Skip to content

King of Gods 525

King Of Gods

บทที่ 525 มือสังหารตัวจริงอยู่ที่นี่

ในเวลานี้เอง ‘ศัตรูทั้งสี่’ ที่จ้าวเฟิงต้องเผชิญหน้า ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนล้วนแต่เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งทั้งสิ้น

เหนือศีรษะของเขาคือราชินีฉวนปิงผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ด้านซ้ายขวาแบ่งเป็นโอรสสวรรค์สามตาและปิงเวยเซียนจื่อ

ฝั่งตรงหน้าคือนักพรตไป๋หยุน ผู้อาวุโสแห่งสำนักเทียนหยวน

ส่วนด้านหลังบนตำหนักก็เป็นหยูเทียนฮ่าวที่นั่งคุกเข่ารอจะประลองฝีมือด้วย

ในบรรดาคนทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะใครก็ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งทรงอำนาจทั้งนั้น โดยเฉพาะนักพรตไป๋หยุนและราชินีฉวนปิงซึ่งล้วนแต่เป็นยอดฝีมือของทวีป

“จ้าวเฟิงเอ๋ยจ้าวเฟิง ดูสิ เจ้าไปยั่วโมโหใครบ้างเนี่ย” ทั้งจ้าวลัทธิหงและชายผมแดงเถี่ยหมัวปาดเหงื่อแทนจ้าวเฟิง ในแววตามีความหนักใจอยู่

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้เตรียมตัว ทำให้จ้าวเฟิงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

“จ้าวเฟิง! การตายของบิดาข้ามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”

น้ำเสียงของโอรสสวรรค์สามตาสูงห้วนขึ้นอย่างมาก ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแค้นและจิตสังหาร ‘ดวงตาที่สาม’ บนหน้าผากร้อนแรงราวเพลิงสุริยะที่หมายเผาผลาญทุกอย่างด้วยความโกรธแค้น

จ้าวเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจ เมื่อฟังจากคำพูดของโอรสสวรรค์สามตาราวกับว่าอีกฝ่ายมีหลักฐานอะไรแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่เจาะจงมาถามเอาความจากเขาในทันทีแบบนี้

“โอรสสวรรค์สามตา ท่านไม่ควรจะใส่ความผู้อื่นเช่นนี้ ท่านต้องเอาหลักฐานออกมาก่อน”

เจียงซานเฟิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคนในลัทธิโลหะเลือด

ชายผมแดงเถี่ยหมัวยิ้มเรียบๆ แล้วเอ่ย”โอรสสวรรค์สามตา ที่อาณาจักรนภาแห่งนี้ยังไม่มีแม้แต่ข่าวคราวการตายของบิดาท่านเลย แล้วนี่มันจะเกี่ยวกับจ้าวเฟิงได้อย่างไร” คำพูดดังกล่าวทันทีที่เอ่ยออกไป กลุ่มคนในลัทธิก็พากันคล้อยตาม

คนทั้งหลายล้วนแต่รู้สึกประหลาดใจ

ตระกูลจินหยางอยู่ไกลถึงทวีปกลาง แล้วผู้นำตระกูลจินหยางก็ถือเป็นยอดฝีมืออาวุโสที่แข็งแกร่ง แต่จ้าวเฟิงเป็นเพียงแค่คนหนุ่มอายุเพิ่งจะสิบกว่าย่างเข้ายี่สิบปีก็เท่านั้น

คนทั้งสองไร้ซึ่งบุญคุณความแค้นใดๆ หนักกว่านั้นคือไม่เคยแม้แต่พบหน้า ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อกันทั้งสิ้น

“หลักฐานรึ? ในวันนั้นใกล้เมืองศักดิ์สิทธิ์จินหยาง มีพยานหลายคนมองเห็นบิดาข้าและผู้อาวุโสตามจ้าวเฟิงไป แล้วท่านทั้งสองก็ไม่ย้อนกลับมาอีกเลย” ดวงตาทั้งสามดวงของโอรสสวรรค์สามตาจ้องมาที่จ้าวเฟิงเขม็งโดยไม่ละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว

“โอรสสวรรค์สามตา เจ้ายืนยันความเป็นความตายของบิดาเจ้าได้อย่างไรกัน?” จ้าวลัทธิหงถามอย่างสงสัย

