Skip to content

King of Gods 593

King Of Gods

บทที่ 593 สายเลือดสำแดงเดชอีกครั้ง

ยามเมื่อหุ่นเชิดศพต้องสาปร้อยร่างตั้งค่ายกลเสร็จสิ้น พลังเพิ่มขึ้นในระดับใหม่ ขนาดสัตว์แข็งแกร่งอย่าง ‘วาฬยักษ์ของทะเลความว่างเปล่า’ ยังตายภายใต้เงื้อมมือของ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ นี้

ในเวลาดังกล่าว กลุ่มเพลิงหมอกควันที่หนาแน่นประกอบร่างเป็นกลุ่มเมฆหมอกปีศาจ  ‘วิชาด้านภูติผีวิญญาณ’ ของเจ้าหอโครงกระดูกต้อนผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองคนเสียจนมุม

เมื่อร่างกายติดอยู่ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพร้อยร่าง จะต้องทนรับการกัดกร่อนของพลังคำสาปอาฆาต

เลือดเนื้อผิวหนังของผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งสองคนเน่าเฟะอย่างรวดเร็ว จิตและวิญญาณก็ไหลทะลักออกมาไม่หยุด

“ทนไว้ก่อน!”

ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำที่อยู่เบื้องหลังเห็นสถานการณ์ดังกล่าวหน้าก็เปลี่ยนสี พลังจากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงปะทะเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คาดคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีอาวุธสังหารระดับนี้

ยามที่ประลองกับกองโจรสลัดเถี่ยเจี่ยว จ้าวเฟิงชุลมุนรับมือกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสองคน โดยไม่ได้เอาอาวุธสังหารชิ้นนี้ออกมา

“ฮึฮึฮึ…‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ นี้ หากได้สังหารดูดซึมผู้สูงศักดิ์ร้อยคนล่ะก็ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันแน่” เจ้าหอโครงกระดูกยิ้มอำมหิต กระตือรือร้นยิ่งกว่าจ้าวเฟิงเสียอีก

ด้วยเพราะหุ่นเชิดศพต้องสาปเหล่านี้ เขาเป็นคนสรรสร้างเองกับมือทีละร่าง

“กระดูกมารมรณะ!” อาวุธชั้นพิภพที่หลอมรวมเข้าไปในร่างของเจ้าหอโครงกระดูกทะลุแหวกอากาศออกมา

โครม ตูม…

แสงกระดูกสีเงินขนาดยักษ์กวาดผ่านในอากาศพร้อมพลังลึกล้ำ ลำแสงพุ่งขึ้นฟ้า ให้ความรู้สึกพิศวงประหนึ่งทำลายแกนกลางของมิติได้  มันผนึกกำลังกับค่ายกลหุ่นเชิดศพ แล้วจึงทะลวงผ่านร่างที่เน่าเฟะของผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไป

“อ๊าก…” ในค่ายกลร้อยศพมีเสียงร้องโหยหวนลอดออกมา

ผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้นั้นเนื้อตัวเน่าเปื่อยพุพอง เลือดไหลทะลักรวดเร็วราวสายน้ำ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

“อ๊าก…ช่วยข้า…”

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอีกคนหนึ่งถูกพันธนาการโดยมังกรวารีพลังอาฆาตอันเกิดจากกลุ่มเพลิงหมอกควัน มือซีดขาวโชกเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนล้วงเข้าไปดูดกลืนร่างกาย

วูบ วูบ~

จ้าวเฟิงโบกสะบัดธงสีดำ แล้วควบคุมพลังทั้งหมดของค่ายกลหุ่นเชิดศพให้จัดการผู้สูงศักดิ์คนนี้จนกลายเป็นกองเลือด

ในระยะเวลาสั้นๆ ผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำสองคนก็ตายใน ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ เสียแล้ว

พู่ พู่~

เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองถูกค่ายกลหุ่นเชิดศพกลืนกิน ภาพนี้ทำให้คนในขอบเขตแก่นก่อกำนิดอีกสามคนที่ตามมาตกใจจนหน้าถอดสี ขนลุกขนพองไปหมด

“เจ้าหัวขโมย! เจ้ากล้าสังหารผู้อาวุโสแห่งหอเฉียนอวิ๋นของข้า”

ผู้เฒ่าสามเฉียนอวิ๋นผู้สวมชุดคลุมสีดำใจสั่นระรัว พลังทรงอำนาจของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงจากเรือนร่างเขาปกคลุมไปทั่ว ส่งผลกระทบถึงสภาพแวดล้อมทั่วบริเวณ

สังหาร!

