ตอนที่ 153 สวาปามเกินพอดี
“เคล็ดลับนั้นเป็นของจริง แต่เนื้อหาส่วนสำคัญที่สุดของมันถูกใครบางคนทำลายไปแล้วทิ้งเนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์เอาไว้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณตกอยู่ในสภาพนี้!” จางเซวียนไม่พูดต่อให้มากความ “เอาล่ะ ผมจะฝังเข็มให้คุณเพื่อจัดการกับปัญหาที่ซ่อนอยู่”
“ขอรับท่าน” ตู้เหมี่ยวชวนรีบก้าวออกมา
จางเซวียนสะบัดข้อมือหนึ่งครั้งก็ปรากฏเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมา กระดิกนิ้วอีกที เข็มนั้นก็พุ่งเข้าหาตู้เหมี่ยวชวน
หอสมุดเทียบฟ้าบอกเพียงข้อมูลพื้นฐานกับอาการป่วยของแต่ละคนเท่านั้น ส่วนวิธีแก้ปัญหาไม่ได้บอกไว้ แต่ปัญหาของตู้เหมี่ยวชวนก็เหมือนกับภรรยาของหลิงเทียนหยู่ คือจุดชีพจรบางส่วนถูกปิดกั้น ทำให้เลือดหมาป่าไม่อาจออกฤทธิ์ได้ตามวัตถุประสงค์เดิม
ที่จางเซวียนต้องทำก็แค่กำจัดสิ่งที่มาปิดกั้นออกเท่านั้น
สำหรับเขาเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย เพราะพลังปราณที่มาจากเคล็ดวิชาเทียบฟ้านั้นใสสะอาดและบริสุทธิ์เหมือนน้ำ ไม่ว่าจะมีสิ่งใดมาปิดกั้น ก็จะถูกชะล้างออกไปในทันที
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!
เข็มเป็นโหลๆถูกปักลงไปบนร่างของตู้เหมี่ยวชวน
เขาแค่รู้สึกชาและคันที่ผิวหนัง สัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่เขาต้องกดข่มมาตลอด สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าได้ตลอดเวลาถูกชะล้างออกไปตามจุดชีพจรที่ถูกเปิดผนึก
เหมือนสายน้ำในแม่น้ำที่หลั่งไหลไปทั่วร่าง
พึ่บ พึ่บ!
วินาทีที่เลือดหมาป่าหิมะแผ่ซ่านเข้าสู่ร่าง พลังปราณของเขาพุ่งพรวดทันที มันพุ่งขึ้นตามกันเป็นชุดเหมือนดอกไม้ไฟ จุดชีพจรในร่างกายถูกเปิดออกทีละจุด
ตูม ตูม ตูม!
ราวกับตัวเขาเป็นแม่เหล็ก พลังงานในอากาศพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาอย่างน่าพรั่นพรึง ในชั่วพริบตาเขาก็ฝ่าด่านวรยุทธขั้นติ่งลี่ สูงสุดไปได้
พี่เชวี่ย ขั้นต้น!
พี่เชวี่ย ขั้นกลาง!
อีกอึดใจหนึ่ง ตู้เหมี่ยวชวนก็เข้าถึงพี่เชวี่ยขั้นสูงสุด แต่แรงเหวี่ยงนั้นยังไม่หยุด
บูม!
ร่างของเขากระตุก และในที่สุดการพุ่งพรวดของระดับวรยุทธก็จบลง สัญชาตญาณสัตว์ป่าที่เคยสร้างความลำบากให้เขานักหนาหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
นักรบขั้น 7-ทงฉวน ขั้นต้น!
ระดับวรยุทธของเขาเพิ่มจากติ่งลี่ขั้นสูงสุดมาเป็นทงฉวน! เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งขั้นเสียอีก!
