บทที่ 295 : หนึ่งต่อคนจำนวนมาก (1)
โลงศพจื่อถง ชั้นสาม
เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้านั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลางกลีบดอกบัวสามสี สวมใส่ “เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ” สีฟ้าตัดขาว ขนาดพอดีตัว ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์สง่างามยิ่งนัก ดวงตาสีฟ้าอ่อนลึกล้ำปรากฏความสุขุมเย็นชาอยู่หลายส่วน
ณ ตอนนี้
แรงกดดันขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงบางเบาได้ปรากฏขึ้นบนร่างของจ้าวเฟิง
จากนภาที่เจ็ดสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียว นั่นคือปราณครึ่งจิตวิญญาณ
แม้ภายในร่างจะมีปราณครึ่งจิตวิญญาณเพียงเศษเสี้ยวก็สามารถนับได้ว่าก้าวข้ามธรณีประตูมาแล้ว
จ้าวเฟิงมี “สามปทุม” สิ่งวิเศษชิ้นนี้คอยช่วยเหลือ ทั้งยังดื่มน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์เข้าไป เพิ่มความเร็วในการฝึกตน ทั้งประสิทธิภาพในการเปลี่ยนปราณแท้เป็นปราณครึ่งจิตวิญญาณยังเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
สีหน้าของอาจารย์เฮยหยุนที่อยู่ใกล้ๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนและชื่นชม
ด้วยความช่วยเหลือจากสมบัติสายธารจันทราที่นับเป็นจุดเปลี่ยนนี้ ทำให้จ้าวเฟิงใช้เวลาเพียงไม่นานก็ก้าวข้ามความพยายามของคนอื่นๆ นับทศวรรษและหลายทศวรรษอันยากที่จะข้ามผ่านได้
ทว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงโชควาสนา
จ้าวเฟิงได้ ‘ขโมย’ ตัวอาจารย์เฮยหยุนออกมาจากคมเขี้ยวของสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง วางแผนครอบครองสมบัติทั้งหมดของชั้นที่สาม อาจกล่าวได้ว่าเนื้อได้เข้าปากเสือไปแล้ว
“สามปทุมนี้ควรค่าแก่การได้รับการขนานนามว่าเป็นอุปกรณ์สนับสนุนที่ยอดเยี่ยม ขอบเขตจิตวิญญาณแต่เดิมของข้าก็สูงอยู่แล้ว แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากมันก็ทำให้สามารถฝึกฝนได้สำเร็จ”
จ้าวเฟิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
ปราณครึ่งจิตวิญญาณภายในร่างของเด็กหนุ่มยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
ขอบเขตพลังจิตแต่เดิมของจ้าวเฟิงนั้นเทียบเท่าได้กับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอยู่แล้ว ย่อมสามารถดูดกลืนไอสวรรค์ได้ ทั้งเมื่อมีการช่วยเหลือของสามปทุมยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของมันเพิ่มมากขึ้น
อาจารย์เฮยหยุนมองพลังฝึกตนที่เพิ่มขึ้นทีล่ะขึ้นของจ้าวเฟิงอย่างทำอะไรไม่ถูก
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือการที่ปราณครึ่งจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงแม้จะเข้าสู่ระดับสูง ทว่าการควบคุมของเด็กหนุ่มกลับดูง่ายดาย ไร้ซึ่งการติดขัด
