บทที่ 621 หัตถ์สยบวิญญาณ
ทะเลดินแดนจิตวิญญาณ ในโลกมืดมัวของไอสวรรค์ในฟ้าดินที่หมุนวน
“เป้าหมายสังหารปรากฏขึ้นอีกแล้ว” ร่างเงาที่มืดมิดในชุดคลุมสีดำ ในมือถือตรามรณะ จ้องมองไปยังทิศทางหนึ่งในทะเลดินแดนจิตวิญญาณ
ร่างของเขาซึ่งเป็นเหมือนลำแสงเงามืดมิดอยู่รอดปลอดภัยภายในพายุไอสวรรค์ที่รุนแรง
วิ้ง!
ตรามรณะในมือขององครักษ์แห่งความตายเกิดการกระเพื่อมผิดปกติ แล้วส่งข่าวคราวบางอย่างออกมา
“น่าเสียดาย ทะเลดินแดนความว่างเปล่ามีการกระเพื่อมของไอสวรรค์ ขนาดข่าวคราวจากตรามรณะยังส่งได้ไม่ไกลนัก” องครักษ์แห่งความตายเอ่ยพึมพำ
ในเวลาถัดมา อยู่ๆ ตรามรณะในมือของเขาสั่นน้อยๆ แล้วได้รับข่าวคราวหลายอย่าง
“ดีมาก” มุมปากขององครักษ์ผู้นั้นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นที่ดูอำมหิต
เปรี๊ยะ!
ลำแสงเหมือนเงาทมิฬเส้นสายหนึ่งหลอมรวมเข้ากับทะเลดินแดนจิตวิญญาณที่วุ่นวาย
ในเวลานี้เอง
‘เรือมังกรทอง’ ขนาดมหึมาแล่นเข้าใกล้พายุไอสวรรค์ที่หมุนคว้างในทะเลดินแดนจิตวิญญาณ
“มาอีกแล้วหรือ?”
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาสองข้าง ประกายอัสนีสีม่วงเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่ากลัวสว่างวาบบนร่างแล้วหายไป
เขาชันกายลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง
เรือมังกรทองยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วยามกว่าจะเข้าถึงดินแดนศักสิทธิ์เจินอู่ ไม่คิดเลยว่าจะสัมผัสกลิ่นอาย ‘การล่าสังหาร’ ได้อีกในยามนี้
จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าก็เคร่งขรึมลง
ในเวลานี้แทบเหมือนว่าเขานั่งรอความตายอยู่บนเรือมังกรทองอย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่าต่อให้ออกจากเรือมังกรทอง ก็อาจจะไม่สามารถรอดพ้นจากการตอบสนองของคำสั่งล่าสังหารอยู่ดี
“จะพลาดโอกาสเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ไม่ได้”
เมื่อห้วงความคิดหมุนวนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจได้
ในเวลาเดียวกันนั้นจ้าวเฟิงก็เชื่อว่า ในฐานะที่เป็นสำนักสองดาวระดับสุดยอดที่เข้าไปอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ได้ สำนักบรรพตทองย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่
บนเรือมังกรทองมียอดฝีมือของสำนักบรรพตทองจำนวนมากคอยดูแลอยู่
ในทุกนาทีที่เคลื่อนคล้อย
ภัยอันตรายที่ออกมาจากดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงค่อยๆ บีบคั้นเข้ามาทีละน้อย และยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว!
ลำแสงราวกับเงาที่มืดมิดสองสามร่างเงาพุ่งดิ่งผ่านกลางอากาศมาจากที่ไกลๆ
วินาทีต่อมา
กลิ่นอายมรณะที่รุนแรงนั้น ขนาดยอดฝีมือบนเรือมังกรทองยังสัมผัสได้เช่นกัน
“ใครกัน!”