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น แม้ตู้เหมี่ยวชวนจะหนักแน่นเพียงใดก็ยังมีดวงตาแดงก่ำ
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่บอกใครไม่ได้ ทุกวันเขาจะต้องกลายร่างเป็นสัตว์ป่า มีขนสีขาวปกคลุมทั่วร่าง เขาเคยคิดว่าคงจะต้องเป็นเช่นนี้ไปจนถึงวันตาย
แต่เพียงชั่วเวลาไม่นาน ชายตรงหน้าก็แก้ปัญหานี้ให้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังฝ่าด่านวรยุทธขึ้นไปได้อีกด้วย!
ฟึ่บ!
ตู้เหมี่ยวชวนคุกเข่าลงกับพื้น ซาบซึ้งบุญคุณของปรมาจารย์หยางยิ่งนัก และโดยปราศจากความคิดเคลือบแคลงใดๆ เขาเอ่ยปากอีกครั้ง “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่มอบชีวิตใหม่ให้ผม…”
ไม่เพียงแต่ปรมาจารย์หยางจะแก้ปัญหาให้แต่ยังช่วยยกระดับวรยุทธของเขาให้ไปถึงขั้นทงฉวนอีกด้วย ตู้เหมี่ยวชวนให้คุณค่าสิ่งนี้เทียบเท่ากับการให้กำเนิดและนับถือท่านปรมาจารย์ราวกับเป็นบิดาเลยทีเดียว
เมื่อเขาคนใหม่กลับไปบ้าน เขาจะได้รับสถานภาพหนึ่งในผู้อาวุโสคนสำคัญของตระกูลคืน จะไม่มีใครกล้าประเมินเขาต่ำอีก
ด้วยสิ่งที่ได้มานี้ ต่อให้ต้องคุกเข่าเป็นปี เขาก็ยอม
“เอาของขวัญออกมาเร็วๆเข้า!” ข่มความตื่นเต้นไว้ ตู้เหมี่ยวชวนหันไปสั่งการบุตรชาย
“ได้!” ตู้หยวนรีบนำเงินปึกหนึ่งออกมามอบให้
ตอนแรกเขาคิดว่าท่านพ่อคงจะเป็นบ้าไปแล้วที่มานั่งคุกเข่าหน้าคฤหาสน์ แถมยังต้องการเงินมากมายขนาดนั้น แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ไม่เพียงท่านพ่อจะมีเหตุผลแต่ยังมองการณ์ไกลอีกด้วย
วรยุทธขั้นทงฉวน…
เสียเวลาไปสิบปีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ด้วยความแข็งแกร่งที่ท่านพ่อมีตอนนี้สามารถเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้สบาย หากท่านพ่ออยากจะเสนอตัวเป็นประมุขก็ไม่มีใครขัดขวางได้
หรือแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูล ด้วยวรยุทธขั้นทงฉวน การหาเงินสองสามล้านเหรียญกลับมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“นี่หรือคือความมหัศจรรย์ของคนที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์…”
นี่คือปรมาจารย์ สถานภาพที่ได้รับความเคารพยกย่องมากที่สุดทั่วทั้งทวีป ปรมาจารย์กำหนดชะตาชีวิตคนได้ ส่งคนคนนั้นขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ได้
ทั้งคู่ยังคงจ้องมองปรมาจารย์หยางด้วยความยกย่องขณะที่ซุนฉางเดินเข้ามา “ผู้อาวุโสตู้ คุณชายตู้ ได้โปรดกลับเถิด ท่านปรมาจารย์ต้องการพักผ่อน”
“อ้อ ใช่! ผมรบกวนปรมาจารย์มากแล้ว ผมจะมาคารวะท่านใหม่ในภายหน้า”
รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเชื้อเชิญให้กลับ ตู้เหมี่ยวชวนเดินออกจากห้องโถงพร้อมกับตู้หยวน
กำลังจะก้าวออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหู “ส่วนเรื่องเคล็ดลับเลือดหมาป่าหิมะที่มีเนื้อหาบางหน้าหายไปนั้น คุณควรจะไปสืบเสาะดูว่ามันมาจากความประสงค์ร้ายหรือไม่!”
