Skip to content

King of Gods 362

King Of Gods

บทที่ 362 : มังกรตัวที่หก

รอบที่สองเป็นการแข่งขันที่โหดเหี้ยมรุนแรงยิ่งขึ้น จ้าวเฟิงให้แมวขโมยตัวน้อยลงมือช่วยเหลือตนเอง

แมวขโมยตัวน้อยคือสัตว์วิเศษของเขา แม้จะใช้มันลงมือในรอบแรกยังไม่นับว่าผิดกฎ ไม่ต้องเอ่ยถึงรอบที่สองที่ไม่มีกฎเลย

“เจ้าคือจ้าวเฟิง…”

ชายหนุ่มชุดดำมองไปยังแมวขโมยตัวน้อยที่ขโมยตราคำสั่งเซียนมังกรของตนเองไปอย่างจนใจ วาสนามังกรมุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิงจนหมดสิ้น

ในฐานะของม้ามืดอันดับหนึ่งของงานชุมนุมเซียนมังกร พลังแข็งแกร่งสั่นคลอนตำแหน่งไร้พ่ายของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ อัจฉริยะส่วนมากย่อมรู้จักจ้าวเฟิง

ฟุ่บ

จ้าวเฟิงไม่แสดงความสนใจอีกฝ่าย ศรอีกสองดอกส่องประกายราวดวงดาราในชั่วพริบตา กลายเป็นเส้นแสงลวงตา แยกย้ายไปคนล่ะทิศทางในป่า รวมทั้งบนฟ้าเหนือชั้นเมฆ

คันศรหลัวซุยใหม่นี้ได้ถูกหลอมขึ้นใหม่โดยอาจารย์เถี่ยก่าน ตัวคันศรและลูกศรเข้าใกล้ชั้นจิตวิญญาณระดับกลาง ภายใต้การใช้ร่วมกันพลังของมันกระทั่งเหนือกว่าอาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางทั่วไป

ตุบ ตุบ

ศรหลัวซุยส่องประกายเย็นเยียบพร้อมกระแสไฟฟ้า ร่างสองร่างร่วงลงที่พื้น

อัจฉริยะที่ซ่อนตัวอยู่บนเมฆนั้นพลังฝึกตนสูงถึงขั้นผู้วิเศษแท้ ทว่าหลังถูกลูกศรเข้าไปกลับร่างกายชาหนึบ ทั่วทั้งร่างแข็งเกร็ง เสียพลังต่อสู้ไปกว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วนในทันที ร่างร่วงลงกระแทกพื้น

“นี่เป็นไปได้อย่างไร! ข้าเพิ่งจะบินมาตรงนี้ มิคาด…”

อัจฉริยะขั้นผู้วิเศษแท้คนนั้นกัดฟันกรอด กระตุ้นการโคจรปราณจิตวิญญาณในร่างอย่างหนัก

เขายังอยู่ในระหว่างการร่วงหล่น ได้ยินเพียงเสียงร้อง ‘เมี้ยว เมี้ยว’ แมวขโมยสีเทาเงินตัวหนึ่ง ท่าทีราวกับจิ้งจอกเฒ่า พุ่งวาบมายังข้างกายเขา

ฟุ่บ

แส้สีเงินลายชาดราวกับอสรพิษรัดพันร่างของเขา พลังในร่างของเขาพลันแห้งเหือดลงอย่างต่อเนื่อง

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยกระโจนขึ้นบนไหล่ของเขา ท่าทีประสงค์ร้าย ต้องการจะแย่งชิงตราคำสั่งเซียนมังกรของเขาไป

“อย่าแม้แต่จะคิด!”

อัจฉริยะผู้นี้มีพลังขั้นผู้วิเศษแท้ ปราณจิตวิญญาณพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง มีพลังปราณแข็งแกร่ง สร้างให้กระแสลมพัดกระโชกรุนแรง

ฉัวะ

กรงเล็บของแมวตัวน้อยตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างโหดเหี้ยม ความรู้สึกมึนงงแผ่ซ่าน ใบหน้าร้อนฉ่า

ไม่รอให้มนุษย์ตอบโต้ แมวขโมยตัวน้อยคว้าเอาตราคำสั่งเซียนมังกรของอีกฝ่ายไปมอบให้ผู้เป็นนาย

