บทที่ 540 สูญสลาย!
“เจ้าหอโครงกระดูก! สังหารสัตว์อสูรฝูงนี้เพื่อขยายค่ายกลซะ…” ในน้ำเสียงของจ้าวเฟิงมีไอสังหารที่เยือกเย็น
ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป ควันสีเทาหนาแน่นเกิดเป็นหมอกควันสีแดงคละคลุ้งขึ้นมา บรรดาสัตว์อสูรจำนวนนับร้อยค่อยๆ ตายลงในค่ายกลจนเลือดนองประหนึ่งแอ่งโลหิต
เหล่าสัตว์อสูรขั้นจิตวิญญาณที่แท้จริงซึ่งกลายมาเป็นอาหารของค่ายกลมีคุณสมบัติสูง จึงทำให้พลังอาฆาตแค้นที่เกิดขึ้นยิ่งแข็งแกร่งรุนแรง
ภายในระยะเวลาอันสั้น สัตว์อสูรในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจำนวนร่วมร้อยล้วนแต่ล้มตายภายในค่ายกล ทำให้ทั้งพลังและอาณาเขตของ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ มากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
“นี่ออกจะเหี้ยมโหดไปแล้ว!” สีหน้าของเจ้าหอโครงกระดูกมีแววฮึกเหิม เขาสะบัดธงสีดำเพื่อเรียกใช้พลัง ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’
ภายในค่ายกล หุ่นเชิดศพต้องสาปสิบห้าร่างนั้นคอยดูดเลือดของอาหารที่ถูกส่งเข้ามาให้ทีละตัว กลิ่นอายของพลังยิ่งปล่อยออกมายิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที
ในระยะเวลานั้น พื้นที่ที่ถูกไอพลังของ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ เข้าปกคลุมและกัดกร่อน ทะเลเถาวัลย์จะพังพินาศไปเป็นแถบ
แน่นอนว่าทะเลเถาวัลย์มีแหล่งกำเนิดพลังที่แข็งแกร่งจาก ‘วารีคืนชีวิต’ ถึงแม้จะถูกทำลายไปบางส่วนกลับยังคงไม่หยุดเติบโต แต่ว่าค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปก็ยังคงควบคุมทะเลเถาวัลย์ธรรมดาได้ เพียงแต่ไม่อาจสั่นคลอน ‘ราชาเถาวัลย์’ ที่อยู่ตรงกลางได้เลย
สถานการณ์ที่เกิดการพลิกผันอย่างรวดเร็วแบบนี้ ทำให้เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงผู้อยู่เบื้องหลังมีสีหน้าประหลาดใจ
“ใช้สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งพวกนี้มาหล่อเลี้ยงหุ่นเชิดศพต้องสาป เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังคำสาปและความแค้น จ้าวเฟิงผู้นี้ปราดเปรื่องนัก”
ทะเลความว่างเปล่า บนยอดเขาสูง
“เจ้าเด็กคนนี้ยากจะรับมือจริงๆ!”
“หึ! ไม่จำเป็นต้องกังวล กองทัพสัตว์อสูรของเขาสูญสลายไปเกือบครึ่งแล้ว น่าจะทนไปได้ไม่เท่าไหร่” ยอดฝีมือจากสามสำนักถกเถียงกันเสียงต่ำ
มาจนถึงตอนนี้ ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักเกลียดชังจ้าวเฟิงจับขั้วหัวใจไปแล้ว
ราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามเข้าสู่ห้วงภวังค์ครู่หนึ่ง อัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ตัวน้อยๆ ผู้หนึ่งสามารถต่อกรกับราชันปราณเทวะจากอีกมิติหนึ่งได้ ถึงขนาดว่าพลิกแพลงสถานการณ์ที่กำลังแย่ให้กลายเป็นดี ถึงแม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับในฝีมือที่น่ากลัวของฝ่ายตรงข้าม
‘ปรมาจารย์อิ๋นคง’ หนึ่งในเหล่าปรมาจารย์ค่ายกลผู้นั้นก็กำลังพินิจพิเคราะห์ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินในภาพเงา
