Skip to content

King of Gods 620

King Of Gods

บทที่ 620 โบยบินอีกครั้ง

“หนึ่งร้อยช่วงลมหายใจ!”

เท้าสองข้างของจ้าวเฟิงราวกับหยั่งรากยืนหยัดบนพื้นที่บรรพกาลแห่งนี้ แรงกดดันมหาศาลที่ดวงวิญญาณและร่างกายต้องแบกรับลดลงไปหลายส่วน

หืม?

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าร่างกายเบาลงเล็กน้อย

เขาจึงมีความรู้สึกรางๆ ว่าความเข้ากันได้ของร่างกายและจิตใจตนกับห้วงฝันบรรพกาลเพิ่มระดับขึ้น

เช่นนี้เหมือนกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต หรือสัตว์บางส่วนในทะเลที่ขึ้นมาบนบกแล้วปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่อยู่เรื่อยๆ

ในแบบเดียวกัน

เมื่อกลิ่นอายบรรพกาลที่แฝงอยู่ภายในร่างจ้าวเฟิงเพิ่มจำนวนขึ้น ร่างกายและวิญญาณแข็งแกร่ง เขาเองจึงเริ่มที่จะคุ้นชินกับมิติแปลกประหลาดแห่งนี้แล้ว

พื้นที่บรรพกาลแห่งนี้เหมือนว่าจะยอมรับ ‘กลิ่นอาย’ บนร่างของเขาในระดับหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

จ้าวเฟิงผู้อยู่ในฐานะ ‘ผู้มาเยือนจากภายนอก’ แบกรับแรงต้านและแรงกดดันจากฟ้าดินที่ไร้ร่องรอยน้อยลงมาก

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะยืนอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ได้สบายกว่าที่ผ่านมามาก” จ้าวเฟิงรู้สึกปีติยินดี

นับแต่วันนี้ เขาจะอยู่ภายในห้วงฝันบรรพกาลได้ยาวนานยิ่งขึ้น

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะสามารถดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลได้มากกว่าที่ผ่านมาสิบเท่าหรือหลายสิบเท่า

ทะลวงผ่านร้อยช่วงลมหายใจถือว่าเป็นปราการด่านแรก

ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงมองประเมินห้วงฝันบรรพกาลอย่างคร่าวๆ แล้วลองเดินไปมาภายในพื้นที่แห่งนี้

ยามก่อนจ้าวเฟิงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่บนพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเท่านั้น

ครั้นมองไปที่ไกลๆ จ้าวเฟิงมองเห็นท้องทุ่งหญ้า ในพื้นที่ใกล้เคียงมีต้นไม้ใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีเสียงนกร้องแว่วมา

ไกลกว่านั้นอีกเล็กน้อย

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองเห็นลำธารสายหนึ่ง

สรรพสิ่งทั้งหมดในโลกนี้ล้วนแต่เป็นธรรมชาติดั้งเดิม กลิ่นอายบรรพกาลอันไร้ขอบเขตอบอวลไปทั่ว

ตุบ ตุบ!

จ้าวเฟิงดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลแล้วฝืนพยายามก้าวทีละก้าวไปเรื่อยๆ

ในแต่ละก้าว จ้าวเฟิงต้องแบกรับแรงกดดันของฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด แรงผลักต่อต้านก็เพิ่มขึ้นในทันทีทันใด

หนึ่งก้าว…สองก้าว…สามก้าว

ในทุกก้าวย่างจ้าวเฟิงล้วนแต่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยทรมานยิ่ง

หลายช่วงลมหายใจจากนั้น

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงจึงถอยออกจากห้วงฝันบรรพกาล แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

“หากตอนนี้ข้าไม่ขยับเขยื้อน ข้าจะอยู่ภายในห้วงฝันบรรพกาลได้เป็นเวลานาน แต่ถ้าหากขยับเพียงเล็กน้อย แรงกดดันก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าหรือเป็นสิบเท่า จึงทนได้ไม่กี่ช่วงลมหายใจ”

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาวๆ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม หลังจากก้าวผ่านช่วงหนึ่งร้อยลมหายใจไปได้ ก็เท่ากับว่าจ้าวเฟิงได้ผ่านไปด่านหนึ่งแล้ว

ตั้งแต่นั้นมา

เขาสามารถดูดซึมกลิ่นอายของห้วงฝันบรรพกาลจำนวนมหาศาล ในเวลาเดียวกันก็เริ่มสำรวจภายในมิติที่แสนแปลกประหลาดแห่งนี้

ในมิติห้วงฝันบรรพกาลแห่งนี้ แท้จริงแล้วมีขนาดเท่าไหร่กันแน่?

