Skip to content

King of Gods 687

King Of Gods

บทที่ 687 บุกเบิกแหล่งทรัพยากร

จ้าวเฟิงให้เด็กน้อยครึ่งเซียนกินเนื้องูเข้าไปก่อน เดิมทีคิดให้เขาเป็น ‘หนูทดลอง’

แต่คาดไม่ถึงว่าเนื้องูในห้วงฝันบรรพกาลจะมีกลิ่นอายดั้งเดิมของฟ้าดิน และมีเลือดเนื้อจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

จ้าวเฟิงหยิบเนื้องูขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วเอาเข้าปากลองสัมผัสดู

จากการแยกแยะในเบื้องต้นก็พบว่า เลือดเนื้อจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในเนื้องูแข็งแกร่งมากกว่าเลือดหัวใจวาฬเสียอีก นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลแฝงอยู่เข้มข้นนัก

“ร่างของข้าดูดซับกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลมากเกินไป แล้วยังเคยใช้เลือดหัวใจวาฬ หญ้าเกล็ดม่วง เลือดครึ่งเซียน ผลของเนื้องูนี้ธรรมดานักสำหรับข้า”

จ้าวเฟิงกระตุ้นปราณแท้จริงเพื่อย่อยเลือดเนื้อจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในเนื้องู

เนื้องูนี้ถึงแม้จะมีคุณค่าสูงนัก แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน

อย่างแรก มันไม่ได้มีประโยชน์พิเศษมากนักสำหรับสภาวะวิญญาณของขั้นราชันขึ้นไป

อีกทั้งเนื้องูแข็งเกินไปจึงย่อยยาก คนที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิด เมื่อกินเข้าไปอาจจะย่อยไม่ได้

แต่เด็กน้อยครึ่งเซียนและเจ้าแมวขโมยไม่สามารถเอาหลักการปกติพวกนี้มาเทียบได้ ทั้งสองดูดซับผลของเนื้องูได้ในระยะเวลาอันสั้น

“นายท่าน เนื้องูพิเศษนี้สามารถกลั่นออกมาเป็น ‘โอสถเลือดจิตวิญญาณ’ ได้ ถึงแม้จะอยู่ใต้ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงลงไปก็ยังดูดซึมได้สบาย”

เด็กน้อยครึ่งเซียนพูดขึ้นมา

ทรัพยากรในฟ้าดินที่ย่อยยากบางอย่าง เมื่อนำไปกลั่นเป็นยาแล้วจะสามารถเพิ่มประสิทธิผลขึ้นได้

ในฐานะที่เคยเป็นครึ่งเซียน เจ้าเด็กน้อยผิวทองจึงเข้าใจวิธีการทำอย่างยิ่ง

“เนื้องูประเภทนี้พบเจอได้ แต่ครอบครองยาก” จ้าวเฟิงสั่นศีรษะน้อยๆ

เขาไม่อยากจะเปิดเผยความลับของห้วงฝันบรรพกาลออกมา นี่เป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่นำมาซึ่งสิ่งของมีค่าในการฝึกตนมากมาย

เด็กน้อยครึ่งเซียนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ ถ้าหากมีเลือดเนื้อเช่นนี้ในปริมาณมาก สายเลือดชีวิตของเขาคงฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเหลือบมองจ้าวเฟิงอย่างสงสัย แต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา

มันคุ้นชินกับกลิ่นอายของเนื้องูนี้มากทีเดียว

จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไรอีกด้วยระแวดระวังเด็กน้อยครึ่งเซียน

“นายท่าน” มีเสียงลอยออกมาจากประคำหมื่นวิญญาณ

ครั้งนี้คือเจ้าหอโครงกระดูก

หลังออกมาจากอุทยานครึ่งเซียน จ้าวเฟิงเก็บเกี่ยวสมบัติล้ำค่ามามากมาย มอบให้เจ้าหอโครงกระดูกไปก็ไม่น้อย

ตอนนี้เจ้าหอโครงกระดูกขึ้นไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงอย่างราบรื่น

อีกทั้งจ้าวเฟิงยังมอบสิทธิ์ในร้อยศพต้องสาปให้เจ้าหอโครงกระดูกหมดแล้ว รวมทั้งโครงกระดูกทองในขั้นยอดผู้สูงศักดิ์นั่นด้วย