ในฐานะที่เขาเป็นคนนอก เขาออกจะนับถือผู้เยาว์ผมสีน้ำเงินคนนี้ที่รับมือราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามโดยที่ไม่รู้หน้าหลังได้
“ปรมาจารย์อิ๋นคง! เตรียมวารีคืนชีวิตหยดที่สองด้วย…”
เสียงของเฉิงเยว่เซียนกูแว่วมา
“ได้” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยปากรับคำก่อนที่จะส่ง ‘วารีคืนชีวิต’ หยดที่สองไป
ณ ใจกลางหุบเขาลี้ลับ
ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปปลดปล่อยพลังคำสาปและปราณศพรัศมีกว้างไปเกือบสองสามลี้ แล้วพยายามโจมตี ‘ราชาเถาวัลย์’ ที่อยู่ใจกลางของทะเลเถาวัลย์มากขึ้น
“เสียดายที่แผนการร้อยศพลุล่วงไปได้เพียงสิบห้าส่วนจากร้อยส่วนเท่านั้น แล้วพื้นที่กว้างใหญ่แบบนี้ ยากที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ราชาเถาวัลย์นั่น” จ้าวเฟิงสังเกตพลางจัดแจงกองทัพเหล่าอสูร
ตอนนี้สัตว์อสูรที่เขาควบคุมเหลือเพียงแค่ร้อยสองร้อยตัวเท่านั้น ส่วนหนึ่งรับผิดชอบทำลายเถาวัลย์ที่หลงเหลืออยู่ อีกส่วนแบ่งไปเป็นอาหารหล่อเลี้ยงของค่ายกลหุ่นเชิดศพ
แล้วในเวลานี้เองที่จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความสั่นไหวของมิติ
พรวด~
พลังแห่งชีวิตคลื่นใหญ่สาดซัดออกมาจากใจกลางของทะเลเถาวัลย์
ในวินาทีนั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงของเหลวประหลาดที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับวารีแห่งชีวิต แต่ไม่ว่าจะมีปริมาณเท่าใดก็ตาม พลังของมันแข็งแกร่งกว่าวารีแห่งชีวิตมากมายนัก
“แย่ล่ะ! วารีคืนชีวิตหยดที่สอง” เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเอ่ยเตือนเสียงต่ำ
‘วารีคืนชีวิต’ หยดเดียวเมื่อครู่ยังทำให้เกิด ‘ราชาเถาวัลย์’ ที่น่ากลัวขนาดนั้น ซ้ำยังฟื้นคืนชีพให้เถาวัลย์มารทมิฬ
ในตอนนี้กลับมีหยดที่สองโผล่ออกมาอีก จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกล้วนแต่ขนลุกชัน
แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ทะเลเถาวัลย์ที่โดนทำลายจนยับเยินไปแล้วงอกขึ้นมาใหม่อย่างบ้าคลั่ง หนวดแต่ละเส้นรอบๆ ‘ราชาเถาวัลย์’ ที่อยู่ตรงกลางงอกออกมาอย่างน้อยหลายสิบจั้ง
ในระยะเวลาอันแสนสั้น ไอพลังของราชาเถาวัลย์ก็ล้ำหน้าเกินขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป เกือบจะเท่าผู้สูงศักดิ์เสียด้วยซ้ำ
พึ่บ ผลัวะ ผลัวะ–
ราชาเถาวัลย์โบกสะบัดหนวดของมันไปมาราวกับมังกรขนาดใหญ่หลายตัว ทุกที่ที่มันฟาดผ่านความรุนแรงมากพอจะสังหารขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงธรรมดาได้ อีกทั้งหนวดเหล่านั้นยังเริงระบำกันครั้งละร้อยเส้นในคราวเดียว
ผลัวะ ผลัวะ พลั่ก!
ครั้นค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปที่ขยายออกกว้างถูกราชาเถาวัลย์สะบัดเข้าใส่ กลุ่มควันสีเทาดำที่อยู่กันหนาแน่นก็แตกกระจายออก พลังเริ่มลดน้อยลง
“นายท่าน เป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าค่ายกลหุ่นเชิดศพน่าจะทนได้ไม่นานแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสได้ถึงความกดดัน เขาร้องโอดครวญไม่หยุด
“เจ้ามนุษย์ รีบมาช่วยข้าเร็ว!”