ดวงตาของฝูงชนพลันสว่างวับขึ้นมา นี่ก็คือจุดสำคัญเลยทีเดียว

“ในช่วงระยะเวลานั้น สายเลือดดวงตาของข้าเกิดความรู้สึกประหลาด ตามบันทึกของตระกูลจินหยางที่สืบทอดกันมา มีเพียงแค่ญาติสายตรงผู้มีสายเลือดดวงตาเชื่อมกับข้าและมีสายเลือดเนตรเซียนเกิดพบเคราะห์ตกยาก ข้าจึงจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้” น้ำเสียงของโอรสสวรรค์สามตาค่อยๆ เศร้าสลดลง

ภายในที่นั้นเงียบไปครู่หนึ่ง

จากประสบการณ์ของนักพรตไป๋หยุนและจ้าวลัทธิหงก็สามารถมองออกถึงความสัมพันธ์ของสายเลือดที่ว่าได้

ตระกูลจินหยางถือได้ว่ามีมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปตระกูลหนึ่ง มีความเข้าใจในเคล็ดวิชาสายเลือดอย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกที่เชื่อมโยงถึงกันนี้เคยปรากฏมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองครั้ง

จ้าวเฟิงเองก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรในเรื่องนี้

ดวงตาเทพเจ้าของเขา บางครายามที่เขาเจอเรื่องอันตรายใดๆ ก็เคยรู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้างเช่นกัน นับประสาอะไรกับเจ้าสำนักจินหยางและโอรสสวรรค์สามตาที่มีความสัมพันธ์ฉันบุตรบิดา ทั้งยังมีเนตรเซียนและสายเลือดที่เกี่ยวข้องกัน

“เพียงแต่ในขณะนั้นข้าประมือแพ้พ่ายต่อจ้าวเฟิง ดวงตาสูญพลังไปไม่น้อย ร่างกายก็บาดเจ็บหนัก จึงไม่ทันได้ตระหนักถึงความรู้สึกประหลาดนั้น แต่หลังจากนั้นหนึ่งเดือนบิดาข้าหายไปไร้ร่องรอย ทุกฝ่ายล้วนแต่ตามหา สุดท้ายจึงพบไอของสายเลือดที่เหลือเพียงน้อยนิดของเขาในป่าแห่งหนึ่ง ไอนี้มีเพียงคนตระกูลจินหยางถึงจะสามารถสัมผัสได้” เอ่ยมาถึงตรงนี้โอรสสวรรค์สามตาก็สูดหายใจลึก

ดวงตาทั้งสองของเขาแดงก่ำมองเขม็งไปที่จ้าวเฟิงอย่างเย็นชา ราวกับตัดสินแล้วว่าจ้าวเฟิงคือฆาตกรหรือมีความเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ฝูงชนที่ดูอยู่มองหน้ากัน มีความคาดไม่ถึงอยู่หลายส่วน

“ข้อแรก จ้าวเฟิงไม่ได้อยู่ที่สนามประลอง อีกทั้งยังแปลกที่ไม่ร่ำลาเหล่าสหายผู้ร่วมเดินทาง”

นัยน์ตาของปิงเวยเซียนจื่อมองปราดที่เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่อย่างเย็นชา

ทั้งเจิงซานเฟิงและเตี๋ยเย่ใจชาวาบ เป็นจริงอย่างที่นางเอ่ย การรีบร้อนจากไปของจ้าวเฟิงนั้นผิดปกติจริงๆ

“ข้อสอง มีผู้พบเห็นว่าหัวหน้าตระกูลจินหยางไล่ตามจ้าวเฟิงไปจริงๆ”

ปิงเวยเซียนจื่อโบกมือน้อย ๆ

ชิ้ง ชิ้ง!

