าแก่เหรียญหนึ่งร่วงหล่นลง

มันม้วนตัวกลับเข้าไปหลบซ่อนในถุงเก็บสัตว์วิเศษ

พรึบ

เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากความว่างเปล่า ตามมาปราณครึ่งจิตวิญญาณอันทรงพลัง

มันเป็นกลิ่นอายที่จ้าวเฟิงคุ้นเคยยิ่งนัก

ไม่ดีแล้ว!

จ้าวเฟิงใช้พลังผ้าคลุมเงาหยิน หลบซ่อนตัวที่ใต้น้ำในแม่น้ำ

หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ

สตรีในอาภรณ์สีขาวพลิ้วลอยลงมาอย่างแผ่วเบาราวขนนก งดงามราวกับภาพของเทพธิดา

ผู้มาใหม่คือหลิวฉินซิน

ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ หลิวฉินซินได้ลอยลงมาข้างๆ บริเวณที่จ้าวเฟิงหลบซ่อน มองไปยังสายน้ำเบื้องหน้าและถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

ดวงตากลมโตใสกระจ่างราวกับบ่อน้ำในฤดูใบไม้ผลิ สงบราบเรียบยิ่งกว่าผิวน้ำเบื้องหน้า เต็มไปด้วยกลิ่นอายล้ำลึกและนิ่งสงบ

“เจ้าตามมาได้อย่างไร?”

จ้าวเฟิงแสดงตนออกไปอย่างจงใจ

เขาไม่คิดว่าหลิวฉินซินจะพลิ้วกายลงมาได้อย่างแม่นยำข้างกายตนเช่นนี้

ถึงความสามารถในการอ่านอารมณ์ของจ้าวเฟิงจะต่ำมาก แต่เด็กหนุ่มก็เป็นคนที่ฉลาดมาก

ใบหน้าหลิวฉินซินราบเรียบราวกับปิดบังความขมขื่นเอาไว้ ไม่ปรากฏความน้อยใจหรือโมโหแต่อย่างใด ดวงตายังคงนิ่งสงบ

“อาจารย์ของข้า ก่อนที่ท่านจะเสียไปได้ให้ ‘เหรียญทองแดงแบ่งชะตา’ เอาไว้ให้ข้าและกำชับว่ามันสามารถกำหนดคู่ชีวิตและโชคชะตาของข้าได้”

เด็กสาวแย้มยิ้มอย่างชาญฉลาด ท่าทีราวกับกำลังขบขันตนเอง มือขาวแบออก เผยให้เห็นเหรียญทองแดงเก่าแก่อีกเหรียญหนึ่ง

เหรียญนี้คล้ายคลึงกับเหรียญที่สองของแมวขโมยตัวยิ่งนัก

ที่แท้เป็นเช่นนี้!

ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่จ้าวเฟิงสามารถคิดออกคือเหรียญทองแดงที่แมวขโมยตัวน้อยนำไป

ด้วยนิสัยขี้งกของแมวขโมยตัวน้อย สิ่งของถึงมือมันย่อมมิมีทางคายคืน

ที่สุดแล้ว ทำให้จ้าวเฟิงต้องรับความเสี่ยงเอาเอง

ถ้าหากหลิวฉินซินไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่นำยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงผู้อื่นมาด้วย…

เมื่อคิดถึงยามนี้ เหงื่อเย็นเยียบก็ไหลลง ใช้ดวงตาเทพเจ้ามองไปรอบด้าน ทว่าไม่พบร่องรอยของกองกำลังที่ไล่ล่ามา

“วางใจได้ เรื่องระหว่างเราสองคน ย่อมต้องเป็นพวกเราที่จัดการ”

สายตาซุกซนของหลิวฉินซินจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาเบื้องหน้า

คิดแตกต่างออกไปราวกับพวกเขาได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว

“แก้ไข? จะแก้ไขอย่างไร?”

