บทที่ 678 เจตจำนงดวงตา
ด้วยพื้นฐานสายเลือดของ ‘เผ่าพันธุ์วิญญาณ’ จ้าวหยูเฟยจึงตั้งรับการโจมตีของหนานกงเซิ่งอย่างสบายๆ
“ขนาด ‘รอยแยกเวหามายา’ ก็ทำอะไรนางไม่ได้เลยสักนิดงั้นหรือ?”
หนานกงเซิ่งเสียสมาธิไปเล็กน้อย
ต่อให้เป็นบุรุษหนุ่มหยางกวงอย่าง ‘เวินลั่วอัน’ หากตั้งรับรอยแยกเวหามายาของเขา อย่างน้อยๆ ก็ต้องบาดเจ็บอยู่บ้าง
แต่ทว่ารายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์ก็มีอันดับก่อนหลัง เวินลั่วอันอยู่ในร้อยอันดับต้นก็เรียกได้ว่าร้ายกาจฝืนลิขิตฟ้าแล้ว
นับประสาอะไรกับเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เป็นสายเลือดในตำนานยี่สิบอันดับต้นๆ ของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์
เมื่อต้านทานการโจมตีนี้เรียบร้อยแล้ว
โครม วิ้ง!
แสงแวววาวสีม่วงสว่างเจิดจ้าบนร่างของจ้าวหยูเฟย กลายเป็นเส้นสายพันรัดรอบร่าง พลังรุนแรงระเบิดออกมา
กลิ่นอายที่น่ากลัวของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ทำให้ไอสวรรค์ในฟ้าดินอีกฟากเริ่มปะทุขึ้นมา แสงสว่างสีม่วงทะลวงไปบนฟากฟ้า
ในวินาทีนั้น
ด้านล่างของเวทีราชันที่แท้จริง บรรดาลูกศิษย์ของสำนักต่างๆ หรือกระทั่งเหล่าราชัน ร่างกายเลือดเนื้อและจิตใจสั่นสะท้านน้อยๆ
นอกเหนือจากจักรพรรดิทั้งสองแล้ว
ปราณที่แท้จริงและสายเลือดของคนอื่นๆ ล้วนแต่ได้รับแรงกดดันมหาศาลจนหายใจติดขัดอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะเมื่อโดนบีบคั้นจากสายเลือด ขนาดจักรพรรดิทั้งสองยังรู้สึกถึงแรงกดดันน้อยๆ
ฟุ่บ ขวับ!
หนานกงเซิ่งกลายร่างเป็นเงาสีเงิน ไม่คิดจะโจมตีซึ่งๆ หน้า ทว่าหลบหลีกการโจมตีบ้าคลั่งที่มีลักษณะเป็นวงกว้างของจ้าวหยูเฟย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังโดนการโจมตีโต้กลับดังกล่าวกระเทือนจนเลือดในกายปั่นป่วน
“การโจมตี ความเร็ว การป้องกัน ค่อนข้างจะสมบูรณ์…” หนานกงเซิ่งสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ถึงความยากเย็น
ถึงแม้เขาจะมีพื้นฐานพรสวรรค์ ‘กายจิตว่าง’ และ ‘กายจิตวิญญาณฟ้า’ แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์
รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณบันทึกสายเลือดเผ่าพันธุ์ชั้นยอดทั้งหมดที่มีมานานตั้งแต่สมัยโบราณไว้
เผ่าพันธุ์ในตำนานยี่สิบอันต้นๆ ล้วนแต่สมบูรณ์แบบ
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น หนานกงเซิ่งทุ่มเทร่างกายทั้งหมด
ขนาดเขาเรียก ‘กระบี่ฟ้าดิน’ ออกมา ยังทำได้เพียงกดดันจ้าวหยูเฟยแค่ชั่วขณะหนึ่ง ไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะได้
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยคือ ปราณที่แท้จริงของจ้าวหยูเฟยไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ว่ายังมากมายไม่มีสิ้นสุด ประลองยืดเยื้อกันมายาวนานกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ในหมื่นรายชื่อมีสายเลือดจำนวนมาก พลังฟื้นฟูล้วนแกร่งกล้าเกินจะเทียบเทียมได้