“นี่มัน…” ตู้เหมี่ยวชวนตัวแข็ง เขาหันกลับไปโค้งคำนับอีกครั้ง “ขอบคุณปรมาจารย์สำหรับคำชี้แนะ…” จากนั้นก็เดินออกไป
ในเวลานั้น ตู้เหมี่ยวชวนเป็นตัวเก็งของผู้มีสิทธิเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล มันออกจะบังเอิญมากเกินไปที่เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชายกระดับวรยุทธที่อันตรายเช่นนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ดังนั้น จางเซวียนจึงมอบคำแนะนำสุดท้ายให้ จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาอีก
“สิบปีที่แล้ว ตู้เหมี่ยวชวนมีอาการป่วยร้ายแรง ทำให้วรยุทธของเขาตกฮวบและต้องหลุดจากการเข้าท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล…เหตุที่เขาคุกเข่าอยู่หน้าประตูก็เพื่อจะวิงวอนให้ปรมาจารย์รักษา!”
หลัวชงยังคงเฝ้าอยู่หน้าคฤหาสน์ เขานึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตู้เหมี่ยวชวนและพยายามคาดเดาสถานการณ์
“ถ้าปัญหาของตู้เหมี่ยวชวนแก้ไขได้ ปัญหาของเราก็ต้องแก้ได้…”
อาการป่วยของตู้เหมี่ยวชวนนั้น แม้แต่นายแพทย์หยวนหยู่ก็จนปัญญา แม้หลัวชงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็รู้ว่าตู้เหมี่ยวชวนได้เสาะหาหมอเก่งๆมาหลายต่อหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล
ถ้าปรมาจารย์ท่านนั้นรักษาได้ ปัญหาที่เขามี คือการที่จู่ๆก็ไม่อาจปรับสภาวะจิตให้สงบระหว่างการตีเหล็กได้ ก็คงเป็นเรื่องง่ายมาก!
เขายังคงจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองตอนที่ประตูคฤหาสน์เปิดออกอีกครั้ง และตู้เหมี่ยวชวนกับตู้หยวนก้าวออกมา
“สงสัยนักว่าปัญหาของเขาได้รับการคลี่คลายหรือไม่…”
มองปราดเดียว นัยน์ตาของหลัวชงก็เบิกโพลง “ขั้นทงฉวนหรือ? มัน…เป็นไปได้อย่างไร?”
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ตู้เหมี่ยวชวนเดินเข้าไป
เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นนักรบขั้น 5-ติ่งลี่ ระดับสูงสุด แล้วนี่…ไม่ถึงสิบนาทีที่อยู่ข้างใน กระโดดไปขั้นทงฉวนได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตู้เหมี่ยวชวนยังมีพละกำลังแข็งแกร่ง ผิดจากชายที่เดินเข้าไปก่อนหน้านี้เป็นคนละคน
มันเกิดอะไรขึ้น?
นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?
ถึงปรมาจารย์จะให้คำชี้แนะในการฝ่าด่านวรยุทธได้ แต่ก็ควรมีขอบเขตบ้างสิ
นี่อะไร พรวดพราดจากติ่งลี่ขั้นสูงสุดไปถึงทงฉวนภายในสิบนาที…
หลัวชงขยี้ตา กลัวว่าตัวเองจะตาฝาด
เขาตั้งอกตั้งใจมองตู้เหมี่ยวชวนอีกครั้ง ไม่ผิดแน่! ฝ่ายนั้นมีวรยุทธอยู่ในขั้นทงฉวนจริงๆ
“ลาก่อน น้องซุน!”
