Skip to content

King of Gods 579

King Of Gods

บทที่ 579 ร้อยหุ่นเชิดศพต้องสาปที่น่าสะพรึง

“ขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์!”

จ้าวเฟิงถอนหายใจน้อยๆ ใบหน้ามีแววของความปีติยินดี

สิ่งที่เขาคาดเดาไว้นั้นถูกต้องแม่นยำ

ถ้าหากว่าเป็นการโจมตีของพลังแบบธรรมดา รวมไปถึงวายุอัสนีสีม่วงของเขากับพลังมรณะของเจ้าหอโครงกระดูก คงยากจะทำอะไรกับน้ำเหนียวหนืดของวาฬยักษ์พวกนี้

แต่สรรพชีวิตในโลกล้วนแต่มีสิ่งที่เสริมหรือข่มกัน ไม่มีสิ่งที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

เปรียบเทียบให้ง่ายหน่อยนั่นก็คือ ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ของจ้าวเฟิงที่โดนจำกัดด้วยขนาดใหญ่โตของวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่า

เช่นเดียวกันกับเมือกภายในร่างกายของวาฬที่โดนสายเลือดเหมันต์ของจ้าวเฟิงจำกัดไว้ ใช้ความเย็นแช่แข็งจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้

“ยังดีหน่อยที่ในระยะเวลาครึ่งปีมานี้ พลังสายเลือดของข้าบริสุทธิ์ขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อหอกจักรพรรดิเหมันต์ตื่นขึ้นอีกครั้งจึงปลดปล่อยพลังสายเลือดเหมันต์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม” จ้าวเฟิงลอบยินดี

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล มิฉะนั้นด้วยพลังสายเลือดที่มีตอนเพิ่งออกจากซากปรักหักพังสือเฉิง จ้าวเฟิงอยากจะแช่แข็งของเหลวภายในร่างวาฬยักษ์ตัวนี้เป็นรัศมีกว่าร้อยจั้งคงยากลำบากนัก

แซ่ด แซ่ด~

ในชั้นของเมือก ทันทีที่เมือกชั้นนอกเข้าใกล้ชั้นน้ำแข็งก็จะกลายสภาพเป็นของแข็งและหยุดเคลื่่อนไหว

“หนาวจริง…”

ใจกลางชั้นน้ำแข็งคือเรือหลานเหลย ถึงแม้ว่าวัสดุที่ใช้สร้างเรือหลานเหลยจะแข็งแกร่ง มีการป้องกันที่เยี่ยมยอด แล้วยังใช้ค่ายกลเป็นโล่ปกป้อง แต่ว่าคนภายในเรือเหล่านั้นก็ยังคงโดนผลกระทบอยู่ดี โหลวหลานจื๋อสุ่ยและคนอื่นตัวสั่นระริกเพราะความหนาวเหน็บ เลือดภายในร่างกายเย็นเฉียบจนเหมือนจะแข็งตัวอย่างไรอย่างนั้น

แต่นี่เป็นเพียงกลิ่นอายเหมันต์ที่แทรกซึมมาเล็กน้อยเท่านั้น ระลอกพลังที่เหลือยังไม่ได้นับรวมเข้าไปด้วย

จากตรงนี้จะเห็นเลยว่า พลังสายเลือดในตอนนี้ของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน หากใช้พลังเหมันต์บรรพกาลของหอกจักรพรรดิเหมันต์ที่ตื่นจากหลับใหล

“นายท่าน ทั่วบริเวณนี้มีแต่น้ำแข็ง…” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยอย่างทรมาน

แม้แต่ร่างกายที่มีลักษณะพิเศษของเขายังทนไม่ไหว ร่างกายแข็งทื่อไปหมด

เหมันต์วารีผันแปร!

จ้าวเฟิงหัวเราะ แล้วจึงกระตุ้นพลังสายเลือดให้น้ำแข็งชั้นในส่วนหนึ่งกลายสภาพเป็นของเหลว

ผลัวะ สวบ!

