Skip to content

King of Gods 369

King Of Gods

บทที่ 369 : ยิงอย่างไร้เมตตา

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น

ท่ามกลางกระแสไฟฟ้าที่ส่องสว่างได้ปรากฏร่างทรงเสน่ห์พร้อมเรือนผมสีฟ้าร่างหนึ่งขึ้น มุ่งตรงไปยังศีรษะของชื่อเฉิงเทียน ฝ่าเท้าปรากฏกระแสไฟฟ้าสีเขียวรวมตัวกัน ถีบเข้าที่ปากของชื่อเฉิงเทียน

“ไม่…”

เสียงจากร่างของชื่อเฉิงเทียนชะงักลงกลางคัน สีหน้าดูราวกับเผลอกินอุจจาระเข้าไป ท่าทีอยากจะสำรอกออกมา

อัจฉริยะที่เฝ้ามองอยู่ห่างออกไปนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง

นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อกลับกลายเป็นว่างเปล่านิ่งอึ้ง

เวลาดูราวกับหยุดนิ่งไป

เท้านั้นของจ้าวเฟิงไม่เพียงแค่ถีบไปที่ปากของชื่อเฉิงเทียน ทว่าปลายเท้านั้นกระทั่งเข้าไปในปากของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น ปากของชื่อเฉิงเทียนพลันปรากฏรอยไหม้ขึ้น

เขาที่แข็งแกร่งในระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ทว่ากลับประมาทคู่ต่อสู้ สุดท้ายจำต้องเสียบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน

ทว่าจ้าวเฟิงนั้นมิคาดว่าได้รับผลประโยชน์มากมาย

“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งนัก”

ท่าเท้าที่ใช้ออกเมื่อครู่รู้สึกราวกับเตะภูเขา ทั่วเท้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหนึบชา

เมื่อชื่อเฉิงเทียนรู้สึกตัว พื้นดินก็สั่นสะท้านเล็กๆ ฝ่ามือหุ้มเกราะมุ่งตรงไปบดขยี้จ้าวเฟิงอย่างง่ายๆ

ฝ่ามือนั้นยังไม่ทันมาถึง แรงลมที่มาจากมันก็สามารถทำให้ผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปต้องกระอักเลือดสั่นสะท้านได้แล้ว

หากถูกโจมตีโดยฝ่ามือนั้นตรงๆ นับว่ายากที่จะคาดคิดถึงผลลัพธ์

ฟิ้ว

จ้าวเฟิงทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง ทิ้งระยะออกห่างจากร่างของชื่อเฉิงเทียนหลายสิบหลา

ด้านความเร็วและความลึกล้ำของกระบวนท่าเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวเหนือกว่าอีกฝ่ายมากนัก

ในบรรดาห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ พลังกายของชื่อเฉิงเทียนแข็งแกร่งที่สุด พลังป้องแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน มีเพียงแค่ความเร็วที่ค่อนข้างธรรมดา

บุปผาเหมันต์อัสนี

จ้าวเฟิงยกมือหนึ่งขึ้น พลังสายเลือดหลอมรวมกับปราณจิตวิญญาณ กลิ่นอายเย็นเยียบของน้ำแข็งและสายฟ้าครอบคลุมทั่วทั้งร่างของชื่อเฉิงเทียนในเสี้ยววินาที

ฟุ่บ เปรี้ยง

บุปผาเหมันต์อัสนีที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบหลาได้ผลิบานออกอย่างงดงาม สายฟ้าระเบิดออกเป็นประกายแสงเย็นเยียบทำลายล้าง

หลังจากที่บรรลุสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ การหลอมรวมพลังสายฟ้าและน้ำแข็งของจ้าวเฟิงก็ยิ่งสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พลังโจมตีเพิ่มมากขึ้น

ในช่วงเวลาที่ปิดด่านฝึกตนนั้น จ้าวเฟิงได้หลอมรวมพลังของ ‘ศิลาสายฟ้าเร้นลับ’ และรับรู้ถึงแก่นแท้แห่งอัสนี นี่ได้ทำให้การควบคุมพลังสายฟ้าของจ้าวเฟิงพัฒนาไปสู่ระดับใหม่

จ้าวเฟิงได้สัมผัสชั้นที่สามที่สูงที่สุดของมรดกอัสนีได้อย่างจางๆ แตกต่างจากมรดกแต่เดิม หลอมรวมแก่นแท้แห่งสายฟ้าเข้ากับแก่นแท้ของ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’

