ตอนที่ 143 หาเงิน
“นายได้ยินไหม ตอนอ๋องหลิงขอร้องให้ท่านปรมาจารย์ช่วยชีวิตภรรยาน่ะ เขาควักเงินออกมาทีเดียวล้านเหรียญเลยนะ ช่างใจกว้างอะไรเช่นนั้น!”
ณ เวลานี้ แม้เพียงเสียงกระซิบกระซาบก็ยังได้ยินทั่วลานบ้าน
มาจากเหล่าองครักษ์นั่นเอง เมื่อเห็นปรมาจารย์ออกจากคฤหาสน์ ก็ตั้งต้นซุบซิบกันทันที
“หนึ่งล้านจริงๆหรือ?” องครักษ์อีกคนสงสัยหนัก
“แน่นอนที่สุด เราเห็นกับตา จริงเสียยิ่งกว่าจริง! หนึ่งล้านเหรียญน่ะมหาศาลสำหรับพวกเรา แต่กับท่านปรมาจารย์น่ะไม่มีความหมายเลย เราได้ยินพี่ซุนพูดว่าท่านรับเงินเพื่อให้อ๋องหลิงสบายใจเท่านั้น ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าต้องเป็นหนี้บุญคุณท่านมากเกินไป” องครักษ์คนแรกพูด
“พอนายพูดขึ้นมา เราเลยนึกได้ว่าท่านอ๋องน่ะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ทั้งคืน ตอนแรกท่านปรมาจารย์ไม่เต็มใจจะยุ่งเกี่ยวด้วยเลย แต่จากนั้นท่านอ๋องมอบของกำนัลให้พี่ซุน พี่ซุนก็เลยช่วยพูดให้ท่านอ๋องได้เข้าไป…” องครักษ์คนที่สองตอบ
ทั่งคู่ซุบซิบกัน แต่ก็มีเพียงประตูบานเล็กกั้นสองพ่อลูกไว้เท่านั้น ตู้หยวนนั้นด้อยวรยุทธ จึงได้ยินบทสนทนาไม่ชัด
แต่คำพูดเหล่านั้นดังชัดเจนในหูของตู้เหมี่ยวชวน
ตู้เหมี่ยวชวนตาเบิกโพลง
เขาเป็นผู้โชกโชนและช่ำชอง แต่ก็เฉพาะเรื่องการต่อสู้และการโต้แย้งแสดงเหตุผลเท่านั้น ส่วนในเรื่องการมอบสินจ้างรางวัล เขาไม่อาจเทียบกับนักธุรกิจได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดจะให้เงินอีกฝ่ายหนึ่งเลย แต่เมื่อได้ยินคำซุบซิบนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที
ใช่แล้วล่ะ! แม้ท่านปรมาจารย์จะไม่ลดตัวลงมารับเงิน แต่พ่อบ้านเต็มใจรับนี่!
ทั้งคฤหาสน์ คนรับใช้ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม มีสิ่งใดกันที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา?
“ใช่แล้ว! หยวนเอ๋อ ลุกขึ้นเถอะ กลับไปบ้านแล้วนำเงินทั้งหมดของพ่อมาที่นี่…” “
ตู้หยวนยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่เมื่อได้ยินบิดาสั่งก็ลุกขึ้นยืนทันที
“เราได้ยินว่าพี่ซุนถูกปรมาจารย์ตำหนิเพราะเรื่องนี้แหละ ก็ตอนแรกท่านอ๋องไปลบหลู่ปรมาจารย์ด้วยการสงสัยในตัวท่าน เกียรติยศของปรมาจารย์น่ะไม่ควรจะถูกทำให้แปดเปื้อนนะ มาอ้อนวอนท่านทีหลังด้วยเงินหนึ่งล้านแล้วชื่อเสียงของท่านจะฟื้นคืนได้ดังเดิมหรือก็เปล่า ปรมาจารย์กำชับว่าเรื่องแบบนี้จะมีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก พูดก็พูดเถอะ หนึ่งล้านเหรียญน่ะ สำหรับพวกเราก็สวรรค์ดีๆนี่เอง แต่สำหรับท่านปรมาจารย์ เงินนี้ไม่มีค่าพอสำหรับคำแก้ตัวด้วยซ้ำ!”