พลังเหมันต์สายนั้นโดนพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงดูดซึมไป

ภายในของชั้นน้ำแข็งกลายเป็น ‘หลุม’ ไปส่วนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

พลังเหมันต์ชั้นนอกได้ปิดกั้นเมือกที่อยู่ภายในเอาไว้ ส่วนในที่เป็นกลายเป็นช่องคือเรือหลานเหลยรวมไปถึงเจ้าหอโครงกระดูกและจ้าวเฟิงผู้อยู่บนยอดสุดของเรือ

“เป็นวิธีการที่ดี ” เจ้าหอโครงกระดูกเริ่มเดาแผนการถัดไปของจ้าวเฟิงได้รางๆ

ชั้นน้ำแข็งโดนเจาะออกไปบางส่วนจึงเกิดที่ว่างขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ในการ ‘สำแดง’ พลัง

“ขั้นที่สอง ตั้งค่ายกล” จ้าวเฟิงใช้พลังสายเลือดจำนวนน้อยนิดรักษาชั้นน้ำแข็งไว้ แล้วให้เจ้าหอโครงกระดูกเป็นผู้ลงมือ

พรึ่บ!

เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำ หุ่นเชิดศพจำนวนร้อยร่างปรากฏขึ้นแน่นขนัดบริเวณเหนือเรือเพื่อตั้งค่ายกล

ในเวลาเพียงชั่วครู่ เกิดกลุ่มควันโขมงสีเทาอึมครึม พลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพต้องสาปสาดกระจายออกไปทั่ว ควันสีเทาอึมครึมเพียงเล็กน้อยก็สามารถปลิดชีวิตของคนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้

“ลดขอบเขต” จ้าวเฟิงสั่งในทันที

ในวันนี้ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง ค่ายกลนี้หากขยายจนสุดความสามารถ อาณาเขตจะกว้างใหญ่ไพศาลจนปกคลุมพื้นที่ได้ราวห้าหกลี้เลยทีเดียว

วูบ~

เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำเพื่อลดอาณาเขตของ ‘ค่ายกลร้อยศพต้องสาป’ ให้แคบลงเหลือหลายสิบจั้ง หากไม่เช่นนั้นแล้ว พลังปราณศพของค่ายกลขนาดใหญ่จะทำลายชั้นน้ำแข็งลงด้วย

“ชี้นำพลังอาฆาต” แววตาของจ้าวเฟิงสว่างวาบแล้วเอ่ยปากสั่งอีกครั้ง

ได้!

ดวงตาของเจ้าหอโครงกระดูกเป็นประกาย ที่แท้แล้วจ้าวเฟิงต้องการใช้วิธีการที่ไร้รูปร่างแบบนี้รับมือกับวาฬยักษ์

ฮู ฮู!

ท่ามกลางกลุ่มควันโขมงสีเทาทึบของค่ายกลหุ่นเชิดศพ ปรากฏภูติผีที่ก่อกำเนิดจากเพลิงความอาฆาตจำนวนนับไม่ถ้วน

ภูตผีตัวขาวซีดเลือดโทรมกายพวกนั้นล้วนแต่ไร้รูปร่าง ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ประสาทสัมผัสของยอดฝีมือทั่วไปยากที่จะรับรู้ได้

“หนาวเย็นยิ่งนัก!”

คนภายในเรือสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่ออกมาจากดวงวิญญาณของพวกเขา

ไป!

เจ้าหอโครงกระดูกสะบัดธงสีดำ ภูติผีตัวขาวซีดที่เกิดจากพลังคำสาปจำนวนมากก็มุ่งไปยังอวัยวะภายในของวาฬ

ที่ประหลาดก็คือ พลังคำสาปอาฆาตนี้มุ่งเน้นทำลายชั้นวิญญาณ มีผลแต่กับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ทว่าไม่ส่งผลใดกับชั้นน้ำแข็งในละแวกนั้น

สวบ สวบ!