ผู้เฒ่าสามเฉียนอวิ๋นนำผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอีกสองคนตรงดิ่งมา หมายทำลายเรือหลานเหลยในทันที ส่วนผู้สูงศักดิ์ที่เหลือล้วนแต่เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย พลังไม่ธรรมดาเลย

“ทำลาย…”

ผู้เฒ่าสามเฉียนอวิ๋นกางมือออก สร้างความปั่นป่วนให้กับสภาพแวดล้อมรอบๆ ลำแสงตราประทับฝ่ามือสีเขียวสว่างระเบิดเสียงดังกึกก้อง พลังที่แข็งแกร่งครอบคลุมอยู่เป็นรัศมีกว่าสิบลี้

ฝ่ามือที่ทรงพลังแหวกเข้าไปในค่ายกลร้อยศพต้องคำสาป

วี้ด ฟิ้ว!

ควันเพลิงที่เกิดจากค่ายกลค่อยๆ หลุดลอกแตกออกทีละชั้น จนเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด

พรึ่บ พรึ่บ!

จ้าวเฟิงโบกธงสีดำ หุ่นเชิดศพต้องสาปปลดปล่อยพลังคำสาปอาฆาตออกมาไม่ขาดสาย จนกลายเป็นหมอกเพลิงปีศาจที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

“ฮึฮึ…ค่ายกลหุ่นเชิดศพนี่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก จะถูกทำลายง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรเล่า”

 

เจ้าหอโครงกระดูกหลอมรวมกับกระดูกเก้าทมิฬอีกครั้ง แล้วร่างกายก็ส่งเสียงดังรัวเร็วออกมา

แวบ!

เจ้าหอโครงกระดูกกระตุ้นใช้เคล็ดวิชา โครงกระดูกทั่วร่างสูงขึ้นถึงสามจั้ง ทั่วร่างมีควันเพลิงลุกโชน กลายมาเป็น ‘โครงกระดูกเพลิง’

โครม พรึ่บ!

‘โครงกระดูกเพลิง’ ที่เกิดจากเจ้าหอโครงกระดูกขยายร่างมีพลังรุนแรงไร้ขีดจำกัด ทุกอากัปกิริยาจะเกิดลูกเพลิงมรณะ ส่งเสียงดังกึกก้อง ก่อนจะผนึกกำลังกับพลังคำสาปอาฆาตของค่ายกลหุ่นเชิดศพ

ในระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เจ้าหอโครงกระดูกดูดซับเอา ‘เลือดหัวใจวาฬ’ รวมกับ ‘ผลึกกระดูกฉวนโม่’ ร่างกายเลือดเนื้อจึงแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกขั้น พลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

พลังรบของเขาแข็งกล้ากว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายทั่วไป

ยิ่งไปกว่านั้นในเวลาดังกล่าว ร่างกายของเขาอยู่ในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป พลังยิ่งเพิ่มมากขึ้น แล้วยังช่วยกระตุ้นเคล็ดวิชากระดูกและวิญญาณให้ทรงพลังด้วย

“ตาแก่หนังเหนียว รับฝ่ามือข้าไป!”

โครงกระดูกเพลิงขยายร่างสูงขึ้นไปอีกถึงสี่ห้าจั้ง เพลิงมรณะพุ่งทะลวงขึ้นฟ้า พลังกระดูกและวิญญาณที่รุนแรงเกินจะเปรียบแหวกอากาศตรงดิ่งไปที่ ‘ผู้เฒ่าสามเฉียนอวิ๋น’

ผัวะ ตูม!

เสียงดังกึกก้องราวฟ้าถล่มทลาย ระเบิดขึ้นอยู่เหนือค่ายกลหุ่นเชิดศพ ระลอกพลังจากการโจมตีที่น่ากลัวกลืนกินทั่วทั้งทะเลความว่างเปล่า

เรือทะเลเบื้องล่างโคลงเคลงไปมา ถึงขนาดที่ว่าจมลงในทะเลความว่างเปล่า

โครม โครม!