ภายในยังมีสิ่งมีชีวิตหรือชนพื้นเมืองอยู่อีกหรือไม่?

แน่นอนว่าจุดสำคัญที่จ้าวเฟิงสนใจที่สุดคือ พื้นที่แห่งนี้ยังโอบอุ้มทรัพยากรล้ำค่าในฟ้าและดินอีกหรือไม่?

จะต้องรู้ไว้เลยว่า ภายในห้วงฝันบรรพกาลแห่งนี้ เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้นก็ส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง

ยากจะคาดคิดว่าทรัพยากรที่อยู่ในที่แห่งนี้จะมีมูลค่ามากมายเพียงใด

ในห้องพักเรือนรับรองส่วนตัว

จ้าวเฟิงสงบจิตใจฝึกตน ทำให้ ‘ใจกลางแก่นก่อกำเนิด’ ค่อยๆ กล้าแกร่งขึ้น

ที่ตำหนักวิญญาณแห่งเจินอู่ จ้าวเฟิงซื้อหาทรัพยากรล้ำค่าในธาตุวายุอัสนีได้ส่วนหนึ่ง จำนวนและคุณภาพล้วนแต่ล้ำหน้าเกินกว่าตำหนักวิญญาณแห่งอื่น

เพราะได้สิ่งของภายนอกพวกนี้ การทะลวงขั้นของจ้าวเฟิงจึงเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีอุปสรรคใด และยังเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากด้วย

เมื่อมองดูอีกที ‘ใจกลางแก่นก่อกำเนิด’ ของจ้าวเฟิงค่อยๆ เข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางเข้าไปทุกที

อีกทั้งกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลที่เขาดูดซึมเข้าไปเป็นปริมาณมากมายนั้น ก็ล้วนใช้ไปกับการสร้างใจกลางแก่นก่อกำเนิดภายในร่าง

ภายในจุดตันเถียน ใจกลางแก่นก่อกำเนิดสีม่วงผุดระลอกผลึกวาววับออกมา

ใจกลางแก่นก่อกำเนิดซึ่งอยู่ในลักษณะผลึกเป็นสัญญาณที่จะเกิดขึ้นเมื่อใกล้ทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงเท่านั้น

เพียงพริบตา เวลาสิบยี่สิบวันก็ผ่านพ้นไป

ลักษณะใจกลางแก่นก่อกำเนิดภายในร่างของจ้าวเฟิงก็ได้มาถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางอย่างเต็มตัว

ไม่เพียงเท่านี้

ใจกลางแก่นก่อกำเนิดดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลจำนวนมหาศาล กลิ่นอายที่แฝงไปด้วยแหล่งกำเนิดวายุอัสนีบริสุทธิ์แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ลักษณะใจกลางแก่นก่อกำเนิดของจ้าวเฟิงเทียบเท่าได้กับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง

แต่คุณสมบัติของใจกลางนั้นและพลังเสวียนอ้าวที่แฝงอยู่ภายใน ทำให้จ้าวเฟิงอยู่เหนือขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือน่าจะเทียบเท่ากับยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้ด้วยซ้ำ

“ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางกับการฝึกฝนวายุอัสนีพิฆาตก็สำเร็จในขั้นต้นหมดแล้ว” ใบหน้าของจ้าวเฟิงมีแววปลื้มปิติ

การอยู่ในห้วงฝันบรรพกาลได้เกินร้อยช่วงลมหายใจช่วยผลักดันให้การฝึกตนของเขาได้ผลเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เพราะจ้าวเฟิงอยู่ภายในนั้นได้ยาวนานขึ้น จึงดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลได้มหาศาลนัก

แล้วในตอนนี้ สภาวะวิญญาณของเขาก็มาถึงขีดจำกัดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเรียบร้อยแล้ว

ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งและคงทนขึ้นอีกขั้นหนึ่ง สามารถประมือกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง คนอื่นยากจะต่อกรด้วยได้

เรียกได้ว่าในเวลาสิบยี่สิบวันที่ผ่านมานี้ พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นรวดเร็วราวติดปีกบินอีกครั้งหนึ่ง

ฮู่!