สำหรับขั้นราชัน ร้อยศพต้องสาปอาจจะคุกคามอะไรไม่ได้มากนัก แต่สำหรับจ้าวเฟิงแล้วนี่ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

แน่นอนว่าร้อยศพต้องสาปนี้ดูดซึมโลหิตจิตวิญญาณของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดร้อยคนขึ้นไป พลังจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก กับคนต่ำกว่าขั้นราชันลงไปแล้วแทบไร้เทียมทาน

“นายท่าน ตั้งแต่ร้อยศพต้องสาปดูดซึมกลิ่นอายแปลกประหลาดนั่นเข้าไป พลังแฝงก็มีมากขึ้น แล้วยังมีศพบางร่างเลื่อนไปถึงขั้นผู้สูงศักดิ์ด้วย” เจ้าหอโครงกระดูกรายงาน

หืม?

จ้าวเฟิงประหลาดใจอย่างยิ่ง

ในขณะที่ปิดด่านฝึกตนที่ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า เขาเคยให้ร้อยศพต้องสาปดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลเข้าไปจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ศพต้องสาปบางร่างจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเป็นขั้นผู้สูงศักดิ์

เรื่องนี้เป็นผลมาจากปัจจัยมากมาย

อย่างแรก ร้อยศพต้องสาปดูดซึมแก่นแท้จิตวิญญาณของสัตว์อสูรและของล้ำค่าไปมากยิ่งนัก

อย่างที่สอง กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลและประคำหมื่นวิญญาณล้วนส่งผลกระตุ้นพวกมัน

“เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?” จ้าวเฟิงเอ่ยถาม

“นายท่าน หากท่านทุ่มเททรัพยากรกับกลิ่นอายลี้ลับนั้นมากขึ้นอีก เชื่อว่าร้อยศพต้องสาปนี้ย่อมสามารถพัฒนาถึงระดับขั้นผู้สูงศักดิ์ ถึงตอนนั้นร้อยศพต้องสาปก็จะคุกคามราชันได้” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ย

จากการพัฒนาความสามารถของจ้าวเฟิง ของมากประโยชน์ที่ตัวเขามียิ่งน้อยลงไปทุกที

เขาไม่อาจปล่อยให้ตนเองไม่เหลือของล้ำค่าใดได้

แต่ร้อยศพต้องสาปนี้ทำให้เขายังมีของในด้านนี้ได้อยู่

จ้าวเฟิงได้ยินดังนั้นจึงจมลงไปในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง

ถ้าหากว่าร้อยศพต้องสาปเลื่อนถึงระดับขั้นผู้สูงศักดิ์ทั้งหมด แล้วกลืนกินราชันอีกสักสองสามคน เช่นนั้นแล้วอานุภาพต้องน่ากลัวเขย่าขวัญจนราชันต้องหลีกทางให้แน่

“เรื่องทรัพยากร….” แววตาจ้าวเฟิงเป็นประกายในฉับพลัน

ทรัพยากร…เขาคิดถึงห้วงฝันบรรพกาล

ถ้าหากร้อยศพต้องสาปสังหารดูดกลืนสิ่งมีชีวิตในห้วงฝันบรรพกาลได้ ก็จะส่งผลเหนือกว่าการกลืนกินขอบเขตแก่นก่อกำเนิดธรรมดามาก

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งมีชีวิตในห้วงฝันบรรพกาลมีกลิ่นอายดั้งเดิมเข้มข้นกว่าด้วย

“ดี วิธีการที่จริงจังให้เจ้าจัดการแล้วกัน” จ้าวเฟิงเห็นด้วย

แต่เดิมเขาไม่ได้สนใจอะไรในร้อยศพต้องสาปมากนัก แต่ว่าห้วงฝันบรรพกาลมีทรัพยากรดีมากมาย ไม่เอามาใช้ประโยชน์ก็คงสิ้นเปลืองแย่

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเฟิงก็นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลัง นำสตินึกคิดเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลอีกครั้ง

ในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงพบว่าตนเองอยู่ในตำแหน่งเดิมจากคราวก่อน ยังคงเหลือร่องรอยการต่อสู้กับเจ้างูตัวลายอยู่เลย

จุดหมายคือทุ่งหญ้าด้านหน้า!

