บทที่ 842 มองสถานการณ์จากเบื้องบน
นอกคฤหาสน์เสียหยาง
ร่างเกล็ดดำของมังกรวารีล้างโลกาบินวนคดเคี้ยวอยู่กลางฟ้า บางคราจะตะปบกรงเล็บลงบน ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’ ทำให้เส้นแสงโลหิตม่วงนับร้อยพันกระจาย
“ฮี่ฮี่ การละเล่นนี้เพิ่งจะเริ่ม! หมากของข้าเริ่มส่งผลแล้ว…”
สีหน้ามังกรวารีทมิฬมีเลศนัย
มันรู้ชัดถึงสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของทั้งคฤหาสน์ผ่าน ‘ตราประทับล้างโลกา’
มุมมองเช่นนี้เหมือนกับคนนอกมองการต่อสู้ในกรงจากเบื้องบน
เวลาเดียวกัน มุมหนึ่งในคฤหาสน์ สองเงาร่างเรือนผมม่วงซ่อนตัวอยู่ระหว่างไม้ใหญ่ในลานที่พัก
“เป้าหมายจู่โจมต่อไปคือหอกระบี่ฟ้า”
“เซียนกระบี่ของสำนักนั้นไม่ใช่ผู้อาวุโสธรรมดา ครั้งนี้ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น”
เงาคนทั้งสองมีเค้าใบหน้าเหมือนจ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งไม่ผิดเพี้ยน
ขณะนั้นเอง
เสียงที่ดูแคลนมนุษย์ทุกผู้ดังขึ้นข้างหูพวกเขา พร้อมด้วยอำนาจมังกรทำลายล้างที่ไร้รูป “ทำสิ่งใดให้ระวัง สองโจรตัวจริงอาจมองตัวตนของพวกเจ้าออกแล้ว”
“ขอรับ! นายท่านมังกรวารี!”
ใบหน้าคนผมม่วงทั้งคู่มีความเคารพยำเกรง
ยามนี้ กำลังคนของ ‘หอกระบี่ฟ้า’ ที่อยู่ไม่ไกล เข้าไปในหอโลหะทรงหกเหลี่ยมหลังใหญ่
หอทรงหกเหลี่ยมสร้างจากโลหะสีแดงเข้มทั้งหลัง ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็แผ่กลิ่นอายร้อนแรง
“หอหลอมศาสตรา”
ผู้เฒ่าเคราขาวของหอกระบี่ฟ้าแววตาวาววับ นึกชื่อของหอใหญ่นั้นออก
ได้ยินดังนั้น อัจฉริยะหลายคนด้านหลังพากันจิตใจฮึกเหิม
“ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงร้องของ ‘กระบี่ชั้นเลิศ’…”
ชายแก่เคราขาวหลับตาเล็กน้อย ก่อนเข้าสู่ขอบเขตของศาสตร์กระบี่ที่ลึกลับยิ่ง
วูบ! ทันใดนั้น ผมและเคราขาวของเขาพลิ้วไหวแม้ไร้ลม ดวงตาสาดแสงจิตกระบี่ที่สะเทือนทั่วฟ้า
“ใครกัน!”
เซียนกระบี่เคราขาวหันไปโดยไร้สัญญาณเตือน
พริบตานั้น ลำแสงช่วงโชติกึ่งโปร่งใสซึ่งโอบล้อมด้วยเงาแสงกระบี่สีสันแพรวพราว ทะลวงผ่านทั้งขอบเขตรูปธรรมและนามธรรม ตรงเข้าทิ่มแทงต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง
“อ๊าก!” “จิตกระบี่โจมตีน่ากลัวนัก!”
บนต้นไม้ในลาน สองเงาร่างผมม่วงใจสั่นสะท้าน
ชั่วครู่เดียว ใบหน้าเฉียบขาดน่าเกรงขามของผู้เฒ่าขยายใหญ่ไร้สิ้นสุดในสายตา แสงเงากระบี่ที่มืดฟ้ามัวดินทำให้ทั้งสองคนจิตใจปั่นป่วน
“ชิ!”
