บทที่ 669 ศึกใหญ่กลางอากาศ
ในชั่วเวลาสั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ทำให้บุรุษหยางกวงและเมิ่งซีตั้งตัวไม่ทัน ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
สัตว์อสูรในขั้นราชัน ดวงตาข้ามระยะทาง และหนานกงเซิ่ง แทบจะโจมตีเวินลั่วอันในเวลาเดียวกัน
อีกทั้งวินาทีก่อนหน้านี้
บุรุษหนุ่มหยางกวงและเมิ่งซีกำลังปรึกษาหารือกันว่าจะสังหารจ้าวเฟิงอย่างไร
“เหอะ!”
ดวงตาข้ามระยะทางกลางอากาศเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
บุรุษหนุ่มหยางกวงและเมิ่งซีมีเจตนาต้องการจะสังหารเขา จ้าวเฟิงไยจะคาดเดาไม่ออก
การโดนกระทำไม่ใช่วิสัยของจ้าวเฟิง
ดวงตาเทพเจ้าเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่สุดของเขา แล้วยังมีสามารถควบคุมได้ดีอย่างยิ่ง
ดวงตาข้ามระยะทางเทียบเท่าพลังของอัจฉริยะทั้งสาม จ้าวเฟิงที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ถือได้ว่าอยู่ในระดับขั้นที่สูงส่งยิ่งกว่า
ชิงลงมือก่อนเป็นการได้เปรียบ ลงมือช้าจะเสียเปรียบกว่า
จ้าวเฟิงจะโง่ถึงขนาดปล่อยให้บุรุษหนุ่มหยางกวงและเมิ่งซีดาหน้ามาสังหารเขาได้อย่างไร ก่อนที่จะออกจากสุสาน จ้าวเฟิงประสบความสำเร็จในการเกลี้ยกล่อมหนานกงเซิ่งให้ออกหน้าช่วยเหลือเขา
นึกว่าจะช้าแต่กลับเร็วอย่างเหลือเชื่อ!
บุรุษหนุ่มหยางกวงโดนคุกกักวิญญาณของจ้าวเฟิงขังร่างเอาไว้
การโจมตีของสัตว์อสูรในขั้นราชันและหนานกงเซิ่งมาถึงในเวลาเดียวกัน
โครม เปรี้ยง!
‘รอยแยกเวหามายา’ ของหนานกงเซิ่งตัดลงบนลำคอของบุรุษหนุ่มหยางกวง
บนผิวหนังสีทองของบุรุษหนุ่มหยางกวงปรากฏรอยแผลเส้นสายหนึ่งมีคราบเลือดไหลออกมา
เพี๊ยะ โครม!
สัตว์อสูรขั้นราชันปะทะเข้ากับเวินลั่วอัน แต่กลับโดนเมิ่งซีที่อยู่ข้างกายสกัดกั้นเอาไว้ แต่ก็ยังมีระลอกพลังที่หลงเหลือกระทบลงบนร่างของบุรุษหนุ่มหยางกวง
การโจมตีในรอบแรก
บุรุษหนุ่มหยางกวงร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รักษาชีวิตไว้ได้
แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้พ้นจากอันตรายไปเสียทีเดียว เพียงแค่หนานกงเซิ่งคนเดียวก็ทำให้เขาลำบากไม่น้อยแล้ว
‘เนตรสวรรค์’ บนอากาศเหนือศีรษะสาดซัดกลิ่นอายพลังราชัน คุกกักวิญญาณที่สำแดงออกมาก็เพียรพยายามจะกักขังเขาไว้อย่างสุดแรงเกิด
ตุบ เคร้ง!
ลำแสงเงากริชเส้นสายหนึ่งพาดผ่านลงบนใบหน้าของบุรุษหนุ่มหยางกวงจนทิ้งคราบเลือดเอาไว้
เผ่าพันธุ์นักรบสุริยันเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ การโจมตีและป้องกันล้วนแต่อยู่ในขั้นที่สมบูรณ์พร้อม ไร้จุดบอดใด
จากการคุ้มครองป้องกันของเผ่าพันธุ์นักรบสุริยัน การโจมตีของหนานกงเซิ่งและกริชจักรพรรดิเงาสังหารไม่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตได้
“มิติมายามาร!”