“ฝ่ามือนี้ควรจะสามารถคุกคามผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้”

จ้าวเฟิงหรี่ตาลงเล็กๆ ร่างกายพุ่งวูบกลายเป็นประกายสายฟ้า ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของชื่อเฉิงเทียน

ฝุ่นได้ฟุ้งกระจายราวกับม่านหมอก ผิวหนังสีน้ำตาลลของชื่อเฉิงเทียนเหมือน ‘เปลือก’ ที่ส่องแสงสีเหลืองใสออกมาอย่างต่อเนื่อง

ฉึบ

จ้าวเฟิงเพ่งมอง ดวงตาเทพเจ้าของเขาสามารถเข้าใจถึงสภาพร่างกายของชื่อเฉิงเทียนได้อย่างชัดเจน พบว่าชั้นผิวหนังของอีกฝ่ายนั้นเกือบจะแข็งเทียบเท่ากับศิลา เหนือกว่าเลือดเนื้อของมนุษย์

ผิวศิลาที่ครอบคลุมร่างกายสามารถต่อต้านสายฟ้า พลังความเย็น และการโจมตีทางธรรมชาติอื่นๆ ได้อย่างมาก

“ไร้ประโยชน์ พลังป้องกันกายภาพของชื่อเฉิงเทียน สำหรับผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นนายเหนือแท้อาจกล่าวได้ว่าไร้เทียมทาน มีเพียงแค่พลังสายเลือดที่มีความสามารถกัดกร่อน หรือวิชาธาตุไม้ที่จะสามารถคุกคามหมอนั่นได้”

ปิงเว่ยเซียนจื่อที่เฝ้ามองอยู่ห่างออกไปรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง

ในห้าผู้ถูกเลือก มีเพียงแค่ปิงเว่ยเซียนจื่อที่มี ‘กายหยกฉวนปิง’ ที่สามารถเทียบเคียงกับชื่อเฉิงเทียนด้านการป้องกันได้ ทว่าในด้านพลังกายนั้นยังห่างไกลหลายมากนัก

การโจมตีของจ้าวเฟิงนั้นเป็นธาตุสายฟ้าและน้ำแข็งเสียส่วนมาก ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เองก็เป็นวิชามารที่มีลักษณะแปลกประหลาด ความสามารถในการตอบโต้ไม่แข็งแกร่ง

ทว่าพลังสายฟ้าและน้ำแข็งไม่อาจที่จะทำลายพลังธาตุดินของชื่อเฉิงเทียนได้

จ้าวเฟิงย่อมไม่มีพลังธาตุใด หรือมีวิชาที่สามารถกัดกร่อนได้

“เจ้าเด็กผมฟ้า เจ้าต้องจ่ายราคาให้สมกับความโอหังของเจ้า”

ชื่อเฉิงเทียนแหงนหน้าคำราม แขนทั้งสองยกขึ้นสูง ผิวที่แข็งราวหินส่องประกายสีเหลืองแปลกประหลาดก่อนจะจางหายไป

ไม่ดีแล้ว

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงรับรู้ได้

ต่อมา ร่างของเขาพลันหนักอึ้ง ราวกับมีน้ำหนักนับหมื่นจินคอยกดทับเขาอยู่

ทั่วทั้งบริเวณปรากฏแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นลากร่างของจ้าวเฟิงลงไปเบื้องล่าง

ในด้านความเร็วการเคลื่อนไหว จ้าวเฟิงได้หลอมรวมความรวดเร็วจากมรดกอัสนีและนำความยืดหยุ่นแปลกประหลาดของ “คัมภีร์บุปผาลึกลับ” มารวมกัน ย่อมสามารถไล่ต้อนชื่อเฉิงเทียนได้

ทว่าหากร่างถูกกดด้วยน้ำหนักนับแสนจินมันก็นับว่าสร้างความยากลำบากอย่างมาก ความเร็วลดน้อยลง

ฟิ้ววว

ร่างของจ้าวเฟิงร่วงลงพื้น ลมหายใจหนักหน่วง เลือดเนื้อทั่วทั้งร่างได้รับแรงกดทับมหาศาล

ทุกครั้งที่จะก้าวออกไปหนึ่งก้าวจะต้องใช้พลังมากกว่าปกติหลายส่วน อาจกล่าวได้ว่ามันทำให้ยากจะเคลื่อนไหว

