Skip to content

King of Gods 664

King Of Gods

บทที่ 664 เจ้าแมวขโมยตัวน้อยสำแดงเดช

อัจฉริยะราชันทั้งสามคนปะทะฝีมือกัน จ้าวเฟิงเริ่มจะนั่งไม่ติดเมื่อสถานการณ์กำลังจะถึงจุดแตกหัก

“ทันทีที่เมิ่งซีและเวินลั่วอันร่วมมือกันจัดการหนานกงเซิ่งได้สำเร็จ จะไม่ส่งผลดีกับข้าอย่างมาก”

จ้าวเฟิงไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

หนานกงเซิ่งมีพลังเท่าไหร่ มีความสามารถขนาดไหน แต่อย่างไรก็มาจากสำนักสามดาวเสวียนเจินเช่นเดียวกับจ้าวเฟิง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การร่วมมือกันระหว่างเมิ่งซีกับเวินลั่วอันจะทำให้จ้าวเฟิงตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่า

เปรี้ยง เปรี้ยง โครม!

หนานกงเซิ่งเรียกเคล็ดวิชาป้องกันทางมิติออกมา ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของเวินลั่วอันและเมิ่งซีได้ช่วงหนึ่ง

วูบ!

เงาสีเงินสว่างวาบบนพื้น หนานกงเซิ่งกุม ‘เลือดครึ่งเซียน’ บินตรงดิ่งไปยังด้านนอกสุสานใจกลาง

“คุกสวรรค์มายามาร!”

มือนวลเนียนราวหยกของเมิ่งซีโบกสะบัดน้อยๆ เส้นเงามายาที่เกาะกลุ่มหนาแน่นสานต่อกันเป็นคุกมายา หลอมรวมเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง แล้วขัดขวางท่าร่างมิติของหนานกงเซิ่งไว้

“หมัดผนึกสวรรค์!”

บุรุษหนุ่มหยางกวงทะยานผ่านฟ้า เงาลำแสงหมัดสีทองขนาดมหึมาหมุนคว้างในอากาศเป็นชั้นเงาทับซ้อน แล้วปิดผนึกทางหนีทีไล่ของหนานกงเซิ่ง

คมดาบแหวกนภา!

หนานกงเซิ่งเอื้อมมือจับ ‘กระบี่ฟ้าดิน’ ในมือแล้วกวัดแกว่งขึ้นในทันที ทิ้งรอยแยกสีเงินสว่างราวใยแมงมุมไว้กลางอากาศ จากนั้นกลิ่นอายต้องห้ามก็สาดซัดออกไปทั่วบริเวณ

เปรี้ยง โครม!

ร่างของหนานกงเซิ่งสั่นน้อยๆ ลำแสงสีเงินบนร่างของเขาอับแสงลงไปกว่าครึ่ง

ในตอนนี้ยังมีเสียงร้องคำรามโจมตีของสัตว์อสูรในขั้นราชัน พลังมหาศาลของราชากดทับลงมา

อึก!

ร่างของหนานกงเซิ่งถอยร่นไปไกล มุมปากมีคราบเลือดไหล เลือดครึ่งเซียนในมือหลุดออกจากการควบคุมไปอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำและมีสีหน้าเคียดแค้น

เมื่อประมือกันแบบตัวต่อตัว ทั้งบุรุษหนุ่มหยางกวงและเมิ่งซีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหากสู้กันเป็นเวลานาน

แต่ไม่ว่าอย่างไร เมิ่งซีก็ได้สัตว์อสูรในขั้นราชันมาครอบครอง ทั้งยังได้ความช่วยเหลือจากม้ามืดอย่างบุรุษหนุ่มหยางกวงอีกด้วย

“จัดการเขาก่อน!”

