Skip to content

King of Gods 417

King Of Gods

บทที่ 417 : ฝังนายเหนือแท้ทั้งเป็น

อัจฉริยะจากสามสำนักที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงฮือฮาขึ้น มองการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงด้วยความตื่นตะลึง

‘หนึ่งศร’ เมื่อครู่ของจ้าวเฟิงอาจกล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมราวกับปาฏิหาริย์ ความคล่องแคล่วว่องไวของมันราวกับสัตว์ประหลาดในมหาสมุทร การแทรกซึมผ่านช่องว่างของพุ่มไม้ใบไม้สู่ ‘หอคอยพฤกษาปีศาจ’ ด้วยสภาพที่ราวกับจะสูญสิ้นได้ตลอดเวลา ขุดค้นเส้นทางของตนเองไป

การโจมตีของหอคอยพฤกษาปีศาจแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นเพียงสายลมจากการโจมตีเหล่านั้นก็สามารถทำให้ร่างของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปต้องสั่นไหว

ในบริเวณที่กราดเกรี้ยววุ่นวายเช่นนั้น ศรดอกนั้นของจ้าวเฟิงกลับสามารถทิ่มแทงเข้าไปยัง ‘เป้าหมาย’ ได้อย่างคาดไม่ถึง

ทักษะธนูเช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้เหล่ายอดนักธนูทั้งหลายต้องแหงนหน้ามองพร้อมคารวะแล้ว

“การโจมตีให้ถูกเป้าหมายอย่าง ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยดวงตาเทพเจ้าของข้า ข้าสามารถรับรู้ทุกรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทุกสิ่งของต้นไม้ปีศาจได้ ความยากที่แท้จริงคือการไม่ทำให้พลังในผลไม้จิตวิญญาณนั่นเสียหาย”

หน้าผากของจ้าวเฟิงปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเยียบ พลังสมาธิถูกใช้ออกไปไม่น้อย

หาก ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ได้รับความเสียหาย ประสิทธิภาพของมันก็จะหายไปด้วย แม้ศรของจ้าวเฟิงจะยอดเยี่ยมเพียงแต่ สุดท้ายแล้วก็จะสูญเปล่า

ศรดอกนั้นของจ้าวเฟิงมีพลังธาตุสายฟ้า ทะลวงผ่านคลื่นสายลมรุนแรง พลังย่อมสลายไปอย่างต่อเนื่อง

หากพลังเหล่านั้นสลายไปหมดก่อน ศรหลัวซุยย่อมไม่อาจไปถึงเป้าหมายได้

ในทางกลับกัน หากพลังสายฟ้าในศรดอกนั้นเหลืออยู่ มันก็จะสร้างความเสียหายให้กับผลปีศาจพฤกษา

การที่สามารถคว้าเอาจุดนี้ไว้ได้ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจำต้องคาดคำนวณไว้ก่อนหน้า ทั้งกลางทางยังต้องควบคุม ‘ศรหลัวซุย’ ให้เบี่ยงเบนไปตามการวิเคราะห์นั้นด้วย

เฮ้อ

จ้าวเฟิงถอนหายใจโล่งอก ยังไม่เรียกศรหลัวซุยกลับมา

ครืนนน

ระหว่างศรหลัวซุยและคันศรหลัวซุยได้ถูกออกแบบมาราวกับมารดาและบุตร ตราบเท่าที่ระยะระหว่างทั้งสองไม่ห่างกันมากเกินไปก็สามารถรับรู้ถึงกันและกันได้

ตราบเท่าที่จ้าวเฟิงใส่พลังลงไปบางส่วนอีกครั้งเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของคันศรหลัวซุยก็จะสามารถทำให้ศรหลัวซุยกลับมาได้โดยอัตโนมัติ

แต่ว่าศรหลัวซุยได้แทงอยู่ที่ ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ตามหลักเหตุผลแล้ว ‘ของที่ระลึก’ นี่ก็จะต้องกลับมาพร้อมกัน

การกระทำเช่นนี้จ้าวเฟิงไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ทว่าก็สามารถครอบครองผลปีศาจพฤกษาได้

การที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้มีเงื่อนไขสำคัญอยู่สองข้อ

