Skip to content

King of Gods 677

King Of Gods

บทที่ 677 สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ณ ยอดเขาจิตวิญญาณหลัก

ประตูของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน มีเวทีประลองที่กว้างใหญ่และทรงเกียรติ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ยอดเขาของยอดเขาจิตวิญญาณหลัก

เวทีแห่งนี้ชื่อว่า ‘เวทีประลองแห่งราชันที่แท้จริง’ เป็นที่เลื่องชื่อลือนามในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อเนื่องมานับหมื่นปี

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ยอดฝีมือทั่วไปหรือศิษย์ผู้สืบทอดล้วนไม่มีคุณสมบัติที่จะประลองทดสอบฝีมือใน ‘เวทีราชันที่แท้จริง’ ได้เลย

เพราะว่านี่ถือเป็นพื้นที่ในการต่อสู้ของราชันในขอบเขตปราณเทวะ

และในวันนี้ แสงสว่างสาดส่องเป็นประกาย

บน ‘เวทีราชันที่แท้จริง’ ที่เก่าแก่และทรงเกียรติ เงาทั้งสองร่างยืนประจันหน้ากัน

หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษหนุ่มในชุดคลุมยาว ยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งทะนง ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายแวววาว มีพลังมหาศาลแห่งราชันที่สูงส่งเหนือใครหมุนวนรอบกาย

เมื่อมองผ่านตาเปล่ามันคือกลุ่มลำแสงสีเงินสว่างกระจ่างใส เป็นดั่งแสงแห่งเทพเซียนก็มิปาน

เขาก็คือหนานกงเซิ่งผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ถูกยอมรับในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่

“หึหึ นอกจากเมิ่งซี ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังจะมีใครอีกที่เป็นคู่ต่อสู้กับหนานกงเซิ่งได้?”

 

“หนานกงเซิ่งเลื่อนขั้นเป็นราชัน ต่อให้เป็นเมิ่งซีหรือจ้าวเฟิง เกรงว่าก็จะยากที่จะยืนหยัดได้ถึงสิบกระบวนท่าขณะที่ประลองกับเขา”

ลูกศิษย์สืบทอดจำนวนมากมารวมตัวกันรอบเวทีประลอง

อีกฝั่งของเวทีราชันที่แท้จริง

สาวน้อยชุดม่วงที่สวยสง่าดั่งเทพเซียน งามหมดจดล่มเมือง ผิวพรรณขาวผุดผ่องดั่งหยกหิมะขาวปรากฏระลอกลำแสงสีอ่อน

ว่ากันด้วยเรื่องรูปโฉมที่งดงาม ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ เห็นจะมีเพียงเมิ่งซีแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายที่สามารถเอามาถกเถียงเปรียบเทียบกันได้

แววตาของลูกศิษย์ผู้ชายบางส่วนจดจ้องไปยังร่างสาวน้อยชุดสีม่วง  ใบหน้างดงามชวนตะลึงชวนให้ผู้อื่นต้องละอายที่งามไม่เท่านาง

“นางก็คือจ้าวหยูเฟยงั้นรึ?”

“ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งศิษย์พี่เฉิน ศิษย์พี่หนาน และเจียงฟานล้วนแพ้นางมาแล้ว” กลุ่มคนถกเถียงกันด้วยเสียงต่ำ

ถึงแม้จะไม่มีใครคิดว่าจ้าวหยูเฟยมีโอกาสชนะสักเท่าไหร่นัก แต่สามารถก้าวมาถึงขั้นนี้ได้ พรสวรรค์และความสามารถที่แฝงอยู่ของนางก็นับว่าเหนือกว่าคนในรุ่นเดียวกัน

ว่าด้วยเรื่องของอายุ จ้าวหยูเฟ่ยก็อายุน้อยกว่าหนานกงเซิ่งไม่น้อย

การต่อสู้ครั้งนี้ได้รับความสนใจ ในละแวกใกล้เคียงของเวทีราชันที่แท้จริง มีทั้งราชันไปจนกระทั่งคนในขั้นจักรพรรดิ

ในนั้นรวมถึงจักรพรรดิตวนมู่และ ‘จักรพรรดิหมีคง’

ผู้เป็นอาจารย์ของหนานกงเซิ่งที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย

“คิดไม่ถึงเลยว่าการประลองแรกของข้าหลังจากทะลวงผ่านเป็นราชันจะไม่ใช่จ้าวเฟิง และก็ไม่ใช่เมิ่งซี แต่เป็นสตรีไร้ชื่อเสียงผู้นี้”