“หึ พรสวรรค์สายเลือดของชื่อเฉิงเทียนคือ ‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ แม้ว่าความเร็วของชื่อเฉิงเทียนจะไม่มากมาย ทว่าพรสวรรค์สายเลือดของเขากลับสามารถลดความเร็วของคู่ต่อสู้ลงได้มาก”

ปิงเว่ยเซียนจื่อลอบเค้นเสียงเย็น

แล้วมันอย่างไรกัน หากนางร่วมมือกับชื่อเฉิงเทียน แม้หยูเทียนฮ่าวจะมาก็ยังต้องล่าถอย

‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ของชื่อเฉิงเทียนร่วมกับ ‘อาณาเขตเหมันต์’ ของนางกระทั่งสามารถรับมือกับขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปได้

หมัดทลายภูผา

หมัดของชื่อเฉิงเทียนส่งคลื่นระลอกสีเหลืองใสออกมา พื้นดินและอากาศสั่นสะท้านไม่หยุด หมัดนั้นเป็นราวกับภูเขาขนาดยักษ์

‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ได้ทำให้ความเร็วของจ้าวเฟิงลดลงหกถึงเจ็ดในสิบส่วน ช้ากว่าชื่อเฉิงเทียน ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นราวกับมัจฉาในธารา

เปรี้ยง ตูม

พลังหมัดน่าพรั่นพรึงที่สั่นคลอนภูเขาได้ของชื่อเฉิงเทียนได้ปิดกั้นทางหนีของจ้าวเฟิงไว้โดยสิ้นเชิง แม้อยากจะหลบก็ไม่อาจหลบได้

จ้าวเฟิงรู้สึกถึงสถานการณ์วิกฤต เรียกสามปทุมออกมาโดยไร้ความลังเล เบื้องหลังปรากฏเงาร่างเย็นเยียบและบัลลังก์ที่เป็นราวกับเทพเจ้าที่ข้ามผ่านห้วงเวลาขึ้นอีกครั้ง

เหมันต์อัสนีทำลายล้าง

ฝ่ามือของจ้าวเฟิงถูกดันออก เงาแสงเย็นเยียบส่งเสียงคำรามราวกับมังกร ตามมาด้วยเสียงระเบิดของสายฟ้า

ฝ่ามือนี้ได้ควบรวมความเย็นเข้าด้วยกัน ทำให้บรรยากาศรอบด้านเย็นเยียบจับตัวแข็ง

ชื่อเฉิงเทียนได้รับผลกระทบ ยิ่งเข้าใกล้จ้าวเฟิงมากเท่าใดก็ยิ่งเชื่องช้าลง

“กระบวนท่านี้ลอกเลียนแบบวิชาของมรดกฉวนปิงมาแน่ๆ”

ปิงเว่ยเซียนจื่อที่มองดูอยู่ห่างออกไปกัดฟันกรอดอย่างช่วยไม่ได้

วิชาของปิงเว่ยเซียนจื่อนั้นพลังเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดคือความสามารถแฝงในการทำให้คู่ต่อสู้เชื่องช้าและแข็ง เมื่อคู่ต่อสู้ของนางเข้ามาใกล้นางก็จะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไป ทว่าน่าเสียดายที่มันถูกต่อต้านได้โดยจ้าวเฟิง

ทว่ากระบวนท่า ‘เหมันต์อัสนีทำลายล้าง’ นี้ของจ้าวเฟิงได้ลอกเลียนแบบแก่นแท้บางส่วนของวิชาของปิงเว่ยเซียนจื่อ ใช้พลังความเย็นของสายเลือด

เปรี้ยง

ชื่อเฉิงเทียนเข้าใกล้จ้าวเฟิง ไปอยู่เบื้องหน้าสามปทุม โจมตีออกไปอย่างรุนแรงในที่สุด

กลีบดอกที่ส่องสว่างของสามปทุมได้ระเบิดออกหลายชั้น แสงมืดหม่นลงหลายส่วน

จ้าวเฟิงที่อยู่ภายในสามปทุมกระเด็นพลิกตลบไปพร้อมกับมันหลายสิบหลา ‘ผ้าคลุมเงาหยิน’ พลิ้วไหว ร่างจางหายไปไร้ซึ่งร่องรอย

“หืม?”