หนึ่ง การควบคุมของดวงตาเทพเจ้า เรื่องนี้สำคัญที่สุด

สองคือการเบี่ยงเบนความสนใจต้นไม้ปีศาจของสามสำนัก ภายใต้สถานการณ์วุ่นวาย จ้าวเฟิงจึงจะสามารถทำสำเร็จได้

หากไม่ได้การเบี่ยงเบนความสนใจของสามสำนักแล้วเขาจู่โจมปะทะกับมันเพียงคนเดียว ด้วยสติปัญญาของหอคอยพฤกษาปีศาจ มันย่อมพยายามถึงที่สุดที่จะขัดขวางจ้าวเฟิง

“เตรียมเก็บชัยชนะได้”

เด็กหนุ่มอดที่จะเผยสีหน้าคาดหวังออกมาไม่ได้

วินาทีที่แล้วคือการคว้าเอาชัยชนะ จากนั้นจึงเหลืออีกขั้นหนึ่ง นั่นก็คือการเก็บชัยชนะของเขากลับมา

การเก็บชัยชนะนั้น เมื่อเทียบกับ ‘หนึ่งศรตัดสินผลแพ้ชนะ’ ก่อนหน้าแล้ว ความยากมีน้อยกว่าอยู่บ้าง

เพราะหนึ่งศรตัดสินผลแพ้ชนะดอกนั้น ปัญหาที่จ้าวเฟิงปวดหัวมากที่สุดคือพลังของศร หากมากเกินไปแม้เพียงเล็กน้อยก็จะสร้างความเสียหายให้ผลปีศาจพฤกษา แต่หากน้อยเกินไปมันก็จะไปไม่ถึงเป้าหมาย

แต่การเก็บชัยชนะกลับมาไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้

นอกจากนั้น ผลปีศาจพฤกษายังถือกำเนิดมาจากร่างของปีศาจต้นไม้ มีพลังป้องกันลูกหลงจากคลื่นของร่างหลักอย่างมาก สามารถหลอมละลายการโจมตีเหล่านั้นได้

“ไอ้เด็กนี่คิด…”

หยูลั่วที่ตามมาจากเบื้องหลังจ้องมองไปยังคันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิง ก่อนจะเหลือบตามองไปยังศรหลัวซุยที่อยู่ห่างออกไป นัยน์ตาส่องประกายวาบ

ทันใดนั้น

หยูลั่วก็เข้าใจถึงคุณสมบัติของศรและคันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิงในทันที

ตราบเท่าที่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวถ่ายเทปราณจิตวิญญาณลงไปก็จะสามารถเรียกศรหลัวซุยกลับมาได้พร้อมกับ ‘ผลปีศาจพฤกษา’

ไม่ใช่เพียงแค่หยูลั่วที่เข้าใจ อัจฉริยะจากสามสำนักที่เหลือเองก็ไม่ได้โง่เขลา

“เด็กนั่นที่ไม่มีท่าทีอันใดมาตลอด จริงๆ แล้วเล็งผลปีศาจพฤกษาไว้อยู่หรือ?”

อัจฉริยะจากสามสำนักบางคนอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เต็มไปด้วยความริษยาเกลียดชัง

‘ผลปีศาจพฤกษา’ มีพลังชีวิตและแก่นแท้จิตวิญญาณแห่งฟ้าดิน กินเข้าไปหนึ่งลูกจะทำให้ราวกับเกิดใหม่ ช่วงเวลาวิกฤตยังอาจนับเป็นอีกหนึ่งชีวิตได้

หรือจะพูดง่ายๆ คือ มันมีคุณสมบัติแบบเดียวกับผลปีศาจและหญ้าคืนชีวิตในระดับราวๆ ห้าถึงหกส่วน ทว่าสามารถดูดซึมได้ง่ายดาย กระทั่งสามารถสลายอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจมองเห็นในร่างได้

เมื่อเทียบกันแล้ว แม้ผลโลหิตจะสามารถเพิ่มพลังฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว ทว่าผลของมันรุนแรงยิ่งนัก อาจทิ้งอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจมองเห็นไว้ได้ เหมาะสมกับผู้ที่ฝึกฝนศาสตร์แห่งโลหิตมากกว่า

การยอมสละผลโลหิตและเลือกเห็ดอินตู๋ก่อนหน้าของจ้าวเฟิงนับว่าไม่เสียเปล่า

ผลปีศาจพฤกษาในยามนี้ชัดเจนว่าเหมาะสมกับเขากว่าผลโลหิต

“กลับมา!”