หนานกงเซิ่งกระซิบพึมพำกับตนเอง

ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การฝึกตนของราชันในขอบเขตปราณเทวะ ไม่ควรที่จะประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกับอัจฉริยะในรุ่นเดียวกัน มิฉะนั้นจะโดนครหาว่า ‘ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย’ ได้

เพราะเมื่อเลื่อนขั้นเป็นราชันแล้ว ตามหลักการหนานกงเซิ่งจะกลายเป็นคนระดับสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พ้นสถานะจากการเป็นลูกศิษย์แล้ว

เดิมทีหนานกงเซิ่งไม่ได้คิดจะรับคำท้าประลอง

แต่ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นเจตนาของจักรพรรดิตวนมู่ที่ได้ปรึกษาหารือกับ ‘จักรพรรดิหมีคง’ ผู้เป็นอาจารย์ของเขา

ว่ากันว่าหญิงปริศนานางนี้มากจากดินแดนทวีปอันไกลโพ้น มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนแนบแน่นกับจักรพรรดิตวนมู่

“เริ่มได้”

เมื่อได้รับสัญญาณจากจักรพรรดิทั้งสอง การประลองบนเวทีราชันที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด

คนทั้งสองที่ฝูงชนพุ่งสายตาไปหากลับไม่มีใครลงมือในทันที

“ไม่ว่ามรดกและสายเลือดของเจ้าจะแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ หากไม่ได้เลื่อนขั้นถึงขอบเขตปราณเทวะ ในสายตาของราชันมันก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น”

หนานกงเซิ่งยืนเอามือไพล่หลัง แล้วห้วงคิดก็ขยับเขยื้อน

โครม!

เพียงชั่วพริบตาเดียว พลังมหาศาลของราชันในอากาศก็สั่นสะเทือนระดับชั้นวิญญาณ ไอสวรรค์ในพื้นที่บริเวณนั้นเหมือนเกาะกลุ่มกันแน่น

ขอเพียงเต็มใจ ความคิดหนึ่งของหนานกงเซิ่งก็สามารถทำลายไปถึงสำนักจันทร์สลายหรือลัทธิโลหะเลือดได้

นี่ก็คือพลังของราชัน!

สิ่งที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาคือ หนานกงเซิ่งเหมือนหลอมรวมไปกับอากาศที่ว่างเปล่าเวิ้งว้าง ในทุกท่วงท่าทรงพลังไร้ซึ่งขีดจำกัด ทะลวงผ่านถึงระดับชั้นวิญญาณของสรรพสิ่ง

เวทีราชันที่แท้จริงก็มีแสงสีเงินหมุนวนรอบๆ แสงสีเงินนั้นหลอมรวมเข้ากับเสวียนอ้าวในอากาศ เป็นดั่งม่านท้องฟ้าที่โปร่งใสสว่างจ้า

“พลังที่ยิ่งใหญ่ในขอบเขตปราณเทวะของเขากลายเป็นโครงสร้างพื้นที่มิติ ต่อให้เป็นคนในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน พลังก็ยังโดนข่มไว้ ร่างกายจะถูกกักขังจากพลังของอาณาเขต ยากที่จะต่อต้านได้”

ในบรรดาผู้ชมการต่อสู้ มีราชันอยู่หลายคน

จักรพรรดิหมีคงเป็นผู้เฒ่าผมเงินคนหนึ่ง เขาอมยิ้มมุมปาก รู้สึกกระหยิ่มในใจขณะเหลือบตามองจักรพรรดิตวนมู่ชิง

“ไม่เสียทีที่เป็นหนานกงเซิ่ง เพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นราชันได้ไม่นาน พลังกลับไม่ด้อยไปกว่าผู้เป็นราชันมานานเลย”

ตวนมู่ชิงกล่าวทอดถอนใจ

เพียงแค่หนึ่งห้วงความคิดเดียวก็มีอานุภาพแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว

หากเปลี่ยนเป็นจ้าวเฟิงคนเก่าหรือว่าเมิ่งซีต้องถูกกดไว้ ไม่มีแรงโต้กลับได้อย่างแน่นอน

“หยูเฟย สำนึกรู้ราชาของเขาแฝงไปด้วยพลังมิติ…” เสียงของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงดังขึ้นในหัวของจ้าวหยูเฟย

วงหน้างามของจ้าวหยูเฟยแดงระเรื่อด้วยโดนบีบคั้นจากสำนึกรู้ด้านมิติและอานุภาพของราชัน แต่กลับไม่แสดงท่าทีว่ายอมแพ้และอ่อนแอแต่อย่างใด

กลับกันนางยังยิ้มออกมา “เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ข้าจะไม่มีทางแพ้ให้เจ้า!”