ทว่าพลังการฟื้นฟูของจ้าวหยูเฟยจัดเป็นอีกส่วนหนึ่ง หลักๆ จะเป็นลักษณะพิเศษของสายเลือดวิญญาณ คือร่างกายอยู่ในสภาวะ ‘วิญญาณ’ นั่นเอง
พูดง่ายๆ ก็คือ
ปราณที่แท้จริงของคนอื่น ปกติจะต้องสะสมเก็บไว้ภายในจุดตันเถียนแล้วเกาะกลุ่มอยู่ในแก่นผลึก
แต่สายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทั่วร่างเท่ากับ ‘จุดตันเถียน’ ซึ่งเท่ากับเป็นแหล่งกำเนิดของพลัง
เมื่อเปรียบกับจำนวนปราณที่แท้จริงที่สะสมไว้ ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์วิญญาณจะมีมากกว่าคนในขั้นเดียวกันสิบเท่าหรือกระทั่งร้อยเท่าด้วยซ้ำไป
ด้วยเหตุนี้หากต่อสู้กันเป็นระยะเวลานาน แทบจะไม่มีเผ่าพันธุ์ใดสามารถต่อสู้กับเผ่าพันธุ์วิญญาณได้
“สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถ้าหากว่าเซิ่งเอ๋อร์ไม่ได้ทะลวงผ่านขั้นราชัน เกรงว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินเป็นแน่”
จักรพรรดิหมีคงลอบปาดเหงื่อ
สายเลือดยี่สิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณสูงส่งเกินเอื้อม
ขณะที่เวลาผ่านพ้นไป
การต่อสู้ของอัจฉริยะทั้งสองก็ยากที่จะยุติลงได้
ถึงแม้หนานกงเซิ่งจะทำอะไรจ้าวหยูเฟยไม่ได้ แต่ในฐานะที่เป็นราชัน พลังสูงส่งลึกล้ำ บวกกับมีเคล็ดวิชามิติอีก จึงย่อมป้องกันตัวเองได้อย่างไร้ปัญหาใด
อัจฉริยะทั้งสองต่อสู้กันหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ
จ้าวหยูเฟยไม่มีท่าทีของความเหนื่อยล้า นางสงบราบเรียบ สีหน้าเป็นปกติ
บนหน้าผากของหนานกงเซิ่งปรากฏคราบเหงื่ออยู่เลือนราง
เขาจะเรียก ‘กระบี่ฟ้าดิน’ ออกมาบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อกอบกู้สถานการณ์
ในเวลาเดียวกัน
ภายในเรือนลับ ณ คฤหาสน์จักรพรรดิ
“หยูเฟย… นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้างั้นรึ?” เสียงพึมพำหนึ่งดังขึ้น
เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยน้อยและเด็กน้อยครึ่งเซียนกำลังสำรวจชายที่เพิ่งฟื้นคืนสติผู้นี้
วูบ~
เรือนผมสีม่วงอ่อนพลิ้วไหวราวภาพฝัน ให้ความรู้สึกที่มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจ ทั้งชั่วร้ายและงดงาม
จ้าวเฟิงนั่งตัวตรงแล้วเปิดดวงตาทั้งสองขึ้น
ดวงตาซ้ายของเขามีสีม่วงลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง เป็นประหนึ่งธาตุผลึกสีม่วงอ่อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่โบราณ
ขณะที่สบสายตากับดวงตาสีม่วง เด็กน้อยครึ่งเซียนยังใจสั่นระรัว
“ตกลงนี่เป็นสายเลือดดวงตาอะไรกันแน่ มีความเกี่ยวข้องอะไรกับแปดเนตรเทพเจ้า?”
เด็กน้อยครึ่งเซียนไม่กล้ามองสบดวงตาข้างซ้ายนั่นโดยตรง
ในใจเขาร้องตะโกนก้อง ตนเองเป็นถึงครึ่งเซียนที่ถือกำเนิดใหม่ทีเดียวเชียว!