รอบกายของเมิ่งซีปรากฏลำแสงห้วงฝันขมุกขมัวทะลวงไปในอากาศ แล้วครอบคลุมคนทั้งหมดกลางวงต่อสู้ไว้
ในลำแสงห้วงฝัน คนทั้งหมดเหมือนถูกกดอยู่ในมหาสมุทรลึกเวิ้งว้าง สี่ด้านมีน้ำถาโถมกดทับเข้ามา
ความเร็วของหนานกงเซิ่งและสัตว์อสูรในขั้นราชันโดนจำกัดเอาไว้
ภาพบรรยากาศห้วงความฝันที่ลึกล้ำแทรกซึมออกมายังโลกความเป็นจริง
หากทุกคนล้วนแต่ตกอยู่ในมหาสมุทรลึก เช่นนั้นแล้วการป้องกันของฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ย่อมได้เปรียบกว่า
“ไม่เสียทีที่เป็นรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ สายเลือดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองร่วมมือกันจะสังหารคนๆ หนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…”
ดวงตาข้ามระยะทางของจ้าวเฟิงมองด้านล่าง รู้สึกสะท้อนในอกไม่น้อย
พลังดวงตาของเขาหมดไปกับการเรียก ‘คุกกักวิญญาณ’ เพื่อใช้จับเวินลั่วอัน
“กระบี่ฟ้าดิน!”
หนานกงเซิ่งตะโกนลั่น ในวินาทีที่โบกสะบัดมรดกดาบก็เกิดการสั่นสะเทือนในอากาศ มิติมายามารได้รับผลกระทบไปด้วย
กระบี่ฟ้าดินปลดปล่อยลำแสงกระบี่สุกสกาวออกมา ฟาดฟันลงไปบนร่างของบุรุษหนุ่มหยางกวง
โครม!
ร่างของเวินลั่วอันสั่นสะท้าน เลือดไหลบริเวณมุมปาก ผิวกายสีทองเรืองรองดูอับแสงลงไปหลายส่วน
“ทำได้ดี”
ในใจของจ้าวเฟิงนึกยินดี ไม่เสียทีที่หนานกงเซิ่งเป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งจากสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น
กำลังรบโดยรวมของหนานกงเซิ่งถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาอัจฉริยะทั้งหมด
เมิ่งซีและเวินลั่วอันทำได้เพียงแค่ยืนหยัด พยายามที่จะไม่พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเขา
“เลือดสุริยันพิชิตฟ้า!”
เวินลั่วอันคำรามเสียงต่ำ สายเลือดนักรบสุริยันในร่างเดือดพล่านขึ้นมา
ในวินาทีนั้นเอง
จิตตั้งมั่นของเวินลั่วอันหรือกระทั่งสายเลือดและปราณที่แท้จริง ล้วนแต่เพิ่มไปถึงระดับขั้นใหม่ทั้งหมด
วิ้ง~
ในกลุ่มลำแสงสุกสว่าง บริเวณเหนือศีรษะของเวินลั่วอันปรากฏดวงอาทิตย์สีเลือด พลังในฟ้าและดินที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดกลายมาเป็นกองหนุนกำลังรบของเขา
“แย่แล้ว!”
จ้าวเฟิงเรียกใช้วิชาดวงตาและวิญญาณ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
กำลังรบของเวินลั่วอันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าสองเท่าตัวในวินาทีนี้
ดวงอาทิตย์สีเลือดในอากาศเหนือศีรษะทำให้กำลังรบของเขาเพิ่มขึ้นไปเหนือกว่าระดับขั้นราชันที่แท้จริง
ในเวลาดังกล่าว ต่อให้เป็นราชันที่แท้จริงก็ยังต้องสะดุ้งสะเทือน
ดีที่เคล็ดวิชาสายเลือดเพิ่มกำลังรบของเวินลั่วอันเป็นหลัก แต่ในระดับชั้นวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นรอง
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ‘คุกกักวิญญาณ’ ของจ้าวเฟิงก็ยังเปลืองแรงไปมาก
โครม ตูม!
กระบี่ฟ้าดินและหมัดสีทองขนาดใหญ่ของเวินลั่วอันปะทะเข้าหากันอย่างจัง คลื่นพลังน่าหวั่นเกรงทำให้พื้นที่ในรัศมีครึ่งลี้พังราบคาบ
“สวรรค์…”
ในบริเวณเนินหลุมศพ อัจฉริยะส่วนหนึ่งตกใจจนสั่นสะท้านเมื่อมองเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น
โครม!