คนผมม่วงทั้งสองแค่นเสียงขึ้นจมูกอยู่ที่เดิม ก่อนแปลงกายเป็นแสงสีเงินม่วง หายลับเข้าไปในสวนที่ห่างไกลโดยฉับพลัน
“ผู้อาวุโสเซียนกระบี่ สองคนนั้นน่าจะเป็นมารคู่ผมม่วง”
ชายหนุ่มฝึกกระบี่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นคนหนึ่งเอ่ยทั้งสีหน้าเคารพ
เมื่อครู่ อานุภาพศาสตร์กระบี่ของผู้เฒ่าเคราขาวช่างน่าสะพรึงขวัญ จิตกระบี่ไร้ลักษณ์ทะลวงผ่านขอบเขตรูปธรรมและนามธรรม
“ฮึ! แค่พวกคนพาลต่างเผ่าพันธุ์สองคน! ข้ายังไม่อยากสิ้นเปลืองพลังชีวิตไปกับพวกมัน”
ผู้เฒ่าเคราขาวหัวเราะเยาะหยัน
กล่าวจบ เขานำคนของหอกระบี่ฟ้าเดินไปทางหอสูงทรงหกเหลี่ยมนาม ‘หอหลอมศาสตรา’
ด้านหน้าหอสูงดังกล่าวมีประตูเหล็กกล้าบานใหญ่สีดำสนิท
ประตูมืดดำขวางฝีก้าวของกลุ่มคนจากหอกระบี่ฟ้าไว้
“ภายในหอหลอมศาสตราต้องมีอาวุธวิเศษชั้นเลิศอยู่แน่ หากได้จำพวกกระบี่มาครอบครอง อาจต่อกรมังกรวารีได้บ้าง”
ผู้เฒ่าเคราขาวเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
คนของหอกระบี่ฟ้าหยุดลงหน้าหอหลอมศาสตรา และเริ่มทำการสำรวจ
ผ่านไปสักพัก
สวบ สวบ สวบ!
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงหน้าหอทรงหกเหลี่ยม ขบวนพลทรงพลังยิ่งกว่าหอกระบี่ฟ้า
“พวกราชนิกูลต้าเฉียน!”
หญิงชุดดำผู้งดงามเย็นชาจากหอกระบี่ฟ้า ดวงตานางมีแสงคมกริบวาบผ่าน
ไม่ผิดคาด
ร่างของพวกองค์ชายแปด องค์ชายเก้า และองค์ชายสิบสามสะท้อนอยู่ในสายตา
“กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของข้าสัมผัสได้ถึงจิตกระบี่ที่รุนแรงจากที่นี่”
องค์ชายสิบสามเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองประเมินหอโลหะรูปทรงหกเหลี่ยม
จี๊ด จี๊ด! หนูสื่อวิญญาณบนบ่าลั่วจุนส่งเสียงตื่นเต้น
“ดูแล้วใน ‘หอหลอมศาสตรา’ แห่งนี้ต้องมีของวิเศษแน่นอน โดยเฉพาะอาวุธในศาสตร์กระบี่”
องค์ชายแปดทำหน้าครุ่นคิด
ด้านหน้าหอหลอมศาสตรา ฝั่งเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนเข้าร่วมสำรวจด้วย
ไม่นานนัก ปรมาจารย์การหลอมอาวุธผู้หนึ่งพบรอยแตกร้าวบน ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’ รอบหอแห่งนี้
“เป็นไปตามคาด หากค่ายกลสมบูรณ์ กลิ่นอายสมบัติคงไม่รั่วไหลออกมาภายนอกจนพวกเรารู้สึกได้”
ใบหน้าปรมาจารย์ผู้นั้นฉายแววยิ้มแย้ม
มุมลึกแห่งหนึ่งในสวนที่ไกลออกไป