แน่นอนว่าเด็กน้อยครึ่งเซียนยังมีแค่เพียงสายเลือดขั้นต้นของครึ่งเซียน รวมไปถึงความสามารถและความทรงจำบางส่วนเท่านั้น
ขอบเขตพลังและดวงตาขั้นสูงของเขาในเวลานี้
ยังไม่เทียบเคียงกับครึ่งเซียนคุนอวิ๋นยามรุ่งโรจน์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
จ้าวเฟิงไม่ได้มองที่เด็กน้อยครึ่งเซียน
ดวงตาซ้ายของเขามองทะลุผ่านปราการมิติและสิ่งก่อสร้างต่างๆ จนมองเห็นการประลองที่เกิดขึ้นบนเวทีราชันที่แท้จริง
จ้าวเฟิงได้ดูการต่อสู้ของจ้าวหยูเฟ่ยและหนานกงเซิ่งเพียงครึ่งหลัง
“หยูเฟยได้แรงหนุนจากโลกมิติส่วนตัว แล้วยังหลอมรวมพลังของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเข้าไป บวกกับมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ คนในขั้นต่ำกว่าจักรพรรดิลงไปไม่มีทางเอาชนะได้”
จ้าวเฟิงมองสอดส่องแล้ววิเคราะห์กำลังรบของจ้าวหยูเฟยอย่างละเอียดยิ่ง
ในวินาทีเดียวกัน
จ้าวหยูเฟยที่กำลังประลองอยู่รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวทั่วร่างเย็นยะเยือก คล้ายกับโดนปลดเปลื้องเสื้อผ้า ราวกับว่าโดนมองผ่านทุกความลับที่มี
แต่ว่าสายตาที่มองทะลุผ่านมานั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“หืม?”
จักรพรรดิตวนมู่และจักรพรรดิหมีคงก็สัมผัสได้เช่นกัน
การมองทะลุผ่านของดวงตาเทพเจ้าอยู่ในขั้นที่ลึกล้ำกว่าการกวาดผ่านของห้วงคิดเซียนทั่วไป
ในยามที่จักรพรรดิทั้งสองคนสัมผัสได้ จ้าวเฟิงจึงเก็บดวงตาซ้ายกลับมา
แววตาของเขาจึงหยุดลงบนร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนพอดี
“เหอะ เหอะ ความเร็วในการเติบโตเพิ่มขึ้นมากนัก”
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มออกมาขณะที่มองสำรวจเด็กน้อยครึ่งเซียน
ครึ่งเซียนที่เกิดใหม่ หากจะเรียกว่าฝึกตนใหม่ตั้งแต่ต้น ไม่สู้เรียกว่า ‘ฟื้นฟู’ จะดีกว่า
ส่วนที่แฝงอยู่ในเลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียนไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นในขั้นตอนการชุบชีวิตด้วยเลือด จ้าวเฟิงยังใช้สมบัติล้ำค่าต่างๆ อย่างน้ำอมฤตและวารีคืนชีวิตอีกด้วย
ผิวหนังทั่วร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนปรากฏลวดลายสีทองอ่อน
“ดูไม่ออกเลยว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นจะเป็นยอดฝีมือที่ชำนาญการฝึกตนในยามก่อน”
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกวาดสายตาไปสองสามครั้ง อดจะเดาะลิ้นอย่างแปลกใจไม่ได้
ยามนี้ร่างกายที่ทรงพลังของครึ่งเซียนคุนอวิ๋นมีแต่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าหอโครงกระดูก
“นายท่าน…”
เด็กน้อยครึ่งเซียนถูกจ้าวเฟิงจ้องมองจนขนลุกชัน เหมือนกับจะมองผ่านทุกความลับที่มี
“เมล็ดดวงใจทมิฬ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงผุดโลกมายาสีม่วงคล้ายหมอกควันเลือนราง พลังดวงตากับพลังจิตวิญญาณที่น่ากลัว ส่งผลให้วิญญาณและจิตสำนึกของเด็กน้อยครึ่งเซียนแข็งค้าง
พลังดวงตากับพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งยิ่งนัก!
เด็กน้อยครึ่งเซียนร้องครวญคราง สตินึกคิดและดวงวิญญาณถูกกักขังเอาไว้
พลังวิญญาณกลุ่มก้อนนั้นช่างแข็งแกร่งทรงพลัง คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน
เขาไม่สามารถต่อต้านได้ ทำได้เพียงยืนนิ่งๆ ปล่อยให้จ้าวเฟิงฝังเมล็ดดวงใจทมิฬหยั่งรากลงไป ‘อีกครั้ง’
ก่อนที่จะหลับลึก จ้าวเฟิงได้ใช้ ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ กับเด็กน้อยครึ่งเซียนไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ในคราวนี้
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสูงส่งขึ้น การผนึกครานี้จึงเป็นเมล็ดดวงใจทมิฬที่แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
เมล็ดดวงใจทมิฬในครั้งนี้หลอมรวมเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงเอาไว้ด้วย!