ในมุมนั้นปรากฏเงาขึ้นสองเงา สองชายหนึ่งหญิง หนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ ส่วนอีกสองคนที่เหลือเป็นถึงขั้นมนุษย์แท้

“ถูกต้อง ตอนนั้นพวกเรามองเห็นท่านผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสที่สวมหมวกฟางรีบตามจ้าวเฟิงไปติดๆ”

คนทั้งสามยืนยันเสียงเดียวกันว่าเป็นจ้าวเฟิง

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงผู้ยืนอยู่ตรงกลางโดนสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามพุ่งมายังตนเอง

หลักฐานต่างๆ ล้วนแต่บ่งชี้ว่าการตายของผู้นำตระกูลจินหยางเกี่ยวข้องกับเขา

“จ้าวเฟิง! ต่อให้เจ้าปฏิเสธก็เถอะ แต่หลักฐานเมื่อครู่เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร เจ้าไปทำอะไรเพียงลำพังที่นั่น? แล้วเมื่อผู้อาวุโสของตระกูลจินหยางทั้งสองตามเจ้าไปแล้ว จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ปิงเวยเซียนจื่อยิงคำถามใส่อย่างคาดคั้น

สีหน้าของจ้าวเฟิงไร้ซึ่งความรู้สึก เขาปิดปากเงียบสนิทไม่เอ่ยอะไร

“นักพรตไป๋หยุน ท่านและข้าล้วนแต่เป็นพยานได้ว่าจ้าวเฟิงคนนี้น่าสงสัยที่สุด หากลัทธิโลหะเลือดไม่มีคำตอบสมเหตุสมผลล่ะก็ พวกข้าจะร่วมมือกับท่านจับตัวเขาแล้วค่อยเอาไปสืบสวนอีกที” ราชินีฉวนปิงซึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะส่งยิ้มให้นักพรตไป๋หยุน

จ้าวลัทธิหงและเถี่ยหมัวตกตะลึง รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว

ราชินีน้ำแข็งนางนี้แผนการร้ายกาจเสียจริง!

ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มาถึงลัทธิโลหะเลือดยังไม่ได้บีบบังคับจ้าวเฟิงแม้แต่น้อย แต่ว่าในตอนนี้นางกลับยืมมือนักพรตไป๋หยุนมาใช้ซะอย่างนั้น

ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองร่วมมือกันปักอกปักใจจะจัดการกับจ้าวเฟิงเมื่อใด เกรงว่าแม้แต่จ้าวลัทธิหงก็มิอาจทัดทานได้

“จ้าวลัทธิหง การตายของผู้นำตระกูลจินหยางรวมถึงข่าวคราวของลูกศิษย์ข้าผู้นั้น ทั้งหมดนี้พวกท่านจะต้องให้คำตอบอะไรหน่อยกระมัง” นักพรตไป๋หยุนไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมาในทันที แต่จ้องมายังที่จ้าวลัทธิหง

ในใจของจ้าวเฟิงเย็นเฉียบ นักพรตไป๋หยุนผู้นี้ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้โดยง่ายเลย ถึงแม้จะไม่รีบร้อนร่วมมือกับราชินีน้ำแข็งในทันที แต่ยังเห็นได้ชัดว่าจะใช้เรื่องนี้กดดันลัทธิโลหะเลือด

ในเวลานั้นขณะกำลังเผชิญคำถามของผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง จ้าวลัทธิหงและเถี่ยหมัวรู้สึกกดกันเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะอึดอัดทรมานใจ

ลัทธิโลหะเลือดเพิ่งจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่กลับต้องมาพบสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

เบื้องหลังของราชินีฉวนปิงและผู้อาวุโสแห่งสำนักเทียนหยวนล้วนเป็นหนึ่งในสิบยอดสำนักของทวีปทั้งสิ้น

“จ้าวเฟิง ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่ฆาตกร เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเจ้า หากพวกเขาจงใจสร้างความลำบากให้เจ้า พวกเราลัทธิโลหะเลือดก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด” สายตาของจ้าวลัทธิหงจ้องมองไปที่จ้าวเฟิง

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเพียงแต่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองที่ต้องการคำตอบ แม้แต่เจ้าลัทธิหงเองก็ต้องการคำอธิบายจากจ้าวเฟิงเช่นกัน

“ถูกต้อง! พวกเราเชื่อว่าท่านรองลัทธิจ้าวไม่ใช่ฆาตกร” คนในลัทธิโลหะเลือดทั้งระดับบนล่างล้วนเห็นเป็นเสียงเดียวกัน

ทุกคนล้วนเชื่อมั่นในจ้าวเฟิง เชื่อในรองจ้าวลัทธิผู้สร้างตำนานและผลงานความสำเร็จมากมาย