เมิ่งซีหัวเราะเสียงเย็น เรือนผมสลวยราวน้ำตกยาวออกมาหลายเท่าตัวเมื่ออยู่ภายในลำแสงห้วงฝันที่เลือนราง และใช้ ‘คุกสวรรค์มายามาร’ กักขังเลือดครึ่งเซียนเอาไว้ภายใน

บุรุษหนุ่มหยางกวงและสัตว์อสูรในขั้นราชันทะยานไปหาหนานกงเซิ่ง

ในขณะที่เมิ่งซีควบคุมเลือดครึ่งเซียนด้วยมิติมายามารอยู่นั้น ก็ได้จำกัดการหลบหนีของหนานกงเซิ่งเช่นกัน

เห็นได้ชัดเลยว่า คนทั้งสองร่วมมือกันเพื่อต้องการสังหารหนานกงเซิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ต้องการทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าไม่อาจฉกชิงเลือดครึ่งเซียนมาไว้ในครอบครองได้ในเวลาสั้นๆ แน่

“หากข้าจะหนีย่อมไม่ยากอะไร แต่ถ้าจะให้ยอมมอบเลือดครึ่งเซียนให้ล่ะก็…”

หนานกงเซิ่งมีท่าทีอับจนหนทางและไม่ยินยอม

แล้วในวินาทีนี้เอง

แววตาของเขาก็มองไปที่อากาศฝั่งตรงข้าม ใจพลันสั่นสะท้าน

ถ้าจะพูดให้แน่ชัดก็คือ แววตาของหนานกงเซิ่งมองอากาศด้านหลังเมิ่งซี

โครงร่างเลือนรางของดวงตาค่อยๆ ปรากฏขึ้น

เมี้ยว~

มุมใดมุมหนึ่งของทางเดินในสุสานก็ปรากฎแมวสีเทาเงินตัวหนึ่งขึ้นในฉับพลัน

ฟุ่บ!

กริชลึกลับกึ่งโปร่งแสงเล่มหนึ่งกระตุ้นลำแสงเงาใบมีดออกมาในอากาศ แล้วหายไปในทันที

ส่วนเงามีดนั้นกลมกลืนไปกับพื้นหลังที่มืดมิด มีจิตสังหารทะลวงผ่านวิญญาณ

“กริชจักรพรรดิเงาสังหาร!”

บุรุษหนุ่มหยางกวงร้องคำรามเสียงต่ำก่อนรีบเร่งเอ่ยเตือน

เพราะว่ากริชจักรพรรดิเงาสังหารที่ปรากฏออกมานั้นตรงดิ่งไปยังดวงตาของเมิ่งซี

“การลอบสังหารจากเงามีดของเคล็ดวิชาลับที่หลอมรวมเข้ากับอากาศ”

แววตาของหนานกงเซิ่งสว่างวาบ

คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแมวตัวน้อยที่มีขนาดประมาณฝ่ามือนั่นจะสามารถใช้กระบวนท่าสังหารข้ามมิติมาถึงขอบเขตพลังเช่นนี้

เกรงว่าคงไม่มีครึ่งก้าวสู่ราชันธรรมดาคนใดหลบหลีกการสังหารของกริชเล่มนี้ได้

หน้าของเมิ่งซีเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รู้สึกได้เพียงไอสังหารที่เย็นยะเยือกทะลวงผ่านวิญญาณของตัวเอง ดวงตาค่อยๆ เจ็บปวดทรมาน

ต่อให้นางอยู่ในมิติมายามารก็ไม่ยินยอมที่จะรับการโจมตีเช่นนี้ตรงๆ

เพราะกริชเล่มนั้นเป็นกริชจักรพรรดิเงาสังหารที่มีพลังเทียบเท่าได้กับกระบี่ฟ้าดินและธนูเหนือนภาเสียด้วยซ้ำไป

กริชจักรพรรดิเงาสังหารรวมศาสตร์การลอบสังหารและเคล็ดวิชาข้ามมิติไว้ด้วยกัน มีระดับการโจมตีที่แน่นอน ไม่สนใจการป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ขนาดร่างเงามรณะขององครักษ์แห่งความตายยังเคยโดนทำร้ายมาก่อน

เปรี้ยง โครม!

