ตอนที่ 144 ผู้เชี่ยวชาญเพลงหอก
ถ้าเป็นนักปรุงยาระดับ 1 ดาวคนอื่นๆ หรือแม้แต่เป็นเพื่อนกัน โอวหยางเฉิงก็คงไม่ใจกว้างขนาดนี้ จางเซวียนแทบไม่อยากเชื่อ หรือเป็นเพราะตัวเขาสามารถเอาชนะนักปรุงยาคนอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรุงยาหรือเรื่องสมุนไพร เขาสมบูรณ์แบบในแทบทุกด้าน ยิ่งเรื่องการประลองวิวาทะยา ยิ่งไม่มีใครสู้ ทุกคนอึ้งในความสามารถของเขา
ด้วยความสามารถเหล่านี้ ก็เป็นที่แน่ใจได้ว่าหากใช้เวลานานพอ เขาจะก้าวไปถึงจุดที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ ท่าทีของความปรารถนาดีเหล่านี้ ในอีกแง่หนึ่งก็คือการหวังผลในอนาคต
เมื่อได้ยาเม็ดหลอมลมหายใจ จางเซวียนก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ เขาเอ่ยถาม “ประธานโอวหยาง คุณรู้จักสถานที่ที่ขายเคล็ดลับของวรยุทธเพลงหอกบ้างไหม?”
หวังหยิ่งได้ยาบำรุงร่างกาย หลิวหยางได้ยาฟื้นฟูพละกำลัง ส่วนยาปลดปล่อยพลังหยินและเลือดแรดยักษ์ที่ยังมาไม่ถึงนั้น หากจ้าวหย่าและหยวนเทาได้กินก็จะสามารถปลุกสภาวะพิเศษได้ วรยุทธของพวกเขาจะก้าวหน้าขึ้นอีกมาก
มีเจิ้งหยางคนเดียวที่ยังไม่ได้อะไร
เจิ้งหยางนั้นเชี่ยวชาญเพลงหอก ซึ่งลู่ฉวินก็จัดคู่ต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่ามาประชัน ถ้าเขาไม่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาเจ๋งๆให้ล่ะก็ เจิ้งหยางจะกลายเป็นจุดอ่อนแน่
เขาตรวจดูหนังสือในหอสมุดอาจารย์แล้ว มีหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้อยู่จำนวนหนึ่ง แต่หาเล่มที่เกี่ยวกับศิลปะการใช้หอกได้น้อยมาก นั่นคือเหตุผลที่อาจารย์หว่างเชากลายเป็นคนดัง ผู้ฝึกวรยุทธเพลงหอกจำนวนนับไม่ถ้วนต่างสมัครเข้าเรียนเพราะความนิยมยกย่องในตัวเขา
การที่หว่างเชา ‘มอบ’ โม่วเซียวให้ลู่ฉวิน นั่นแปลว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงไม่เป็นการดีแน่หากเขาจะแวะไปเยี่ยมเยียนหว่างเชาเพื่อไต่ถามเรื่องการใช้หอก และเขาก็ไม่มีความรู้เรื่องหอกเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้คือถามคนทั่วๆไปว่ามีเคล็ดลับหรือเคล็ดวิชาเพลงหอกขายที่ไหนบ้าง
“เคล็ดลับการใช้หอก? คุณอยากเรียนวิธีการใช้หอกหรือ?” ประธานสมาคมมองจางเซวียนอย่างฉงน
นักปรุงยานั้นมีสถานภาพสูงส่ง เป็นที่ยอมรับอย่างมากในสังคม แทนที่คุณจะเรียนการปรุงยา กลับมาเรียนเพลงหอกนี่นะ?