สายตานางที่มองมายังจ้าวเฟิงมีความไม่ธรรมชาติบางอย่าง ราวกับกำลังรู้สึกผิดละอายใจ

“ก่อนที่จะแก้ปัญหา ข้าต้องเล่าเรื่องบางอย่างให้เจ้าฟังก่อน”

หลิวฉินซินยิ้มออกมา ยิ้มในยามนี้ราวกับดอกไม้ที่ผลิบานอย่างงดงาม กระทั่งทำให้ใจที่เฉยชาของจ้าวเฟิงนั้นกระตุกไปชั่ววูบ

“ตั้งใจฟังให้ดี”

จ้าวเฟิงจึงเพิ่งรับรู้ว่าเขานั้นรู้เรื่องเกี่ยวกับคู่หมั้นผู้นี้น้อยนัก

“ก่อนหน้า ได้มีเซียนผู้ละทางโลกผู้หนึ่งได้รับสตรีสามคนเป็นศิษย์ เซียนผู้นั้นได้ให้สตรีทั้งสามเลือกมรดกตามลำดับ ศิษย์ทั้งสามนั้นแม้ว่าจะมีพรสวรรค์มากนัก ทว่ากลับสามารถทำความเข้าใจมรดกได้เพียงหนึ่งชิ้น”

หลิวฉินซินกล่าว

จ้าวเฟิงฟังอย่างเงียบๆ ในยามนี้ได้ปรากฏความเยือกเย็นมากกว่าปกติ

“ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนฉลาดเฉลียว นางได้เลือก ‘หนทางแห่งโชคชะตา’ ศิษย์พี่รองเป็นสตรีงามล้ำ จึงได้เลือก ‘หนทางแห่งความเสน่หา’ ศิษย์คนที่สามไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก ชมชอบในเสียงดนตรี จึงเลือก ‘หนทางแห่งสำเนียง’ ”

เมื่อพูดถึงยามนี้ หลิวฉินซินก็ได้แย้มยิ้มออกมานิดๆ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้น”

จ้าวเฟิงสนใจในเรื่องราว

ผู้เป็นอาจารย์หลิวฉินซิน ด้วยความหวังดีจึงให้นางเปลี่ยนชื่อเพื่อสร้างโชคชะตา เมื่อรับฟังความหมายของแมวขโมยตัวน้อยก็แทบจะสงสัยว่าตนเองได้ถูกวางกับดักเอาไว้ ทว่าไม่ได้คาดคำนวณถึงจุดนี้

“ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นคืออาจารย์ของข้า ทว่าโชคร้ายที่นางสิ้นชีพไปแล้ว ศิษย์คนที่สามคือมารดาของข้า ทว่าถูกฆ่าตายไปแล้ว หลงเหลือเพียงศิษย์คนที่สองที่เลือก ‘หนทางแห่งความเสน่หา’ ”

หลิวฉินซินเอ่ย

จ้าวเฟิงตกใจ ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์คนที่สามล้วนสิ้นชีพ หลงเหลือแต่ศิษย์คนที่สอง

หรือนี่กำลังจะแสดงให้เห็นว่าศิษย์ที่เลือกหนทางแห่งความเสน่หานั้นเหมาะสมที่จะมีชีวิตรอด?

“เรื่องเล่าจบแล้ว ต่อมาก็มาแก้ปัญหาเรื่องของเรา”

หลิวฉินซินแย้มยิ้มบางไปยังเด็กหนุ่ม

จ้าวเฟิงถูกนางมองจนเริ่มกลัว

หรือว่าหลิวฉินซินกำลังจะบังคับให้เขาแต่งงาน?

“วางใจได้ ข้าไม่ได้มาเพื่อบังคับเจ้าให้แต่งงาน”

หลิวฉินซินถอนหายใจเงียบๆ “เพียงแต่ว่าการที่เจ้าหนีงานแต่งงานมาครั้งนี้ทำให้ตระกูลหลิวแห่งหงหูของเรา และบิดาของข้าอับอายอย่างมาก”

จ้าวเฟิงยังคงนิ่งเงียบ ในใจลอบครุ่นคิด หากมิเป็นเพราะบิดาของเจ้าวางแผนบังคับให้ข้าแต่งงาน มีหรือจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?