ภูติผีตัวซีดขาวซึ่งมีเลือดไหลโทรมร่างอย่างน่าสะพรึงขวัญ พุ่งผ่านชั้นน้ำแข็งแล้วกัดกร่อนเลือดเนื้อของวาฬยักษ์ไม่หยุด

“นี่ก็คือพลังคำสาปอาฆาตสินะ” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถมองเห็นสถานการณ์ของพลังคำสาป

ในสถานการณ์ทั่วไป

พลังอาฆาตหุ่นเชิดศพของค่ายกล เกิดจากการหลอมรวมพลังหุ่นเชิดศพและพลังอาฆาตเข้าด้วยกัน จึงเรียกเป็น ‘พลังอาฆาตหุ่นเชิดศพ’

และในตอนนี้ พลังที่ปลดปล่อยออกมาคือพลังคำสาปอาฆาตที่บริสุทธิ์

พลังคำสาปอาฆาตนี้ไม่มีรูปร่าง ไม่ใช่สิ่งของในชั้นจิตวิญญาณธรรมดา เพราะมันจะส่งผลโดยตรงกับชีวิต

ทวีปบุปผาครามในอดีต มียอดฝีมือหลายคนในขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงบุกเข้าไปในแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ แล้วโดนพลังคำสาปอาฆาตแค้นเข้า ถึงจะกลับออกมาได้ทันเวลาแต่ก็โดนพลังคำสาปครอบงำไว้แล้ว

แล้วในเวลานี้ เจ้าหอโครงกระดูกชี้นำพลังคำสาปอาฆาตที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นให้ตรงดิ่งไปกัดกร่อนอวัยวะภายในของวาฬยักษ์

ฮู~

วาฬยักษ์ที่ยาวกว่าสิบลี้ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน ร่างกายของมันสั่นระรัว

เห็นได้ชัดว่าจิตและกายที่ยิ่งใหญ่ของวาฬยักษ์ตัวนี้รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาด แต่ว่าอาการ ‘ผิดปกติ’ มาจากอวัยวะภายในร่างกาย มันเองก็หมดปัญญาจะทำสิ่งใด

“เมื่อโดนพลังคำสาปอาฆาตเข้าครอบงำ พลังชีวิตและจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งดวงวิญญาณก็จะสูญสลายไปไม่หยุด” จ้าวเฟิงสังเกตวิธีการโจมตีของพลังคำสาปอาฆาต

ยอดฝีมือบางส่วนเมื่อร่างกายโดนคำสาป ถึงแม้ว่าจะไม่ตายเลยในทันทีทันใด แต่ว่าพลังชีวิตจะสูญสลายไปไม่หยุดในภายหลัง สามารถพูดได้ว่า พลังคำสาปที่ดูดกลืนเอาพลังชีวิตมีผลเหมือนการตัดอายุให้สั้นลง

อ๊าก อ๊าก~

บรรดาภูติผีตัวซีดขาวพวกนั้นควักเอาเลือดเนื้อของวาฬยักษ์นั้นเป็นอาหาร จึงเห็นเลือดไหลเจิ่งนอง ชวนให้ผู้คนขวัญผวา

“เหอะเหอะ…คำสาปหุ่นเชิดศพร้อยร่างที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะทำลายอวัยวะภายในโดยตรง ต่อให้เป็นยอดฝีมือในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็น่าจะทนได้ไม่นานเท่าไหร่” เจ้าหอโครงกระดูกส่งเสียงหัวเราะบาดหู

จ้าวเฟิงและเขายืนซึ่งอยู่บนหอสังเกตการณ์ของเรือก็ยังไม่กล้าสัมผัสพลังคำสาปอาฆาตพวกนั้น

ฮู ฮู โครม ตูม!

วาฬยักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวนประหลาดแล้วพลิกตัวไปมาในทะเลลึก ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดมโหฬาร

อาการ ‘ผิดปกติ’ ภายในร่างกายกำลังกลืนกินอวัยวะของมัน ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือพลังคำสาปอาฆาตพวกนี้สามารถเกาะติดกับชีวิตไปตลอด ยากที่จะเอาออกไปได้

เวลาครึ่งชั่วยามจากนั้น

วาฬยักษ์ก็ยังคงดิ้นรนหมุนไปมา แต่ว่ากลิ่นอายบนร่างรวมถึงระดับในการดิ้นรนของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เสียทีที่เป็นจ่าฝูงสัตว์ทะเล พลังจิตและกายแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ถ้าหากเป็นยอดฝีมือในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดล่ะก็ พลังคำสาปอาฆาตระเบิดออกภายในร่างน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว” จ้าวเฟิงอดคลางแคลงใจไม่ได้