ร่างของหนานกงเซิ่งกระเด็นถอยหลังไปจั้งสองจั้ง ใบหน้าฉายความหนักใจออกมา
มิติมายามารของเมิ่งซีจำกัดความปราดเปรียวในกระบวนท่าโจมตีของเขา
“จ้าวเฟิง นี่เป็นการร่วมมือกันของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณสองคน อยากจะสังหารเวินลั่วอันนับว่ายากยิ่งนัก”
หนานกงเซิ่งเอ่ย
กำลังรบของเวินลั่วอัน ทั้งการป้องกันและโจมตีไปจนถึงขีดสุด
“วิชาสายเลือดช่วยเสริมกำลังรบ แต่อยู่ได้ไม่นานนัก ถ่วงเวลาเขาไว้”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยเสียงต่ำ ไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นไป
“ถอยไป!”
ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะของเวินลั่วอันทะลักพลังที่ยิ่งใหญ่ เพิ่มกำลังรบและจิตตั้งมั่นให้เขา
ลำแสงโซ่อัสนีที่รัดร่างของเขาสั่นสะท้านน้อยๆ แล้วอับแสงลงบางส่วน
“เตรียมตัวให้ดี ครั้งต่อไปใช้กระบวนท่าที่รุนแรงมากพอจะทำให้อีกฝ่ายตาย”
ดวงตาข้ามระยะทางของจ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นกลางอากาศ
แล้วในวินาทีต่อมานี้เอง
โครม ผัวะ!
ลำแสงโซ่อัสนีสีม่วงที่รัดรอบร่างเวินลั่วอันปริออกแล้วแตกละเอียด สูญสลายกลายเป็นอากาศ
บนใบหน้าของเขามีแววปีติยินดี คิดจะลงมือโต้กลับ
แต่ทว่าเขาเพิ่งขยับก็กลับเจ็บหน้าอก!
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”
คมมีดไร้รูปร่างขนาดสามฉื่อผุดแสงอัสนีพิฆาตสีม่วงชวนสะพรึงขวัญ สอดประสานกันกับลูกไฟสีแดง แล้วทะลุออกมาจากส่วนศีรษะของเวินลั่วอัน
เปรี้ยง ผัวะ!
เนตรพิฆาตที่ไร้รูปร่างทะลวงออกจากส่วนศีรษะจนทำให้เกิดรอยเลือด
“อะไรกัน!” เมิ่งซีตกใจจนใบหน้าถอดสี
“อ๊าก…”
ร่างของเวินลั่วอันค้างแข็ง บริเวณศีรษะที่มีเลือดไหลได้ระลอกพลังสีทองสว่างสมานบาดแผลอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าเนตรพิฆาตผ่านอากาศแฝงไปด้วยพลังเสวียนอ้าวของวายุอัสนีพิฆาตสีชาด เมื่อทะลวงผ่านศีรษะแล้ว ยังคงเผาผลาญไม่หยุด
“รอยแยกเวหามายา!”
หนานกงเซิ่งชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง คมมีดสีเงินที่ปริร้าวน้อยๆ ในมือทิ่มแทงไปที่รอยเลือดบนศีรษะของเวินลั่วอัน
วูบ ฟุ่บ!
บริเวณหนังศีรษะสีทองของเวินลั่วอันมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง มีดสีเงินนั้นแทงเข้าไปลึกราวครึ่งฉื่อ
นี่ต้องยกความดีความชอบให้จ้าวเฟิงที่ใช้เนตรพิฆาตทะลวงออกมาจากภายใน
ทั้งในและนอกผสานกัน รวมกันเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์
นี่ยังไม่จบ!
เพี๊ยะ ฉัวะ!
แสงคมมีดของกริชมืดสนิทคล้ายเงา แทงทะลุบริเวณด้านหลังศีรษะของเวินลั่วอัน
เป็นกริชจักรพรรดิเงาสังหารของเจ้าแมวขโมย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ศีรษะของเวินลั่วอันจึงมีเนตรพิฆาตเป็นศูนย์กลาง ทั้งสองฝั่งล้วนแต่โดนพุ่งทะลวงจนทำให้คราบเลือดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊าก…” บุรุษหนุ่มหยางกวงร้องครวญคราง ร่างกายสั่นสะท้าน
เมื่อเมิ่งซีเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ต้องตกใจอย่างยิ่ง ร่างกายค้างแข็ง นัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อลองคิดดู หากการโจมตีเป็นกลุ่มเช่นนี้เกิดขึ้นกับนาง เกรงว่าก็คงยากจะหนีรอดไปได้
เปรี้ยง ตูม!