เป็นเจตจำนงดวงตาไม่ผิดแน่!
หลังจากดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ระดับชั้นวิญญาณก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสายเลือดดวงตายังสร้างเจตจำนงของพลังดวงตาขึ้นมาด้วย
เจตจำนงดวงตาคล้ายคลึงกับพลังของราชัน แต่ว่าพิเศษยิ่งกว่า
“เจตจำนงดวงตา? มีเพียงสายเลือดดวงตาแขนงวิญญาณจำนวนน้อยนิดที่ฝึกตนถึงขั้นราชันเท่านั้นจึงจะมีได้”
เด็กน้อยครึ่งเซียนใจเย็นวาบ
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น
ในครั้งนี้ ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ ที่ใช้เจตจำนงดวงตาเรียกออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนหลายสิบเท่าตัว!
จะต้องรู้ว่า ในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงยังมีพลังดวงตาของจักรพรรดิแห่งความตาย จนวันนี้ยังทำลายไปไม่หมด
แต่จ้าวเฟิงเชื่อว่า หลังการเปลี่ยนแปลงของดวงตาเทพเจ้าในครั้งนี้ จะต้องทำลายพลังดวงตามรณะนั้นได้รวดเร็วขึ้นเป็นแน่
มีเพียงตัวเขาเองที่เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของดวงตาเทพเจ้าทำให้ระดับชั้นวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเพียงใด
“คราวก่อนดวงตาเทพเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ว่าครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก!”
จ้าวเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เส้นผมสีม่วงอ่อนโบกสะบัดไปกับสายลม
บนร่างของเขามีความเชื่อมั่นอันแรงกล้า แล้วยังมีความโอหังอยู่ในนั้นด้วย
ในครั้งก่อน
ธาตุของดวงตาเทพเจ้าสามารถสับเปลี่ยนระหว่างเหมันต์และวารี แก่นแท้ของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ถือว่าเยอะมากนัก
แต่ในครั้งนี้
ในมิติดวงตาข้างซ้ายได้สรรสร้าง ‘โลกทะเลวิญญาณ’ ขึ้นมา
ดวงวิญญาณและดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนไม่แยกออกจากกัน
ทะเลวิญญาณมีขนาดพันจั้ง นับว่ากว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง
ในภายในทะเลหมอกสีม่วงยังมีทะเลสาบพลังดวงตาสีฟ้าเป็นแหล่งกำเนิด
กลางอากาศมีเมฆาอัสนีสีม่วงแดงกับลมพายุสีฟ้า ปะทะพัวพันกันจนเกิดเสียงดังโครมคราม อานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาล
“การเปลี่ยนแปลงของดวงตาเทพเจ้าในครั้งนี้เป็นระดับชั้นวิญญาณ!”
จ้าวเฟิงลุกขึ้นแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าออกมา
แหล่งกำเนิดพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าราชันในขอบเขตปราณเทวะทั่วไปเป็นพันเท่า
เขากระตุ้น ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้วเก็บพลังวิญญาณของตนเอง
หนึ่งห้วงคิดแปรเปลี่ยนเป็นร้อย!