บนเรือมังกรทอง ทั้งผู้เฒ่าหลี่เคราขาวและครึ่งก้าวสู่ราชันสองสามคนร้องเสียงหลง
จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่บนกาบเรือจ้องมอง ‘เงามรณะ’ ด้วยแววตาเย็นชา
“องครักษ์แห่งความตาย! คราวนี้มากันสามคน”
จ้าวเฟิงสายตาเคร่งขรึม จากกลิ่นอายที่สัมผัสได้ องครักษ์แห่งความตายสามคนที่มาในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าคนที่พ่ายแพ้ไปในครั้งก่อนไม่น้อย
“องครักษ์ที่สามสิบห้า องครักษ์ที่สิบเก้า เป้าหมายผู้นั้นอยู่บนเรือของสำนักสองดาวที่แข็งแกร่งสำนักหนึ่ง”
องครักษ์แห่งความตายสามคนเข้าใกล้เรือมังกรทองด้วยความเร็วยิ่งยวด
ผู้ที่เอ่ยปากเป็นองครักษ์แห่งความตายที่ยี่สิบแปด
เมื่อเปรียบกับองครักษ์แห่งความตายที่สามสิบสามคนก่อน พวกเขามีพลังแข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘องครักษ์ที่สิบเก้า’ กลิ่นอายมรณะบนเรือนร่างก็มากพอจะให้ครึ่งก้าวสู่ราชันกระวนกระวายใจได้แล้ว
แต่ทว่า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือบนเรือมังกรทองสองสามร้อยคน ต่อให้เป็นองครักษ์แห่งความตายสามคนก็ยังกังวลอยู่หลายส่วน จึงไม่ได้ผลีผลามโจมตีเข้ามาในทันที
“เหอะ! องครักษ์แห่งความตายสามคน ไม่อาจประมือกับคนในเรือมังกรทองได้หรอก” จ้าวเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มีโล่ป้องกันเป็นเรือมังกรทอง เขาจึงไม่ค่อยหนักใจนัก
“ต้องยากเย็นอยู่มากเป็นแน่…แต่ว่าไม่มีใครที่สามารถต้านทานพลังมรณะไปได้”
องครักษ์แห่งความตายเอ่ยพึมพำเสียงต่ำ
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
องครักษ์แห่งความตายสามคนสื่อสารกันเพียงเล็กน้อยแล้วเร่งบินตรงไปยังเรือมังกรทอง
“เป็นคนสารเลวพวกไหนกัน!”
ครึ่งก้าวสู่ราชันสามคนบนเรือ นำโดยผู้เฒ่าหลี่เคราขาว
ทันใดนั้น เกิดการสั่นสะเทือนของชั้นดวงวิญญาณ พลังของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามทะลวงผ่านทะเลความว่างเปล่า ไอสวรรค์ที่หมุนวนบ้าคลั่งพลันเชื่องช้า
กลิ่นอายที่กระเทือนไปถึงดวงวิญญาณ กดดันขอบเขตวิญญาณของผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ภายในที่ดังกล่าวจนยากจะขยับตัวต้านทานได้
แต่ว่าองครักษ์แห่งความตายทั้งสามไม่หวั่นเกรงในขอบเขตพลังของครึ่งก้าวสู่ราชันเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าพวกโง่!”
องครักษ์ที่สิบเก้าเอ่ยเสียงเย็น คลื่นพลังมรณะที่ทะลักออกมาจากร่างผลักพลังของครึ่งก้าวสู่ขอบเขตปราณเทวะที่เข้ามาใกล้กระเด็นออกไป
โครม…
ระดับชั้นดวงวิญญาณมีความรู้สึกประหลาดเหมือนว่าโลกหมุนคว้างไปหมด
บนเรือมังกรทอง มีอัจฉริยะผู้องอาจบางส่วนที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าผู้สูงศักดิ์กระอักเลือดออกมาแล้วสลบตายไป
“พลังมรณะ หรือว่าจะเป็นองครักษ์แห่งความตายในตำนาน…” ครึ่งก้าวสู่ราชันสามคนของสำนักบรรพตทองพลันใจเต้นถี่ระรัว
ในเวลาดังกล่าว
เรือมังกรทองทั้งลำเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่จึงต้องกางค่ายกลป้องกัน
ครึ่งก้าวสู่ราชันสามคน รวมไปถึงยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายและช่วงสุดยอดล่องลอยอยู่เหนือเรือมังกรทอง
“องครักษ์ที่ยี่สิบแปด! ข้าและองครักษ์ที่ยี่สิบห้าจะจัดการเจ้าพวกหนังเหนียวพวกนี้ เคล็ดวิชาหมื่นร่างเงาของเจ้าเหมาะกับสถานการณ์วุ่นวายนี้และการสังหารเจ้าเด็กนั่น ถ้าหากจัดการยากมากนักก็จงทำตามเงื่อนไขที่ต่ำที่สุด ตัดหัวมันไปให้ครบชิ้น ก็น่าจะถือว่าทำภารกิจสำเร็จเช่นเดียวกัน”
องครักษ์ที่สิบเก้าส่งเสียงมาผ่านห้วงคิดเซียน
“ได้!” ทันทีที่เอ่ยจบ องครักษ์ที่ยี่สิบแปดก็แบ่งออกเป็นสิบร่างในทันใด แล้วยังแบ่งจากสิบเป็นร้อยอีก
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ในระยะเวลาสั้นๆ เงามรณะเพิ่มจากร้อยเป็นพัน จะจริงหรือปลอมก็ยากจะแบ่งออก กลิ่นอายที่โจมตีดวงวิญญาณจากทุกร่างสาดกระจายไปทั่วทุกซอกมุมของเรือมังกรทอง
“ฝันไปเถอะ!”