“อืม เมื่อมีผู้ช่วยแล้วความเร็วนับว่าดียิ่ง”

วาสนามังกรที่ส่องแสงสว่างจ้าบนร่างของจ้าวเฟิงปรากฏร่องรอยของสีทองปะปนอยู่หลายส่วน

ตราคำสั่งที่แต่เดิมมีสีเงิน บัดนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นสีทองแล้วกว่าหนึ่งในสามส่วน

บนร่างของเด็กหนุ่มได้ปรากฎเงามังกรสีเงินทองขึ้นจางๆรอบกายปรากฏเสียงคำรามของมังกรขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ต่อไป!”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถมองด้วยมุมมองของปักษา มีความสามารถในการมองทะลุวัตถุทั่วไปที่ไม่หนาเกินไป

ทันใดนั้น

หนึ่งแมวหนึ่งคนได้สร้างสีสันขึ้นภายในมิติเยื่อแสงโปร่งใสขึ้น ใช้วิธีการขี้โกงเจ้าเล่ห์หลากหลายที่ไม่เปลืองแรงแย่งชิงตราคำสั่งเซียนมังกรของผู้อื่น

ทุกครั้งที่คันศรหลัวซุยส่งเสียง จะมีคนอย่างน้อยหนึ่งคนร่วงลง

เหล่ายอดฝีมือบนที่นั่งผู้ชมและบนแท่นสูงต่างเบิกตากว้างมองภาพนั้น

“บัดซบ! นี่ก็รวดเร็วเกินไปแล้ว!”

“เจ้าเฟิงผู้นี้ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในพื้นที่ภายในมิตินี้ยิ่งนัก กระทั่งผู้ที่หลบซ่อนอยู่ยังไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของเขาได้”

ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งไปมาอยู่ภายในมิติ แทบจะดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้

ทักษะทางธนูของเด็กหนุ่มแทบจะเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ รับรู้เข้าใจถึงจุดอับสายตาทั้งหมด ทำให้อัจฉริยะม้ามืดผู้นี้เป็นราวกับมัจฉาในธาราท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ใหม่เอี่ยมนี้

ประสิทธิภาพและความเร็วนั้นได้ทำให้ผู้คนต้องอึ้งตะลึง

เหล่าผู้สูงศักดิ์บนแท่นสูงรู้สึกนิ่งอึ้งประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้

“จ้าวเฟิงผู้นี้ได้ควบคุมสภาพแวดล้อมทั้งหมดไว้ อาจกล่าวได้ว่าควบคุมสถานการณ์ไว้ทั้งหมดแล้ว”

ร่างยักษ์ผิวสีทองแดงเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“สายเลือดดวงตาของเขา แม้ว่าจะแข็งแกร่ง แต่หากจะเอ่ยถึงด้านการควบคุมสถานการณ์ มิใช่ว่ามันจะเกินไปหน่อยหรือ?”

ผู้สูงศักดิ์สตรีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีประหลาดใจเล็กๆ

“หากเจ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าทุกทิศทางการเคลื่อนไหวของเขาจะพบกับอัจฉริยะผู้อื่นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือที่แจ้ง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขากับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ รวมทั้งอัจฉริยะชั้นแนวหน้าคนอื่นๆ มักจะรักษาระยะห่างต่อกันเอาไว้เสมอ ไม่เคยเผชิญหน้ากัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ประสิทธิภาพในการ ‘เก็บเกี่ยว’ ของเขาอาจเรียกได้ว่าสูงที่สุด”

ร่างยักษ์ผิวสีทองแดงใช้คำว่า ‘เก็บเกี่ยว’ ได้ทำให้เหล่าผู้สูงศักดิ์ ณ ที่นั้นจมลงสู่ห้วงภวังค์

การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แต่ล่ะครั้งของจ้าวเฟิงและความเร็วในการแย่งชิงตราคำสั่งเซียนมังกรนั้นรวดเร็วยิ่งนัก

วิธีการของเขาไม่ได้โหดเหี้ยมเช่นแฝดไท่หยุน มักจะเป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง การลอบโจมตี หรือการปล้นชิง ก็ได้รับตราคำสั่งเซียนมังกรมาอย่างง่ายดาย