“หืม?”

หนานกงเซิ่งมีสีหน้าประหลาดใจ

พลังในขั้นราชันของตนเองที่กดไปยังร่างจ้าวหยูเฟยราวโยนก้อนหินลงในมหาสมุทร ไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น เหมือนว่าหลุดเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งด้วยซ้ำ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง มิน่านางจึงอาจหาญต่อสู้กับราชัน”

นัยน์ตาสีเงินของจักรพรรดิหมีคงสว่างเป็นประกาย สีหน้าประหลาดใจ

ราชันบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์เองต่างก็มองออกถึงเงื่อนงำ

ร่างของจ้าวหยูเฟยหายเข้าไปอยู่ในโลกมิติส่วนตัว จึงไม่ได้หวาดกลัวอะไรกับพลังที่ยิ่งใหญ่ในฟ้าดินจากขั้นราชัน

วิ้ง~

เรือนร่างสตรีชุดม่วงเปล่งแสงผลึกสีม่วง พลานุภาพมหาศาลทะลวงผ่านพื้นหลังสีเงินที่อยู่รอบร่างกายจนแตกละเอียด

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

หนานกงเซิ่งผงะเล็กน้อย พื้นที่เขตแดนมิติซึ่งสร้างขึ้นจากพลังในขั้นราชันของตนเอง กลับถูกปราณที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามโจมตีจนสูญสลายไป

ขอบเขตปราณเทวะแบ่งออกเป็นสองระดับขั้น คือ ราชันและจักรพรรดิ

ราชัน เมื่อบรรลุระดับขั้นที่เหมาะสมก็จะสร้างเขตแดนมิติได้ แต่ไม่ใช่มิติที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

ส่วนจักรพรรดิยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น จะสร้างพื้นที่มิติที่สมจริงและเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง กระทั่งจะสร้างโลกใบเล็กก็ย่อมได้!

หนานกงเซิ่งเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นราชันได้ไม่นาน

แต่เพราะว่าเชี่ยวชาญในเสวียนอ้าวมิติ แล้วยังมีกายจิตว่าง จึงทำให้เขาสามารถสร้างพื้นที่เขตแดนมิติขึ้นมาได้

ครึ่งก้าวสู่ราชันทั่วไปเมื่ออยู่ในพื้นที่มิติแทบจะไม่มีแรงต่อต้านเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม

ปราณที่แท้จริงซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของจ้าวหยูเฟยนั้นมีพลังที่น่าตื่นตกใจ มันสั่นสะเทือนพลังพื้นที่มิติรอบกายจนกระจายหายไป

“ช่างเป็นปราณที่แท้จริงที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!” เหล่าราชันที่อยู่ในเหตุการณ์เผยสีหน้าประหลาดใจ

“ยังไม่มีพลังขั้นราชันที่เป็นรูปร่าง แต่กลับสามารถทำลายเส้นแบ่งขอบเขตพลัง จนมีปราณที่แท้จริงแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับคนในขั้นราชันเลยทีเดียว” จักรพรรดิหมีคงยังประหลาดใจไม่หาย

ในเวลานี้เอง

หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยต่างลงมือในเวลาเดียวกัน

พลังที่ยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัวกับระลอกสีเงินลึกลับลอยละลิ่วลงมาจากฟ้า กดดันไปที่จ้าวหยูเฟย

พลังกลุ่มก้อนนั้นรุนแรงมากพอที่จะทำลายเมืองธรรมดาทั่วไปได้

“วิชาสือเทียนเฉิง!”

จ้าวหยูเฟยเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน มือขาวเนียนราวหยกโบกน้อยๆ แสงผลึกสีม่วงนับหมื่นเส้นสายตรงดิ่งไปหาหนานกงเซิ่ง ในทุกระลอกคมกริบราวกับคมดาบ มีชีวิตชีวาราวกับปลา เต้นระบำกลายเป็นลมพายุสีม่วง

โครม โครม เปรี้ยง!