ในเวลาดังกล่าว พลังคำสาปอาฆาตปะทุภายในร่างกายของวาฬยักษ์ ทำให้มันอ่อนแอลงมาก

“ออกห่างจากส่วนหัวใจ” จ้าวเฟิงเอ่ยสำทับ

จากการสอดส่องในเวลาสั้นๆ ของดวงตาเทพเจ้า จ้าวเฟิงเอาแผนผังอวัยวะภายในของวาฬตัวนี้ให้กับเจ้าหอโครงกระดูก เจ้าหอโครงกระดูกจึงชี้นำพลังคำสาปอาฆาตให้ทำลายอวัยวะสำคัญของมัน แต่กลับเว้นห่างจากบริเวณ ‘หัวใจ’

“เลือดหัวใจวาฬเป็นเลือดศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่มีมูลค่ามากที่สุดในตัวของวาฬยักษ์ เลือดหัวใจวาฬดังกล่าว หากใช้อาบทั่วร่างจะมีผลทำให้เหมือนเกิดใหม่หรือแม้กระทั่งเพิ่มระดับขั้นชีวิต…” แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

เขายังคงนึกถึง ‘เลือดหัวใจวาฬ ’ ที่ล้ำค่าที่สุดในร่างของวาฬยักษ์

จะต้องรู้ว่า วาฬยักษ์ตัวนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากนัก ล้ำหน้าเกินกว่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไป ทั้งยังเป็นรองเพียงแค่ราชันในขอบเขตปราณเทวะ!

ฮู ฮู!

ภายในร่างของวาฬยักษ์ พลังคำสาปอาฆาตที่ไร้ร่องรอยยังคงกัดกร่อนดวงวิญญาณและจิตวิญญาณอย่างไม่หยุดหย่อน

จ้าวเฟิงถึงขั้นสัมผัสได้เลยว่า ร่างภายในของวาฬยักษ์ค่อยๆ แห้งเหี่ยว พลังชีวิตกับดวงวิญญาณก็ดับสูญไปไม่หยุด

โครม สวบ พรวด~

วาฬยักษ์ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่ใต้ท้องทะเลลึก บางครั้งก็พุ่งขึ้นไปเหนือท้องทะเลจนเกิดเสียงดังโครมคราม เมื่ออาการกำเริบก็ยิ่งทำให้วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่าบ้าคลั่งเข้าไปอีก

ครึ่งวันหลังจากนั้น

วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่าก็ยังคงกระสือกกระสน กลิ่นอายของมันอ่อนแอลงไปอีกขั้น

 

“นายท่าน วาฬยักษ์ตัวนี้มีขนาดใหญ่โต ถ้าหากเป็นผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไปน่าจะตายไปหลายสิบรอบแล้ว หากต้องการจะสังหารมัน เกรงว่ายังคงต้องรอเวลาอีกหลายวัน” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยรายงาน

จ้าวเฟิงอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้

เขากังวลว่าหากยืดเวลาต่อไปอีกอาจจะล่อให้วาฬตัวอื่นมาได้ ยังดีที่วาฬยักษ์ตัวนี้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ความคิดของมันสะเปะสะปะไปหมด จึงหลงลืมทิศทางและอย่างอื่นไปหมดแล้ว

บนทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่า

สวบ!

เรือรูปร่างคล้ายปลาฉลามสีน้ำเงินเทาแหวกจากห้วงทะเลลึกขึ้นมาบนพื้นที่แห่งนี้

“วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่า!”

“ตัวใหญ่จริงๆ เกรงว่านี่คงไม่ใช่วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าธรรมดาแล้วกระมัง”

บนเรือนั้นปรากฏเงาหลายสิบร่าง กลิ่นอายคนเหล่านี้ล้วนแต่แข็งกล้าและน่ากลัว กลิ่นอายจิตสังหารแผ่กระจายออกมา

ต้องเป็นโจรสลัดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย

ผู้ที่เป็นหัวหน้าคือ ‘ชายหนุ่มหน้าตาอำมหิต’ ทั่วร่างกายมีลายพร้อยสีเงิน เขาจ้องมองไปที่วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าด้วยความงุนงง

“วาฬยักษ์ขนาดเกือบสิบลี้ พวกเราทั้งหมดนี่คงไม่พอทำให้มันอิ่มแน่” พวกโจรสลัดทั้งหลายจ้องมองอย่างหวาดกลัว