ลำแสงสีทองสว่างราวดวงอาทิตย์ปะทุออกจนเกิดเป็นหลุมขนาดร้อยจั้ง
แรงในการทำลายเช่นนี้เกิดขึ้นในอุทยานครึ่งเซียน นับว่าเกินความคาดหมายอยู่เหมือนกัน
หนานกงเซิ่งและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยแหงนหน้าขึ้น มองเห็นบุรุษหนุ่มหยางกวงที่กลายเป็นลำแสงสีทองสุกใสหลบหนีไป
“จ้าวเฟิง ข้าจะต้องสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้นให้ได้”
ใบหน้าของบุรุษหนุ่มหยางกวงบิดเบี้ยวด้วยความเคียดแค้นขณะตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง
เพราะปฏิกิริยาจากพลังดวงตาของ ‘เนตรมรณะ’ เขาจึงพอคาดคะเนที่อยู่ของจ้าวฟิงได้
วูบ!
ดวงตาไร้รูปร่างปรากฏขึ้นบนฟ้า
จ้าวเฟิงค้นพบว่าบาดแผลคราบเลือดในส่วนศีรษะของบุรุษหนุ่มหยางกวงยังไม่ทันหายดีผ่านดวงตาข้ามระยะทาง
“อาการบาดเจ็บเช่นนี้รุนแรงมากพอจะสังหารครึ่งก้าวสู่ราชันได้ อีกไม่เกินสิบหรือสิบกว่าครั้ง”
จ้าวเฟิงสะท้อนในอก
รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณในร้อยอันดับแรกย่อมไม่สามารถรับมือได้แบบธรรมดา
“ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์!”
ลำแสงสีรุ้งโปร่งแสงที่เย็นยะเยือกตรงลงมาจากฟ้า ทะลวงผ่านร่างของบุรุษหนุ่มหยางกวง
ร่างของบุรุษหนุ่มหยางกวงสั่นน้อยๆ
ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้
“แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง!” ลำแสงสีฟ้าเจิดจ้าผุดปลายมีดแหลมคมเย็นยะเยือกออกมานับไม่ถ้วน จากนั้นพุ่งตรงไปยัง ‘สุริยันสีเลือด’ เหนือศีรษะของบุรุษหนุ่มหยางกวง
โครม!
‘สุริยันสีเลือด’ บนศีรษะของเวินลั่วอันเริ่มไม่มั่นคงเมื่อโดนแยกเป็นชิ้นๆ ทั้งยังอับแสงลงไปหลายส่วน
จ้าวเฟิงใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างบั่นทอนพลังวิชาของเวินลั่วอัน
แล้วในเวลานี้เอง
หนานกงเซิ่งใช้ท่าร่าง กลายเป็นเงาสีเงินบินผ่านไป แล้วใช้กระบี่ฟ้าดินในมือตวัดลงไปที่แผลบนศีรษะของเวินลั่วอัน
ฟากเมิ่งซีที่อยู่ด้านล่างโดนเจ้าแมวขโมยตัวน้อยและสัตว์อสูรขั้นราชันควบคุมไว้ได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ดีมาก เมิ่งซีและเวินลั่วอันแยกกันแล้ว” สีหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความปีติ
โชคดีที่เขามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างหนานกงเซิ่ง
กลางท้องฟ้าของอุทยาน
การต่อสู้กลางอากาศทำให้สะท้านในดวงวิญญาณ บรรดาอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องล่างใจสั่นระรัว
ไม่ว่าเวินลั่วอันจะหลบซ่อนอย่างไรก็หลบไม่พ้นหนานกงเซิ่งและดวงตาข้ามระยะทาง
พรสวรรค์มิติของหนานกงเซิ่งก็มีวิชาข้ามมิติ จึงเกาะติดบุรุษหนุ่มหยางกวงไม่ปล่อย
ส่วนเนตรสวรรค์ดวงนั้นลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ทัศนวิสัยกว้างไกลอย่างยิ่ง
เวิ่นลั่วอันตกอยู่ในสถานการณ์โดนทำร้ายในพริบตาเดียว
“หนานกงเซิ่งและเนตรสวรรค์ร่วมมือกัน ช่างเป็นการต่อสู้กลางอากาศที่น่าชมยิ่ง”
“ดวงตาข้ามระยะทางดวงนั้น เหตุใดจึงเหมือนดวงตาของศิษย์น้องจ้าวยิ่งนัก?”