เสียงเหล่านี้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

แต่ทว่าเขากลับหัวเราะ ‘เหอะ เหอะ’ แล้วเอ่ยว่า”ทุกท่าน ตัวข้าเองยังไม่ทันรับหรือปฏิเสธเลย พวกท่านยืนยันได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่มือสังหารและเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งหมดก็เงียบไป

สมาชิกในลัทธิทั้งหลายไม่ว่าจะจ้าวลัทธิหง เถี่ยหมัว เจียงซานเฟิงและคนอื่นๆ ล้วนแต่ตะลึงงัน

จ้าวเฟิงเองไม่ได้ปฏิเสธ”พวกท่านไม่จำเป็นต้องแก้ตัวแทนข้า การตายของผู้นำตระกูลจินหยาง….มีความเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงดังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยอมรับแล้ว! ในที่สุดเขาก็ยอมรับแล้ว!

คนทั้งหลายล้วนแต่ตาโตอ้าปากค้าง รวมไปถึงราชินีฉวนปิง โอรสสวรรค์สามตา และปิงเวยเซียนจื่อที่ชะงักไปด้วยความตกใจ

พวกเขาคาดคั้นเอาคำตอบเพื่อบีบจ้าวเฟิงทีละน้อย ทำให้อีกฝ่ายว้าวุ่นใจ จะได้หาทางให้มากกว่านี้เพื่อถามเอาความจริง

แต่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ จ้าวเฟิงกลับยอมรับอย่างสบายอารมณ์

“จ้าวเฟิง เจ้านี่มัน…” ชายผมแดงเถี่ยหมัวรู้สึกร้อนใจ หรือว่าเจ้านี่เกรงว่าลัทธิโลหะเลือดจะเดือดร้อนจึงยอมเอ่ยปากรับผิดไป

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

จ้าวลัทธิหงถามสีหน้าเรียบๆ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนมองจ้าวเฟิงไม่ออก

“จ้าวเฟิง บิดาข้าตายอย่างไร ใครคือฆาตกรที่แท้จริง! แล้วมีผู้ร่วมลงมือคนอื่นหรือไม่?”

โอรสสวรรค์ที่นัยน์ตาแดงก่ำคำรามเสียงต่ำ

วินาทีนั้นเอง สายตาคนทั้งหมดต่างจับจ้องมาที่จ้าวเฟิง

“ผู้ร่วมสังหารงั้นหรือ?”

จ้าวเฟิงหลุดหัวเราะ”ฆ่าพวกของบิดาเจ้าสองคนแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว ยังจะมีผู้ช่วยอะไรอีก!”

อะไรกัน! คนทั้งหมดใจเต้นรัวมองไปที่จ้าวเฟิงอย่างคาดไม่ถึง

“เป็นไปไม่ได้!” ราชินีฉวนปิงส่ายศีรษะ

“เป็นไปไม่ได้แน่ๆ! พลังของบิดาข้าอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไม่น่าใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แล้วผู้อาวุโสเองก็อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ผู้ที่อยู่ระดับต่ำกว่านี้ล้วนแต่ไม่อาจสู้ท่านได้”

โอรสสวรรค์สามตาส่ายศีรษะไม่ยอมรับ

เหล่ายอดฝีมือในที่แห่งนั้นล้วนแต่รู้ซึ้งถึงพลังของผู้นำตระกูลจินหยางและผู้อาวุโสหมวกฟาง ขนาดโอรสสวรรค์สามตาเองก็ไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวจะจัดการผู้นำของจินหยางทั้งสอง

พวกเขาคาดเดาว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิงแน่นอน แต่เบื้องหลังจะต้องมีฆาตกรตัวจริงอีกคนอยู่

“จ้าวเฟิง เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงฆ่าผู้นำตระกูลจินหยาง?” จ้าวลัทธิหงลอบถอนใจอย่างขมขื่น

จ้าวเฟิงเอ๋ยจ้าวเฟิง ต่อให้เจ้าเป็นคนลงมือ แต่หากเจ้าปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาดปิดปากสนิท ไม่มีหลักฐานใด ราชินีฉวนปิงนั่นก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น

“ง่ายดายมาก! ผู้นำตระกูลจินหยางทั้งสองคนนั่นอยากจะฆ่าข้า เลยโดนข้าฆ่าก่อน หากจะโทษก็ต้องโทษที่ฝีมือของเขาทั้งสองคน” จ้าวเฟิงตอบอย่างสบาย ๆ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หากพูดแบบนี้ก็หมายความว่า…เจ้าฆ่าเพื่อปกป้องตนเอง!” ชายผมแดงเถี่ยหมัวเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันทีจึงตะโกนออกมา

ฆ่าเพื่อปกป้องตนเอง!