กำลังอึ้งอยู่ ก็เห็นตู้เหมี่ยวชวนบอกลาพ่อบ้าน
“เราต้องไปถามให้รู้เรื่อง…”
เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาเร่งฝีเท้าตามตู้เหมี่ยวชวนไปติดๆ
“ผู้อาวุโสตู้…”
“อ้าว ท่านหลัวนี่เอง!” ตู้เหมี่ยวชวนจำอีกฝ่ายได้ และรีบคำนับ
“คฤหาสน์หลังนั้น…” หลัวชงถามเข้าเรื่องทันที
“ปรมาจารย์หยางอยู่ที่นั่น!” ตู้เหมี่ยวชวนรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาพยักหน้าและไขข้อสงสัยของอีกฝ่าย
“เขาเป็นปรมาจารย์จริงๆหรือเปล่า?” หลัวชงหรี่ตา
“ปรมาจารย์หยางน่ะเป็นสุดยอดของความน่าทึ่ง ถ้าท่านหลัวชงมีปัญหาอะไร ก็ไปขอคำชี้แนะได้เลย แต่ว่า…อันที่จริงปรมาจารย์หยางตั้งใจแวะมาพักผ่อนที่อาณาจักรเทียนเซวียนเท่านั้น ไม่ได้อยากจะถูกรบกวนเท่าไรหรอก…” ตู้เหมี่ยวชวนพูด
“ไม่อยากถูกรบกวนหรือ?” หลัวชงมีใบหน้าหมองคล้ำลง
ถึงเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่ก็มิบังอาจขัดจังหวะการพักผ่อนของปรมาจารย์
“แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไป ปรมาจารย์หยางเพิ่งบอกว่าผู้ใดที่ต้องการความช่วยเหลือจะต้องจ่ายสามล้านเหรียญล่วงหน้า และจะไม่มีการคืนเงิน ไม่ว่าปัญหานั้นจะถูกคลี่คลายได้หรือไม่”
ตู้เหมี่ยวชวนนึกทบทวนสิ่งที่พ่อบ้านซุนพูด แล้วเอ่ย “แต่แน่ล่ะ ในฐานะปรมาจารย์ ท่านไม่สนใจทรัพย์สมบัติหรอก เหตุที่กำหนดเงื่อนไขไว้เช่นนั้นก็เพื่อจำกัดจำนวนผู้ที่จะมาหา เพราะถ้าทุกคนแห่มาขอคำชี้แนะกันหมดล่ะก็ไม่มีทางได้พักผ่อนแน่ ท่านคงต้องทำงานจนกระอัก…”
ขณะพูด ตู้เหมี่ยวชวนก็อดนึกอิจฉาไม่ได้ ดูเอาเถิด แค่ค่าผ่านประตูก็สามล้านเหรียญแล้ว ปรมาจารย์ย่อมเป็นปรมาจารย์อยู่วันยังค่ำ แม้แต่วิถีทางการได้เงินมาก็ช่างเหลือเชื่อนัก
ในฐานะผู้อาวุโสแห่งตระกูลตู้ กว่าจะสะสมทรัพย์สมบัติให้มีมูลค่าเท่านี้ได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี
“ดูสมเหตุสมผลดี…”
เมื่อได้ยินว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ หลัวชงถอนหายใจอย่างโล่งอก
สามล้านเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่สำหรับช่างตีเหล็กมือหนึ่งอย่างเขา เท่านี้จิ๊บจ๊อย
“ขอบคุณที่ชี้แนะ ผมก็มีเรื่องต้องขอคำปรึกษาท่านปรมาจารย์เช่นกัน ต้องขอตัวก่อน” เมื่อพูดจบ หลัวชงก็เดินตรงไปยังคฤหาสน์
คฤหาสน์นั้นไม่ได้ดูหรูหราโอ่อ่าเลย ออกจะธรรมดามาก ถ้าไม่ใช่เพราะตู้เหมี่ยวชวนยืนยันเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางเชื่อว่าปรมาจารย์พักอยู่ที่นี่
หลังจากจ่ายค่าผ่านประตูสามล้านเหรียญ หลัวชงก็ตามซุนฉางเข้าไปในห้อง ในที่นั้น เขาเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งสงบอยู่กลางห้อง แต่รูปลักษณ์ของเขาดูรางเลือน ถ้าไม่ได้เห็นตัวเป็นๆแบบนี้ เขาจะไม่รู้เลยว่าในที่นี่มีคนนั่งอยู่
“เหลือเชื่อ!” หลัวชงหรี่ตา
หลัวชงเป็นนักรบขั้น 7-ทงฉวน มีความเป็นไปได้อยู่เพียงสองกรณีเท่านั้นที่ทำให้เขาไม่อาจสัมผัสถึงวรยุทธของอีกฝ่าย อย่างแรกคือฝ่ายนั้นมีระดับวรยุทธสูงกว่าเขา หรืออย่างที่สองคือพลังปราณของอีกฝ่ายมีความบริสุทธิ์มากกว่าเขา
จะเป็นกรณีไหนก็แล้วแต่ มันก็ชี้ชัดว่าบุคคลตรงหน้าเขาเป็นปรมาจารย์ตัวจริงอย่างแน่นอน
สลัดความหยิ่งผยองของช่างตีเหล็กมือหนึ่งทิ้งไป เขาก้าวออกไปข้างหน้าและคำนับ “หลัวชงขอคารวะท่านปรมาจารย์หยาง!”