ชื่อเฉิงเทียนที่กำลังได้เปรียบพบว่าจ้าวเฟิงได้ล่าถอย หลบซ่อนตัวไม่อาจหาได้พบ ทำให้ต้องมองหาอย่างใจเย็น

เขามั่นใจว่าใน ‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ของเขา ความเร็วในการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงย่อมด้อยลงหลายส่วน ไม่อาจได้เปรียบได้

ในยามนี้

ชื่อเฉิงเทียนที่เป็นฝ่ายเหนือกว่าและไล่ต้อนจ้าวเฟิงได้สำเร็จถอนหายใจโล่งออกมาเล็กๆ อย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้สู้กับอีกฝ่าย เขาไม่เคยคิดเลยว่าม้ามืดหน้าใหม่ผู้นี้จะรับมือยากเพียงนี้

ฟุบ

ห่างออกไปหนึ่งลี้ เงาร่างที่ปรากฏประกายไฟฟ้าปรากฏขึ้นกลายเป็นจ้าวเฟิง

“ชื่อเฉิงเทียนผู้นี้กลับสามารถไล่ต้อนข้าได้…”

ความเร็วการเคลื่อนไหวที่จ้าวเฟิงภาคภูมิใจ เมื่อเผชิญหน้ากับชื่อเฉิงเทียนกลับด้อยค่าลงอย่างมาก

ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะคนใดที่เชี่ยวชาญในด้านความเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับชื่อเฉิงเทียนก็ล้วนพ่ายแพ้

ในยามนี้ จ้าวเฟิงได้ออกจากระยะของ ‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ของอีกฝ่ายแล้ว

ระยะของอาณาเขตถ่วงศิลานั้นไม่มากไปกว่าหนึ่งร้อยหลา

“ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระยะประชิดจะไม่ใช่เรื่องดี…”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงคำนวณ วางแผนขึ้นอย่างรวดเร็ว

หากเข้าใกล้อีกฝ้าย ความเร็วของเขาจะถูกจำกัด

“พลังป้องกันแข็งแกร่ง การต่อสู้ระยะประชิดแข็งแกร่ง ความเร็วธรรมดา ค่อนข้างงุ่มง่าม…”

มุมปากของจ้าวเฟิงได้ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ

ฟุบ

ในมือของเด็กหนุ่มปรากฏคันธนูสีฟ้าใสขึ้นพร้อมกับลูกธนูเงินสามดอกที่เข้าประจำที่ในทันที

อาวุธระยะไกล

เมื่อชื่อเฉิงเทียนเห็นการกระทำของจ้าวเฟิง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนไป

จุดอ่อนของตนเองนั้น ชื่อเฉิงเทียนรู้ดี การต่อสู้ระยะใกล้คือสิ่งที่เขาถนัด ทว่าการต่อสู้ระยะไกลและการต่อสู้กลางอากาศไม่ใช่เรื่องที่เขาเชี่ยวชาญ

จ้าวเฟิงได้ค้นพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว

ย่าห์

ชื่อเฉิงเทียนคำราม สร้างพายุสีเหลืองน้ำตาลพุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง

ในฐานะของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ความเร็วของชื่อเฉิงเทียนไม่อาจนับว่าเชื่องช้า เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูงแล้วก็มีเพียงแต่จะเร็วกว่าที่ไม่ช้ากว่า

ความเร็วในการเดินทางระยะสั้นของเขานับว่าน่าผวา ไล่ตามร่างของจ้าวเฟิงไปอย่างเต็มกำลัง

เนตรจิตวิญญาณเหมันต์

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงราวกับนรกเย็นเยียบอันไร้ก้นบึ้ง ความเย็นที่ไม่อาจมองเห็นแพร่ออกแช่แข็งอากาศ แทรกซึมเข้าไปในจิตใจ

ชื่อเฉิงเทียนรู้สึกหนาวเยือก การเคลื่อนไหวพลันเชื่องช้าลงอย่างมาก

ความเย็นเยียบของเหมันต์ได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเขา เพิกเฉยต่อพลังป้องกันทางกายภาพ

การโจมตีทางจิตวิญญาณจะเมินเฉยต่อกายเนื้อ

แม้พลังป้องกันของผิวหนังของชื่อเฉิงเทียนจะแข็งแกร่งกว่านี้สิบเท่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรจิตวิญญาณเหมันต์ ไม่กระทั่งต้องใช้เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า ก็สามารถส่งผลได้ในระดับหนึ่งแล้ว