บางครั้ง จ้าวเฟิงไม่จำเป็นกระทั่งเอาชนะคู่ต่อสู้ เพียงร่วมมือกับแมวขโมยตัวน้อยในการขโมยตราคำสั่งเซียนมังกรมา

“ต้องยอมรับว่าแมวนั่นฉลาดยิ่งนัก เพิ่มความเร็วในการแย่งชิงของเขาอย่างมากโดยสูญเสียพลังไปเพียงน้อยนิด”

ผู้สูงศักดิ์ฉวนเจี่ยนหรี่ตาเพ่งมองไปยังแมวขโมยตัวน้อยของจ้าวเฟิง

การคเลื่อนไหวอันเป็นเอกลักษณ์ของแมวขโมยตัวน้อยคือกรงเล็บแมวเหมียวของมันที่ตบเข้าที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ ทิ้งรอยไหม้รูปอุ้งเท้าเอาไว้

ผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ที่แข็งแกร่งเมื่อถูกตบด้วยกรงเล็บของมันจะรู้สึกมึนงง ไม่อาจรับรู้ทิศทางไปได้ชั่วขณะ

“โอ้… เจ้าที่ดูจะอยู่ในช่วงวัยกำลังเติบโตก็มีความสามารถหลากหลาย พัฒนาขึ้นไม่น้อย”

จ้าวเฟิงลูบศีรษะของแมวขโมยตัวน้อยอย่างพึงพอใจ

แมวขโมยตัวน้อยกินทรัพยากรของเขาไปจำนวนมาก สิ่งที่ได้จากภายในสมบัติสายธารจันทรากว่าครึ่งถูกกินไปโดยเจ้าแมวนี่

แน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันก็โดดเด่น

พลังของแมวขโมยตัวน้อยแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แม้ว่าการปะทะซึ่งๆ หน้าจะยังไม่อาจรับมือขั้นผู้วิเศษแท้ได้ แต่หากเป็นการลอบโจมตี จะรับมือผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปสัก 1-2 คนพร้อมกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เกี่ยวกับความสามารถของแมวขโมยตัวน้อยนี้ จ้าวเฟิงเองก็ยังไม่รู้อย่างชัดเจน

ความคล่องแคล่วของแมวขโมยตัวน้อยนั้นเหนือกว่าปกติอย่างมาก ด้านการหลบซ่อน กระทั่งดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มยังเห็นเพียงร่องรอยบางส่วน

สำหรับกรงเล็บแมวนั้นเมื่อโจมตีไปยังคู่ต่อสู้ แม้ว่าพลังโจมตีจะธรรมดาสามัญ ทว่ากลับสามารถทำให้ผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้รู้สึกมึนงงได้ นับว่าคาดไม่ถึง

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยแยกเขี้ยวยิ้ม เท้าขาหน้าทั้งสองเท้าไว้ที่เอว แสดงท่าทีสีหน้า ‘พิเศษและยอดเยี่ยม หนึ่งเดียวไม่มีสอง’ ออกมา การเคลื่อนไหวสีหน้าเป็นธรรมชาติ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็สามารถเข้าใจถึงความหมายของมันได้โดยง่าย

คิกคิก!

เหล่าผู้ชมบนที่นั่งผู้ชมทั้งหลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ฮะฮะ แมวตัวนี้ตลกน่าสนใจยิ่ง บางทีต้นกำเนิดของมันอาจไม่ธรรมดา”

ผู้สูงศักดิ์หลายคนบนแท่นสูงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยยืนอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง มองไปยังเยื่อแสงโปร่งใสบนฟากฟ้า แสดงสีหน้าหยอกล้อ ท่าทีเหยียดหยาม

“เพ้ย!”

ผู้สูงศักดิ์ทั้งเก้าตื่นตะลึงจนใบหน้าซีดขาว

เจ้าแมวนี่มองเห็นพวกเราหรือ?

ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า

แมวนั่นไม่เพียงแค่เห็นพวกเขา ทว่ายังกล้าที่จะเสียมารยาทต่อคนระดับผู้สูงศักดิ์อีกด้วย

โดยไม่รู้ตัว แมวขโมยตัวน้อยได้ชนะใจคนจำนวนมากในลานประลองชางกู่ โดยเฉพาะยอดฝีมือสตรีบางคน รวมทั้งสตรีผู้สูงศักดิ์บนแท่นสูง ดวงตาจับจ้องไปยังแมวขโมยตัวน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหลงใหล

“แมวนี่ข้าชอบนัก เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องหาวิธีขอซื้อกับเจ้าเด็กนั่น”

สตรีผู้สูงศักดิ์ในชุดสีฟ้าเอ่ยด้วยใบหน้าชื่นชอบ

แน่นอนว่าแมวขโมยตัวน้อยนั้นได้สร้างความชมชอบให้นางยิ่งนัก

“แมวที่น่าตลกเช่นนี้ บนร่างย่อมมีสายเลือดโบราณที่แข็งแกร่ง ดูจากสถานการณ์ที่ทำพันธสัญญาโลหิตกับเด็กคนนั้น ผู้สูงศักดิ์ปี้เยว่ อย่าได้บอกข้าเชียวว่าท่านจะบังคับให้เด็กนั่นยอมขาย?”

ผู้อาวุโสฉวนเจี่ยนเอ่ยหยอกล้อพร้อมรอยยิ้ม

“เด็กนี่มาจากลัทธิโลหะเลือด เบื้องหลังมีผู้สูงศักดิ์อยู่ ก่อนหน้าเป็นหนึ่งในสหพันธ์ เคยร่วมมือต่อต้านผู้นำลัทธิมารจันทราชาด สร้างคุณงามความดีต่อสหพันธ์อย่างมาก”

ร่างยักษ์ผิวสีทองแดงเอ่ยขึ้นลอยๆ ราวกับกำลังเตือนนางไม่ให้ ‘ผลีผลาม’ ลงมือ

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องยื่นข้อเสนอให้มันสนใจ”

ผู้สูงศักดิ์ปี้เยว่เอ่ยอย่างมั่นใจ

ในมิติเยื่อแสงโปร่งใส

เวลาผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็ว

จำนวนของตราคำสั่งเซียนมังกรลดลงตามการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง

เหล่าอัจฉริยะที่สูญเสียตราคำสั่งเซียนมังกรไปแล้วโจมตีตอบโต้อย่างบ้าคลั่งรุนแรง

เข่นฆ่า รุมโจมตี และลอบโจมตี วิธีการหลากหลายถูกใช้ออก ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ใช้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อัจฉริยะจากกองกำลังเช่นสิบยอดสำนักที่มีตัวแทนมา 2-3 คนก็ได้รวมตัวกัน

ในยามนี้

ความเร็วในการเก็บเกี่ยวของจ้าวเฟิงได้เชื่องช้าลงในที่สุด

ในทางหนึ่ง ตราคำสั่งเซียนมังกรมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ

ในมิติแห่งนี้ ตราบเท่าที่พ่ายแพ้และถูกแย่งชิงตราคำสั่งเซียนมังกรไปก็จะเสียวาสนามังกรทั้งหมด ตราคำสั่งเซียนมังกรแตกสลายหายไป

แน่นอนว่า

ตาคำสั่งเซียนมังกรที่เหลืออยู่ มีตราที่เป็นสีทองมากขึ้นเรื่อยๆ

ตราคำสั่งเซียนมังกรที่เหลือนั้นมีระดับสีเงินอ่อนเป็นอย่างน้อย

ตราคำสั่งเซียนมังกรของจ้าวเฟิงส่องแสงสีทองสว่างจ้าอย่างสมบูรณ์ บนร่างปรากฏแสงมังกรสีทอง วาสนามังกรทรงพลังเหนือบรรยาย

“วาสนามังกรของข้าในยามนี้สามารถเทียบได้กับระดับของห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้แล้ว ทว่าหลังจากที่เข้ามาในมิตินี้ วาสนามังกรของห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

จ้าวเฟิงเอ่ยวิเคราะห์

เขาประเมินว่าวาสนามังกรของเขาน่าจะติดหนึ่งในสิบ หรือเทียบเท่ากับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้

เหล่าผู้สูงศักดิ์ที่อยู่บนแท่นสูงมองไปยังมิติเยื่อแสงโปร่งใสด้วยมุมมองของปักษา เห็นเงาวาสนามังกรที่ท่องทะยานขึ้นบนฟากฟ้าขึ้นทั้งหมดหกตัว สูงมากกว่าหนึ่งหลาเป็นอย่างน้อย