หอคอยพฤกษาปีศาจที่อยู่ไม่ไกลก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีของราชาเถาวัลย์เช่นกัน หากนับตามระดับชีวิต หอคอยพฤกษาปีศาจและราชาเถาวัลย์มารทมิฬน่าจะอยู่ในขั้นเดียวกัน
แต่ว่าเถาวัลย์มารทมิฬเป็นพฤกษาต้องห้ามที่อยู่ได้ด้วยการกลืนเอาพลังชีวิตให้ตัวเองเจริญเติบโตขึ้น โชคไม่ดีนักที่หอคอยพฤกษาปีศาจซึ่งมีพลังชีวิตมหาศาลกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงของมัน
หอคอยพฤกษาปีศาจไม่เพียงแต่ไม่อาจสู้รบปรบมือกับมัน กลับกันยังอาจจะโดนฝ่ายหลังดูดกินพลังชีวิตจนตายก็เป็นได้
“ไป!” สีหน้าของจ้าวเฟิงเข้มขึ้น ในแววตามีกลิ่นอายของความบ้าคลั่งฉายออกมา เขาสั่งให้สัตว์อสูรที่เหลือเข้าไป ‘สังเวยชีวิต’ ในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป
วูบ วิ้ง~
พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปกลับมาแข็งแกร่งอีกคำรบหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปก็ทำได้เพียงแค่ลดอัตราความเร็วในการสูบเลือดเนื้อของทะเลเถาวัลย์ แต่ไม่สามารถทำให้พวกมันโตช้าลงได้เลย
บนยอดเขาสูงเทียมฟ้า
“ฮ่าฮ่า! ไพ่ใบสุดท้ายของเจ้าเด็กนั่นถูกใช้ไปแล้ว ไม่มีสัตว์อสูรให้ควบคุมคงยากจะพลิกสถานการณ์ได้”
“ดูท่าแล้ว หากเพิ่มวารีคืนชีวิตอีกสักหยดสองหยด ราชันย์เถาวัลย์อสูรน่าจะเติบโตไปถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแน่ๆ” เหล่ายอดฝีมือของทั้งสามสำนักแววตาเป็นประกาย สีหน้าลิงโลด
เมื่อมองเห็นจ้าวเฟิงโดนกดดันให้ตกที่นั่งลำบาก บรรดาคนที่คอยชมก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
ตั้งแต่ ‘การรบในมรดกสือเฉิง’ คราวก่อนมาจนถึง ‘การบุกทะลวงสือเฉิง’ ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงพลิกสถานการณ์มาได้เปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ลูกศิษย์ของทั้งสามสำนักเสียเปรียบซ้ำไปซ้ำมา เหล่ายอดฝีมือล้วนแต่เจ็บแค้นและเกลียดชังจ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำไปโดยไม่รู้ตัว
ภายใต้สถานการณ์การวางหมากต่อสู้ที่ไม่เห็นฝ่ายตรงข้าม แม้แต่ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามก็ไม่กล้าดูแคลนจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง! ศึกที่มรดกสือเฉิงคราวก่อนข้ายอมรับว่าข้าแพ้เจ้า แต่ว่าในคราวนี้มีราชันย์ปราณเทวะอยู่ ณ ที่นี้ แล้วไหนจะมีปรมาจารย์ด้านค่ายกลช่วยลงมืออีก เจ้าเอาตัวรอดไปได้ยากแล้วล่ะ”
ในฝูงคน ดรุณีแน่งน้อยอรชรในชุดคลุมสีมรกตรำพึงกับตนเองเบาๆ สตรีนางนั้นใบหน้าหมดจดงดงาม บอบบางราวใบไม้ที่ปลิดปลิวจากกิ่งก้าน
แต่ทว่าในแววตาสุกสว่างกลับมีความเกลียดชังและอาฆาตแค้นยามจ้องมองไปยัง ‘ชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน’ ในภาพเงาไม่วางตา
เย่หยานหยูนั่นเอง!