“อีกอย่างหนึ่ง ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูล การที่เจ้าหนีการแต่งงานมาเช่นนี้ย่อมสร้างความด่างพร้อยให้ชื่อเสียงข้า…”

เมื่อฟังถึงยามนี้ จิตใจของจ้าวเฟิงก็สั่นสะท้าน

การหนีงานแต่งงานมาครั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเขา

การกระทำของเขานั้นไม่ต่างจากจดหมายหย่า สร้างความด่างพร้อยให้อีกฝ่าย

“เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?”

จ้าวเฟิงถาม

ยามนี้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง ตัดสินใจที่จะชดเชยให้เท่าที่จะทำได้

“อย่างแรก กลับไปที่เมืองหงหูเพื่อขออภัยบิดาข้า รวมทั้งตระกูลหลิวแห่งหงหู จากนั้นเจ้ากับข้าก็ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน”

หลิวฉินซินเอ่ยเสียงเรียบ

“อย่างที่สองล่ะ?”

จ้าวเฟิงคิดในใจ หากข้ากลับไปเพื่อขออภัย มิใช่ว่าเหล่ายอดฝีมือเมืองหงหูจะรวมตัวกันกระทืบข้าจนเละหรือ?

ทั้งเจ้าเมืองหงหูเองก็บรรลุขั้นนายเหนือแท้แล้ว ผู้ใดจะต้านทานความกราดเกรี้ยวของเขาได้?

“อย่างที่สอง กลับไปแต่งงาน”

หลิวฉินซินหน้าแดงเล็กน้อย

จ้าวเฟิงแทบจะสิ้นสติ ก่อนหน้าเจ้าบอกว่าจะไม่บังคับให้แต่งงาน มิใช่ว่านี่เรียกว่าบังคับให้แต่งงานหรือ?

“เจ้าจะเลือกข้อใด?”

“ข้า… ข้าเลือก… หนีต่อไป!”

จ้าวเฟิงรีบหมุนตัวกลับ

ขอให้เขากลับไปโดนกระทืบหรือแต่งงานย่อมเป็นไปไม่ได้

จริงๆ แล้วอย่างแรกยังพอที่จะพิจารณาได้ ทว่าตัวเขาต้องมีพลังมากพอที่จะจัดการการถูกรุมกระทืบนั่นได้

“เจ้า… เจ้าเป็นบุรุษแท้ๆ เหตุใดจึง…”

“ข้าทำไม?”

ความสามารถในการอ่านอารมณ์ของเด็กหนุ่มต่ำมากจริงๆ

“ไร้ความรับผิดชอบนัก”

หลิวฉินซินกัดริมฝีปากของตน

“บุรุษ? ข้ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เลย”

ทว่าสติปัญญาของเด็กหนุ่มนั้นสูงนัก

“เจ้า…”

หลิวฉินซินหมดสิ้นคำพูด

“เอาเช่นนี้ เช่นนั้นเราก็มาพนันกัน”

ดวงตางดงามของหลิวฉินซินปรากฎความเจ้าเล่ห์

“ว่ามา”

จ้าวเฟิงไม่ได้หวาดกลัว

“เจ้ากับข้ามาประลองกัน หากเจ้าชนะก็ไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใด หากเจ้าแพ้ต้องเลือกหนึ่งในสองตัวเลือกนั่น”

หลิวฉินซินเอ่ย

“ฮ่า หากข้าแพ้ข้าจะกลับไปแต่งงานเดี๋ยวนี้!”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างมั่นใจ

แม้ว่าหลิวฉินซินจะแข็งแกร่งกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไป และกระทั่งมีพลังสายเลือด ทว่าจ้าวเฟิงสามารถรับมือได้กระทั่งการไล่ล่าจากขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงและจำกัดอีกฝ่ายได้สำเร็จ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงสตรีเลย

“เช่นนั้นหรือ?”

หลิวฉินซินแย้มยิ้ม มือขาวประสานกันที่จุดตันเถียน สร้างกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงออกมา

ทันใดนั้น

ปราณครึ่งจิตวิญญาณของเด็กสาวก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็น ‘ปราณจิตวิญญาณ’ โดยแท้จริง

“ปราณจิตวิญญาณ… เจ้า… เจ้าผนึกพลังฝึกตนเอาไว้”

จ้าวเฟิงใบหน้าขาวซีด แรงกดดันของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทำให้เขาหายใจติดขัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version