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว แล้วค่อยๆ เก็บงำกลิ่นอายของตนเอง จากนั้นจึงเดินออกจากห้อง

“ท่านหัวหน้าเรือ”

หลี่อวิ๋นหยา โหลวหลานจื๋อสุ่ย และลูกเรือคนอื่นทักทายจ้าวเฟิง

ทุกการกระทำของจ้าวเฟิงที่อยู่ในครรลองสายตาสร้างแรงกดดันไร้รูปร่างให้กับพวกเขา

ความรู้สึกเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังเผชิญหน้าสัตว์อสูรจากบรรพกาล สภาวะวิญญาณแทบจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

“ท่านหัวหน้าเรือในตอนนี้มีกลิ่นอายความกดดันสาดซัดออกมาจากร่าง คล้ายคลึงกับ ‘เจียงฟาน’ ที่เป็นอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้น” เลือดในกายของโหลวหลานจื๋อสุ่ยสั่นสะท้านน้อยๆ

ความรู้สึกกดดันเช่นนี้เกิดขึ้นเหมือนกับยามเผชิญหน้าเจียงฟานผู้มีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณไม่มีผิดเพี้ยน

ในความเป็นจริงแล้ว จ้าวเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าพลังสายเลือดของตนในตอนนี้อยู่ระดับสูงส่งขนาดไหน

“ยินดีกับท่านหัวหน้าเรือด้วยที่ทะลวงถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางได้” หลี่อวิ๋นหยาสูดหายใจลึก ไม่อาจจะมองสบแววตาของจ้าวเฟิงตรงๆ ได้

ในทุกลมหายใจเข้าออกของจ้าวเฟิงหรือแม้กระทั่งแววตาล้วนแต่มีแรงกดดันที่เกินกว่าคนในขั้นผู้สูงศักดิ์ไปแล้ว

ภายในประคำหมื่นวิญญาณ

เจ้าหอโครงกระดูกอาศัยประสาทสัมผัสลึกล้ำของ ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ แล้วสัมผัสถึงดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นของจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง

เจ้าหอโครงกระดูกชำนาญในศาสตร์ดวงวิญญาณเป็นอย่างมาก

แต่ว่ากลิ่นอายดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงทำให้เขาได้รับแรงกดดันมหาศาลเหมือนยืนอยู่บนยอดเขาสูงใหญ่ ทำได้เพียงแค่แหงนมอง แต่ไม่อาจต่อต้านได้

“นายท่าน ในช่วงนี้หุ่นเชิดศพร้อยร่างก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งนัก มีประมาณครึ่งหนึ่งที่แข็งแกร่งไปจนถึงขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยรายงาน

หลังจากที่ดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลไปแล้ว สภาวะของร้อยศพต้องสาปพวกนี้ก็แข็งแกร่งขึ้น ผลลัพธ์ในการเสริมคุณสมบัติก็เพิ่มขึ้นกว่าที่ผ่านมามาก

เดิมทีที่ต้องการให้สำเร็จในเวลาครึ่งปี กลับกลายเป็นว่าสำเร็จได้ในเดือนสองเดือนเท่านั้น

“ดีมาก ทั้งหมดพัฒนาราบรื่นดี”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ แล้วกวาดสายตาผ่านหลี่อวิ๋นหยาและโหลวหลานจื๋อสุ่ย รวมไปถึงลูกเรือคนอื่น

จ้าวเฟิงจะจัดแจงให้เหล่าลูกเรือของเรือหลานเหลยอยู่ภายในตำหนักวิญญาณแห่งเจินอู่เป็นการชั่วคราวก่อน