จ้าวเฟิงคาดคะเนจากสายตา ในละแวกของทุ่งหญ้าจะปรากฏสัตว์เล็กค่อนข้างมาก

แต่แน่นอนว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือริมแม่น้ำ

ริมแม่น้ำเป็นแหล่งน้ำ น่าจะมีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตกินพืชหรือกินเนื้อส่วนหนึ่ง

จ้าวเฟิงครุ่นคิดว่าน้ำในห้วงฝันบรรพกาลจะมีผลลัพธ์อย่างไรกันแน่?

ด้วยเพราะน้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต

ระหว่างทางจ้าวเฟิงยังคงระมัดระวังเตรียมป้องกันตัว ภายหลังยังพบเจอสัตว์ตัวเล็กเช่น แมลง งู กระรอก หรือกระต่ายต่างๆ จ้าวเฟิงก็คว้าติดมือมาด้วยเช่นกัน

จ้าวเฟิงค้นพบว่าเมื่อใช้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ รวมกับ ‘เพลิงเนตรล้างผลาญ’ แล้วได้ผลดีมาก

เนตรจิตวิญญาณเหมันต์ ใช้เพื่อลดความเร็วในด้านความคิดและการเคลื่อนตัวของสัตว์เหล่านั้น

สัตว์เล็กๆ พวกนี้ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีคุณสมบัติแข็งแกร่งมาก แต่ในระดับชั้นวิญญาณก็ยังต่างจากจ้าวเฟิงมากนัก

ส่วนเพลิงเนตรสามารถควบคุมสัตว์พวกนี้ได้

ศพของพวกมันส่วนใหญ่แล้วจ้าวเฟิงทิ้งเอาไว้ในประคำหมื่นวิญญาณ

จ้าวเฟิงใช้มิติเก็บของเก็บสิ่งต่างๆ ภายในห้วงฝันบรรพกาลได้

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ก็เกิดพร้อมกันกับโลกแห่งความจริง

ในประคำหมื่นวิญญาณ เมื่อเหล่าร้อยศพต้องสาปกลืนกินเลือดเนื้อของสัตว์เล็กสัตว์น้อยเหล่านั้นไปแล้ว กลิ่นอายพลังก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน

ในวันแรกก็มีร้อยศพต้องสาปมากมายไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแล้ว

ร้อยศพต้องสาปเหล่านี้ล้วนเป็นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเกือบทั้งหมด มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

“ดีอย่างยิ่ง…”

ภายในประคำหมื่นวิญญาณ นอกจากเจ้าหอโครงกระดูกจะดีใจแล้วยังตื่นตกใจอีกด้วย

ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ว่องไวมากไปแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ถึงสิบวันร้อยศพต้องสาปทั้งหมดก็จะสามารถพัฒนาไปถึงขั้นผู้สูงศักดิ์ ถึงตอนนั้นพลังของพวกมันก็จะขึ้นไปถึงระดับขั้นใหม่ทั้งหมด

อีกทั้งพลังเลือดเนื้อพวกนี้ยังส่งผลหล่อเลี้ยงมากมายกับเจ้าหอโครงกระดูกเหมือนกัน สภาวะโครงกระดูกก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

ในวันที่สาม

จ้าวเฟิงเดินทางมาถึงขอบเขตของทุ่งหญ้าจนสำเร็จ

ความเป็นจริงแล้ว ในสองวันก่อนเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฆ่าสัตว์เล็กๆ

หลังจากถึงทุ่งหญ้า จ้าวเฟิงก็ก้าวเท้าเร็วขึ้น

“ไปที่แม่น้ำก่อน”

จ้าวเฟิงอยากดูสักหน่อยว่า ‘น้ำ’ ของห้วงฝันบรรพกาลจะมีผลอย่างไรบ้าง?