นัยน์ตาของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวมักจะปรากฏประกายแสงที่มีรูปร่างไม่ชัดเจนขึ้นเป็นบางครั้ง หากเทียบกับปราณครึ่งจิตวิญญาณที่ชายชราเคยพบเจอมานับว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าตัวนัก
เขาดูออกว่าจ้าวเฟิงพยายามกดกลิ่นอายนั้นไว้อย่างเต็มที่
ในเวลาครึ่งวัน
ปราณครึ่งจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วกว่าหนึ่งในสิบส่วน ความเร็วที่น่าพรั่นพรึงนี้ได้ทำให้อาจารย์เฮยหยุนไร้ซึ่งคำพูดไป
“ต่อให้เจ้ามีพลังสายเลือดในร่าง หากประสาทสัมผัสจิตวิญญาณไม่แข็งแกร่งพอการทำให้สามปทุมยอมรับได้ย่อมยากลำบาก และแม้เจ้าจะได้รับการสนับสนุนจากสามปทุมและน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์ ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นปราณครึ่งจิตวิญญาณก็ไม่อาจรวดเร็วได้เพียงนี้ อย่าได้บอกข้าเชียวว่าพรสวรรค์ของเจ้าคือกายจิตวิญญาณฟ้าที่เป็นตำนานนั่น”
อาจารย์เฮยหยุนสูดลมหายใจลึก อดที่จะเอ่ยข้อสงสัยในใจของตนออกมาไม่ได้
กายจิตวิญญาณฟ้าเป็นพรสวรรค์ที่สูงที่สุดในตำนาน มีเพียงพรสวรรค์เช่นนั้นเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วเพียงนี้
“หากข้ามีกายจิตวิญญาณฟ้าจริงๆ บางทีข้าคงไม่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณแล้ว”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม
ไม่ต้องเอ่ยถึงกายจิตวิญญาณฟ้าเลย กระทั่งกายจิตวิญญาณดินก็ยังนับว่ายอดเยี่ยมแล้วในอาณาจักรนภา มีความเป็นไปได้สูงที่คนผู้นั้นจะเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก่อนอายุครบ 20 ขวบปี
เด็กหนุ่มไม่ได้อธิบายว่าที่กลิ่นอายบนร่างของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้นกะทันหันเป็นเพราะสามปทุมได้รวบรวมไอสวรรค์จากรอบด้าน
จิตวิญญาณของอาจารย์เฮยหยุนพลันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันรุนแรง “เจ้า… ขอบเขตพลังจิตของเจ้าที่แท้เทียบได้กับขั้นมนุษย์แท้”
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสามารถทำให้สามปทุมยอมรับได้อย่างราบรื่น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสู่ปราณครึ่งจิตวิญญาณยังเป็นไปได้อย่างรวดเร็วนัก”
อาจารย์เฮยหยุนเผยสีหน้าตกใจ พลันเข้าใจในทันที
ถ้าหากขอบเขตพลังจิตของคนผู้หนึ่งเหนือกว่าพลังฝึกตนของตน ความเร็วในการฝึกพลังย่อมไม่อาจใช้เหตุผลปกติทั่วไปมาเปรียบเทียบได้
มันเหมือนเช่นได้ฝึกพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไว้ก่อนแล้ว ย่อมทำให้ความเร็วในการฝึกตนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากนัก
“นี่ก็ผ่านมาห้าหกวันแล้ว ทว่าสามฝ่ายนั้นยังแก้ไขกลไกมาสู่ชั้นสามไม่สำเร็จอีกหรือ?”