“ตาเฒ่านั่นน่ากลัวจริงๆ…”
เงาร่างเรือนผมม่วงทั้งสองสบตากัน สีหน้าเคร่งขรึม
พรึ่บ! พรึ่บ! เงาแสงวูบไหวอยู่ตรงนั้น ก่อนทั้งคู่จะกลายร่างเป็นบุรุษต่างเผ่าพันธุ์สองคน
หนึ่งในนั้นผิวทั่วร่างเป็นเกล็ดสีฟ้า บนศีรษะมีเขาสีเดียวกัน ลักษณะเด่นบางอย่างคล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์มังกรวารี
ส่วนบุรุษอีกคนบนศีรษะมีเขาผลึกสีเหลือง ตากลมสีเขียว ผิวทั่วกายปรากฏแสงสีเขียวเข้ม รวมเป็นหนึ่งเดียวกับกลิ่นอายและแสงรอบกาย
“พลังของตาแก่ผู้นี้อาจแข็งแกร่งและน่าเกรงกลัวที่สุดในหมู่ผู้มาเยือนจากภายนอก”
มังกรฟ้าวารีเว่ยจิ้งกล่าวด้วยสีหน้ายำเกรง
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
บุรุษดวงตาสีเขียวเอ่ยขณะที่ยังรู้สึกพรั่นพรึง
“เกรงว่าต่อให้จักรพรรดิปราณเทวะมาด้วยตัวเอง ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือเขาได้ แม้แต่พลังสายเลือด ‘มังกรมายาพันแปร’ ของข้ายังไม่อาจรอดสายตาไป”
“ไม่ต้องรีบร้อน ตาเฒ่าเคราขาวใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน ปีนั้นเขาเป็นจักรพรรดิปราณเทวะชั้นยอด มีหวังทะลวงผ่านขอบเขตเทวาเร้นลับ ทว่าวันนี้ชีวิตถึงขีดจำกัด วิญญาณโรยรา พลังฝึกตนถดถอย ไม่ว่ากระบวนท่าวิชาที่แก่กล้าใดๆ ก็ลดชีวิตกับวิญญาณลงทั้งสิ้น”
เว่ยจิ้งกล่าวเรียบๆ
เรื่องราวเมื่อครั้งนั้นของเซียนกระบี่เคราขาว เว่ยจิ้งเคยได้ยินมาบ้าง มันคือประวัติศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย
ยามแรกสุดที่ผู้เฒ่าเคราขาวฝึกบำเพ็ญ สภาวะวิญญาณธรรมดายิ่งนัก ถึงขั้นเป็นคนใช้การไม่ได้ ทว่า ความลึกซึ้งในศาสตร์กระบี่ของเขาไปถึงขั้นที่น่าตื่นตกใจ หลังทุ่มเทพยายามมาหลายต่อหลายปี จึงเลื่อนขึ้นเป็นราชันและจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ แต่ท้ายที่สุด เหตุเพราะผู้เฒ่าเคราขาวสังหารเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับตอนทำศึกครั้งใหญ่ วิญญาณและชีวิตจึงโรยราลง
ทุกวันนี้ ผู้เฒ่าเคราขาวอาศัยพลังศาสตร์กระบี่ที่แข็งแกร่งและสมบัติลี้ลับบางส่วน ฝืนยืดเวลาที่ชีวิตวิญญาณอ่อนกำลังลงออกไป
“ภายในหอหลอมศาสตราอาจมีสมบัติอาวุธวิเศษที่มูลค่าไม่เลว พวกเจ้าสองคนอย่าพลาดโอกาสนี้เป็นอันขาด…”
เสียงมังกรวารีทมิฬพลันดังก้องในหัวของทั้งสอง
สมบัติอาวุธวิเศษ!