และวาสนามังกรของหยูอู๋ฉวงกับแฝดไท่หยุนสูงเกือบสองหลา

เหตุผลที่เป็นหก ไม่ใช่ห้านั้นเป็นเพราะมีอีกหนึ่งเงาที่เข้าใกล้เงาวาสนามังกรของห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้

เจ้าของเงานั้นคือจ้าวเฟิง

ในบรรดาเงามังกรทองทั้งหก จ้าวเฟิงอ่อนแอที่สุด

จากนั้นจึงเป็นปิงเว่ยเซียนจื่อ ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่นๆ ชนะทุกการประลองในรอบแรก มีเพียงนางกับจ้าวเฟิงที่ประลองจนเสมอ ถูกแย่งชิงวาสนามังกรไปหนึ่งในห้า

ในมิติ

เงามังกรทั้งห้าได้ส่งเสียงคำรามออกมาเบาๆ แม้อยู่ห่างออกไปก็สามารถรับรู้ได้

ตราคำสั่งเซียนมังกรเป็นสิ่งของพิเศษ ไม่อาจที่จะเก็บไว้ในมิติเก็บของได้ ทำให้ห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ รวมทั้งจ้าวเฟิง ไม่อาจที่จะปิดกั้นกลิ่นอายนี้ได้

“มังกรทองหกตัว? อย่าได้บอกข้าเชียวว่างานชุมนุมเซียนมังกรนี้ได้ให้กำเนิดผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนใหม่ขึ้นแล้ว!”

“เท่าที่ผ่านมา จ้าวเฟิงนับว่าเป็นไปได้มากที่สุดในการกลายเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนที่หก ยามนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยแท้”

ยอดฝีมือบนที่นั่งผู้ชมต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นคาดหวัง

งานชุมนุมเซียนมังกรครานี้ แม้ว่าจะสูญเสียการควบคุมไป ทว่ามันได้น่าตื่นเต้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

จนกระทั่งยามนี้ อัจฉริยะที่ตายในมิติแห่งนั้นมากถึงยี่สิบคนแล้ว อัจฉริยะที่ถูกทำร้ายจนพิการสิบกว่าคน นับว่าเป็นการต่อสู้ที่เข้มข้นยิ่งนัก

แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การเข่นฆ่าในมิติก็ยิ่งน่าสังเวชใจขึ้น การตายและบาดเจ็บมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“หืม เป้าหมายมีน้อยลงเรื่อยๆ”

จ้าวเฟิงยืนอยู่บนสามปทุม เคลื่อนไหวอยู่บนฟ้าอย่างรวดเร็ว

เขาพบเป้าหมายจำนวนมาก ทว่าบนร่างของคนเหล่านั้นบ้างก็ไม่มีตราคำสั่งเซียนมังกร บ้างก็รวมกลุ่มกันอย่างแข็งแกร่ง ไม่อาจลงมือได้โดยง่าย

“หนี! มีแสงวาสนามังกรทอง!”

“จ้าวเฟิงผู้นี้ อย่าได้บอกข้าเชียวว่ากลายเป็นผู้ถูกเลือกคนใหม่ เขาเป็นมังกรทองตัวที่หกไปแล้ว”

อัจฉริยะเหล่านั้นค้นพบจ้าวเฟิงตั้งแต่ไกล ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย

ในยามนี้

ในมิติ มังกรทองทั้งหกส่องสว่างจ้า กลิ่นอายวาสนามังกรที่ทรงพลังสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนในระยะกว่าสิบลี้

“นั่นจ้าวเฟิง! มิคาดเขาได้กลายเป็นมังกรทองตัวที่หกแทบจะอยู่ในระดับเดียวกับห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้แล้ว”

โม่เทียนอี้ที่อยู่ห่างออกไปรับรู้ได้ถึงแสงสีทองของมังกร อัจฉริยะรอบกายหลบหนีไปทุกทิศทาง

จะต่อสู้หรือล่าถอย?

โม่เทียนอี้ที่อยู่ด้านหน้า ตรงกับทิศที่จ้าวเฟิงไล่ตามหลังพอดี ได้เผชิญหน้ากับตัวเลือกที่ยากลำบาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version