ทันใดนั้นเอง ห้วงคิดของจ้าวเฟิงก็แตกออกเป็นร้อยสองร้อยส่วน ในใจพลันรู้สึกปีติยินดียิ่ง
ต่อให้เป็นตวนมู่ชิงก็ฝึกฝนได้ถึงเพียงขั้นหนึ่งห้วงคิดแปรเปลี่ยนเป็นพันเท่านั้น
แต่จ้าวเฟิงเพียงต้องฝึกฝนต่อไปช่วงหนึ่ง ก็จะสามารถไปถึงระดับหนึ่งห้วงคิดแปรเปลี่ยนเป็นห้าร้อยได้
ต่อมา
จ้าวเฟิงก็ลองทำลายกลิ่นอายพลังมรณะที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของทะเลวิญญาณให้หายไป
กลิ่นอายผนึกที่มืดมิดจากเนตรมรณะค่อยๆ อ่อนกำลังลงไปช้าๆ ภายใต้การทำลายของจ้าวเฟิง
“เร็วกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก”
จ้าวเฟิงดีอกดีใจอย่างยิ่ง
เพียงแค่แก้ปัญหาผนึกพลังดวงตามรณะได้ เขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากการตามล่าของจักรพรรดิแห่งความตาย
ครึ่งชั่วยามต่อมา
จากการใช้ ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้วหลอมรวมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลส่วนหนึ่งเข้าไปด้วย ทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิงก็เป็นรูปร่างและแข็งแกร่งขึ้น กลิ่นอายหดหายไปมากขึ้นอีกขั้น
ในเวลานี้เอง ในฟากของเวทีประลองราชันที่แท้จริง
การประลองแลกเปลี่ยนวิชาของจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งก็จบลงตรงนี้
“จักรพรรดิหมีคง ไม่สู้ให้ผลการประลองจบลงที่เสมอกันเสียเลย”
จักรพรรดิตวนมู่เอ่ยปนยิ้ม
“ก็ดี” จักรพรรดิหมีคงดูท่าทางอยากจะให้เป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน
ฟิ้ว ฟิ้ว!
พลังจักรพรรดิสองกลุ่มทะลวงฟ้าดิน แล้วหยุดการประลองของยอดอัจฉริยะทั้งสองคน
“เคล็ดวิชามิติของท่านนับว่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง การประลองในครั้งนี้จบลงที่เสมอกันเถอะ” จ้าวหยูเฟยยิ้มน้อยๆ
หนานกงเซิ่งฝึกตนถึงขั้นราชันอย่างสมบูรณ์ แล้วยังมีเคล็ดวิชามิติที่แปลกประหลาด นับได้ว่ายากที่จะรับมือจริงๆ
“สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของศิษย์น้องจ้าวชวนให้อิจฉานัก ข้าก็ทำได้เพียงประคับประคองไม่ให้พ่ายแพ้ต่อเจ้า”
หนานกงเซิ่งผ่อนลมหายใจออกมา
สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์ เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
จ้าวหยูเฟยคนนี้มีอายุน้อยกว่าเขา ในภายหน้าต้องล้ำหน้าเขาไปอย่างแน่นอน
เพราะอย่างไรความพิเศษของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็คือความเร็วในการฝึกตนที่อยู่เหนือผู้ใดในฟ้าดิน เพียงแค่มีสำนึกรู้ในจิตวิญญาณมากพอ ก็แทบจะไม่มีขีดจำกัดในการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
“หยูเฟย การต่อสู้ในครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก ไม่ได้แตะต้องเอาพลังของโลกมิติส่วนตัวมาใช้อย่างจริงจัง ก็สามารถสู้รบตบมือกับหนานกงเซิ่งได้ถึงขนาดนี้” เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเอ่ยอย่างชื่นชม
ความสามารถของจ้าวหยูเฟยถูกฝึกฝนขัดเกลาจากการประลองทดสอบฝีมือในครั้งนี้
เดาได้เลยว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อเสียงเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟยจะต้องสะเทือนทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แน่
ในวันนั้น
จ้าวหยูเฟยและตวนมู่ชิงกลับไปที่คฤหาสน์จักรพรรดิด้วยกัน
“พี่จ้าวเฟิง ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”
จ้าวหยูเฟยมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจยามจ้องมองไปที่เรือนผมสีม่วงงดงามของจ้าวเฟิง
บนร่างจ้าวเฟิงสาดซัดระลอกคลื่นพลังวิญญาณออกมาจางๆ ทำให้ตวนมู่ชิงต้องตกใจ
เขาที่อยู่ขั้นจักรพรรดิกลับไม่สามารถมองเห็นพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ตวนมู่ชิงจึงมองไปที่จ้าวหยูเฟยอย่างมีนัย
“พี่จ้าวเฟิง หรือบางทีพวกเราน่าจะประลองแลกเปลี่ยนวิชากันสักหน่อย”
จ้าวหยูเฟยยิ้มอย่างนึกสนุก