จ้าวเฟิงกำคันศรหลัวซุย กระตุ้นการโคจรของปราณจิตวิญญาณ

ครืนน

ศรหลัวซุยที่อยู่ห่างออกไปส่องประกายพุ่งวูบกลับมา เข้าใกล้ร่างของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มใช้ดวงตาเทพเจ้าควบคุมเส้นทางการเคลื่อนไหวของมัน ทำเพียงหลีกเลี่ยงลำต้นและพุ่มไม้ที่ขวางทาง

ตลอดทั้งกระบวนการนับว่าง่ายดายกว่า ‘หนึ่งศรตัดสินผลแพ้ชนะ’

ศรหลัวซุยกลับมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับ ‘ผลปีศาจพฤกษา’

เก็บชัยชนะกลับมาได้สำเร็จ!

“เมื่อมี ‘ผลปีศาจพฤกษา’ คอยสนับสนุน ข้าย่อมสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย การทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ย่อมไม่ยากเย็น”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ

เขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอย่างสามยอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้ทว่ายังสามารถครอบครอง ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ได้ นับว่าควรค่ากับการภาคภูมิใจแล้ว

ในยามนี้

เบื้องหลังเด็กหนุ่มได้ปรากฏเสียงหนึ่งขึ้น”จ้าวเฟิง เจ้าทำได้ดีมาก ข้ามา ‘ช่วยเหลือ’ เจ้าแล้ว”

ฟุ่บ

หยูลั่วหัวเราะเสียงแผ่วกับตนเอง นัยน์ตาส่องประกายเจิดจ้า จิตสังหารปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ทะยานร่างมาจากเบื้องหลัง

เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็ย่ำแย่ลง แทบจะหลุดปากสบถออกไป

เขาอยู่กลางอากาศ ตำแหน่งยอดเยี่ยมอย่างมาก

การโจมตีของรากที่พื้นไม่อาจมาถึงเขา ลำต้นและพุ่มไม้เองก็ไม่อาจเข้าใกล้

หรืออีกนัยหนึ่ง

จ้าวเฟิงไม่ต้องการความ ‘ช่วยเหลือ’ เป้าหมายของหยูลั่วสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

“หยูลั่วผู้นี้ร้ายกาจไม่น้อย!”

“โอ้ ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ที่ล้ำค่าคงต้องตกอยู่ในมือของหยูลั่วแล้ว”

“เด็กนั่นโชคร้ายนัก”

อัจฉริยะของตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้

คนจำนวนมากรู้สึกไม่ยินยอม โชคมากมายเพียงใดกันที่จะทำได้เช่นนั้น

ฝั่งสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง

อัจฉริยะหลายคน ณ ที่แห่งนั้นพลันเข้าใจในเจตนาของ ‘หยูลั่ว’ ในทันที บางคนรู้สึกละอาย บางคนรู้สึกยินดี

“ฮี่ฮี่… ตั๊กแตนจ้องจับจักจั่น ไม่ล่วงรู้ถึงนกขมิ้นที่เฝ้ามองอยู่เบื้องหลัง!”

ในใจของหยูลั่วปรากฏความตื่นเต้นที่ไม่อาจอธิบายได้

เขาติดตามมาจากเบื้องหลัง หวังจะสร้างปัญหาให้กับหนามทิ่มตาอย่างจ้าวเฟิง

แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าสวรรค์จะรักใคร่เขา ทำให้เขาได้รับ ‘ความปรารถนาดี’ เช่นนี้

“ฆ่าจ้าวเฟิง ครอบครอง ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ผลไม้นี่ง่ายที่จะดูดซึม ข้าย่อมสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงยามนั้น เย่หยานหยู สตรีผู้นั้นก็จะไม่อาจมองข้าด้วยสีหน้าเช่นนั้นได้อีก”

หยูลั่วยินดีอย่างมาก ความเร็วเพิ่มสูงจนถึงขีดจำกัด จ้าวเฟิงที่อยู่ในระยะสายตาเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

ด้วยพลังฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำของเขา การฆ่าเด็กบ้านนอกที่มีพลังฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้สักคนนับว่าง่ายดายนัก

ในสายตาของเขา ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ได้กลายเป็นของเขาแล้ว

จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศ สีหน้าสับเปลี่ยนไปมา เผยความครุ่นคิดออกมา

การหลีกเลี่ยงการแทรกแซงของหยูลั่ว จ้าวเฟิงไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด

ทว่ามันไม่อาจแก้ไขปัญหาพื้นฐานเรื่องหนึ่งได้

“เช่นนี้ก็ดี ในยามนี้สามสำนัก ตำหนักมารจันทราเสียผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ไปแล้วคนหนึ่ง สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างแข็งแกร่งเกินไป ควรจะสร้างสมดุลระหว่างขั้วอำนาจเสียหน่อย”

จ้าวเฟิงพลันตัดสินใจได้

เมื่อเป็นเช่นนี้

‘เป้าหมาย’ ในการฆ่าหยูลั่วของจ้าวเฟิงก็ชัดเจน

ปัญหาที่ตามมาคือ เขาจะฆ่าหยูลั่วได้อย่างไร?

ด้วยพลังและไพ่ในมือของจ้าวเฟิงยามนี้ หากต้องการฆ่าหยูลั่วก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น

เรื่องที่ยากคือ

จะทำอย่างไรให้สามารถปกปิดพลังพร้อมกับทำให้หยูลั่วตายตกไปด้วย ‘อุบัติเหตุ’ ทำให้ผู้อื่นไม่เคลือบแคลงสงสัยเด็กหนุ่ม

แต่เดิมการจะฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว

การข้ามขั้นไปฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ยิ่งยากที่จะจินตนาการขึ้นไปอีก

แต่จ้าวเฟิงนั้น นอกจากจะต้องฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้แบบเงียบๆ แล้วก็ยังต้องทำให้คนอื่นไม่สงสัยตัวเขาอีก

ภายใต้สถานการณ์ปกติ จ้าวเฟิงสามารถทำได้เพียงข้ามขั้นฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ หากเป็นยามที่อยู่ในงานชุมนุมเซียนมังกร บางทีตัวเขาเองก็อาจจะคาดไม่ถึง

“อืม… มีอยู่”

นัยน์ตาของจ้าวเฟิงสั่นระริก คิดแผนหนึ่งขึ้นได้

ความจริงแล้ว

การที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้ยากเย็นยิ่งนัก

ทว่าในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยอันตรายมหาศาล แผนการ ‘ฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้โดยที่ไม่เกี่ยวข้อง’ ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ฟึ่บ!

จ้าวเฟิงพุ่งทะยานออกไปยังทิศทางของ ‘หยูลั่ว’ ราวกับว่าไม่รับรู้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย

นอกจากนั้น

ในมือของจ้าวเฟิงยังมีศรหลัวซุยที่ยังคงเสียบ ‘ผลปีศาจพฤกษา’ ไว้อยู่ เด็กหนุ่มหันมันลงพื้นพร้อมลดระดับลงเล็กๆ

บริเวณพื้นดินคืออาณาเขตของรากที่หอคอยปีศาจพฤกษาแพร่กระจายไปกินระยะหลายลี้

ไม่นาน

จ้าวเฟิงเข้าใกล้พื้น อยู่ห่างออกมาราวๆ สิบจ้าง

ระยะความสูงสิบจ้างนั้นเกือบจะเข้าไปอยู่ในระยะโจมตีของรากของหอคอยปีศาจพฤกษาแล้ว

เมื่ออยู่ในตำแหน่งนั้น จ้าวเฟิงก็ไม่ลดระดับลงอีก หรือมิเช่นนั้นเขาอาจจะถูกรากของปีศาจต้นไม้โจมตีได้

‘ผลปีศาจพฤกษา’ ในมือของเขาเป็นเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ย่อมต้องถูกปีศาจต้นไม้ยักษ์นั่นรับรู้ได้

ในยามนี้

หยูลั่วอยู่ห่างจากจ้าวเฟิงเพียง 20-30 จ้าง อยู่ในระยะที่การโจมตีมีประสิทธิภาพสูงสุด

“หึ! ไอ้บ้านนอก! ตายซะเถอะ”