ร่างของเจ้าหอโครงกระดูกกระเด็นออกไป เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเพลี่ยงพล้ำ แต่แววนึกสนุกกลับปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

คิดถึงครั้งก่อนๆ ที่เผชิญหน้ากับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงอย่าง ‘ราชาหูสั่ว’ เป็นครั้งแรก เขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย แต่ขณะนี้เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปี พลังของเขาก็พุ่งทะยานมาถึงระดับนี้แล้ว

“พวกเจ้าสองคนคอยจัดการเจ้าโครงกระดูกนี่ ข้าสังหารเจ้าเด็กนั่นเอง” ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำคำราม

แววตาของเขาเคียดแค้น รู้ดีว่าจ้าวเฟิงที่คอยควบคุม ‘ค่ายกลร้อยศพ’ ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ เพราะอย่างไรพลังคุกคามจากค่ายกลร้อยศพต้องสาปก็รุนแรงยิ่งนัก

ทันทีที่สามารถทำลายค่ายกลหุ่นเชิดศพได้ พวกจ้าวเฟิงสองคนก็จะสูญเสียการป้องกัน ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสามคนได้

อนึ่ง พลังป้องกันของเจ้าหอโครงกระดูกแข็งแกร่งมากเกินไป หากจะสังหารเขานับว่าเป็นเรื่องยากกว่า

“ขอแค่สังหารเจ้าเด็กนี่ได้ ก็สามารถยึดของของมันมา แล้วค่อยจัดการเจ้าโครงกระดูกนั่น” ดวงตาผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำเป็นประกาย

“เจ้าเด็กชั่ว ตายซะ!” ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำผละออกจากเจ้าหอโครงกระดูก แล้วตรงดิ่งไปสังหารจ้าวเฟิงที่อยู่ในใจกลางค่ายกลหุ่นเชิดศพ

“ฮ่าฮ่า…” เจ้าหอโครงกระดูกให้ความร่วมมืออย่างผิดปกติโดยไม่ขัดขวางเขา แต่สู้รบตบมือกับยอดฝีมือในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายอีกสองคน

ในระยะเวลาสั้นๆ ‘โครงกระดูกเพลิง’ ที่เจ้าหอโครงกระดูกสร้างขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก กำราบคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต้นช่วงปลายสองคนได้

ไป!

สีหน้าจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โบกสะบัดธงในมือ พลังคำสาปอาฆาตเป็นกลุ่มก้อนค่อยๆ ประกอบร่างขึ้นเป็นมังกรวารีที่มีเพลิงลอยล่อง รอประจันหน้ากับผู้เฒ่าชุดสีดำ

“ทำลาย!” ผู้เฒ่าชุดดำวาดฝ่ามือ ทำลายพลังอาฆาตหุ่นเชิดศพน่าสะพรึงที่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้

สีหน้าของจ้าวเฟิงยังคงนิ่งสนิทราบเรียบดังเดิม เขากระตุ้นพลังอาฆาตที่ไร้รูปร่างของร้อยศพต้องสาปพุ่งตรงดิ่งไปที่ผู้เฒ่าชุดดำอย่างไม่ขาดสาย

มือซีดขาวมีเลือดไหลโทรมจำนวนนับไม่ถ้วนรัดพันร่างของผู้เฒ่าชุดดำโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นล้วงเข้าไปถึงอวัยวะภายในร่างกาย แล้วกลืนกินไม่หยุด

สีหน้าของผู้เฒ่าในชุดดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขนาดเขาที่แข็งแกร่งอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงยังไม่อาจดูแคลนพลังคำสาปไร้รูปร่างพวกนั้นได้เลย

“เหอะ พลังคำสาปอาฆาตพวกนี้สอดแทรกเข้ามาในทุกช่องทาง นี่ไม่ใช่การโจมตีด้านจิตวิญญาณธรรมดา…”

จ้าวเฟิงมั่นใจไม่กังวล แม้ว่าการสังหารของผู้เฒ่าในชุดดำพุ่งตรงดิ่งมา

ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าในชุดดำสามารถปลิดชีพอีกฝ่ายได้ แต่พลังของเขาก็จะอ่อนกำลังลงไปด้วย

ทันทีที่พลังคำสาปเข้ามาภายในร่างนานเกินไป แล้วรักษาไม่ทันเวลา ถึงจะเป็นเขาผู้อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็ยากจะรอดได้