“จริงด้วย ตอนเราเดินผ่านไปลานด้านหน้า ก็ได้ยินผู้คนคุยกันเรื่องนี้ เรายังคิดว่าเขาโกหก…” องครักษ์คนที่สองตอบรับ
ที่นอกคฤหาสน์
“รอเดี๋ยว!” ก่อนตู้หยวนจะจากไป เสียงของบิดาก็ดังขึ้นในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง “ไปค้นหาตัวยาล้ำค่าที่พ่อเพิ่งซื้อมาแล้วขายเสียให้หมด ขายหนังสัตว์ป่าที่พ่อสะสมไว้ด้วยนะ…”
“ท่านพ่อ…” ตู้หยวนผงะ
บิดาเขาเป็นอะไรไป? เงินก็จะให้เอามา ทรัพย์สมบัติก็จะขาย?
“ตามนั้นแหละ เราฟังจากปากพี่ซุนเลย เขาเล่าว่าตอนท่านอ๋องยื่นเงินหนึ่งล้านให้น่ะ ท่านปรมาจารย์แทบไม่แยแสเลย ที่ท่านรักษาให้ก็เพราะถือว่าได้ช่วยคนใกล้ตายเพื่อเอาบุญ ถ้าคนที่มาวิงวอนยังสุขภาพดี ยังสำแดงฤทธิ์เดช ยังอวดวรยุทธได้ล่ะก็ ท่านไม่เหลียวแลแน่…” เสียงขององครักษ์คนแรกยังแจ่มชัด
อย่างนั้นหรือ?
ตู้เหมี่ยวชวนเริ่มสั่นสะท้าน เขาขบฟันแน่นและสั่งการตู้หยวน “ขายดาบของพ่อด้วย อ้อ…ท่านลุงสามสามน่ะอยากได้กิจการของพ่อไม่ใช่รึ ลองคุยกับเขาดู ถ้าเขาพร้อมจ่ายล่ะก็ ขายกิจการพวกนั้นให้เขาไปให้หมด!”
“ท่านพ่อ…”
ทั้งหมดที่ว่ามาคือถุงเงินถุงทองใบใหญ่ที่สุดของบิดา ถ้าขายไปหมด แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ตู้หยวนตะลึงงัน
“เร็วเข้า!” ตู้เหมี่ยวชวนเร่ง
เห็นสีหน้าเอาจริงของบิดา ตู้หยวนไม่กล้าคัดค้าน เขาหันหลังเดินออกไปทันที
“ไอ้การที่เขายังสำแดงวรยุทธได้น่ะ ก็แปลว่าร่างกายยังใช้การได้อยู่ แถมยังมีแก่ใจสงสัยท่านปรมาจารย์อีก!” องครักษ์คนที่สองสำทับ
“ปรมาจารย์ท่านไม่ใส่ใจเงินทองก็จริง แต่เขาก็ไม่พกเงินมาสักแดง ไม่มีอะไรมาเลยสักอย่าง แต่หวังจะให้ปรมาจารย์ชี้แนะ ฝันกลางวันชัดๆ”
ตู้เหมี่ยวชวนกัดฟัน “เอาเงินเก็บของแก กับแม่แกมาด้วย…”
“…”
ตู้หยวนชะงักฝีเท้า แทบจะร้องไห้
บิดาของเขาฟั่นเฟือนไปแล้วอย่างแน่แท้
บทสนทนาของสององครักษ์คือแผนการที่จางเซวียนสั่งซุนฉาง
ถ้าไม่ “เตือนความจำ” อีกฝ่ายหนึ่งเสียบ้าง จะต้องรอนานแค่ไหนเขาถึงจะได้เงิน
แล้วคำพูดเหล่านั้นก็มาจากองครักษ์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เจ้าพวกนั้นมิบังอาจกล่าวหาปรมาจารย์ว่าเป็นคนหิวเงินอยู่แล้ว
“เป็นอย่างที่ท่านคิดไว้…พอเราทำตามแผนแล้ว เขาก็อยากจะจ่าย…” ซุนฉางรายงาน ซึ่งจางเซวียนก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร ตอนแรก ฝ่ายนั้นทำท่าจะมอบเงินให้ปรมาจารย์เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับคำชี้แนะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเงินจำนวนมากหรือน้อย แต่หลังจากได้ยินบทสนทนาของสององครักษ์แล้ว ใครเล่าจะกล้าขี้เหนียวอีก?