 

แรงกดดันจากกลิ่นอายของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่มากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์ธรรมดาใจสั่นสะท้าน

“เอ๊ะ…ไม่สิ! ภายในร่างของวาฬยักษ์ตัวนี้เหมือนมีสิ่งผิดปกติภายใน กลิ่นอายอ่อนแอ ดิ้นรนอย่างไร้เรี่ยวแรง” ชายหนุ่มหน้าตาอำมหิตผู้เป็นหัวหน้ากวาดสายตาผ่านแล้วจึงพบความผิดปกติ

ตรวจสอบดูสักพัก

“แยกย้าย!”

ชายหนุ่มหน้าตาอำมหิตร่างกายลายพร้อยถ่ายทอดคำสั่งในฉับพลัน

ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แต่หากต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ในลำดับขั้นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องของขนาดตัวอีกแล้ว พลังของชายหนุ่มใบหน้าอำมหิตแทบจะไม่สามารถเข้าใกล้วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าได้

อูฐที่ผอมโซยังตัวโตกว่าม้า[1] ‘วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่า’ เพียงแค่พลิกหางฟาดน้ำ ก็อาจทำให้โจรสลัดอย่างพวกเขาตายยกเรือได้

สวบ!

เรือโจรสลัดลำนี้จึงแล่นออกไปจากพื้นที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

พลั่ก สวบ สวบ…

‘วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่า’ ดิ้นทุรนทุรายอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมายิ่งอ่อนแรงลงทุกที

ครึ่งวันหลังจากนั้น

บรรดากลุ่มพ่อค้าและเหล่ายอดฝีมือที่แล่นเรือผ่านพื้นที่ทะเล ล้วนแต่แล่นเรือหนีไปไกลๆ เมื่อพบเห็น ‘วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่า’

จนมาถึงวินาทีหนึ่ง

สวบ…

กลิ่นอายธรรมชาติมหาศาลตรงดิ่งแหวกอากาศมาปะทะหน้า ไอสวรรค์ในฟ้าดินทะลักหลั่งไหลออกมาราวสายน้ำหลาก

สวบ!

ทะเลหมอกในละแวกใกล้เคียงโดนพลังยิ่งใหญ่ในธรรมชาติแบ่งออกเป็นเศษชิ้นส่วนทีละชั้น

ทันใดนั้น

ทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่าสว่างไสวเจิดจ้าเมื่อถูกย้อมด้วยระลอกแสงสีดำอมเขียว สภาพแวดล้อมของฟ้าและดินได้รับผลกระทบจนหมดสิ้น

“ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง!”

ภายในร่างของวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่า จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสได้ถึงบางสิ่งภายนอก

ไม่กี่ช่วงลมหายใจจากนั้น

สวบ!

ผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบในชุดคลุมยาวสีดำ นำชายหญิงคู่หนึ่งร่อนตัวลงบนทะเลหมอกความว่างเปล่าที่มีคลื่นสาดซัดรุนแรง

“วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่า!”

แววตาของผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำเป็นประกาย กลิ่นอายขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงบนร่างของเขาคละคลุ้งขึ้นมา

“วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่า!”

“นี่คือวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าที่เป็นสัตว์น้ำในตำนานงั้นหรือ?”

ชายหญิงคู่นั้นอายุน่าจะอยู่ราวๆ ยี่สิบสามสิบปี ฝ่ายชายท่าทางองอาจผิดแผกจากคนทั่วไป ส่วนผู้หญิงงดงามสะดุดตา

คนทั้งสองถึงแม้จะเป็นคนรุ่นหลัง แต่กลับฝึกตนอยู่ในขั้นนายเหนือแท้

“นี่ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ! วาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่าตัวนี้ ระดับขั้นชีวิตอยู่ใกล้ราชันในขอบเขตปราณเทวะ ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่เหมือนมันกำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่าง เลือดเนื้อและจิตวิญญาณของมันสูญสลายไปจำนวนมากจนอ่อนแอ…”

ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำเอ่ยทั้งดวงตาแวววาว

 

…………………………………………..

 

 

[1] หมายถึง ผู้ที่ชำนาญอย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากก็ยังแข็งแกร่งกว่าอยู่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version