ครึ่งก้าวสู่ราชันของสำนักบรรพตทองพยายามลงมือ แต่กลับพบว่าไม่อาจจะแยกแยะร่างจริงขององครักษ์ที่ยี่สิบแปดได้ในเวลาสั้นๆ
ในวินาทีเดียวกัน ครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามคนก็ต้องรับมือกับการโจมตีที่แข็งแกร่งขององครักษ์ที่สิบเก้าด้วย
“หัตถ์สยบวิญญาณ!”
ผิวกายขององครักษ์ที่สิบเก้าเต็มไปด้วยปราณมรณะลอยคละคลุ้ง ร่างที่เป็นดุจลำแสงเงามืดมิดวนเวียนอยู่ท่ามกลางแสงไฟลี้ลับ จนมองร่างที่แท้จริงไม่ออกด้วยซ้ำ
วูบ! วูบ! วูบ!
มือภูตผีทั้งสามที่ซีดขาวและมืดมนชวนขวัญผวา ยื่นออกมาจากลำแสงดำมืดไร้ก้นบึ้ง
‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ ที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ดวงวิญญาณของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“แย่แล้ว! ระวัง…” ผู้เฒ่าหลี่เคราขาวร้องเสียงหลง
แต่ว่า ‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ นั่นจัดอยู่ในวิชาต้องห้ามด้านวิญญาณที่พิเศษอย่างมาก ทันที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็เล็งเป้าหมายไปที่ดวงวิญญาณของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามแล้ว
อ๊าก~
ครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามดวงวิญญาณแข็งทื่อ มีความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกเกิดขึ้น
ในวินาทีต่อมา ร่างของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามถูก ‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ จับเอาไว้จนบนใบหน้าแสดงความเจ็บปวดรวดร้าว
“ผู้อาวุโสหลี่!” คนบนเรือมังกรทองที่เหลือพูดไม่ออก
องครักษ์ที่สิบเก้าซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ในทันทีที่ลงมือโจมตีก็ใช้ ‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ กำราบครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามไว้
“หัตถ์สยบวิญญาณ! ที่แท้มีวิชาต้องห้ามที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สามารถจับเอาดวงวิญญาณของเป้าหมายไว้ได้ในทันที” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจอย่างสะท้อนในอก
ดวงตาเทพเจ้าของเขามองเห็นทุกอย่างชัดเจนทั้งหมด ดวงวิญญาณของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามโดน ‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ จับไว้แน่น ขณะที่กำลังดิ้นรนขัดขืนไม่หยุด
สามารถคาดเดาได้เลยว่า ถ้าหากมีครึ่งก้าวสู่ราชันเพียงคนเดียว ‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ ซึ่งองครักษ์ที่สิบเก้าเรียกออกมา น่าจะจับเอาดวงวิญญาณดังกล่าวออกไปได้โดยตรงเลย
แต่ทว่า องครักษ์ที่สิบเก้าใช้พลังของตนเพียงคนเดียวจับครึ่งก้าวสู่ราชันสามคนเอาไว้
แท้จริงแล้วพลังที่เขามีอยู่ในระดับขั้นใดกันแน่!