เมิ่งซีสัมผัสได้ว่ามิติมายามารของตนเองโดนกริชเล่มนั้นทะลวงผ่าน

“เปิด!”

เมิ่งซีทำได้เพียงแค่สะบัดเรือนผมยาวที่ล้อมรอบด้วยลำแสงมายาเพื่อตั้งรับ ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’

ถึงอย่างไรมือข้างหนึ่งของนางก็กุมกิเลนหยกสีม่วงเพื่อควบคุมสัตว์อสูรในขั้นราชันอยู่

ส่วนมืออีกข้างใช้ควบคุมหนานกงเซิ่ง

วูบ!

เรือนผมยาวสลวยราวม่านน้ำตก เมื่อได้พลังมายามารแล้วอานุภาพก็เพิ่มสูงขึ้น กำลังรบเข้าใกล้ขั้นราชันไปทุกที

กริชจักรพรรดิเงาสังหารถูกกลืนหายไปในชั่วขณะหนึ่ง

หนานกงเซิ่งลอบตกใจ แต่ในวินาทีต่อมาใจของเขาก็ต้องเต้นถี่เมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

“ไม่ใช่สิ!”

เมิ่งซีเอ่ยเสียงต่ำ นางพบว่ากริชจักรพรรดิเงาสังหารหายไปจากมิติมายามาร แล้วจึงมีกลิ่นอายแปลกประหลาดที่ไม่คุ้นเคยแทรกซึมเข้ามาในพลังมายามารของนาง

“โครม เปรี้ยง!”

กริชจักรพรรดิเงาสังหารปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วพุ่งผ่านข้อมือข้างหนึ่งของเมิ่งซี

พูดให้ชัดเจนอีกหน่อยก็คือ กริชจักรพรรดิเงาสังหารเล่มนั้นปรากฏขึ้นด้านในของข้อแขนเมิ่งซีก่อนจะทะลุผ่านออกมา

“เคลื่อนย้ายมิติ?”

หนานกงเซิ่งมีสีหน้าตกใจ ด้วยพรสวรรค์ด้านมิติของเขา มองเพียงปราดเดียวก็รู้หลักการในการหายไปและปรากฏขึ้นของกริชจักรพรรดิเงาสังหาร

“กรี๊ด…”

เมิ่งซีกรีดร้อง ข้อมือของนางโดน ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’ ทะลวงผ่านจนเลือดไหลออกมา และที่บังเอิญไปมากกว่านั้นคือ ‘กิเลนหยก’ ที่นางกุมเอาไว้ก็หลุดร่วงออกจากมือด้วย

แย่แล้ว! หน้าของเมิ่งซีเปลี่ยนสี เหมือนรู้สึกถึงอะไรขึ้นมาได้

…กิเลนหยกสีม่วง!

นี่เป็นตัวช่วยพิเศษที่นางใช้ควบคุมสัตว์อสูรในขั้นราชัน

 

ทว่ายังไม่ทันรอให้นางแก้ไขสถานการณ์ได้ ข้างกายของนางก็ปรากฏเส้นเงาสีเงินเข้ม สว่างวาบแล้วหายไป

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวสีเทาเงินตัวหนึ่งเหมือนซุ่มรอคอยมานานแล้ว มันปรากฏตัวบนพื้นแล้วคว้ากิเลนหยกสีม่วงไป

ภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทำให้อัจฉริยะในขั้นราชันอีกสองคนต้องตื่นตะลึง

“ยั้งมือเดี๋ยวนี้!”

เมิ่งซีกรีดร้องออกมา ใบหน้าที่งดงามราวภาพฝันปรากฏร่องรอยความโกรธแค้นถมึงทึง

กิเลนหยกสีม่วงเป็นไพ่ไม้ตายสำคัญที่สุดของนางที่จะใช้ในอุทยานครึ่งเซียนแห่งนี้

มีสัตว์อสูรในขั้นราชันคอบควบคุมสถานการณ์อยู่ ไม่ว่าจะหนานกงเซิ่งหรือว่าบุรุษหนุ่มหยางกวงก็ล้วนแต่ริษยานางอยู่หลายส่วน

ช้าก่อน!