จ้าวเฟิงหันไปถาม สายตากวาดมองไปยังสามทิศที่เหลือ
หากเป็นตามที่อาจารย์เฮยหยุนคำนวณเอาไว้ คนเหล่านั้นใช้เวลาอย่างน้อยห้าหกวัน มากสุดก็สิบวันจึงสามารถมายังชั้นที่สามได้
ทว่านี่นับเป็นเรื่องดีสำหรับจ้าวเฟิง
เขาย่อมมีเวลาในการเตรียมตัวและฝึกตนเพิ่มขึ้น
กลุกกลุก
แมวขโมยตัวน้อยที่อยู่บนไหล่จ้าวเฟิงกลิ้งตกลงมาแต่ยังคงหลับสนิท ท้องของมันกลมป่อง น่ารักยิ่งนัก
“เจ้าแมวตัวเล็กนี่ตะกละนัก กินมากเกินไปแล้ว ”
จ้าวเฟิงถอนหายใจก่อนนำแมวขโมยตัวน้อยใส่เข้าไปในถุงเก็บสัตว์วิเศษ
อาจารย์เฮยหยุนมองไปยังแมวขโมยตัวน้อย ในใจปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา แมวตัวนี้ไม่เพียงแต่กินมากเกินไป สิ่งที่มันกินเข้าไปล้วนยาวิเศษที่แสนหายาก พลังของมันเพียงพอที่จะระเบิดร่างของผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
แต่ว่าแมวตัวนี้แม้กินจนอิ่มก็ยังสามารถหลับใหลได้สบายๆ
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถมองเห็นได้ว่ายาล้ำค่าทั้งหลายที่แมวขโมยตัวน้อยกินเข้าไปได้ถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็ว
แต่ที่แปลกคือร่างของแมวขโมยตัวน้อยกลับยังไม่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม
ความแข็งแกร่งของแมวขโมยตัวน้อยนั้นจ้าวเฟิงเองก็มีความเคลือบแคลงสงสัย ทว่ามันควรจะสามารถรับมือกับผู้มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายคนได้สบายๆ
การหลับลึกครั้งนี้ของมัน ในระยะเวลาสั้นๆ ย่อมไม่ตื่นขึ้นมา
ร่างของมันที่อยู่ในสภาวะจำศีลมีความเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง เป็นเช่นจ้าวเฟิงที่หลับลึกในแม่น้ำกว่าหนึ่งถึงสองเดือนครานั้น
“ใช่แล้ว น้องชาย เจ้าสามารถทำให้สามปทุมยอมรับได้แล้ว เช่นนั้นสิ่งที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ทิ้งเอาไว้คือสิ่งใดกัน?”
อาจารย์เฮยหยุนอดที่จะสงสัยไม่ได้
จอมโจรฉุ่ยเยว่จะอย่างไรก็นับได้ว่าเป็นบุคคลที่โด่งดังเป็นตำนานผู้หนึ่งในแคว้นนภา
ก่อนที่จะสิ้นชีพ เขาจะทิ้งสิ่งใดเอาไว้?
ความต้องการนั้น อยู่ภายในสามปทุม
จ้าวเฟิงทำให้สามปทุมยอมรับได้แล้ว ย่อมล่วงรู้ถึงรายละเอียดของมัน
“ความต้องการนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉินหวางเฟย…”
น้ำเสียงของจ้าวเฟิงชัดเจนว่าไม่อยากเอ่ยขึ้นเท่าใดนัก
ทว่าก็นับว่าดี
ไม่ว่จะเป็นภารกิจส่งจดหมายของผู้อาวุโสหนึ่งหรือความต้องการของจอมโจรฉุ่ยเยว่ก็ล้วนทำให้เขาต้องไปหา ‘ฉินหวางเฟย’
ฉินหวางเฟยผู้นี้เป็นคนเช่นใดกัน?
ในใจของจ้าวเฟิงปรากฏความคาดหวัง และความหวั่นเกรงเล็กๆ
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร มันคือหน้าที่ที่ทำให้เขาต้องมายังอาณาจักรนภาแห่งนี้
ขณะที่จ้าวเฟิงกำลังใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการฝึกฝน ทั้งสามฝ่ายต่างก็พยายามแก้ไขกลไกกับดักอย่างสุดความสามารถ
ห้องที่เก้า ทิศตะวันตก
“ห้องสุดท้ายแล้ว เพียงอีกหนึ่งก้าวข้าก็จะสามารถเข้าสู่ชั้นที่สามได้”
โจรเถาชานเฟ่ยตั้งสมาธิ บนใบหน้าปรากฏความเหนื่อยล้าและตื่นเต้นปะปนกัน
“ศิษย์พี่ อีกเพียงหนึ่งก้าวเราก็จะสามารถแย่งทุกอย่างกลับมาได้”
ใบหน้าของสตรีชุดสีสดระบายไปด้วยความหวัง
ความเกลียดแค้นของทั้งสองต่อจ้าวเฟิงนั้นอยู่ในระดับที่ไม่อาจอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันได้
แม้ว่าจ้าวเฟิงจะยินยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้และยอมแพ้แต่โดยดี พวกเขาก็จะทรมานอีกฝ่ายจนตาย
ในเวลาเดียวกัน
ทั้งนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงภายในห้องที่เก้ากำลังแข่งกับเวลาในการแก้กับดัก
“ไอ้เด็กผมฟ้านั่น แม้ว่าจะได้ครอบครองสมบัติแล้วก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวสีหน้ามืดทะมึนเย็นเยียบ ตามองไปยังกลไกสุดท้ายในห้อง รีบลงมือแก้ไข
ห้องที่เก้า ทิศใต้
“นายท่านปี้ หากเราเข้าไปแล้วอย่าได้ไปหาเรื่องพี่จ้าวเฟิงได้หรือไม่?”