แต่ทว่าจากทุ่งหญ้าไปถึงแม่น้ำเป็นระยะทางถึงสิบเท่าของเมื่อก่อน

จ้าวเฟิงเพิ่มความเร็ว  หากไม่เจอสัตว์เล็กสัตว์น้อยข้างกายในระหว่างทางก็จะไม่จัดการเก็บกวาดมา

ขณะที่จ้าวเฟิงเข้ามาห้วงฝันบรรพกาลเป็นวันที่ห้า

ภายในประคำหมื่นวิญญาณ หุ่นเชิดศพต้องสาปเกินครึ่งพัฒนาถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ทำให้เจ้าหอโครงกระดูกดีใจจนเนื้อเต้น

ทันที่บรรลุเป้าหมาย ร้อยศพต้องสาปที่เขาควบคุมจะมีอานุภาพสามารถคุกคามราชันได้

ในวันที่หก จ้าวเฟิงก็เดินมาถึงสุดขอบของทุ่งหญ้า

ซ่า ซ่า! วิ้ง วิ้ง!

ด้านหน้ามีแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่งซึ่งกว้างไม่กี่จั้ง

“ในที่สุดก็ถึงแล้ว” จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว

หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาเข้ามาอยู่ในห้วงฝันบรรพกาลเป็นระยะยาว พื้นฐานสายเลือดก็ยิ่งแข็งแกร่งและย้อนคืนคล้ายฉบับดั้งเดิม ถึงแม้ว่าการเพิ่มขึ้นนั้นจะไม่มากเท่าเมื่อก่อนก็ตาม

หลังจากถึงริมแม่น้ำแล้ว จ้าวเฟิงก็ยิ่งระมัดระวังและเตรียมพร้อมมากขึ้น

ในฐานะที่เป็นต้นน้ำ บางครั้งที่ริมแม่น้ำก็จะพบเห็นสัตว์ขนาดใหญ่บ้าง เช่น แกะ หมาป่า กวาง

สัตว์ขนาดใหญ่เหล่านี้จะให้จ้าวเฟิงเก็บไว้ก็คงเป็นไปได้ยากยิ่ง

ถ้าหากเจอเข้ากับหมาป่า เสือดาว นกอินทรีประเภทเหล่านี้ ก็อาจจะมีอันตรายเอาได้

แต่ดีที่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีทัศนวิสัยที่แข็งแกร่ง จึงพยายามรักษาระยะห่างกับสัตว์ที่ดุร้ายเอาไว้

“เอาน้ำมาก่อนส่วนหนึ่ง” จ้าวเฟิงเดินไปที่ริมน้ำ ดวงตาเทพเจ้าไม่ลืมมองทะลุผ่านลงไปในน้ำ

นี่เป็นเพียงแค่แม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง ไม่มีสัตว์น้ำรูปร่างใหญ่ใด มีเพียงปลากับกุ้งก็เท่านั้น

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงหยิบน้ำเต้าปราณมรกตออกมาเก็บน้ำไปจำนวนหนึ่ง

แล้วในขณะนั้นเอง ริมแม่น้ำก็เกิดความวุ่นวายโกลาหล เหล่าสัตว์กินพืชอย่างวัว แพะ หรือกระรอกที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็เกิดท่าทีหวาดกลัวจนวิ่งกระจัดกระเจิงไปทั่ว

เสียงหอนเย็นยะเยือกของหมาป่าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ตื่นตกใจ

จ้าวเฟิงใช้สายตาคาดคะเนดู ฝูงหมาป่าหลายสิบตัวได้นำกลิ่นคาวเลือดบ้าคลั่งมุ่งตรงมา

ฝูงหมาป่าพวกนี้ก็มาเพื่อดื่มน้ำและไล่ล่าสัตว์ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง

จ้าวเฟิงก็เป็นเป้าหมายของการโดนตามล่าด้วยเช่นกัน

“ไป!” จ้าวเฟิงขยับห้วงความคิด หนีออกมาจากห้วงฝันบรรพกาล

หมาป่าฝูงนั้น กำลังรบของแต่ละตัวแข็งแกร่งกว่างูลายพร้อยที่เจอครั้งก่อนกว่าสิบเท่า

อีกทั้งหมาป่าเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่เป็นฝูง พลังของจ้าวเฟิงเมื่ออยู่ในห้วงฝันบรรพกาลจะถูกกดลง หากเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าจะเสียเปรียบมาก

ภายในห้อง

จ้าวเฟิงหยิบน้ำเต้าปราณมรกตออกมา เจ้าแมวขโมยตัวน้อยนั่งบนไหล่ ดวงตาสองข้างจ้องมองอย่างเป็นประกาย