ใบหน้างดงามเปราะบางของหยูลั่วเย็นเยียบ ปรากฏความบิดเบี้ยวขึ้นเล็กๆ

ชายหนุ่มยกมือขึ้น ส่งคมมีดดวงจันทราที่บางราวกับปีกของจักจั่นออกไป ขนาดของมันราว 10-20 จ้าง สร้างบรรยากาศเย็นเยียบ ฟาดฟันตรงไปยังบริเวณที่จ้าวเฟิงอยู่เป็นแนวนอน

ฟุ่บ ฟุ่บ

ร่างของจ้าวเฟิงพลันแยกออกเป็นสองร่าง หลบเลี่ยงการโจมตีของคมมีดจันทรานั้นไปได้อย่างหวุดหวิด

จ้าวเฟิงที่ดูเหมือนกันทั้งสองร่างกลับกลายเป็นเงาร่างส่องประกายกระแสไฟฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นดินใกล้ๆ

ฟุ่บ!

คลื่นคมมีดของหยูลั่วจัดการ ‘จ้าวเฟิง’ ไป

จ้าวเฟิงอีกคนแสดงสีหน้า ‘ตื่นตะลึง’ ออกมา ชัดเจนว่าเป็นร่างจริง แสงประกายกระแสไฟฟ้าสว่างวาบ มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของหอคอยปีศาจพฤกษา

“ไม่ดีแล้ว! หากจ้าวเฟิงถูกสัตว์ประหลาดนั่นฆ่า ผลปีศาจพฤกษาก็จะหายไปด้วย”

สีหน้าของหยูลั่วแปรเปลี่ยนไป เร่งความเร็วไล่ตามจ้าวเฟิง

ในเวลาเดียวกัน

ในผืนป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้พุ่มไม้หนาแน่น เงาร่างของจ้าวเฟิงอยู่ในสภาวะพรางกายเอ่ยขึ้นกับตนเอง”หยูลั่ว เจ้าต้องตาย”

แต่เดิม

ร่งที่พรางกายนี้อยู่ของจ้าวเฟิงคือร่างจริง

จ้าวเฟิงที่แสดงสีหน้า ‘ตื่นตะลึง’ เมื่อครู่เองก็คือจ้าวเฟิง แต่หลังจากที่เขาแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกไปแล้วก็สร้างร่างเงาขึ้นพร้อมกับที่พรางกายร่างจริงหลบซ่อนไปอย่างเงียบงัน

ในยามนี้

หยูลั่วได้ไล่ตาม ‘ร่างเงา’ ที่จ้าวเฟิงสร้างขึ้นมาเป็นร่างที่สองอยู่

เนตรหัวใจวิญญาณ!

จ้าวเฟิงที่อยู่ในสภาวะอำพรางกายใช้ ‘เนตรหัวใจวิญญาณ’ ทำให้ความละโมภโลภมากในใจของหยูลั่วแผ่ขยายออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ

หยูลั่วหันหน้าไปทางผลปีศาจพฤกษา หันหลังให้กับอัจฉริยะของทั้งสามสำนัก คนอื่นๆ ไม่อาจจับความผิดแปลกบนสีหน้าของเขาได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ

ร่างจริงของจ้าวเฟิงอยู่ในสภาวะพรางกาย ถูกปกปิดด้วยผืนป่า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงเขาตั้งแต่ต้น

ฟุ่บ!

ร่างเงาของจ้าวเฟิงพุ่งวูบ แทรกซึมเข้าไปใกล้พื้นก่อนจะจางหายไป

“ผลปีศาจพฤกษาของข้า…”

หยูลั่วเต็มไปด้วยความละโมบอย่างไร้ที่สิ้นสุด สูญเสียสติสัมปชัญญะไป ภายใต้การล่อลวงของ ‘เนตรหัวใจวิญญาณ’ ของจ้าวเฟิงก็ได้พุ่งกายตรงไปยังพื้นดิน

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

ทันใดนั้น รากไม้จำนวนมากก็ได้พุ่งออกมาราวกับกะเวลาเอาไว้แล้ว พันมือเท้าของหยูลั่วเอาไว้ ดูราวกับเตรียมการไว้ก่อนหน้า

“ไม่ดีแล้ว!”

อัฉริยะจากสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างสีหน้าแปรเปลี่ยนไปพร้อมกัน

“อ๊ากกกกก”

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหยูลั่วดังขึ้นพร้อมกับที่รากไม้ฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ ทำให้เขากลายเป็น ‘ปุ๋ย’ ไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version