เหล่าอัจฉริยะในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินมองเบาะแสออกหลายอย่าง
โครม เปรี้ยง!
บุรุษหนุ่มหยางกวงต้องแบกรับการโจมตีอย่างรุนแรง จึงรู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าเขาไม่ย่อท้อ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ก่อนตรงดิ่งไปทางห้องเก็บตำรา
เวลาสองชั่วยามจากนั้น
สุดท้ายแล้วบุรุษหนุ่มหยางกวงก็ไปถึงที่ตั้งของห้องเก็บตำรา
ในเวลานี้จ้าวเฟิงและเวินลั่วอันห่างกันอยู่หลายสิบจั้ง
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”
ไอใบมีดไร้รูปร่างขนาดสามฉื่อทะลวงออกจากอกของเวินลั่วอันอีกครั้ง
โครม ฉัวะ!
เลือดสาดกระจาย ผิวหนังสีทองเรืองรองของเวินลั่วอันมีรอยแผลอีกครั้ง ลำแสงสีทองบนร่างหม่นลงไปกว่าครึ่ง
“จ้าว…จ้าวเฟิง!”
เวินลั่วอันเลือดโทรมร่าง ฝีเท้าโซเซเดินไปยังห้องเก็บตำรา
คนในละแวกใกล้เคียงล้วนดูออกว่าบุรุษหนุ่มหยางกวงไม่สามารถทำอะไรได้แล้วด้วยอ่อนกำลังลง
หนานกงเซิ่งขมวดคิ้วน้อยๆ และไม่ได้โจมตีซ้ำอีก
เขาหยิ่งผยองในตนเอง ไม่ยินยอมโจมตีอัจฉริยะรุ่นเดียวกันที่เกือบจะย่างเท้าเข้าสู่ห้วงมรณะแล้ว
“จ้าวเฟิง ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปลงหลุมด้วย!”
เวินลั่วอันเผาผลาญปราณที่แท้จริงในร่าง ลำแสงเพลิงสีทองห่อหุ้มทั่วร่าง เบื้องหลังปรากฏดวงอาทิตย์เลือดสีทองสว่างขนาดยักษ์
แย่แล้ว! สีหน้าของหนานกงเซิ่งเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าเวินลั่วอันผู้นี้ต้องการจะให้ทุกคนตายตกไปตามกัน
วูบ! หนานกงเซิ่งใช้ท่าร่างมิติรีบร้อนหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในวินาทีที่หลีกหนี เขามองเห็นแสงสีเลือดสว่างแสบตาเกี่ยวกระหวัดเวินลั่วอันที่อยู่ในกลุ่มลูกไฟเพลิง ก่อนมันจะระเบิดออกมา แล้วกลืนกินห้องเก็บตำราทั้งหมดไป
โครม ตูม! ห้องเก็บตำราระเบิดออก แล้วจึงโดนกลุ่มลำแสงเจิดจ้ากลืนไปจนหมด พลังต้องห้ามในระดับนี้ ถึงจะเป็นราชันก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน ห้องเก็บตำราทั้งหมดราบเรียบเป็นหน้ากลอง นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดอุทยานครึ่งเซียนที่สิ่งก่อสร้างถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
อึก! หนานกงเซิ่งโดนระลอกพลังจนกระอักเลือดกลางอากาศ
จากนั้นร่วงลงบนพื้น เขายากจะคาดคิดได้ว่า จ้าวเฟิงที่ต้องแบกรับใจกลางพลังต้องห้ามภายในห้องหนังสือนั้นจะตกอยู่ในสภาพแบบไหน
ในวินาทีเดียวกัน
กึก กึก~~
อากาศภายในอุทยานครึ่งเซียนสั่นสะท้านน้อยๆ ลำแสงสาดออกไปทั่วทิศทาง“อุทยานครึ่งเซียนกำลังจะปิดลง!”