“อืม จากที่เสี่ยวฉางบอก คุณเป็นช่างตีเหล็กใช่ไหม?” จางเซวียนถามอย่างใคร่รู้
เช่นเดียวกับนักปรุงยา ช่างตีเหล็กจัดอยู่ในแถวหน้าของเก้าอาชีพระดับบน มีตำแหน่งสูงส่งในวงสังคม เขาไม่คิดว่าคนระดับนี้จะมีเรื่องใดที่ต้องมาร้องขอความช่วยเหลือ
“ใช่!” หลัวชงตอบ
“ปัญหาที่คุณแก้ไขไม่ได้คือเรื่องใด?” จางเซวียนถาม
“เรียนท่านปรมาจารย์ เมื่อไม่นานมานี้ ทุกครั้งที่ผมพยายามจะหลอมเครื่องมือใดก็ตาม มันจะต้องล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้าย จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ผมหวังว่าท่านจะชี้ทางสว่างให้ผมได้!” หลัวชงตอบอย่างไม่ปิดบัง
“ขอผมชมการหลอมเครื่องมือของคุณได้หรือไม่?”
“ได้!” หลัวชงกระดิกข้อมือหนึ่งครั้ง ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้สำหรับหลอมเครื่องมือก็ปรากฏขึ้น
ในฐานะช่างตีเหล็กระดับ 1 ดาว ทั้งยังเป้นประธานสมาคมช่างตีเหล็ก เขาจึงมักพกอุปกรณ์พื้นฐานเหล่านี้ติดตัวไปทุกหนแห่ง
จุดไฟ ตระเตรียมอุปกรณ์ หลอมโลหะเข้าด้วยกัน ขึ้นรูปเครื่องมือ…
ท่วงท่าของเขาลื่นไหลและสง่างาม ทำให้นึกถึงเมฆเหินและสายน้ำไหล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ดาบยาวก็ปรากฏขึ้นในมือ แต่ตอนที่กำลังจะดำเนินการขั้นสุดท้าย ก็เกิดเสียงดังขึ้นที่ตัวดาบ จากนั้นก็ปรากฏรอยร้าว
พัง!
อย่างที่เขาบอก เขาไม่สามารถหลอมอาวุธได้
เมื่อเห็นแล้วว่าตัวเองไม่อาจหลอมได้แม้แต่ดาบแบบที่ง่ายที่สุด หลัวชงให้รู้สึกสิ้นหวัง
ดาบนั้นเป็นเพียงดาบทั่วไป ไม่ต้องใช้เทคนิคล้ำลึกใดๆในกระบวนการหลอม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างเป็นปริศนานัก
หลัวชงมองปรมาจารย์ตรงหน้าและคำนับ “ปรมาจารย์หยาง โปรดชี้ทางให้ผมด้วย!”
“คุณอยากให้ผมชี้ทางให้หรือ?”
จางเซวียนยืนขึ้นและเดินเข้าหาอีกฝ่าย เขาเก็บเศษดาบขึ้นมาและก้มลงพิจารณา จากนั้นก็ถอนหายใจ “ถ้าผมพูดไม่ผิดนะ…”
“สวาปามเกินพอดี”
“สวาปามเกินพอดี!”