ต่อให้สภาวะวิญญาณของผู้เฒ่าชุดดำแข็งแกร่งกว่านี้ ก็ยังต่างกับวาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่าอยู่มากทีเดียว

“ขอแค่สังหารเด็กนี่ได้ในเวลาสิบช่วงลมหายใจ ก็จะหนีออกไปได้” ผู้เฒ่าชุดดำคิดอย่างรวดเร็ว

การจะปลิดชีพจ้าวเฟิงในสิบช่วงลมหายใจ เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าภายในสี่ห้าช่วงลมหายใจก็สามารถทำได้

ปีกวายุอัสนี!

แล้วทันใดนั้น ด้านหลังของจ้าวเฟิงก็ปรากฏปีกวายุอัสนีสีม่วงคู่หนึ่ง ความเร็วและการเคลื่อนกายพุ่งสูงขึ้นในทันที

สวบ! แซ่ด แซ่ด!

ภายใต้กลุ่มควันปีศาจที่ปกคลุมอยู่ จ้าวเฟิงทิ้งเพียงร่องรอยของเงาเขาไว้

ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพร้อยร่าง ประสาทสัมผัสของยอดฝีมือจากต่างแดนจะได้รับผลกระทบ ถึงขนาดเรียกได้ว่าโดนรบกวน แต่จ้าวเฟิงผู้เป็นนายของค่ายกลนี้กลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะเขาและเจ้าหอโครงกระดูกปรุโปร่งในการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลเป็นอย่างดี

“เจ้าเด็กปลิ้นปล้อน!” ผู้เฒ่าในชุดดำร้องคำรามอย่างโกรธแค้น ทันทีที่โบกมือ ตราประทับลำแสงฝ่ามือสีเขียวสว่างจ้าก็เข้าปิดกั้นในอาณาเขตหลายร้อยจั้ง

เขาลงมือหมายจะสังหารในวงกว้าง แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองและการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงรวดเร็วปราดเปรียว แล้วยังได้เปรียบกว่าในด้านของภูมิศาสตร์ จึงหลบหนีการโจมตีซึ่งๆ หน้าได้หลายครั้ง

ผัวะ~

ร่างกายของจ้าวเฟิงหมุนวนด้วยระลอกน้ำที่ลึกล้ำดังมหาสมุทร

โครม โครม!

การโจมตีบางส่วนพุ่งตรงมาที่ร่างของจ้าวเฟิง แต่เมื่อระลอกพลังนั้นขยับน้อยๆ ก็ดูดซึมเอาพลังโจมตีเข้าไปทั้งหมด

ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สายเลือดวารีของจ้าวเฟิงก็รักษาฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว

“เป็นพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำหน้าถอดสีเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าตนเองประเมินจ้าวเฟิงต่ำไปเสียแล้ว

สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไป ในครึ่งปีที่ผ่านมาพลังสายเลือดมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

การโจมตีและความเร็วได้ปีกวายุอัสนี การรักษาและป้องกันได้สายเลือดวารี

ภายใต้ความได้เปรียบในค่ายกลหุ่นเชิดศพของจ้าวเฟิง เขาจึงพอถูไถประมือกับผู้สูงศักดิ์ได้หลายช่วงลมหายใจ

แต่ทว่า ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงเป็นผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในระดับขั้นสูงกว่า พลังโจมตีที่ปกคลุมอยู่ทั่วฟ้าต้อนจ้าวเฟิงไปอยู่ในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“ประทับตราฟ้าทมิฬ!”

ลำแสงตราประทับฝ่ามือใสราวแก้วขยายออกยาวครึ่งลี้ เกาะกลุ่มกันไม่แตกกระจาย ลำแสงเจิดจ้าลอยอยู่เหนือบริเวณที่จ้าวเฟิงอยู่

วิ้ง! แซ่ด แซ่ด~

จ้าวเฟิงใบหน้าแดงก่ำ ประหนึ่งโดนพลังสังหารของธรรมชาติ ปีกวายุอัสนีและสายเลือดวารีล้วนแต่โดนข่มไว้ หัวเข่าของเขาค่อยๆ ย่อลง ร่างกายสั่นสะท้านน้อยๆ