แค่คิดว่าวิธีการหาเงินโดยไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติยศคือการยืมมือผู้อื่นมาจัดการก็น่าขายหน้ามากแล้ว
แต่ซุนฉางก็ยังคงคิดว่าเจ้านายของเขาไม่แยแสเงินทองอยู่ดี เพียงแต่…ปรมาจารย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์และมีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบอยู่เท่านั้น
จางเซวียนออกจากคฤหาสน์และตรงเข้าไปในตรอกแคบๆ เขาจัดแจงลบสิ่งที่ใช้ปิดบังอำพรางใบหน้าออก
เป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยเอาการที่ต้องทนอยู่กับมันทั้งวัน
“ที่สมาคมน่าจะเตรียมยาฟื้นฟูพละกำลังและยาบำรุงร่างกายไว้แล้ว เราควรจะไปนำมาให้หวังหยิ่งกับหลิวหยางก่อน”
เหตุที่เขาปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ก็เพื่อสิ่งนี้ ด้วยเวลาเท่าที่มี เขาไม่อาจหายาปลดปล่อยพลังหยินกับเลือดแรดยักษ์มาได้ แต่ยาอีกสองขนานนั้นหาง่ายกว่า
เมื่อก้าวเข้าไปในสมาคมนักปรุงยาก็พบว่าทั้งสองสิ่งถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกสองรายการที่เหลือ ประธานโอวหยางได้ยื่นคำสั่งซื้อไปแล้ว และทางสำนักงานใหญ่จะส่งยาดังกล่าวกลับมาจากสมาคมนักปรุงยาอีกสาขาหนึ่ง
สมาคมนักปรุงยานั้นมีอยู่ทั่วไปในทุกอาณาจักรใหญ่ๆ ยาและของหายากบางรายการไม่มีในอาณาจักรเทียนเซวียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่อาณาจักรอื่นจะไม่มี เมื่อมีการส่งคำสั่งซื้อไปยังสำนักงานใหญ่ สินค้าจะถูกส่งมาจากอาณาจักรที่อยู่ใกล้ที่สุดที่มีสินค้านั้น ด้วยวิธีนี้ กระบวนการจัดส่งจะทำได้เร็วขึ้น เพราะด้วยระยะทางจากสำนักงานใหญ่มายังที่นี่ เวลาสิบวันก็ไม่พอ!
จางเซวียนชำระเงินหนึ่งล้าน ได้ยาทั้งสองรายการมาเป็นที่เรียบร้อย
“อ้อ ประธานหยาง คุณมียาเม็ดหลอมลมหายใจไหม? ผมอยากได้สักหน่อย”
จางเซวียนเอ่ยถามหลังจากเก็บยาที่ได้มาไว้ในแหวนเก็บสมบัติแล้ว
ยาเม็ดหลอมลมหายใจเป็นยาที่มีประโยชน์มากกับนักรบขั้น 1-จวีซี ขั้นต้น ถ้าหวังหยิ่งกับคนอื่นๆได้กิน จะสามารถพัฒนาวรยุทธได้เร็วขึ้นอีกมาก
“ก่อนหน้านี้ผมหลอมไว้นิดหน่อย และยังเหลืออยู่ ให้คุณได้เลย!” ประธานโอวหยางยิ้มและยื่นขวดทำจากหยกให้สองใบ
จางเซวียนรับขวดสองใบนั้นมา และมองเข้าไปเห็นยาถูกบรรจุไว้ขวดละสิบสองเม็ด เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยากแสดงไมตรีจิต ซึ่งคงจะไม่ดีนักหากปฏิเสธ เขาจึงพยักหน้าและรับมันไว้
แม้คุณภาพของยาเร่งลมหายใจชุดนี้จะไม่ได้เลิศเลอนัก แต่ก็เป็นยาเกรด 1 หนึ่งเม็ดตกประมาณหนึ่งหมื่นเหรียญ ประธานโอวหยางได้แบ่งไว้สำหรับการรับประทานแต่ละครั้งๆเรียบร้อยแล้ว