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เย่หยานหยูบาดเจ็บสาหัสจากการโดนโจมตีขณะเปิดซากปรักหักพังสือเฉิงเมื่อคราวก่อน ในใจเก็บงำความแค้นเรื่อยมา
ครึ่งเดือนก่อน นางได้ข่าวคราวว่า ‘เด็กชายผู้เป็นฝันร้าย’ เมื่อยามนั้นกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง จึงรีบร้อนมาดูเหมือนกับศิษย์หลักคนอื่นของทั้งสามสำนักซึ่งได้ทะลวงเข้าไปยังมิติสือเฉิงในคราวก่อนด้วยกัน
คนอื่นเช่นพวกลู่เทียนอี้และชื่อกุ้ยเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็รีบมาในทันที
ในบรรดาคนเหล่านี้ลู่เทียนอี้แข็งแกร่งที่สุด เมื่อไม่นานมานี้ทะลวงขึ้นเป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ถือว่าอยู่อันดับหนึ่งในสามของบรรดาศิษย์หลักสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง
“เฉิงเยว่เซียนกู หากว่าเพิ่ม ‘วารีคืนชีวิต’ ไปอีกหยดสองหยด ก็น่าจะทำให้ราชาเถาวัลย์ขึ้นไปอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้” สีหน้าของราชันย์โครงกระดูกทองมีแววคาดหวัง
ทันทีที่ราชาเถาวัลย์มารทมิฬอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด พลังการรบจะพัฒนาขึ้นไปอยู่ในขั้นใหม่แล้วจะมีพลังความสามารถมากขึ้น
“จ้าวเฟิง! ถ้าหากว่า ‘ราชาเถาวัลย์มารทมิฬ’ ทะลวงไปถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ผู้สูงศักดิ์ทั่วไปน่าจะต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวน ทั่วซากปรักหักพังสือเฉิงจะไม่มีใครรับมือมันได้” น้ำเสียงของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงถูกส่งมาตามจิต
ในใจเจ้าหอโครงกระดูกพลันกระตุกวูบ
สภาพของราชาเถาวัลย์มารทมิฬในตอนนี้ หากเขาลงมือจัดการเพียงลำพังคงเป็นไปได้ยาก แล้วหากมันเพิ่มระดับความสามารถ ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจเลวร้ายเกินคาดคิด
แน่นอนว่าจ้าวเฟิงกับเจ้าหอโครงกระดูกก็ไม่ได้หวั่นเกรงเถาวัลย์มารทมิฬที่ยังไม่ทะลวงขั้นและพัฒนา แต่กลัวการคุกคามของทะเลเถาวัลย์เหล่านั้นต่างหาก
เพราะทะเลเถาวัลย์มหึมานั้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่สร้างความกดดันให้กับจ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกในเวลาเดียวกัน
“ถ้าหากพวกเขาเพิ่มวารีคืนชีวิตไปอีกหยดสองหยด ความพยายามทั้งหมดก็สูญเปล่า…” จ้าวเฟิงอดถอนหายใจไม่ได้
ในครั้งนี้ศัตรูที่เขาเผชิญหน้าเป็นผู้อาวุโสขั้นสูงของสำนักใหญ่ทั้งสาม เบื้องหลังอาจจะมีราชันในขอบเขตปราณเทวะคอยชักใยอยู่
เพราะว่าราชันปราณเทวะเป็นหนึ่งในสถานะที่สำนักระดับสองดาวต้องมี
แต่ยิ่งกลัวสิ่งไหนก็มักจะได้สิ่งนั้น
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นสั่นไหวในมิติเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อน
“เป็นไปไม่ได้…” ดวงตาเทพเจ้าเปิดออกแล้วถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด
วินาทีนั้น ในดวงตาซ้ายของเขาเป็นประหนึ่งทะเลสาบลึกล้ำ พลังดวงตาที่ยากเกินจะจินตนาการทะลักออกมา
ภายในมิติดวงตาซ้าย ทะเลสาบพลังดวงตาขยายออกไปราวสิบแปดสิบเก้าจั้ง ในใจกลางหมุนวนอย่างรวดเร็วเกิดเป็นคลื่นพลังดวงตา แล้วจึงสาดลำแสงเจิดจ้าดุจภาพมายาออกไป
“ตรึง!” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังจับจ้องเป้าหมายที่คล้ายคลึงกับสายเลือดเนตรเซียนของตระกูลจินหยาง
ทันทีที่พลังถูกปล่อยออกมา พื้นที่ของมิติที่เป้าหมายอยู่จะถูกพลังดวงตาทะลวงผ่านและพันธนาการไว้
วิ้ง!