“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า
“เพลงหอกนั้นไม่เหมือนกับเพลงดาบเท่าไรนัก และผู้สนใจร่ำเรียนก็น้อยกว่ากันมาก ส่วนคนที่จะฝึกฝนจนช่ำชองก็ยิ่งน้อยลงไปอีก แต่ผมรู้จักดีอยู่หนึ่งคน วรยุทธเพลงหอกเป็นมรดกตกทอดในครอบครัวของเขา ทักษะของเขาล้ำลึกและน่าทึ่งมาก จัดได้ว่าโด่งดังทีเดียว ต่อให้เทียบกับคนทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ก็ตาม!” โอวหยางเฉิงลูบเคราตัวเอง
“อย่างนั้นหรือ? คุณพาผมไปเรียนกับเขาได้หรือไม่?” จางเซวียนตาโต
“เขามักเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แทบจะไม่ยอมพบคนนอก และไม่สอนเคล็ดวิชาเพลงหอกให้ใครง่ายๆด้วย แต่เราสนิทกัน เขาน่าจะยอมช่วยผมแหละ” โอวหยางเฉิงพูด
“ถ้าเช่นนั้น ผมต้องขอรบกวนท่านประธานแล้วล่ะ” จางเซวียนรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการมีไมตรีกับเขา จึงพยักหน้าและคิดในใจว่าจะให้คำชี้แนะเรื่องการปรุงยากับโอวหยางเฉิงเมื่อมีโอกาส
“ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปพบเพื่อนเก่าของผม”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายรับรู้เจตจำนงของเขา โอวหยางเฉิงพยักหน้าอย่างพอใจ
ทั้งคู่ออกจากสมาคมนักปรุงยา และเดินไปอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย
เนื่องจากโอวหยางเฉิงเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของบ้าน องครักษ์จึงมิได้ขัดขวาง ทั้งคู่เดินเข้าไปอย่างราบรื่น
พ่อบ้านนำทั้งคู่ไปยังศาลาพักผ่อนหลังเล็กและกล่าวว่า “สักครู่นะท่าน นายมักเรียกหาผมเมื่อฝึกวิชาเสร็จ”
ประธานโอวหยางรู้นิสัยของอีกฝ่ายดี และโบกไม้โบกมือเพื่อแสดงว่าเขาไม่ถือ จากนั้นเขาเชื้อเชิญจางเซวียน “นักปรุงยาจาง มานั่งเถอะ”
“ได้!” จางเซวียนนั่งลงและมองสำรวจไปรอบๆตัว
ลานบ้านนั้นกว้าง การตกแต่งหรูหราทว่าเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบเย็น ไม่มีคนรับใช้อยู่ในลานบ้านเลย ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านจะไม่ชอบความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย
“เพื่อนผมชื่อหว่างชง เรารู้จักกันมากว่ายี่สิบปี และเขาฝังตัวอยู่กับการฝึกฝนเพลงหอกมาทั้งชีวิต เขาเป็นหนึ่งในผู้ช่ำชองเพลงหอกตัวฉกาจของอาณาจักรเทียนเซวียน ฮ่องเต้เซินจุยยังทรงเคยกล่าวชื่นชมว่าวิชาเพลงหอกของเขานั้นไร้เทียมทาน”
โอวหยางเฉิงแนะนำเจ้าของบ้านพร้อมกับจิบชา
“น่าทึ่งมาก!” จางเซวียนยกย่องผู้ที่ก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุดในอาชีพของตัวเองเสมอ
แม้ไม่ใช่อาชีพ แต่การก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งในคนจำนวนเป็นพันเป็นหมื่นก็บ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นและความเก่งกาจของผู้นั้นได้อย่างดี
“ตาเฒ่าโอวหยาง นายนินทาอะไรลับหลังฉันอีกหรือเปล่า?”
เสียงสดชื่นเสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างการสนทนาของทั้งคู่ แล้วผู้อาวุโสคนหนึ่งก็สาวเท้าเข้ามา
แม้เขาจะมีอายุราวห้าสิบปี แต่เรือนร่างยังคงดูแข็งแกร่ง ราวกับมีพลังอันไร้ขีดจำกัด เขาสวมชุดฝึกซ้อมและถือหอกไว้ในมือข้างหนึ่ง อย่างที่พ่อบ้านบอกไว้ เขาน่าจะกำลังฝึกวิชา และเดินออกมาโดยไม่ได้เปลี่ยนชุด
“นินทาลับหลังนายเหรอ? ฉันยังไม่เบื่อขนาดต้องทำอะไรแบบนั้น” โอวหยางเฉิงยิ้ม
ฟังจากน้ำเสียงของทั้งคู่ จางเซวียนบอกได้ว่าสองคนนี้สนิทกันมากทีเดียว
“ก็คงอย่างนั้นแหละ แล้ววันนี้ทำไมถึงมีเวลาแวะมาหา?” หว่างชงก้าวเข้ามาในศาลาพักผ่อนและเห็นจางเซวียน เขามองอย่างสัยและเอ่ยถาม “นี่ลูกศิษย์นายรึ?”
“แค่ก แค่ก!” โอวหยางเฉิงสำลักน้ำชา สีหน้ากระอักกระอ่วน
ลูกศิษย์เรอะ!