เว่ยจิ้งกับบุรุษนัยน์ตาเขียวประสานสายตาขณะใจเต้นตึกตัก
โลกทัศน์ของมังกรวารีล้างโลกาสูงส่งเพียงใด อาวุธวิเศษ ‘มูลค่าไม่เลว’ ในสายตามันจะเป็นของสามัญได้ที่ไหน?
“รอให้คนมาเยอะก่อน พวกเรายังมีโอกาสปะปนเข้าไปได้ หากตาเฒ่าเคราขาวนั่นไม่ใช้จิตกระบี่โจมตีเรา ในสถานการณ์ทั่วไปก็ยากจะแยกแยะจริงปลอม”
บุรุษนัยน์ตาเขียวผงกศีรษะเช่นกัน
เบื้องหลังคนทั้งสองมีมังกรวารีทมิฬคอยชี้แนะ กล่าวได้ว่าเป็นดั่งปลาได้น้ำในคฤหาสน์แห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทั้งคู่กำลังลดเสียงวางแผนการ
ฉากน่าสะพรึงกลัวก็บังเกิด
“นั่นมัน…” บุรุษดวงตาเขียวเงยหน้ามองบนฟ้า
เวลาเดียวกัน
ด้านหน้าหอทรงหกเหลี่ยม สมาชิกของหอกระบี่ฟ้าและราชนิกูลคล้ายสัมผัสได้ จึงแหงนหน้าขึ้นมอง
เห็นเพียงเนตรสวรรค์โปร่งใสสีม่วงอ่อน ราวกับสลักลงบนฟ้าฝั่งหนึ่ง เย็นชาเหมือนเป็นวิถีแห่งฟ้า มองลงมาเบื้องล่าง
“หืม?” ผู้เฒ่าเคราขาวใจชาวาบ อดเพ่งสายตามองเนตรสวรรค์นั่นไม่ได้
ใช้จิตกระบี่ไร้รูปของเขาทะลวงผ่าน ก็ยังมองไม่เห็นรูปร่างที่มีอยู่ของ ‘เนตรสวรรค์’
“ดวงตานั่น…”
องค์ชายแปดรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง
จี๊ด จี๊ด! หนูสื่อวิญญาณบนไหล่ลั่วจุนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวภายใต้การมองของเนตรดวงนั้น
เบื้องหน้าหอหลอมศาสตรา
อัจฉริยะจากขั้วอำนาจหลายฝ่ายตกอยู่ในความกดดันและวังเวงไปครู่หนึ่ง
‘เนตรสวรรค์’ บนผืนฟ้ามองลงมาพร้อมอำนาจจิตวิญญาณที่ไม่อาจต่อต้านได้
ถึงแม้เป็นผู้เฒ่าเคราขาว ใจกายก็ยังรู้สึกถึงแรงกดข่ม
ภายในสวนที่ไกลออกไป
“นี่มันสิ่งใดกันแน่?”