เฮือก

ความเร็วของชื่อเฉิงเทียนลดลงอย่างมาก การเคลื่อนไหวติดขัด

เขาคือผู้ฝึกฝนกายา แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณไม่แข็งแกร่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเนตรจิตวิญญาณเหมันต์ย่อมได้รับผลอย่างมาก

“ฮี่ฮี่”

จ้าวเฟิงยืนอยู่ห่างออกไป เผยสีหน้ายินดีออกมา

สำหรับปิงเว่ยเซียนจื่อแล้วมันอาจไม่นับเป็นอันใด ทว่าเมื่อใช้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ กับชื่อเฉิงเทียน ผลของมันนับว่าน่าตื่นตา

“ไอ้หนู… เจ้า…”

ชื่อเฉิงเทียนร่างสั่นสะท้านตวาดออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ทว่าสีหน้ากลับแข็งเกร็งไปหลายส่วน

แน่นอนว่าอุณหภูมิร่างกายของเขาร้อนอย่างมาก ทว่าความเย็นที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ ครอบคลุมร่างกายกลับทำให้ประสาทสัมผัสของเขาแข็งค้าง กลับกลายเป็นเชื่องช้างุ่มง่าม

ฟึ่บ ฟึ่บ

จ้าวเฟิงยืนอยู่ห่างออกไป เคลื่อนกายเป็นวงกลม รั้งสายธนูอย่างสบายๆ

บนคันศรหลัวซุยปรากฏแสงสีฟ้าเย็นเยียบ ส่งศรเหมันต์อัสนีออกไปทิ่มแทงร่างกายของชื่อเฉิงเทียน สร้างเสียงระเบิดขึ้น

ชื่อเฉิงเทียนร้องออกมา ทว่าระยะห่างระหว่างเขากับจ้าวเฟิงดูราวกับเป็นแดนน้ำแข็งอันไร้ที่สิ้นสุด

ฟุ่บ เปรี้ยง ตูม

พลังสายฟ้าน้ำแข็งได้ระเบิดจับตัวแข็งบนร่างของชื่อเฉิงเทียน

โชคร้ายนักที่น้ำแข็งมีความสามารถในการแข็งตัว ขณะที่พลังสายฟ้าก็มีความสามารถในการสร้างความหนึบชาในระดับหนึ่ง

ทุกครั้งที่ศรของเขากระทบกับเป้าหมาย ร่างของชื่อเฉิงเทียนก็จะนิ่งแข็งไปอย่างชัดเจน เสริมกับผลของ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ไปหลายส่วน

“เนตริจติวญญาณเหมันต์อาจมีพลังโจมตีไม่มาก ทว่าเหมาะกับการรั้งถ่วงศัตรูอย่างต่อเนื่อง”

จ้าวเฟิงใช้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ กับชื่อเฉิงเทียนอย่างต่อเนื่อง

เนตรจิตวิญญาณเหมันต์คือการโจมตีทางจิต แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของเขาทรงพลัง พลังในการสนับสนุนนั้นไม่จำเป็นต้องเอ่ย

หลังจากสิบลมหายใจ

ทั่วทั้งร่างของชื่อเฉิงเทียนเต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็ง ปรากฏควันสีดำขึ้นจางๆ ร่างกายดำไหม้ราวถ่าน

จ้าวเฟิงใช้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ และ ‘คันศรหลัวซุย’ ในการชิงความได้เปรียบกลับมาสำเร็จ

การโจมตีของเขานับว่า ‘ไร้ยางอาย’ อย่างมาก มุ่งไปยังข้อต่อต้นขาของชื่อเฉิงเทียน ยิงอย่างต่อเนื่องไร้เมตตา

พลังป้องกันแม้แข็งแกร่ง ทว่าหากถูกโจมตีไปยัง ‘จุดเดียว’ ไม่หยุด มันก็ย่อมถูกทำลายลงได้

“กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”

ใบหน้างดงามของปิงเว่ยเซียนจื่อที่ดูอยู่ห่างออกไปซีดขาว ไม่อาจทำใจเชื่อภาพตรงหน้าได้

ในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ นอกจากหยูเทียนฮ่าวแล้วยังไม่มีผู้ใดที่สามารถไล่ต้อนชื่อเฉิงเทียนได้ถึงระดับนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version