ปี้เฉี่ยวยู่พูดด้วยสีหน้าขอร้อง
“เฉี่ยวยู่ เจ้าคิดง่ายเกินไป แม้ว่าพวกเราจะไม่เป็นศัตรูกับเขา โจรเถาชานเฟ่ยจะปล่อยเขาไปหรือ? ทั้งคนโลภมากเช่นฉานเซว่ตูอิงจะยอมปล่อยเขาไปหรือ?”
นายท่านปี้ส่ายศีรษะ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของปี้เฉี่ยวยู่ก็หดหู่ลง ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
ถูกแล้ว ยามนี้ฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังคงเป็นโจรเถาชานเฟ่ย
หากนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงไม่ร่วมมือกันในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่าจะพ่ายแพ้ต่อมันไปแล้ว
“น่าเสียดายนัก คนหนุ่มที่มากพรสวรรค์เช่นนี้…”
นายท่านปี้มีสีหน้าเศร้าสร้อย
อาจพูดได้ว่าในใจของเขาค่อนข้างเสียดาย เขาควรที่จะเก็บคนที่มีความสามารถเช่นนี้ไว้ใช้ประโยชน์ มิเช่นนั้นตอนนี้ผู้ที่ควบคุมสถานการณ์อาจเป็นตัวเขาเองแล้ว
ทว่าสถานการณ์ในยามนี้ได้บีบบังคับ จ้าวเฟิงผู้นี้… ต้องตาย
ความเร็วในการแก้ไขกลไกของทั้งสามฝ่ายเข้าสู่ขีดจำกัด
ในด้านความเร็วนั้น ฝ่ายฉานเซว่ตูอิงนับว่ารวดเร็วที่สุด
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวเป็นจอมโจรปล้น มีความเชี่ยวชาญในด้านกลไก ทั้งประสบการณ์ยังมากมาย เมื่อร่วมมือกับฉานเซว่ตูอิง ความเร็วจึงมากที่สุด
ครืดดดด
ประตูทางทิศเหนือเปิดออก ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียว รวมทั้งผู้มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอีกหนึ่งคนเข้ามายังชั้นที่สาม
“จ้าวเฟิง”
สายตาของทั้งสามคนจ้องมองไปยังร่างที่อยู่ตรงกลาง
พวกเขาเห็นเพียงเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้า บนร่างปรากฏเสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับสีขาวฟ้างดงามเกินธรรมดา นั่งอยู่บนดอกบัวสามสี
นอกจากนี้ยังมีชายแก่ร่างเตี้ยที่นั่งอยู่เยื้องด้านข้างไปอีกนิด
เมื่อมองไปยังโลงแก้วที่ว่างเปล่า ข้างในเหลือเพียงศพไร้วิญญาณ สีหน้าของฉานเซว่ตูอิงและคนอื่นก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“สามปทุม คัมภีร์บุปผาลึกลับ ไอ้เด็กนี่บังอาจขโมยสมบัติในชั้นสามไปครอบครอง”
ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวแสดงสีหน้าปรากฏความตื่นตะลึงออกมา ทว่าในขณะเดียวกันก็มีความยินดีและตื่นเต้นปะปนอยู่
เร็ว
รีบฆ่าเจ้าเด็กนั่นและแย่งสมบัติ
ฉานเซว่ตูอิงและอีกสามคนพุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง
พลังของจ้าวเฟิงนั้น พวกเขาล้วนรู้อย่างชัดเจนว่าแข็งแกร่งกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไป
ทว่าตอนนี้ เมื่อมีผู้นำเป็นผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทั้งยังมีผู้มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอีกสองคนเป็นตัวช่วย รวมมือกันโจมตี เด็กนี่จะไม่สิ้นชีพได้อย่างไร