แน่นอนว่าระดับชั้นดวงวิญญาณของครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง พลังของครึ่งก้าวสู่ขอบเขตปราณเทวะขัดขืนพลังขององครักษ์ที่สิบเก้าไม่หยุด
“อา…” องครักษ์ที่ยี่สิบห้าลงมือต่อ เงาดำมรณะสั่นไหวน้อยๆ แล้วฉวยโอกาสรัดคอสังหารยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงคนหนึ่ง
“ทุกคนร่วมมือกันต้านเขาไว้”
ยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายและช่วงสุดยอดเกือบสิบคนมีปฏิกริยาตอบสนอง ร่วมมือกันต่อกรองครักษ์ที่ยี่สิบห้าในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน
เพี๊ยะ เพี๊ยะ โครม!
องครักษ์ที่ยี่สิบห้าใช้พลังรบที่น่ากลัวสะพรึงขวัญต้านทานพลังของยอดผู้สูงศักดิ์หลายคนได้สูสี
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”
บนเรือมังกรทอง ยอดฝีมือทั้งหลายของสำนักบรรพตทองแต่ละคนหวาดกลัวจนขนลุกชัน ยากที่จะเชื่อเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า
องครักษ์แห่งความตายทั้งสามคน พลังช่างน่ากลัวเหนือฟ้าและดินมากเกินไปแล้ว
องครักษ์ที่สิบเก้าใช้พลังของตนเองเพียงคนเดียวจัดการครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสาม
องครักษ์แห่งความตายที่ยี่สิบห้าประมือกับยอดผู้สูงศักดิ์จำนวนมาก ตรึงกำลังของยอดผู้สูงศักดิ์ที่เป็นหัวแรงหลักนอกเหนือจากสามครึ่งก้าวสู่ราชันไว้
เช่นนั้น แล้วองครักษ์ที่ยี่สิบแปดคนสุดท้ายเล่า?
“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก…”
ร่างเงามรณะจำนวนนับร้อยนับพันทะลวงผ่านเรือมังกรทอง เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวไม่มีหยุดหย่อน
ค่ายกลคุ้มกันของเรือมังกรทองแทบจะไม่ส่งผลอะไรเลยต่อองครักษ์ที่ยี่สิบแปด
“ซวยล่ะ!”
ในขณะที่ครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งสามคนใช้พลังขอบเขตปราณเทวะต่อต้าน
‘หัตถ์สยบวิญญาณ’ ก็ตระหนักถึงเหตุการณ์เบื้องล่างที่ทำใหหัวใจต้องหนักอึ้ง
ยอดฝีมือในเรือมังกรทองเผชิญหน้ากับองครักษ์ที่ยี่สิบแปด เกรงว่ามีแต่จะโดนสังหารไปกันหมด
เพราะว่าครึ่งก้าวสู่ราชันสามคนที่เป็นหัวหอกหลักในการรบ รวมทั้งยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายและช่วงสุดยอด ก็โดนองครักษ์ที่สิบเก้าและยี่สิบห้าทำร้ายเช่นกัน
ในทันทีที่องครักษ์ที่ยี่สิบแปดสังหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้ามาร่วมด้วย ก็มากพอจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมด
แต่ทว่าสิ่งที่เกินความคาดหมายไปก็คือ องครักษ์ที่ยี่สิบแปดเพียงแค่สังหารผู้ที่เข้าขัดขวางบางส่วนอย่างสบายๆ
เป้าหมายของเขาเป็นคนบนเรือผู้หนึ่ง
“เจ้าหนุ่ม ถ้าหากว่าเจ้าไม่ยอมให้จับแต่โดยดี ข้าจะเอาแต่หัวเจ้าไปแล้ว” องครักษ์ที่ยี่สิบแปดจ้องไปที่จ้าวเฟิงแล้วยิ้มเย็นออกมา
เขาไม่มีทางโง่เหมือน ‘องครักษ์ที่สามสิบสาม’ นั่นแน่นอน เอาแต่จะจับเป็น