พลังสองกลุ่มของคนในขั้นราชันปะทะกันบนเวทีราชันที่แท้จริง พลังนั้นช่างยิ่งใหญ่และงดงาม

“พละกำลังของนาง…กลับสามารถต้านทานพลังราชันของข้าได้” หนานกงเซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงเลิกประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป

ดินแดนทวีปในตำนานไม่ธรรมดาจริงๆ อยู่เหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ด้วยซ้ำไป

ขวับ!

ร่างของหนานกงเซิงหายวับไปจากที่เดิม

แล้ววินาทีต่อมา

ฟุ่บ!

จุดไฟสีเงินลึกลับเกาะกลุ่มกันจนเป็นกลิ่นอายต้องห้ามกลุ่มก้อนหนึ่ง แล้วตรงดิ่งไปด้านข้างของจ้าวหยูเฟย

ท่าร่างและเคล็ดวิชามิติของหนานกงเซิ่งไปถึงระดับสูงในขั้นใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

เคล็ดวิชามิติ!

จ้าวหยูเฟยหัวใจเต้นแรง สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของนางรู้สึกไวต่อปฏิกิริยาของไอสวรรค์ในฟ้าและดิน กระทั่งเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยซ้ำ

“จัดการ!”

มือขาวสะอาดของจ้าวหยูเฟ่ยแผ่ออก ระลอกพลังแวววาวสีม่วงที่หมุนวนอย่างเงียบงันขยายเป็นสิบจั้งในฉับพลัน แล้วกลืนกินเอาจุดสว่างสีเงินเข้าไป

มุมปากของหนานกงเซิ่งยิ้มหยัน

โครม โครม ตูม!

จุดแสงสีเงินลึกลับปะทุออกอย่างรุนแรงภายในระลอกประกายสีม่วง เหมือนกับมีพลังที่สามารถทำลายแกนกลางของมิติได้

พลังของเคล็ดวิชามิติระเบิดลงบนร่างของจ้าวหยูเฟยในทันใด

วูบ!

เงาสว่างสีม่วงเป็นประกายที่หลงเหลืออยู่บนพื้นสูญสิ้นไปพร้อมกับจุดสว่างสีเงินทั้งหมด

ถัดจากนั้น

แสงสีม่วงแวววาวเจิดจ้าเฉียดผ่านเป็นเศษเสี้ยวเงาสว่าง หอบเอาพลังที่น่ากลัวตรงดิ่งไปทางหนานกงเซิ่ง

มองจากไกลๆ จะเห็นเพียง ‘ดาวตกสีม่วง’ ที่สว่างแสบตาพุ่งตรงไปหาหนานกงเซิ่ง

แย่แล้ว!

หนานกงเซิ่งสัมผัสได้ถึงอันตราย ลายเส้นสีเงินปรากฏขึ้นบนร่างแล้วสว่างวาบออกไปหลายสิบจั้ง

ตูม โครม!

‘ดาวตกสีม่วง’ ระยิบระยับตรงดิ่งไปยังจุดที่หนานกงเซิ่งเคยยืนอยู่ ควันเพลิงสีม่วงกลืนกินเอาความว่างเปล่าที่บิดเบี้ยวทับซ้อนนั้นไป

หนานกงเซิ่งเกือบจะโดนดาวตกสีม่วงนั้นปะทะเข้าร่างอย่างจังแล้ว

วิ้ง!

กลุ่มควันเพลิงของดาวตกสีม่วงจางหายไป ในกลุ่มคลื่นแสงปรากฏเงาร่างแบบบางที่งดงามราวภาพฝันของจ้าวหยูเฟย

“วิชาสือเทียนเฉิง!”

“นางมีความสัมพันธ์อะไรกับ ‘เซียนจื่อเย่’ ?”