ตำหนักวิญญาณเป็นพื้นที่ปลอดภัยบนทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งความตายมาเยือนด้วยตนเองก็ไม่กล้าลงมือตามอำเภอใจ

ในวันต่อมา จ้าวเฟิงมารวมตัวกับกำลังคนของสำนักบรรพตทอง

“ในครั้งนี้พวกเราจะส่งคนเข้าไปภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่สองสามร้อยคน” ผู้เฒ่าหลี่เคราขาวเอ่ย

ณ ที่ตั้งของสำนักบรรพตทอง บนผืนดินว่างเปล่าแห่งหนึ่งมีกำลังคนนับร้อยของสำนักมารวมตัวกันแน่นขนัด

นอกจากผู้อาวุโสหลี่ ภายในฝูงชนยังมีครึ่งก้าวสู่ราชันอีกหนึ่งถึงสองคน

จ้าวเฟิงผู้เป็นคนแปลกหน้าย่อมดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย อีกทั้งการที่พลังฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายก็ทำให้เขาสร้างความกดดันให้กับอัจฉริยะเหล่านี้

“ออกเดินทางได้” ผู้เฒ่าหลี่เคราขาวได้รับรายละเอียดบางส่วนแล้ว จึงนำกำลังคนออกจากตำหนักวิญญาณ

ครืน!

นอกตำหนักวิญญาณ สำนักบรรพตทองมีเรือทะเลความว่างเปล่าลำใหญ่ในลักษณะมังกรทองรออยู่นานแล้ว

เรือทะเลความว่างเปล่าลำนี้ใหญ่กว่าเรือหลานเหลยของจ้าวเฟิงสี่เท่าหรือห้าเท่า ระดับความสามารถกับความเร็วในการโบยบินล้วนเร็วกว่าฝ่ายหลัง

“นี่ก็คือ ‘เรือมังกรทอง’ ของสำนักบรรพตทองของข้า ว่ากันว่าหากโจมตีจนสุดแรงจะสามารถพุ่งชนยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงจนถึงแก่ความตายได้”

ชายหนุ่มร่างผอมและสตรีชุดขาวผู้เป็นอัจฉริยะของสำนักยืนอยู่กับจ้าวเฟิง

ตั้งแต่ได้ประมือกัน คนทั้งสองเคารพชื่นชมในตัวจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก

อีกทั้งในวันนี้ การฝึกตนของจ้าวเฟิงทะลวงถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง ทำให้คนทั้งสองมองดูเขาอย่างเลื่อมใส เพราะยากที่ตนจะไล่ตามได้ทัน

วิ้ง สวบ!

เรือมังกรทองทะลวงผ่านเข้าไปในทะเลความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต กลิ่นอายมหาศาลสร้างความตื่นตระหนกให้กับเรือลำอื่นและยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยรอบบริเวณ

“ใช้เวลาบินสองวันก็น่าจะถึงทางเข้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่” อัจฉริยะของสำนักบรรพตทองพวกนี้ตั้งหน้าตั้งตาคอย ในใจรู้สึกตื่นเต้น

ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ พวกเขาก็จะเข้าไปภายในดินแดนศักดิ์สิทธ์เจินอู่ที่ตนเฝ้าใฝ่ฝันหา

มีเพียงผู้เฒ่าหลี่เคราขาวที่ใช้แววตากวาดมองเหล่าอัจฉริยะแล้วลอบถอนหายใจ

เกรงว่าคนพวกนี้คงยังไม่รู้แน่ชัดว่าการแก่งแย่งแข่งขันภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โหดร้ายทารุณมากเพียงใด

ต่อให้เป็นสำนักบรรพตทองที่ยิ่งใหญ่ หากเผลอเรอไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะโดนขับออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วโดนสำนักสองดาวระดับสุดยอดแห่งอื่นเข้ามาแทนที่ได้

บนเรือมังกรทอง

จ้าวเฟิงที่อยู่ในฐานะ ‘ผู้มาเยือน’ อาศัยอยู่ภายในห้องรับรองแขกที่วิจิตรตระการตา เขานั่งขัดสมาธิ ไม่ได้ฝึกตนต่อแต่อย่างใด แต่กลับค่อยๆ เก็บกัก ทำความคุ้นเคย และควบคุมพลังที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของตนเอง

