Skip to content

Library Of Heaven’s Path 47

ตอนที่ 47 หวงหวี่

“คุณชายจะซื้อหนังสือ หรือจะอ่านหนังสือดีคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับจางเซวียนทันทีที่เขาเดินเข้าไปในบ้านหนังสือ

หญิงสาวคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี ใบหน้าขาวสะอาดหมดจด รูปร่างได้สัดส่วน แม้ความงามของเธออาจไม่สามารถเทียบเท่าเสิ่นปี้หรู แต่ก็นับได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง

“ที่นี่มี… ตำราเคล็ดวิชาขั้นหกไหมครับ” จางเซวียนถามถึงสิ่งที่เขาต้องการออกมา

“เคล็ดวิชาขั้นหกหรือคะ คุณชายล้อเล่นรึเปล่า ตำราเก่าแก่แบบนั้นเพียงแค่เล่มเดียวก็มีราคาแพงมากแล้ว ร้านหนังสือเล็กๆ อย่างเราจะมีปัญญาเอาของแบบนั้นมาขายได้อย่างไร… ถ้าเป็นหนังสือสอนวรยุทธทั่วไปน่ะพอมีค่ะ…” หญิงสาวส่ายหัว

ร้านหนังสือของเธอขายหนังสือประเภทอักษรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นส่วนใหญ่ เคล็ดวิชาเป็นหนังสือที่เฉพาะเจาะจงและเป็นความลับของแต่ละสำนัก แต่ละโรงเรียน แล้วหนังสือแบบนี้จะมีขายตามร้านหนังสือทั่วไปได้อย่างไร

“อืม… คุณรู้ไหมว่าที่ไหนมีขายบ้าง” จางเซวียนถอนใจทันทีที่รู้ว่าไม่มีของที่เขาต้องการ เขาจึงถามต่อพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ขายหรือคะ?” หญิงสาวส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ที่เคล็ดวิชาระดับนั้นจะมีขายอยู่ตามท้องตลาด ต่อให้ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเซวียนก็คงไม่มีขาย แต่… พวกนักรบขั้นสูงน่าจะมีเก็บสะสมไว้ที่บ้าน ถ้าคุณมีเพื่อนที่เป็นนักรบขั้นสูง คุณน่าจะสามารถไปขอยืมเขาอ่านสักเล่มสองเล่มได้นะคะ”

“ยืมอ่านได้ด้วยหรือครับ ดีเลย แค่ได้ยืมอ่านก็ดีมากแล้ว” จางเซวียนรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที ตนมีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในครอบครอง ไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือ เพียงแค่พลิกเปิดหน้าหนังสือ เนื้อหาทุกอย่างในนั้นก็จะถูกจัดเก็บลงไปในสมองทันที

“คุณพอรู้ไหมครับ ว่ามีผู้อาวุโสท่านไหนมีหนังสือประเภทนี้เก็บอยู่ที่บ้าน แล้วมีท่านไหนใจดียอมให้คนอื่นขอยืมดูได้บ้าง” จางเซวียนอดถามไม่ได้

“ยอมให้คนอื่นขอยืมดูได้?” หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วกำลังจะส่ายหัว แต่ฉุกคิดอะไรบ้างอย่างได้ เธอมองไปที่จางเซวียนแล้วยิ้มขึ้น “ฉันรู้จักอยู่คนหนึ่ง แต่เขาเป็นคนที่นิสัยแปลกๆ ถ้าเขาอารมณ์ดี คุณจะเอาหนังสือทั้งบ้านของเขาไปอ่านกี่เล่มก็ได้ แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี อย่าว่าแต่ขอดูเลย แค่หน้าบ้านของเขาคุณยังเข้าไปไม่ได้…”

“มีคนแบบนี้ด้วยหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “งั้นรบกวนขอถามหน่อยครับว่าทางไปบ้านของผู้อาวุโสท่านนี้ไปทางไหน”

“พอดีร้านฉันก็ไม่ได้มีลูกค้ามากมาย ฉันจะพาคุณไปเอง” หญิงสาวยิ้ม

“รบกวนด้วยนะครับ” จางเซวียนพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะมีน้ำใจขนาดนี้ ถึงกับอาสาพาเขาไปเลย

ทั้งสองเดินออกไปจากร้านทันทีโดยมีหญิงสาวเป็นคนนำทาง จากการพูดคุย จางเซวียนได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ชื่อหวงหวี่ บ้านหนังสือแห่งนี้เป็นร้านหนังสือที่เธอเปิดขึ้นมาเอง ดูจากสภาพร้านแล้ว ร้านหนังสือร้านนี้คงพึ่งเปิดได้ไม่นาน อย่างมากก็แค่สิบวัน

“ผู้อาวุโสท่านที่คุณพูดถึงเขามีหนังสือมากแค่ไหนหรือครับ” พอเดินได้สักพัก จางเซวียนก็ถามขึ้นอีก