จักรพรรดิหมีคงจับจ้องจ้าวหยูเฟยเขม็งแล้วสูดหายใจลึกเข้าปอด

เขาเองก็เป็นจักรพรรดิที่เก่าแก่เช่นกัน ก่อนหน้านี้นานมาแล้วยังเคยเห็นความสง่างามของ ‘เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง’ ด้วยตาตนเอง

ในช่วงเวลานั้น อำนาจของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงสะเทือนหมื่นสำนักในดินแดน ยากจะมีผู้ใดสามารถรับมือได้

“ถูกต้อง นางคือศิษย์ผู้สืบทอดมรดกของเซียนจื่อเย่ แล้วยังมีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณด้วย”

มุมปากของจักรพรรดิตวนมู่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม สีหน้าตื่นตะลึงของจักรพรรดิหมีคงทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง

ไม่ว่าผลแพ้ชนะจะเป็นอย่างไร

หนานกงเซิ่งก็เป็นราชัน มี ‘กายจิตว่างและกายจิตวิญญาณฟ้า’ ซึ่งเป็นพรสวรรค์ขั้นสูงสุด ทั้งยังเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่จ้าวหยูเฟยนั้นไม่ว่าจะอายุหรือการฝึกตนก็ล้วนแต่ด้อยกว่าหนานกงเซิ่ง

“รอยแยกเวหามายา!”

เมื่อเส้นแหลมคมสีเงินสว่างวาบ หนานกงเซิ่งก็ปรากฏกายด้านหลังของจ้าวหยูเฟย

แสงปลายแหลมสีเงินเป็นเสมือนรอยแยกที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สาดซัดพลังมิติต้องห้ามออกมา

ในวินาทีนี้ คนทั้งสองอยู่ในระยะที่ใกล้กันอย่างมาก จนหนานกงเซิ่งได้กลิ่นหอมลอยมาจากร่างของจ้าวหยูเฟยเลยทีเดียว

ฉัวะ!

‘รอยแยกเวหามายา’ ฟาดปะทะลงบนร่างของจ้าวหยูเฟย

หนานกงเซิ่งโคจรพลังของราชันไปจนถึงขั้นสุดยอด เคล็ดวิชามิติเล็งเป้าหมายไปที่จ้าวหยูเฟยจนนางไม่อาจหลบหลีกไปได้

แต่ว่านางเองก็ไม่ได้มีแผนจะหลบหนี ผิวพรรณทั่วร่างกายเปล่งประกายในฉับพลัน ประหนึ่งกลายเป็นเทพธิดาจากผลึกหยกเหมันต์ กระแสธารสีม่วงสว่างวูบวาบ

ตูม โครม!

รอยแยกเวหามายาฟาดฟันลงบนร่างของจ้าวหยูเฟยเหมือนหลอมรวมเข้าไปภายในชั้นผลึกเหลว แสงสว่างสาดออกไปทั่วทิศทาง

“เป็นไปได้อย่างไร!” หนานกงเซิ่งเพ่งสายตา ตะโกนเสียงดังในใจ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทำให้เหล่าผู้ชมการประลองมองอย่างตกตะลึง

จ้าวหยูเฟยไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาที่ยิ่งใหญ่อะไรออกมา แต่ว่าร่างกายกลับอยู่เหนือขีดจำกัดของกายเนื้อ

พื้นฐานสภาวะเช่นนี้ของนางมีวิธีการที่แตกต่างจาก ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ของจ้าวเฟิง แต่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน

แต่จ้าวเฟิงจะใช้เคล็ดวิชาก็ต้องสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย ถึงจะทำให้เกิดสภาวะเช่นนี้ได้

ทว่ากับจ้าวหยูเฟย พื้นฐานสภาวะเช่นนี้แทบจะเป็นความสามารถพื้นฐานอย่างหนึ่ง

“มรดกสายเลือดประเภทนี้ หรือว่าจะเป็น ‘เผ่าพันธุ์วิญญาณ’ ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์”

เหล่าราชันส่วนหนึ่งที่นั่งชมการประลองอยู่พูดอะไรไม่ออกในฉับพลัน

ต้องรู้ว่า การโจมตีของหนานกงเซิ่งเป็นการโจมตีทางมิติที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่กลับไม่อาจทำร้ายจ้าวหยูเฟยได้แม้เพียงปลายขน

“เผ่าพันธุ์วิญญาณ! คุณสมบัติสายเลือดเช่นนี้จะต้องเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างแน่นอน”

จักรพรรดิหมีคงสูดหายใจเข้าลึก ยากที่จะปกปิดความตื่นตกใจในแววตา

เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นอันดับที่สิบเก้าของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ นี่เป็นสายเลือดในตำนานที่อยู่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์นับหมื่นในฟ้าดิน

วิ้ง!

ร่างแบบบางของจ้าวหยูเฟยสว่างเจิดจ้าราวผลึกสีม่วง ‘บาดแผล’ สมานอย่างรวดเร็ว จนไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ หลงเหลืออยู่บนเรือนร่างนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version