ฉันกำลังประจบเผื่อจะได้คำชี้แนะเรื่องการปรุงยา นายมาพูดว่าเขาเป็นลูกศิษย์นี่เล่นเอาฉันหมดแรง…
โอวหยางเฉิงลอบมองจางเซวียน เมื่อเห็นเขาไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบพูดต่อ เพราะกลัวว่าเพื่อนเก่าจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมาอีก “เอ้า ขอแนะนำ นี่คือนักปรุงยาระดับ 1 ดาวคนล่าสุดในสมาคมของเรา นักปรุงยาจางเซวียน!”
นักปรุงยาระดับ 1 ดาวรึ?
หว่างชงประหลาดใจอยู่ชั่วขณะก่อนจะอึ้งไป
ในฐานะเพื่อนเก่าของโอวหยางเฉิง เขารู้ดีว่าการทดสอบเข้าเป็นนักปรุงยานั้นยากเย็นขนาดไหน เห็นอีกฝ่ายยังเด็กขนาดนั้น เขาจึงคิดว่าเป็นลูกศิษย์ของโอวหยางเฉิง ไม่คิดเลยสักนิดว่านี่คือนักปรุงยา
เป็นอะไรที่ออกจะเหลือเชื่อ
แม้แต่พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆยังประหลาดใจ
“คือ นักปรุงยาจางน่ะเข้ารับตำแหน่งผ่านการเข้าประลองวิวาทะยา เขาทำให้นักปรุงยาอีกสิบคนสงบปากสงบคำไปเลย ในเมืองนี้น่ะ ไม่มีใครมีความรู้เรื่องการปรุงยามากไปกว่าเขาอีกแล้ว!” โอวหยางเฉิงพูดต่อ
“วิวาทะยาหรือ?” หว่างชงตกใจหนักขึ้นอีก
แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักปรุงยา แต่ก็ได้รู้กระบวนการทดสอบจากโอวหยางเฉิงมาพอสมควร เด็กหนุ่มอายุไม่เต็มยี่สิบได้เป็นนักปรุงยาโดยชนะการประลองวิวาทะยาอย่างนั้นหรือ? แม้จะเห็นความจริงอยู่ซึ่งๆหน้าก็ยังยากที่จะเชื่อ
“ท่านประธานโอวหยางช่างใจกว้างนัก ผมมีความรู้เพียงน้อยนิด ยิ่งเรื่องการปรุงยาก็ยังเป็นมือใหม่มาก…”
จางเซวียนรีบพูด
เขาพูดความจริง เหตุที่เขาชนะการประลองวิวาทะยาก็เพราะหอสมุดเทียบฟ้า ถ้าต้องลงมือปรุงยาด้วยตัวเองล่ะก็ แม้แต่ยาที่ง่ายที่สุดเขาก็คงทำไม่ได้
ชายทั้งสามคุยกันอีกครู่ใหญ่ จางเซวียนรู้ว่าโอวหยางเฉิงตั้งใจชมเชยเขาต่อหน้าหว่างชงเพื่อให้ฝ่ายนั้นประทับใจ เพื่อให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่หว่างชงจะยินยอมถ่ายทอดวิชาเพลงหอกให้
หลังจากการพูดคุยสัพเพเหระ โอวหยางเฉิงยิ้ม “อันที่จริงฉันมีเรื่องต้องรบกวนนาย!”
“อย่างนั้นรึ?” หว่างชงมองหน้าโอวหยางเฉิง
“ทำนองนั้นแหละ คือนักปรุงยาจางน่ะชื่นชอบวิถีเพลงหอกมาก ถ้าพี่หว่างมีเวลา สองคนน่าจะแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้” โอวหยางเฉิงพูด
“แสดงว่านักปรุงยาจางเชี่ยวชาญเพลงหอกด้วยหรือ ยอดเยี่ยมนัก…” นัยน์ตาหว่างชงเบิกโพลงอย่างตื่นเต้น
เขาคลั่งไคล้วรยุทธเพลงหอกและชื่นชอบการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ยิ่งจางเซวียนได้เป็นนักปรุงยาตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ แปลว่าเขาต้องปราดเปรื่องนัก แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร?
“เอ่อ…ผม แค่ก แค่ก! ผมยังไม่เคยเรียนการใช้หอกมาก่อนเลย…” จางเซวียนอิหลักอิเหลื่อเต็มทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายพร้อมประมือกับเขา