“แน่นอนว่าต้องมีมากมาย เขาเป็นมหาบัณฑิตระดับชาติ เคยเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้เซินจุย เขาเป็นคนที่สามารถเข้าออกหอหนังสือหลวงได้อย่างอิสระ คุณลองคิดดูเอาเองว่าห้องเก็บหนังสือที่บ้านของเขาจะมีหนังสือมากขนาดไหน” หวงหวี่กล่าวด้วยความรู้สึกนับถือจากใจจริง

“อาจารย์ของฮ่องเต้เซินจุย เคยเป็นถึงราชครูเชียวหรือ” จางเซวียนถึงกับอ้าปากค้าง

ฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนเซวียนมีนามว่าเซินจุย ไม่มีใครรู้ความสามารถที่แท้จริงของพระองค์ รู้เพียงว่าพระองค์เป็นที่หนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียนแบบที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้

สามารถเป็นอาจารย์ของคนระดับนั้นได้ คนคนนั้นจะต้องเข้ารับการคัดเลือกหลากหลายขั้นตอน ต่อให้เป็นอธิการบดีของโรงเรียนหงเทียนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถผ่านการคัดเลือกได้

“เป็นเพียงอาจารย์ด้านอักษรศาสตร์น่ะค่ะ ไม่ใช่อาจารย์สอนวรยุทธ แต่ถึงเป็นแบบนี้ เขาก็นับว่าเก่งมากอยู่ดี เขาได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหวงหวี่เริ่มดูจริงจังขึ้น “ผู้อาวุโสลู่เฉินท่านนี้เป็นคนที่อยู่ในจารีตประเพณี รักในกฎเกณฑ์ ไม่ชอบให้พวกหนุ่มสาวพูดจาอะไรไร้สาระ เมื่อถึงที่บ้านเขา คุณห้ามเปิดปากขอยืมหนังสือส่งเดชนะคะ ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ได้เดินเข้าบ้านก็เป็นได้”

“ได้ครับ” จางเซวียนพยักหน้า

“ยังมีอีก คือว่าตอนที่คุณขอเขายืมหนังสือ คุณอย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนะคะ” หวงหวี่หันใบหน้าอันงดงามของตนมาทางจางเซวียนอย่างขอร้อง

“วางใจเถอะครับ ผมไม่เอาคุณเข้ามาเกี่ยวข้องหรอก” จางเซวียนยิ้ม เขารู้ดีว่าเธอต้องการจะสื่อถึงอะไร แค่อีกฝ่ายยอมพาเขามา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งใจมากพอแล้ว การจะขอยืมหนังสือได้หรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง ถ้าอาจารย์คนนั้นไม่ให้ยืม ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับหญิงสาวคนนี้ไม่ได้

“ผู้อาวุโสท่านนี้ชอบหนุ่มสาวที่เชื่อฟังคำสั่งสอน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร

คุณแค่พยักหน้าก็พอ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าคนระดับมหาบัณฑิตแบบนี้

ส่วนใหญ่เป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณ หากจะมีความคิดบางอย่างที่ไม่เหมือนกับหนุ่มสาวบ้าง คุณก็อย่าไปถือสาเขาเลย” หวงหวี่เตือนอีกครั้ง

ทั้งสองเดินมาด้วยกันตลอดทาง ในไม่ช้าก็ออกมานอกห้างแหล่งขายอัญมณีแล้วเดินอ้อมซอยต่างๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ สุดท้ายก็มาถึงบ้านหลังหนึ่ง

“นี่คือบ้านของผู้อาวุโสลู่เฉิน” หวงหวี่ชี้ไปข้างหน้า

จางเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง บ้านที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้ใหญ่โตและหรูหราอย่างที่คิด เป็นบ้านพักที่แสนจะธรรมดา ขนาดป้ายติดหน้าบ้านยังไม่มีเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงสาวพาเขามา เขาคงคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นเพียงบ้านพักของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

นี่คือ… สถานที่ที่ราชครูของฮ่องเต้อาศัยอยู่จริงรึ ไม่อยากจะเชื่อเลย

“ผู้อาวุโสลู่เฉินเป็นคนติดดิน ฮ่องเต้เคยมีพระประสงค์จะช่วยสร้างจวนขุนนางมอบให้กับเขา แต่กลับถูกเขาปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง” เมื่อหญิงสาวเห็นว่าจางเซวียนเริ่มกังวลใจ เธอจึงอธิบายต่อทันที

จางเซวียนพยักหน้า เขารู้สึกนับถือผู้อาวุโสลู่เฉินขึ้นมาในใจ ผู้อาวุโสคนนี้มีฐานะสูงส่ง แต่กลับเป็นคนที่ขาวสะอาด ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่อวดดี มองแล้วน่าจะเป็นพวกผู้ดีเก่า