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะสภาวะวิญญาณของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงธรรมดา พลังป้องกันของสายเลือดวารีก็แข็งแกร่งอย่างมาก หากเป็นผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำทั่วไปล่ะก็ คงดับสูญไปนานแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า…หลานชาย! ยังไม่ยอมจำนนอีก” ผู้เฒ่าในชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดัง

ผู้สูงศักดิ์ก็คือผู้สูงศักดิ์ ถ้าขนาดครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังจัดการไม่ได้ เขาจะมีหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร

“จิตวิญญาณเทพวารี!” สายตาจ้าวเฟิงแข็งทื่อ ทั่วร่างของเขาทะลักประกายวารีสีน้ำเงินเข้ม เกิดเป็นภาพบิดเบือนแปลกประหลาดซ้อนทับไปมา

วิ้ง~ ประกายแสงวารีสีเข้มประหนึ่งมหาสมุทรพลันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจ้าวเฟิง ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวราวกับเป็นของเหลว มีระลอกน้ำกระเพื่อมออกมา

โครม ตู้ม ตู้ม…

การโจมตีที่น่ากลัวของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เมื่อโดนที่ร่างของจ้าวเฟิงแล้วราวกับโจมตี ‘มนุษย์วารี’ ก็ไม่ปาน ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย

อะไรกัน!

ผู้สูงศักดิ์ในชุดคลุมสีดำหน้าถอดสี “ร่างกายเปลี่ยนเป็นของเหลวงั้นรึ? เจ้าเด็กคนนี้ปรุโปร่งในเคล็ดวิชาวารีที่สูงส่งลึกล้ำด้วย”

จิตวิญญาณเทพวารี ต่อให้เป็นในสำนักสองดาวครึ่งอย่างจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ก็เป็นเคล็ดวิชาเกี่ยวกับสายน้ำที่สูงส่งมาก น้อยคนนักจะฝึกจนสำเร็จ

ภายใต้การใช้เคล็ดวิชา ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ จ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นของเหลวในระยะเวลาสั้นๆ เกือบเรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะ ‘การป้องกันที่ไร้เทียมทาน’

“ขยายร่าง!” ร่างระลอกวารีของจ้าวเฟิงพลันสูงขึ้นราวสองจั้งดุจ ‘เทพวารีผู้สูงศักดิ์’

 

“ทำลาย!” ทุกๆ การกระทำของจ้าวเฟิงเป็นประหนึ่งสายน้ำที่เชี่ยวกราก พลังรบพุ่งไปขั้นใหม่ที่สูงขึ้น

เพล้ง สวบ!

จ้าวเฟิงไม่สนใจการโจมตีของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ฝืนปล่อยพลังเพื่อทำลายเงาลำแสงฝ่ามือที่ผนึกละแวกใกล้เคียงไว้

ณ ขณะนี้ ‘เทพวารีผู้สูงศักดิ์’ ของจ้าวเฟิง พลังในตอนนี้น่าจะเหนือกว่า ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นในคราก่อนไปแล้ว นี่เกิดจากสภาวะวิญญาณที่แข็งกล้ากับพลังแฝงในสายเลือดที่ลึกล้ำของเขา จึงสามารถใช้เคล็ดวิชาได้สบายกว่าอดีตมาก

“อ๊าก…” ประกายแสงสั่นน้อยๆ แล้วมนุษย์จิตวิญญาณวารีที่เกิดจากแสงวารีสีฟ้าก็ร่วงหล่นลงมา

ตึก โครม!

มนุษย์จิตวิญญาณวารีโจมตีผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายจากด้านหลัง

ผู้สูงศักดิ์สองคนนั้นกำลังโดนเจ้าหอโครงกระดูกจัดการอยู่พอดี ทั้งยังโดนกัดกร่อนโดยพลังอาฆาตหุ่นเชิดศพ จึงบาดเจ็บและอ่อนแอ

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายคนนั้นตายอนาถคาที่

ก่อนจะตายเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า จ้าวเฟิงที่โดนตามฆ่าโดยขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เหตุใดจึงสามารถมาลอบสังหารตนได้

แต่ว่าในความเป็นจริงคือ จ้าวเฟิงในตอนนี้แทบจะไม่ใส่ใจการโจมตีของผู้เฒ่าในชุดดำอีกแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version