เมิ่งซีกระตุ้นสายเลือดมายามารจนถึงขีดสุด แล้วเส้นลำแสงมายาก็ทะลวงผ่านไปยังจุดที่เจ้าแมวขโมยจะปรากฏตัว

แต่ทว่า ความฉลาดปราดเปรียวและเคล็ดวิชาข้ามมิติของเจ้าแมวสูงส่งอย่างยิ่ง มันใช้วิธีที่ยากจะคาดคิดหลบเส้นลำแสงนั้นไปได้

หากจะพูดเรื่องความคล่องแคล่วปราดเปรียว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครหน้าไหนเทียบเท่าได้กับเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

วงหน้างดงามของเมิ่งซีเข้มลงเล็กน้อย กำลังเตรียมตัวจะลงมือสังหาร

“ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง!”

ลำแสงสว่างเจิดจ้าเกาะกลุ่มกันกลายเป็นปลายมีดแหลมคมเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ทะลวงผ่านมิติมายามารแล้วพุ่งปะทะเมิ่งซี

“นั่นก็คือ…”

ร่างของเมิ่งซีสั่นน้อยๆ มิติมายามารที่ตนเองสร้างขึ้นเกือบจะโดนลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายจนแหลกเป็นสองส่วน พลังก็ลดลงไป

เป็นเขา!

เมิ่งซีแหงนศีรษะมองด้านบน มองเห็นเพียงแค่ดวงตาโปร่งแสงสีฟ้าจ้องมองตนอย่างเย็นชา

เมี้ยว~

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยฉวยโอกาสนี้หายวับเข้าไปในความมืดมิดด้านหลัง

“อย่าให้มันหนีไปได้อีก!”

พรสวรรค์ดวงวิญญาณของเมิ่งซีพอที่จะสัมผัสได้ถึงทิศทางที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยตรงไป

สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ เจ้าแมวขโมยไม่ได้ตรงดิ่งไปยังด้านนอกสุสาน

เมี้ยว เมี้ยว!

ในมือของมันถือกิเลนหยกสีม่วง แยกเขี้ยวเหมือนรอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่า

ในรอยยิ้มนั้นมีความเจ้าเล่ห์อยู่ถึงเจ็ดส่วน แล้วยังมีอีกสามส่วนที่เป็นการดูหมิ่น

มันไม่เพียงแต่ไม่วิ่งหนี ทว่ายังยืนอยู่ที่เดิมอย่างสบายอารม์อีกด้วย

หนานกงเซิ่งและบุรุษหนุ่มหยางกวงล้วนแต่ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง แมวตัวนี้กำลังรบแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ยังไม่พอที่จะประมือกับเมิ่งซี

ทว่าในวินาทีต่อมา พวกเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

โครม! พลังยิ่งใหญ่ของราชันครอบคลุมอยู่บนร่างของเจ้าแมว

วูบ! เจ้าแมวถูกดูดไปโผล่บนร่างของสัตว์เขาเดียวด้วยความช่วยเหลือจากพลังมหาศาลของราชัน

สัตว์อสูรในขั้นราชัน!

อัจฉริยะขั้นราชันทั้งสามหัวใจเต้นกระตุก

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวที่ในมือกุมกิเลนหยกสีม่วงไว้แน่น นั่งอยู่บนตัวสัตว์อสูรในขั้นราชัน มันยืดอกแหงนหน้าด้วยท่าทีหยิ่งผยอง

ท่าทางดีใจจนกระโดดโลดเต้นนั่นทำให้เมิ่งซีแทบจะกระอักเลือดออกมา

“สัตว์อสูรในขั้นราชันโดนมันควบคุมไปแล้ว…”

หนานกงเซิ่งและบุรุษหนุ่มหยางกวงมีสีหน้าตื่นตกใจ ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version