ระลอกพลังสายตาที่ไร้รูปร่างทะลวงไปในอากาศ แล้วจึงตรึงอยู่ตรงพื้นที่ที่เกิดการสั่นไหว
ในวินาทีที่มิติสั่นไหว ของเหลวลึกลับขนาดหัวแม่โป้งปรากฏขึ้น จากนั้นปล่อยพลังชีวิตบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลออกมา
“ปรากฏออกมาแล้ว!” หัวใจของจ้าวเฟิงสั่นระรัว
ตึ้กตั้ก! ตึ้กตั้ก!
ใจของจ้าวเฟิงเต้นระรัว แม้กระทั่งดวงตาเทพเจ้ายังสั่นระริกอย่างผิดปกติ
ทันทีที่ ‘วารีคืนชีวิต’ ปรากฏออกมา จ้าวเฟิงใช้พลังดวงตาไร้รูปร่างทะลวงผ่านอากาศแล้วตรึงพื้นที่ว่างเปล่านั้นไว้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อวารีคืนชีวิตปรากฏจึงราวกับว่าโดนแช่แข็งกลางอากาศ
การเปลี่ยนแปลงนี้เจ้าหอโครงกระดูกและเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงที่อยู่เบื้องหลังก็เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
เดาได้เลยว่านี่น่าจะเป็นวินาทีตัดสินชีวิต
ทันทีที่เถาวัลย์ทมิฬหยั่งรากมั่นคงในมิติสือเฉิงเพื่อเปิดทางให้กับทั้งสามสำนักแล้ว เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ยากที่จะคาดคิดได้
วู้ วิ้ว ~
เมื่อราชาเถาวัลย์มารทมิฬสัมผัสได้ถึงตัวตนของ ‘วารีคืนชีวิต’ ก็เริ่มขยับหนวดไปมา
อนึ่งวารีคืนชีวิตโดนพลังดวงตาของจ้าวเฟิงรัดตรึงไว้ แต่พลังชีวิตบางส่วนยังไหลซึมออกไปได้
“จงออกไป!” สีหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏแววโหดเหี้ยม เขาใช้พลังดวงตาควบคุม ‘วารีคืนชีวิต’ แล้วพยายามทำให้มันหายไปกลางอากาศ
ในความเป็นจริง ด้วยความแข็งแกร่งของพลังดวงตาจ้าวเฟิง การจะควบคุมสิ่งของกลางอากาศ เพียงแค่ปริมาตรไม่ใหญ่มากก็ไม่ได้ยากอะไร แต่ปัญหาคือวารีคืนชีวิตปรากฏขึ้นกลางใจกลางของทะเลเถาวัลย์ ซึ่งอยู่ใกล้กับราชาเถาวัลย์มารทมิฬ
ราชาเถาวัลย์ขยับเพียงเล็กน้อย เถาวัลย์ที่ไร้จุดสิ้นสุดก็สามารถ ‘ปลิดชีพ’ พื้นที่ทั้งหมดนั้นได้
วิ้ว พลั่ก ผลัวะ —
ดวงตามองเห็นเส้นเถาวัลย์นั้นจัดการปิดทางหนีทีไล่ของวารีคืนชีวิต
เพียงแค่แตะนิดหน่อยพลังของวารีคืนชีวิตก็จะกระจายออกมา ทั้งหมดที่ทำไปเท่ากับล้มเหลวในก้าวสุดท้าย
แย่แล้ว!
ใจของเจ้าหอโครงกระดูกหนักอึ้ง เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงภายในวิหารสามชั้นก็ใจเต้นจนแทบทะลักออกมา
ไม่ว่าวารีคืนชีวิตจะหนีไปทางไหนก็ยากที่จะหนีชะตาอันโหดร้ายนี้ได้
“สลายไปซะ…” จ้าวเฟิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าดูบ้าคลั่งราวกับเสียสติไปแล้ว
พลังในดวงตาซ้ายของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก่อนปรากฏเป็นน้ำวน
ยามสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
คลื่นพลังดวงตาที่อยู่ล้อมรอบ ‘วารีคืนชีวิต’ ค่อยๆ ปรากฏเป็นวังวนน้ำกระเพื่อมออกเป็นวงกว้าง ภายในมิติจึงเกิดภาพมายาประหลาดซ้อนทับกัน!
สวบ!
วารีคืนชีวิตพลันสูญสลายไป
ทะเลเถาวัลย์ที่พรั่งพรูจนมืดฟ้ามัวดินก็หายไปในพริบตา!