คนในลัทธิโลหะเลือดทั้งหมดรู้สึกลิงโลด

ส่วนราชินีน้ำแข็งและคนอื่นๆ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

หากเรื่องจริงเป็นเช่นนี้แล้ว การที่จ้าวเฟิงลงมือฆ่าคนก็เป็นเพียงแค่การปกป้องตนเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นเหลือเกิน

เพราะหากไม่ลงมือฆ่าก็จะเป็นผู้โดนฆ่านั่นเอง

เป็นคนตระกูลจินหยางที่เริ่มเข่าอ่อนเพราะเรื่องกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าพวกเขาลงมือฆ่าก่อน

“จ้าวเฟิง! บิดาข้าจะลงมือฆ่าเจ้าอย่างไร้สาเหตุได้อย่างไร?”โอรสสวรรค์สามตาโกรธเกรี้ยว

“เหอะๆ เหตุผลรึ? ยังจะต้องคิดอีกงั้นหรือ”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มบางๆ ด้วยทีท่าที่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศผู้คนก็เข้าใจได้ทันที

หลายฝ่ายในที่นั้นต่างก็เข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรออกมา

ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์จินหยาง จ้าวเฟิงประลองชนะโอรสสวรรค์สามตา แย่งเอาสมญานามมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปมาครอง

….นี่คือความจริงที่ทุกคนประจักษ์

ด้วยเหตุนี้ตระกูลจินหยางจึงรู้สึกอับอาย หากต้องการจะลงมือล้างอายด้วยความโกรธแค้นก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“ที่เจ้าพูดมาไม่ผิดนัก! จ้าวเฟิงไม่มีเหตุผลอะไรต้องลงมือฆ่าผู้นำตระกูลจินหยาง แต่กลับกันน่าจะเป็นฝ่ายนั้นต่างหากที่อยากให้จ้าวเฟิงตายไปเสียให้ได้”

จ้าวลัทธิหงเงยหน้าหัวเราะเสียงดังจนอากาศสั่นสะเทือน

“เจ้าพูดจาเหลวไหลใส่ความผู้อื่น มีหลักฐานอะไร?” โอรสสวรรค์เกือบจะไร้เรี่ยวแรง

ถ้าหากเป็นจริงดังที่จ้าวเฟิงบอกว่าเขาทำไปเพื่อปกป้องตนเอง ในทางศีลธรรมตระกูลจินหยางแก้ตัวอย่างไรก็ไม่พ้น อีกทั้งหากเรื่องดำเนินไปเช่นนี้ ก็จะกลายเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่าง ‘จ้าวเฟิง’ และ ‘โอรสสวรรค์สามตา’

แล้วหากเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะราชินีฉวนปิงหรือนักพรตไป๋หยุนล้วนแต่ไม่อาจลงมือแก้แค้นแทนเขาได้

อย่างน้อยนักพรตไป๋หยุนก็ไม่มีทางยืนอยู่ข้างพวกเขา

“หลักฐานงั้นรึ? ​เฮ้อ ก็ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามคนนั่นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเห็นกับตาว่าผู้นำตระกูลจินหยาง ‘ไล่ตามฆ่า’ ข้าหรอกหรือ?”

บนใบหน้าจ้าวเฟิงปรากฏยิ้มเยาะแล้วชี้ไปยัง ‘พยาน’ ทั้งสามคนที่โอรสสวรรค์สามตาพามา

อา! พยานทั้งสามคนนั้นพลันหน้าซีดสลด ก็เมื่อครู่พวกเขายังเป็นพยานยืนยันว่าเห็นผู้นำตระกูลจินหยางไล่ตามจ้าวเฟิงไปอยู่เลย

“เอาน่า โอรสสวรรค์สามตา…ถ้าเจ้าอยากจะแก้แค้นให้บิดา ก็มาประลองกับข้าตอนนี้ได้เลย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version