สวบ สวบ สวบ
ฉานเซว่ตูอิงพุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว เริ่มโจมตีหวังเข่นฆ่า
ในยามนั้น แรงกดดันจากขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ทำให้ทรวงอกของอาจารย์เฮยหยุนบีบรัดแน่น
จ้าวเฟิงที่นั่งอยู่บนสามปทุมมีสีหน้าเยาะเย้ย
คว้าง
สามปทุมได้ส่งกลีบดอกบัวสีเขียว น้ำเงินและม่วงออกมารวมกันเป็นเงาแสง ป้องกันร่างของจ้าวเฟิงเอาไว้
ครืนนนนน
พลังโจมตีรุนแรงสาดซัดไปยังสามปทุมหลายครั้งแรก ทว่ามันกลับยังคงตั้งนิ่งดั่งหินผา
จ้าวเฟิงนั่งนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวอยู่บนสามปทุม ชายของ “เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ” พลิ้วไหวแผ่วเบา ราวกับไม่ได้รับผลกระทบต่อสิ่งภายนอกแต่อย่างใด
เป็นไปได้อย่างไร
พวกฉานเซว่ตูอิงทั้งสามเบิกตากว้าง จ้องมองด้วยความตื่นตะลึง
สามคนร่วมมือกัน สร้างการโจมตีรุนแรง กระทั่งผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
ทว่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บน “สามปทุม” นั่นกลับแย้มรอยยิ้มขบขันออกมาจางๆ ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนแต่อย่างใด
“สามปทุมนับว่าควรค่าแก่การได้รับการเรียกขานว่าสุดยอดอุปกรณ์แห่งหนทางมาร เมื่อครั้งที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ใช้ประโยชน์จากของสิ่งนี้ในการรับมือจากการไล่ล่าของเหล่าขั้นนายเหนือแท้”
บนใบหน้าของอาจารย์เฮยหยุนเต็มไปด้วยความยินดี และอดที่จะชื่นชมออกมาไม่ได้
เขาต้องยอมรับว่าเขาเองก็ได้ประเมินพลังของสามปทุมต่ำไป จอมโจรฉุ่ยเยว่นำมันมาไว้ชั้นที่สามกับร่างของมัน ย่อมแสดงว่าสมบัติชิ้นนี้นับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตัวมัน
“ไอ้เด็กนี่ทำให้สามปทุมยอมรับได้อย่างไร”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวตวาดน้ำเสียงดุดัน ยากที่จะทำใจให้เชื่อ
ทั้งสามโจมตีจ้าวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่อาจทะลวงผ่านการป้องกันของสามปทุมไปได้
ทั้งนี่ยังเป็นภายในพื้นที่ปิด หากเป็นภายนอก ด้วยความเร็วของสามปทุม อีกฝ่ายย่อมบินหนีไปนานแล้ว
“อันใดกัน เหตุใดอยู่ๆ ข้าจึงรู้สึกง่วง อยากนอน…”
โจรสลัดในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงผู้หนึ่งเปลือกตาหนักอึ้ง ไม่อาจยืนให้มั่นคงได้
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง
“การโจมตีนี่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า… ไม่ดีแล้ว นี่คือฉีเซียง (奇香: กลิ่นหอมประหลาด) ที่เป็นตัวช่วยของสามปทุม”
สีหน้าของคนทั้งสามแปรเปลี่ยนไป รีบถอยกลับทันที
สามปทุมเป็นอุปกรณ์สนับสนุนของหนทางมาร นอกจากจะสามารถบินและป้องกันได้แล้ว ยังสามารถส่งฉีเซียงออกมาได้สามชนิด
พลังของฉีเซียงทั้งสามนั้น กระทั่งขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ไม่อาจต่อต้านได้