ขณะที่กำลังจะเคาะประตู ทั้งสองก็ได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจากตรอกใกล้ๆ แล้วมาจอดลงตรงหน้าพวกเขา ชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดม่านรถม้าแล้วก้าวออกมาอย่างช้าๆ ฝ่ายนั้นน่าจะอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี อยู่ในชุดสีขาวสะอาด เรือนร่างของเขาสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าเรียบเนียนเหมือนแผ่นหยก มีรัศมีพร่างพรายไปทั่วร่าง แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นทายาทผู้ดีมีตระกูล

“เสี่ยวหวี่ คุณมาแล้วหรือ” เมื่อเห็นหวงหวี่ คุณชายชุดขาวรีบตีสนิทกับเธอทันที

“ฉันชื่อหวงหวี่ อย่าเรียกฉันอย่างนั้นอีก พวกเรายังไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้น” หวงหวี่แสดงท่าทางเบื่อหน่าย

“จากความสัมพันธ์ของครอบครัวพวกเรา ถ้าผมจะเรียกคุณว่าเสี่ยวหวี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ อีกอย่างตอนที่คุณยังเด็กผมก็เรียกคุณแบบนี้ จริงสิ… วันนี้คุณก็มาเยี่ยมคารวะผู้อาวุโสลู่เฉินเหมือนกันหรือ” คุณชายชุดขาวยิ้มน้อยๆ แล้วสะบัดชายเสื้อตัวเอง ท่าทางเหมือนกับผู้ที่มีปัญญาเป็นเลิศ “จะว่าไปแล้ว ‘ของชิ้นนั้น’ คุณก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันให้มากนัก เพราะสุดท้ายมันต้องเป็นของผมอยู่ดี”

“จะเป็นของใครมันก็ยังไม่แน่ กลัวก็แต่พอถึงเวลานั้นจริงๆ คุณจะร้องไห้”

หวงหวี่ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว

“งั้นก็มารอดูกัน” คุณชายชุดขาวยิ้มให้เล็กๆ แล้วหันไปเห็นจางเซวียน คิ้วของเขาขมวดขึ้นทันที “คนคนนี้เป็นใครกัน ทำไมคุณถึงพาคนนอกมาที่นี่…”

หวงหวี่เบ้ปาก เธอไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายหนึ่งแม้แต่น้อย

“นี่… ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ผมเตือนคุณไว้ก่อนนะว่าให้อยู่ห่างๆ เสี่ยวหวี่ไว้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมาเกาะแกะแทะเล็มได้” คุณชายชุดขาวมองไปที่จางเซวียนพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“…” คิดไม่ถึงว่าแค่มายืมหนังสือก็ยังถูกข่มขู่ด้วย จางเซวียนรู้สึกเซ็งจิต หวงหวี่เป็นเพียงคนที่นำทางเขามาที่นี่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แล้วทำไมอีกฝ่ายต้องมาข่มขู่กันเสียขนาดนี้เล่า

จางเซวียนขี้เกียจจะไปสนใจคนทั้งสอง จึงเปรยแค่ว่า “อย่ามายุ่งกับผม” แล้วก้าวไปข้างหน้า จัดแจงเคาะประตูบ้าน

“ทำไมคุณถึงวู่วามแบบนี้…” ขณะที่กำลังเคาะประตู น้ำเสียงร้อนรนของหวงหวี่ดังขึ้นข้างหู

“ทำไมหรือครับ” จางเซวียนหันไปมองอย่างแปลกใจ

“คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร” หวงหวี่เห็นว่าจางเซวียนตอบคุณชายชุดขาวไม่ค่อยดีนัก เธอรู้สึกพูดอะไรไม่ออก

“ผมไม่สนใจว่าเขาเป็นใครหรอก…”

เขาจะเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับจางเซวียนด้วยล่ะ

“แต่ว่า…” เห็นท่าทางของจางเซวียนที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว หวงหวี่สงสัยว่าตนคงพาคนบ้ามาที่นี่เสียแล้ว จางเซวียนไม่สนใจในตำแหน่งหรือลาภยศของอีกฝ่ายเลย เธอจึงแนะนำคุณชายผู้นี้ให้แก่จางเซวียนแบบลวกๆ

“เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจินหนานอ๋อง ชื่อไป๋ซวิน”

เจินหนานอ๋องเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของอาณาจักรเทียนเซวียน ตำแหน่งเป็นรองเพียงแค่ฮ่องเต้เซินจุยเท่านั้น หากมีเรื่องหรือผิดใจกับลูกชายคนเดียวของเขา ก็ยากที่จะใช้ชีวิตในอาณาจักรเทียนเซวียนได้

เดิมนึกว่าพอกล่าวถึงตำแหน่งของไป๋ซวิน จางเซวียนจะรู้สึกเกรงกลัว แล้วมาขอให้เธอช่วยขอโทษขอโพยไป๋ซวิน นึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะหันกลับมามองหน้าเธออย่างงุนงงแทน “แล้วไอ้เจินหนานอ๋องนี่… มันคือใครหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version