จ้าวเฟิง มัวแต่พะว้าพะวง สุดท้ายก็โดนสังหาร
ขอแค่จ้าวเฟิงขัดขืนเพียงเล็กน้อย เขาก็จะไม่จับเป็นอีกแล้ว แต่จะใช้มาตรการจัดการตัดหัวไปเลย
เพราะอย่างไรองครักษ์ที่สิบเก้ากับองครักษ์ที่ยี่สิบห้าผู้อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล
“รีบลงมือเร็ว! ยืดเวลานานๆ ไม่ได้” เสียงขององครักษ์ที่สิบเก้าลอยมา
“สำนักสองดาวที่เข้าไปตั้งตนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ย่อมต้องไม่ธรรมดา ทันทีที่มีราชันในขอบเขตปราณเทวะตามมาคงจะยุ่งยากเป็นแน่…” องครักษ์ที่ยี่สิบห้าเอ่ย
บนเรือมังกรทอง มีคนบีบป้ายสัญลักษณ์จนแหลกละเอียด เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่สาขาหลักของสำนักบรรพตทองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แล้ว
องครักษ์แห่งความตายทั้งสามไม่ได้ต้องการจะทำลายเรือมังกรทองทั้งลำ และไม่ได้ใส่ใจในผลแพ้ชนะ
เป้าหมายของพวกเขามีเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือจับและสังหารจ้าวเฟิง
“ตายซะ!” กลิ่นอายที่เหมือนเป็นหนึ่งเดียวของร่างเงามรณะนับสิบพุ่งตรงไปหาจ้าวเฟิงที่อยู่ตรงกราบเรือ
“ร่างเงาทุกร่างล้วนแต่เตรียมแรงโจมตีมา กลิ่นอายและท่าทางแตกต่างกัน…”
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงหดเล็กลงแล้วถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด
ตั้งแต่ฝึกตนมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาลับแยกร่างที่แปลกพิสดารขนาดนี้มาก่อน
ร่างแยกเงาพวกนั้นที่องครักษ์ที่ยี่สิบแปดสร้างขึ้น เหมือนกับ ‘ร่างเงา’ ในอดีตที่จ้าวเฟิงแบ่งร่างออกมาโดยใช้ผ้าคลุมเงาหยิน
เพียงแต่ว่าหลังจากที่เข้ามาภายในทะเลความว่างเปล่าแล้ว ระดับของผ้าคลุมเงาหยินต่ำเกินไป ประโยชน์เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เมื่อเพ่งพินิจดีๆ จ้าวเฟิงก็ต้องตกใจ
ผ้าคลุมเงาหยินที่เข้าใช้เมื่อก่อนคล้ายคลึงกับเสื้อคลุมขององครักษ์แห่งความตายพวกนี้
ครั้นดูจากลักษณะรูปร่างของมัน ผ้าคลุมเงาหยินที่เขาเคยใช้ในอดีตเหมือนจะเป็นของลอกเลียนแบบ ที่อยู่บนร่างขององครักษ์แห่งความตายต่างหากถึงเป็นของจริง
แซ่ด แซ่ด โครม!
ภายใต้การโจมตีจากร่างแยกเงานับร้อยพันร่าง จ้าวเฟิงพลันตกเข้าไปอยู่ภายในนั้น
“วงแหวนวายุอัสนี!”
ทันใดนั้นเอง ลำแสงวงแหวนพิฆาตสีม่วงเจิดจ้าก็สาดกลิ่นอายทำลายล้างที่น่ากลัวออกมา การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าทำลายล้างสรรพชีวิตทั้งหลาย
โครม! โครม! ตูม! ร่างแยกเงามรณะพวกนั้นค่อยๆ สลายหายไปทีละร่างจากการโจมตีของพลังทำลายล้างวายุอัสนีพิฆาตสีม่วง
“พลังทำลายล้าง…พลังจากแหล่งกำเนิดขั้นสูงที่ทัดเทียมกับพลังมรณะได้” องครักษ์ที่ยี่สิบแปดสติเลื่อนลอยไปเล็กน้อย
ก่อนที่ร่างจริงจะโดนโจมตีจากวงแหวนวายุอัสนี ร่างกายเกิดเป็นควันลอยกรุ่นสีดำ