จ้าวเฟิงอมยิ้มน้อยๆ แล้วแบ่งน้ำในขวดให้มัน

อึก อึก!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยดื่มน้ำจากแม่น้ำในห้วงฝันอย่างพออกพอใจ และพลันนั่งขัดสมาธิ

จ้าวเฟิงเองก็ดื่มไปอึกหนึ่ง รู้สึกว่ามีความเย็นฉ่ำแทรกซึมผ่านร่างกายและจิตใจ

โดยเฉพาะสายเลือดเหมันต์วารีที่เต้นตุบตุบอย่างรุนแรง แล้วดูดซึมเอาพลังลึกลับที่อยู่ในสายน้ำของห้วงฝันเข้าไป

“อืม! น้ำในแม่น้ำนี้สามารถหล่อเลี้ยงจิตใจกับร่างกาย ทั้งยังดูดซึมได้ง่ายอีกด้วย” จ้าวเฟิงออกจะประหลาดใจ

แม่น้ำในห้วงฝันส่งผลหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจ รวมถึงการย้อนคืนของสายเลือด ผลลัพธ์ที่ได้ต่างจากเลือดเนื้องูก่อนหน้านี้มากนัก

แต่ว่าน้ำในแม่น้ำชุ่มชื้น จึงดูดซึมได้อย่างง่ายดาย

จ้าวเฟิงดื่มเข้าไปอึกใหญ่ แล้วค้นพบว่าระดับขั้นชีวิตของตนเองหรือกระทั่งสายเลือดก็ล้วนแต่เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

“น้ำในแม่น้ำของห้วงฝันบรรพกาลเทียบเท่าได้กับสุราจิตวิญญาณที่ล้ำค่าส่วนหนึ่งในพสุธาจริงๆ” จ้าวเฟิงค่อนข้างแปลกประหลาดใจ

ถ้าหากเขาดื่มน้ำนี้เป็นปริมาณมากในระยะยาว น่าจะส่งผลดีอย่างมากกับสายเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติต่างๆ

จ้าวเฟิงประเมินว่าน้ำในแม่น้ำนี้ คุณค่าของหนึ่งอึกน่าจะเข้าใกล้หนึ่งในพันของ ‘เลือดครึ่งเซียน’ หนึ่งหยด

แน่นอนว่ายิ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ผลของมันก็จะลดลงไปด้วยทุกวัน

หลายวันที่ผ่านมานี้ จ้าวเฟิงไม่ได้เข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลอีก

เขานั่งขัดสมาธิ นอกจากดื่มน้ำจากแม่น้ำในห้วงฝัน กำลังส่วนมากก็หมดไปกับการทำความเข้าใจในขอบเขตพลัง รวมไปถึงการทำลายพลังของเนตรมรณะ

หลายวันต่อมา

ห้องที่จ้าวเฟิงพำนักก็ทะลักพลังที่แข็งแกร่งออกมา ซ้ำยังมีพลังมหาศาลของราชันรวมอยู่ด้วย

ฟิ้ว!

กลางอากาศ ลมพัดปั่นป่วนรุนแรง สายอัสนีฟาดลงมา ฟ้าดินในละแวกใกล้เคียงมืดมิดเลือนราง

พลังมหาศาลของราชันที่เพิ่งถือกำเนิดเหมือนกับจงใจเก็บกักไว้ คงอยู่แค่ไม่กี่ช่วงลมหายใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ว่านี่ก็ดึงดูดความสนใจของบรรดาราชันส่วนหนึ่งในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินแล้ว

“พลังของราชัน สำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก

เขาไม่ได้ใช้สุราเซียนมายาที่เหลือครึ่งแก้ว สุดท้ายก็พึ่งตัวเองสร้างสำนึกรู้ราชาขึ้นมาได้

เพราะมีความลึกซึ้งในยามก่อน รวมไปถึงระดับขั้นดวงวิญญาณที่แกร่งกล้า การบรรลุพลังราชันที่สมบูรณ์จึงไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรเลยสำหรับเขา

ในเวลาเดียวกัน

จากการที่จ้าวเฟิงใช้สุราเพลิงมังกร สุราเมฆาอัสนี และดื่มน้ำในห้วงฝันบรรพกาล ลักษณะของแก่นผลึกในร่างกายจึงมาถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version