ครึ่งวันต่อมา

เรือมังกรทองก็พุ่งผ่านอาณาเขตของดินแดนเกาะสองแห่งด้วยความเร็วสูง จากนั้นสีของทะเลความว่างเปล่าที่ปรากฏในครรลองสายตาก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังเกิดลมพายุรุนแรงเป็นครั้งคราว

ภายในทะเลความว่างเปล่าเกิดวังน้ำวนเป็นกลุ่มก้อน ไอสวรรค์ในฟ้าดินที่รุนแรงบ้าคลั่งก็หมุนเคว้งอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว

“กำลังจะเข้าสู่ทะเลดินแดนจิตวิญญาณ” ครึ่งก้าวสู่ราชันคนหนึ่งของสำนักบรรพตทองส่งเสียงมา

ทะเลดินแดนจิตวิญญาณ?

แผนที่ในหัวของจ้าวเฟิงปรากฏตำแหน่งของ ‘ทะเลดินแดนจิตวิญญาณ’

ทะเลดินแดนจิตวิญญาณเป็นศูนย์กลางของกลุ่มดินแดนเจินอู่ ขนาดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ยังตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของทะเลแห่งนี้

ไอสวรรค์ในอาณาเขตของทะเลดินแดนจิตวิญญาณบ้าคลั่งปั่นป่วนเกินจะเปรียบ บางทีก็เกิดลมพายุไอสวรรค์ที่น่ากลัวขึ้น

“ทุกคนอย่าออกจาก ‘เรือมังกรทอง’ ถึงเป็นผู้สูงศักดิ์ธรรมดาก็ยากที่จะรอดชีวิตอยู่ใน ‘ทะเลดินแดนจิตวิญญาณ’…” ผู้เฒ่าหลี่เคราขาวเอ่ยเตือน

จ้าวเฟิงเองก็สัมผัสดูอย่างคร่าวๆ พบว่าภายในทะเลดินแดนจิตวิญญาณไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย

 

ถ้าหากไม่มีเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าที่แข็งแกร่ง ถึงจะเป็นผู้สูงศักดิ์ก็ยากจะอยู่รอดภายในที่แห่งนี้ได้เป็นเวลานาน

หลังจากที่เข้าไปภายในทะเลดินแดนจิตวิญญาณ ความเร็วในการโบยบินของเรือมังกรทองก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยผ่าน ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใด การสั่นสะเทือนของไอสวรรค์ฟ้าดินในบริเวณทะเลนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ต่อจากนั้น ต่อให้เป็นยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงก็ยังอยู่รอดภายในพื้นที่ทะเลได้ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น

แม้ขนาดและระดับของเรือมังกรทองจะเหนือกว่าเรือหลานเหลย แต่พลังค่ายกลของมันยังลดลงอย่างรวดเร็ว

ในทุกวินาที เรือมังกรทองสิ้นเปลืองผลึกเริ่มต้นเป็นจำนวนมหาศาล และต้องใช้ผลึกเริ่มต้นในระดับกลางเป็นอย่างน้อยด้วย

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่มีอุโมงค์ทางเข้าทั้งหมดสามสิบหกแห่ง ทางเข้าที่พวกเราเลือกเป็นทางเข้าที่สามสิบเอ็ด ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงจุดหมายปลายทาง” ผู้เฒ่าหลี่เคราขาวเอ่ยปนยิ้ม

เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น บรรดาอัจฉริยะและยอดฝีมือจำนวนมากบนเรือมังกรทองมีอาการตื่นเต้นรอคอย ทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าไปภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสียด้วยซ้ำ

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่”

จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก ในมือปรากฏ ‘ตราคำสั่งสือเฉิง’

แล้วในเวลานี้เอง กลิ่นอายพลังดวงตาของ ‘เนตรมรณะ’ ในดวงวิญญาณเขาก็เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นในทันทีจากนั้นความรู้สึกอันตรายที่คุ้นเคยก็ผุดขึ้นในดวงวิญญาณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version