เว่ยจิ้งกับชายนัยน์ตาเขียวสัมผัสได้ถึงความเย็นชาน่าเกรงขามจากเนตรสวรรค์
คนทั้งสองขนลุกเกรียว เหมือนเนตรดวงนั้นจงใจจับจ้องมาที่พวกเขา
พรึ่บ! ชั้นแสงที่อำพรางรอบกายชายนัยน์ตาเขียวสั่นไหว วินาทีต่อมา เว่ยจิ้งกับชายดวงตาเขียวก็หายวับไปจากที่เดิม
หลายชั่วอึดใจหลังจากนั้น สองคนปลอมแปลงเป็นต้นไม้ขนาดเล็กปะปนอยู่ในสวน
“ฮึ!” เสียงเย็นชาดังก้องข้างหูพวกเขา พร้อมกับความรู้สึกแสบร้อนที่จิตใจ
เหงื่อเย็นผุดออกจากหน้าผากคนทั้งสอง
สวบ! ดีที่เนตรสวรรค์หยุดอยู่เพียงชั่วครู่ คล้ายเพียงแค่มองสถานการณ์จากด้านบนเท่านั้น
“นายท่านมังกรวารีทมิฬ ดวงเนตรนั่นคือ…”
บุรุษนัยน์ตาเขียวขนลุกชันจากส่วนลึกในใจ อดถามไปไม่ได้
เนตรสวรรค์ที่ดูเหมือนไม่มีกลวิธีโจมตีใด กลับทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันและอันตรายอย่างแรงกล้า
“พวกมดปลวก เจ้ารนหาที่ตาย…”
ข้างหูแว่วเสียงคำรามน่าพรั่นพรึงของมังกร
เว่ยจิ้งกับชายนัยน์ตาเขียวรู้สึกเพียงเลือดลมปั่นป่วน ที่มาของเสียงนั้นคือมังกรวารีล้างโลกาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง
คฤหาสน์เสียหยาง ข้างค่ายกลเทพคุ้มกัน
พรึ่บ! เนตรสวรรค์สีม่วงดวงใหญ่ประจันหน้ากับมังกรวารีทมิฬ โดยมีค่ายกลคุ้มกันกั้นกลาง
“หนามจิตวิญญาณ!”
หนามแหลมสีม่วงโปร่งใสพุ่งตรงมาจากเนตรสวรรค์ แทงทะลวงเข้าในชั้นวิญญาณของมังกร
มังกรวารีล้างโลกามั่นคงไม่ไหวติง ทว่าเพลิงโทสะลุกโชน
เป็นแค่มดตัวจ้อย กลับกล้าลงมือกับเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาที่ยิ่งใหญ่
ผัวะ! มังกรวารีโบกกรงเล็บโจมตีอย่างรุนแรง แต่มีค่ายกลเทพคุ้มกันต้านทานไว้
ค่ายกลนี้พิเศษอย่างยิ่ง การโจมตีจากภายนอกโดนยับยั้ง การโจมตีจากด้านในกลับไม่ส่งผลใดด้วย
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”
ปลายแหลมคมไร้รูปยาวราวสองจั้ง แผ่กลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้างซึ่งไม่มีวันสูญสลาย พลันทะลวงออกจากส่วนหัวของมังกร
ฟุ่บ! ผิวนอกของศีรษะมังกรวารีมีลวดลายสายเลือดลอยล่อง ก่อนจะฟื้นฟูเป็นปกติในพริบตา ร่างใหญ่ยักษ์ของมังกรบิดเบี้ยวกลางอากาศ ปะทะเข้ากับค่ายกลเทพ เสียงร้องโกรธเกรี้ยวสะเทือนขวัญอัจฉริยะทุกคนในคฤหาสน์ผ่านตราประทับล้างโลกา
โดยเฉพาะพวกเว่ยจิ้งที่มีสัมพันธ์กับมังกรวารีแนบแน่นอย่างยิ่ง เลือดลมพวกเขาปั่นป่วนจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
พรึ่บ! เนตรสวรรค์หยุดอยู่ด้านในกำแพงคฤหาสน์ไม่กี่ชั่วอึดใจ ปล่อยการโจมตีที่เป็นเอกลักษณ์ ก่อนเก็บงำกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ผิดจากที่คาด ร่างของมังกรล้างโลกา…”
ส่วนลึกภายในคฤหาสน์ จ้าวเฟิงที่อยู่ในอุโมงค์ใต้ดินเปิดเปลือกตาช้าๆ
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หนานกงเซิ่งได้ยินเสียงมังกรคำรามกราดเกรี้ยว ตราประทับในกายร้อนระอุ
เขาย่อมไม่รู้อยู่แล้ว
จ้าวเฟิงเพิ่งควบคุมและมองสถานการณ์ทั้ง ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ผ่านเนตรสวรรค์ อีกทั้งยังโจมตีส่วนลึกของมังกรวารีที่ว่ากันว่าไร้เทียมทาน